เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 14 กันยายน 2025, 06:51:11
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ธุรกิจเครือข่าย MLM งานออนไลน์
| |-+  ธุรกิจเครือข่าย MLM - ขายประกัน
| | |-+  • ลงทุนกับเราวันนี้...ให้เงินทำงานรวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!! (ไม่ใช่การขายของ) •
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 พิมพ์
ผู้เขียน • ลงทุนกับเราวันนี้...ให้เงินทำงานรวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!! (ไม่ใช่การขายของ) •  (อ่าน 6699 ครั้ง)
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016, 15:52:43 »

ชีวิตเราก็เหมือนกับรถไฟเหาะ ที่มีขึ้น มีลง และบางครั้งอาจถึงขั้นตีลังกากันเลยทีเดียว
คุณเคยพบมาแล้ว หรือในไม่ช้าคุณอาจจะต้องพบช่วงเวลาที่ ดูอะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ
และไม่เป็นตามที่คุณคิด ช่วงที่ปัญหาในชีวิตมาชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เป็นช่วงที่ทำให้ดวงตาของคุณมืดมิด มองไปทางไหนก็ไม่พบทางออก
และอาจเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายถึงขั้นที่คุณไม่อยากที่จะมีวันพรุ่งนี้
ขอให้คุณนึกถึงข้อคิดเหล่านี้ เพราะมันช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของชีวิตมาได้
และหวังว่ามันจะช่วยคุณได้เช่นกัน


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿


• 10 ข้อคิดดีๆ ในช่วงวิกฤตชีวิต •

1. คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิตผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาแล้วทั้งนั้น

เราคงไม่มี iPhone, iPod, iPad ใช้ จนทำให้บริษัท Apple กลายเป็นบริษัทที่มีเงินสดมากที่สุดในโลก  
ถ้าหาก Steve Jobs ไม่เคยโดนไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองใช้เวลากว่าสิบปีสร้างมากับมือ
หรือ เราคงไม่มีหนังสือ Harry Poter ให้อ่าน จนคนติดกันงอมแงม
จนทำให้ผู้เขียนกลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดบนเกาะอังกฤษ
ถ้า J.K. Rolling ไม่ได้เลิกกับสามี และต้องเลี้ยงลูกโดยลำพังในขณะที่ถังแตก
คนที่ประสบความสำเร็จล้นต้องผ่านช่วงเลวร้ายมาด้วยกันทั้งนั้น คุณก็เช่นกัน

2. อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า ไม่มีใครสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้
ฝนตก น้ำท่วม เศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทที่คุณทำงานอยู่ต้องปิดตัว
หรือแม้กระทั่งคนที่คนรักหันไปให้ความสนใจคนอื่น

3. ทางเดียวที่จะเกิดปัญหา คือเมื่อตัวคุณเองคิดว่ามันคือปัญหา

ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย จนกว่าคุณจะให้ความหมายกับสิ่งเหล่านั้น
คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้
แต่คุณสามารถควบคุมตัวคุณเองได้ว่าคุณจะให้ความหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร

4. คุณไม่ใช่เหยื่อ เลิกทำตัวเป็น “นางเอก” หรือ “พระเอก” ผู้เคราะห์ร้าย

คนที่บอกตัวเองว่า “เพราะชีวิตไม่มีทางเลือก” เป็นคนที่กำลังหลอกตัวเอง
เพื่อปลอบใจว่าตัวเองคือผู้เคราะห์ร้าย คือเหยื่อผู้น่าสงสารของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว
ปรับความเข้าใจกับตัวเองซะใหม่ว่า “คุณไม่ใช่เหยื่อ” เพราะ “คุณมีทางเลือกเสมอ”
เช่น ถ้าคุณไม่ชอบงานที่ทำอยู่ คุณก็สามารถเลือกที่จะเปลี่ยนสายงาน หรือหางานใหม่ได้
แทนที่จะทนทำงานที่เดิมแล้วบ่นไปวันๆ ยืดอกยอมรับความจริงว่า
ชีวิตที่คุณเป็นอยู่ทุกวันนี้เกิดจากผลของทางที่คุณเลือกมาทั้งชีวิต

5. คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัวได้ จนกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนเพื่อคุณโดยอัตโนมัติ
ยังคงเป็นความจริงที่คุณไม่มีทางเปลี่ยนสิ่งรอบข้างได้
แต่สิ่งเดียวที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้คือตัวคุณเอง เช่น ถ้าเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้เงินเดือนคุณไม่ขึ้น
แทนที่คุณจะบ่น และด่าทอ ทั้งเศรษฐกิจและบริษัทที่คุณทำงานก็ไม่เกิดประโยชน์
เอาเวลามาพัฒนาตัวเองให้มีทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
แล้วคุณจะพบโอกาสดีๆ จนพบช่องทางในการทำธุรกิจของตัวเองก็ได้

6. ความล้มเหลวเป็นแค่เรื่องชั่วคราว แต่มันเป็นโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองไปชั่วชีวิต

คนที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่ผ่านความล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น
Thomas Edison พูดเสมอกับทุกครั้งที่ล้มเหลวในการทดลองผลิตหลอดไฟว่า
“ผมไม่ได้ล้มเหลวในการผลิตหลอดไฟ แต่ผมค้นพบทางใหม่อีกหนึ่งทางที่มันไม่เวิร์ค”
ถ้า Edison ไม่สามารถก้าวข้ามความล้มเหลวเป็นพันครั้งได้ ทุกวันนี้เราอาจยังต้องใช้ตะเกียงอยู่ก็ได้

7. การที่คุณไม่ได้ในสิ่งที่คุณต้องการ มันอาจหมายความว่ามีสิ่งที่ดีกว่ารอคุณอยู่

อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่คุณลองมองย้อนไปในอดีตดูคุณอาจพบว่า
ตัวเองโชคดีที่ถูกแฟนคนแรกทิ้ง ถึงได้พบคนที่ใช่ในปัจจุบัน
หรือเพราะถูกไล่ออกจากบริษัทที่แล้ว
ถึงทำให้คุณทำธุรกิจเป็นของตัวเองจนประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้

8. อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

จะมีประโยชน์อะไรในการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
แล้วใช้มันทำลายขวัญและกำลังใจตัวเอง
แต่ถ้าคุณจะเปรียบเทียบก็ควรใช้มันเป็นพลังผลักดันให้คุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

9. ไม่มีคำว่า “เป็นไปไม่ได้”

“ถ้าคุณเชื่อว่าคุณทำได้คุณจะทำได้ แต่ถ้าคุณเชื่อว่าคุณทำไม่ได้
คุณก็จะทำไม่ได้” ดังนั้นลบคำว่า “เป็นไปไม่ได้” ออกจากพจนานุกรมของคุณ

10. มีความสุขในจุดที่ยืน

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน คุณจะพบความสุขอยู่ใกล้ๆ  
ประกายของแสงอาทิตย์สวยๆตอนพ้นขอบฟ้า เพลงโปรดเพราะๆ ที่ความหมายจับใจ
หรือรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่คุณรัก คุณจะพบความสุขมากมายอยู่รอบตัว
ที่พร้อมจะให้เก็บเกี่ยว หากคุณมองหา

เครดิต : http://www.succeedlifestyle.com/10-good-thinking-for-bad-time/


* 1517667_10152879631340752_1307637663_n (1) (1).jpg (64.52 KB, 580x350 - ดู 83 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2016, 11:38:11 »

หากคุณยังไม่สามารถมีชีวิตตามที่ตัวเองต้องการได้
ในโลกที่เต็มไปด้วยโอกาส และความรู้ในทุกวันนี้
อาจมีสาเหตุจากคุณเผลอเสพติดความล้มเหลวไปโดยไม่รู้ตัว


