เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 เมษายน 2024, 06:55:50
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  เรื่องเล่าขาน ตำนาน หนองเล็งทราย แม่ใจ พะเยา
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน เรื่องเล่าขาน ตำนาน หนองเล็งทราย แม่ใจ พะเยา  (อ่าน 5704 ครั้ง)
khamnoy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352


« เมื่อ: วันที่ 13 มกราคม 2012, 13:04:27 »


     วันนี้ขอนำเสนอเรื่องเก่าเบา ๆ ใน "ตำนานหนองเล็งทราย" ซึ่งเมื่ออ่านแล้วได้ข้อคิดหลายประการ ตั้งแต่เรื่องพฤติกรรม เรื่องความเอื้ออาทร เรื่องความมีน้ำใจ เรื่องการเป็นอยู่ ในที่สุดแล้วเรื่องเหล่านี้แม้จะดีงามแค่ไหน ก็สู้บุญกุศลไม่ได้อยู่ดี
     หนองเล็งทราย เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ในอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ที่ไหลลงมาสมทบกับกว๊านพะเยา ซึ่งไหลลงสู่น้ำอิงและผ่านหลายอำเภอของจังหวัดพะเยา-จังหวัดเชียงราย จนไปสิ้นสุดที่แม่น้ำโขง
     มีเรื่องเล่าว่า.....
     ในอดีตกาลนานมาแล้ว (ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่) บริเวณหนองเล็งทรายแห่งนี้ มีเมือง ๆ หนึ่งซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ เจริญรุ่งเรือง ผู้คนคับคั่ง ภายใต้การบริหารบ้านเมืองที่ดี มีความอบอุ่น เอื้ออาทรซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าผู้ปกครองและประชาชนผู้อยู่อาศัย
     วิถีชีวิตของชาวเมืองมั่งคั่ง มีความสะดวกสบาย ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ อยู่ด้วยกันอย่างผาสุข ใครใคร่ค้าก็สามารถทำการค้าขายได้ตามใจนึก  ใครใคร่หาของป่า ใครใคร่หาสัตว์น้ำ ใครใคร่ทำไร่ไถ่นา เจ้าผู้ปกครองก็แบ่งปันให้ทำมาหากิน อยู่กันแบบพี่แบบน้องถ้อยทีถ้อยอาศัย โดยแต่ละคนเมื่อหาข้าวปลาอาหารมาได้ก็แบ่งกันกินตามประสาญาติมิตร
     อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีชาวบ้านไปหาปลาบริเวณหนองน้ำแห่งหนึ่งและได้เห็นปลาไหลเผือกยักษ์ตัวขนาดเท่าลำตาลตัวหนึ่ง (วิญญู กาวินคำ-ขนาดเท่าต้นหมาก)เข้า ด้วยความดีใจ จึงไปบอกเพื่อนบ้านมาช่วยกันดักจับ ขณะที่จับได้แล้วนั้น ก็นึกถึงคุณงามความดีของท่านเจ้าเมือง จึงพากันนำไปถวายท่านเจ้าเมือง พอท่านเจ้าเมืองเห็นก็คิดว่าตัวเราและเหล่าบริวารจะกินแต่ผู้เดียวก็ย่อมแสดงถึงความคับแคบแห่งจิต อย่างไรเสียต้องให้ชาวเมืองได้มีส่วนร่วมด้วย  จึงสั่งให้เสนาอำมาตย์ป่าวประกาศให้คนทั้งหลายได้ทราบถึงพระราชอัธยาศัยในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พร้อมกับรับส่วนแบ่งเนื้อปลาไหลเผือกไปกินกันทั่วทุกคน
     นัยว่าชาวเมืองเมื่อได้รับส่วนแบ่งพร้อมนำไปประกอบอาหารเมื้อเย็นกินกันทั่วทุกครอบครัวเรียกได้ว่ากินกันทั้งเมืองก็ว่าได้ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเฉลิมฉลองอย่างเมามัน สนุกสนานจนอ่อนล้าและหลับไปในรัตติกาลนั้นเอง
     ด้วยความอาเพศเป็นเหตุอะไร ไม่ทราบหรือเป็นเพราะเหตุอัศจรรย์ ในขณะที่ชาวเมืองพากันหลับไหลในปฐมยามนั้นเอง ได้เกิดพายุฝนตกกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ฟ้าคำรามเสียงดังสนั่น
     แต่ชาวเมืองที่ได้ลิ้มรสของเนื้อปลาไหลในตอนเย็นนั้น กลับคิดว่าฝนตกฟ้าร้องตามธรรมชาติ เป็นธรรมดา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ก็พากันหลับไหลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ปฐมยามผ่านไปอย่างไร ชาวเมืองก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นั้น