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿


• 10 เรื่องที่บอกได้ว่าคุณกำลังเสพติดความล้มเหลว •

1. คุณเคยชินกับฝันที่ยิ่งใหญ่ โดยไร้เป้าหมาย และการเริ่มลงมือทำ

ความต้องการ ซึ่งขาดการกำหนดระยะเวลาและเป้าหมาย ก็เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ
คุณเต็มไปด้วยความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น มีอิสรภาพทางการเงิน และการใช้ชีวิต
แต่ไม่เคยกำหนดระยะเวลาหรือเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับชีวิต
ได้แต่ผัดผ่อนและหลอกตัวเอง แล้วใช้ชีวิตไปวันๆ

2. คุณเคยชินกับการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่น

เมื่อจำเป็นต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต คุณมักจะหันไปถามความคิดเห็นของคนอื่น
หรือต้องการตัดสินใจเลือกเพราะเอาใจผู้อื่น ชีวิตเป็นของคุณ
คุณต้องสร้างความมั่นใจในตัวเอง เพราะไม่มีใครรู้จักชีวิตของคุณดีที่สุด
ไม่มีใครตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ดีที่สุดเท่าตัวของคุณเอง
และไม่มีใครจะรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นจากทุกครั้งที่คุณตัดสินใจ นอกจากตัวคุณเอง

3. คุณกลัวความผิดพลาดจนชิน

เมื่อต้องคิดหรือทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน คุณจะกลัวผิดพลาด กลัวล้มเหลว
บางครั้งกลัวจนขึ้นสมอง แล้วหาข้ออ้างให้ตัวเองต่างๆ นาๆ
มาสร้างความสบายใจให้ตัวเอง เพื่อไม่ต้องทำสิ่งเหล่านั้น
และใช้ทั้งชีวิตอยู่ภายใต้ comfort zone เท่านั้น

4. คุณกล่าวโทษผู้อื่นจนชิน

เมื่อคุณลงมือทำอะไร แล้วไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดไว้ เช่น เงินเดือน โบนัส ยอดขายหรือกำไร
คุณจะมองหาเหยื่อของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกค้า
หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจโลก แทนที่จะยืดอกยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
แล้วใช้มันมาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

5. คุณเคยชินกับการหาความบันเทิงให้ตัวเองมากกว่าการพัฒนาตัวเอง

สมมุติว่าถ้าคุณทำงานมาแล้วสิบปี ลองถามตัวเองดูว่า

คุณมีประสบการณ์ทำงานมาแล้วสิบปี หรือคุณมีประสบการณ์เพียงหนึ่งปีที่ทำมาแล้วสิบครั้ง
เพราะเป็นการทำงานที่ใช้เวลาถึงสิบปีที่ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก
ถ้าไม่รวมการอบรมที่บริษัทบังคับ หลังจากเรียนจบ
คุณใช้เวลาและความพยายามแค่ไหน ในการพัฒนาตัวเองให้มี “คุณค่าเพิ่ม” ที่เป็นที่ต้องการของตลาด

6. คุณทนอยู่กับความสัมพันธ์ที่มันไม่เวิร์คจนชิน

หากวันนี้คุณยังคบกับแฟนที่มักทำให้คุณเสียใจ
ยังทนอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่สร้างเรื่องปวดหัวไม่หยุดหย่อน
หรือยังทนอยู่กับบริษัทที่ไม่ช่วยให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิต
คุณเคยถามตัวเองไหมครับว่าทำไมคุณต้องทนอยู่แบบนั้น
หากคำตอบที่ได้คือ “เพราะไม่มีทางเลือก”
อาจหมายความว่าคุณกำลังหลอกตัวเองอีกครั้ง เพราะชีวิตที่คุณเป็นอยู่ในทุกวันนี้
เป็นผลลัพธ์จากทางที่คุณเลือกมาทั้งชีวิต