     พอย่างเข้าในมัชฌิมยาม ก็เกิดพายุแผ่นดินไหวฟ้าคำรามหนักยิ่งขึ้นไปอีก คราวนี้ชาวบ้านที่อยู่นอกเมืองที่เข้าไปในเมืองตอนเย็นและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกินอาหารเมนูปลาไหลใส่สลัด ก็พากันกลับได้สติตกใจตื่นกลัว ได้พากันแตกตื่นอพยพทั้งลูกเด็กเล็กแดง หนีออกนอกเมืองไปพักกับญาตินอกประตูเมืองนั้น มีเพียงชาวเมืองที่ได้ลิ้มรสปลาไหลเท่านั้น ที่ยังมัวเมาและหลับไหลลืมตื่นต่อไปอย่างไม่สนใจต่อภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น
     ณ กระท่อมแม่หม้ายในเมือง กลับมีชายสูงวัยลึกลับนุ่งขาวห่มขาว เดินเข้ามาเรียกแม่หมายให้ออกมา แล้วกล่าวกำชับว่าในคำคืนนี้ จะมีอันตรายใหญ่หลวงต่อชาตาและชีวิตของชาวเมืองทั้งหมด ซึ่งกรรมครั้งนี้นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้นางอยู่แต่ภายในบ้านอย่าได้ออกมาจนกว่าจะสว่างเท่านั้น ว่าแล้วชายลึกลับก็เดินจากไปหายไปในความมืดมิดแห่งรัตติกาลนั่นเอง ปล่อยให้แม่หมายยืนงงอยู่แต่ผู้เดียว
     พอถึงปัจฉิมยาม ก็เกิดพายุฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ฟ้าคำรามเสียงสนั่นจนแสบแก้วหู ฝ่ายแม่หม้ายได้ยินเสียงและคาดเดาเหตุการณ์ต่าง ๆ ออก แม้จะรู้สึกถึงความน่ากลัวของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่เพราะเชื่อคำของชีปะขาว จึงไม่กล้าแม้แต่จะย่างกายลุกออกจากเตียงนอน หัวใจของนางนึกถึงแต่พ่อแก้วแม่แก้ว คุณของพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และบุญกุศลที่นางได้เฝ้าบำเพ็ญมาทั้งชีวิต
     ลำดับนั้น แผ่นดินกลับพลิกกลับไปมาอย่างรุนแรง บริเวณเมืองนั่นก็ยุบตัวลงพร้อมกับการล่มสลายแห่งเมืองโบราณในอดีต ผู้คนล้มตาย ทรัพย์สินบ้านเรือน และสรรพสิ่งจมดิ่งลงสู่ใต้แผ่นดินในชั่วพริบตา จนเกิดโศกนาฏกรรมที่สลดหดหู่เป็นอย่างยิ่ง (เฉพาะเหตุการณ์นี้ คล้ายโศกนาฏกรรมของเมืองโยนกนคร อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เทียบดูได้จาก "ตำนานเชียงแสน"  ปริวรรตโดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์)
     รุ่งขึ้น ขุนพันนาและชาวบ้านรอบนอกต่างก็พากันออกมาดูว่า เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นเมืองทั้งเมืองหายไปอย่างนั้น ก็พากันพูดถึงสาเหตุและโจษขานกันไปต่าง ๆ นานา ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดที่ทำให้บ้านเมืองถล่ม บ้างก็ว่าพญานาคพิโรษที่ไปทำลายญาติมิตรของเขา บ้างก็ว่าเป็นกรรมเก่าที่ชาวเมืองได้กระทำร่วมกันมาในอดีตชาติ  บ้างก็ว่าเป็นเพราะเจ้าเมืองและผู้นำท้องถิ่นอาจประพฤติผิดศีลธรรม ฯลฯ
     จนเสียงคุยกันดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ต่างคนก็ต่างแสดงความคิดเห็นกันไปต่าง ๆ นานา ถูกบ้างผิดบ้างตามประสาผู้วิพากษ์วิจารณ์ (แต่ยังไม่ได้วิจัย)
     ที่น่าแปลกใจคือ กลางหนองน้ำนั้น มีกระท่อมหลังเล็ก ๆ อยู่หลังหนึ่งไม่ล่มสลาย ไม่หายไปไหน มีเกาะกลางน้ำโผล่มารองรับนับว่าอัศจรรย์ยิ่ง ชาวบ้านต่างพากันเข้าไปสอบถามหญิงเจ้าของกระท่อมนั่น? ร้อยพันคำถามจากชาวบ้าน จนหญิงหม้ายตอบแทบไม่ทัน
     สรุปได้ใจความว่า เป็นหญิงหม้ายที่เธอถือศีลบำเพ็ญบุญมาตลอดชีวิตและเมื่อวานนี้เธอไม่ได้กินเนื้อปลาไหลเผือกกับชาวเมือง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เธอรอชีวิตมาได้ โดยไม่ได้รับอันตรายใดใด
     เกาะกลางน้ำนั้น ได้ชื่อว่า "ดอนแม่หม้าย" ส่วนบริเวณที่ล่มลงของเมืองโบราณนั้นได้ชื่อว่า "เมืองหนองหล่ม"  ต่อมาได้ชื่อใหม่ว่า "หนองเล็งทราย" ดังอธิบายมาแล้ว
     นี้เป็นตำนานที่เกิดขึ้นในอดีต ที่สอนให้คนทั้งหลายได้ตระหนักถึงบทเรียนที่ผ่านมา แม้บ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไรก็ตาม จะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันและกันมากมายแค่ไหนก็ตาม ในที่สุดศีลธรรมเป็นสิ่งที่เลิศล้ำที่สุด ประดุจคำของหลวงปู่พุทธทาสที่กล่าวไว้ว่า "ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะพินาศ"

อ้างอิง พระครูโสภณปริยัติสุธี
IP : บันทึกการเข้า
GaZiips
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 16



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 16 มกราคม 2012, 22:47:15 »

พี่ชายเคยเดินเข้าไปหาปลาที่หนองเล็งทราย ทั้งที่มีการปักถุงขาวๆใสๆ ไปตามข้างทางเพื่อบอกทาง พี่ชายยังหลง เข้าไปหาทางออกไม่ได้ ทั้งที่ ทางในหนองเล็งทรายจะทะลุกันหมด จนถึงตอนเช้า ถึงออกมาได้ .. เชื่อเลยว่าเป็นเมืองเก่าจริงๆ
IP : บันทึกการเข้า
tawan rung
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2012, 22:06:58 »

กำตี่เล่ามา หยังมาเหมือนกั๋นกับ ตี่เจียงแสนเลย จาใดกั๋นแน่คับ บ้านผมอยู่พานแมะแม่ใจ ยังบ่าเกยได้ยินเลยคับ
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2012, 22:35:35 »

แผนตี้หนองเล็งทรายครับ เผื่อบางท่านใคร่ไปแอ่วน่อ


* 001.jpg (147.78 KB, 559x745 - ดู 1533 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2012, 12:33:05 »

เหมือนเรื่องที่หนองสะเรียมที่ อ.สันป่าตองเลย......... ยิงฟันยิ้ม

เอ่อ.....ผมมีกระคู้อู้เรื่องลึกลับเรื่องผี เรื่องประหลาดเน่อ ย้ายมาบะได้ ไผสนใจ๋แวะเข้าไปฮอมปอยได้ตี้ห้องนั่งเล่น เดียวผมจะกู้กระทู้ขึ้นมาจะได้หาง่ายๆเน่อ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!