7. คุณเคยชินกับเรื่องดราม่า

ชอบคิดว่าตัวเองเป็น พระเอก หรือนางเอก ผู้น่าสงสารที่ถูกชะตาชีวิตและผู้คนกลั่นแกล้ง
ต้องทนใช้ชีวิตตามยะถากรรม หยุดดราม่าแล้วเริ่มเปิดใจมองดูโลกบ้าง
มีคนมากมายที่เริ่มจากชีวิตที่แย่กว่าคุณ แต่สามารถพัฒนาตัวเองจนมีชีวิตที่ตัวเองต้องการได้
เช่น Steve Jobs จากลูกเลี้ยงของคนจน กลายเป็นผู้สร้าง บริษัท Apple
ที่มีเงินสดมากที่สุดในโลก หรือ J.K. Rolling ที่ถูกสามีทิ้ง ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวในขณะถังแตก
สามารถเขียน Harry Potter จนโด่งดังกลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในเกาอังกฤษ

8. คุณเคยชินกับการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย

นานแค่ไหนแล้วที่คุณหาและใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน
โดยไม่เคยลงทุนอะไรเลยเพื่ออนาคตที่ตัวเองต้องการ
คุณเลือกได้ว่า จะสบายชั่วคราวแล้วเหนื่อยชั่วโคตร
หรือ เหนื่อยชั่วคราวแล้วสบายชั่วโคตร ใช่ครับ คุณเลือกได้

9. คุณเคยชินกับการใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคนที่ไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง

ชีวิตคุณคือค่าเฉลี่ยของคนห้าคนที่คุณใช้เวลาด้วยมากที่สุด – Jim Rohn
ถ้าสังเกต คุณจะพบว่า คนที่ไม่ประสบความสำเร็จก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคนไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จเขาก็จะคบกับคนที่ประสบความสำเร็จด้วยกัน
คุณเลือกได้ครับว่าจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคนกลุ่มไหน


10. คุณเคยชินกับการคิดว่าคนที่มีโชคเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ

คุณมักคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จเกิดจาก ข้อได้เปรียบบางอย่างซึ่งคุณไม่มี
เช่น เขาฐานะดี เรียนสูง หรือแม้กระทั่งมีโชคช่วย คุณจึงไม่เคยสนใจความจริงว่าคนเหล่านั้น
เขาใช้เวลาในการพัฒนาตัวเอง และลองผิดลองถูกอยู่เบื้องหลังอย่างหนักและนานแค่ไหน
ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ ทำให้คุณไม่รู้จักพัฒนาตัวเองและทำงานหนักเพื่อความสำเร็จที่ตัวเองต้องการ

ขึ้นอยู่กับคุณครับว่า จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ โดยเสพติดมันต่อไป
หรือเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียใหม่เพื่อสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต

เครดิต : http://www.succeedlifestyle.com/10-habit-of-addict-failure/


* 1517667_10152879631340752_1307637663_n (1) (1).jpg (60.99 KB, 580x350 - ดู 79 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016, 20:44:55 »

• คนส่วนใหญ่ในสังคม...เข้าใจคำว่ารางวัลชีวิตผิดๆ •

อ่านแล้วมันใช่อะ!! คนส่วนใหญ่ในสังคม...เข้าใจคำว่ารางวัลชีวิตผิดๆ
ผมมีเงินมากพอที่จะ....
ถอยBMWในฝัน แต่ผมไม่ทำ

คนที่จะจนคือ...มีเงินปั๊บ ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ก่อน
คนจะรวย มีเงินจะเอาเงินไปซื้อกิจการไปต่อยอดก่อน
ไม่เชื่อไปสังเกตุตัวเองดูนะ

ได้โบนัสมา 5 หมื่น กินเที่ยว ซื้อนาฬิกาที่ชอบ 3 หมื่น
แล้วไง?? กี่ปีแล้วที่ชีวิตเป็นแบบนี้
กี่ปีๆก็ตื่นไปให้คนอื่นชี้นิ้วใช้งาน
สิ้นปีมาก็....เหมือนเดิมครับ
อ้างอีกแล้ว....ทำงานเหนื่อยมาทั้งปี
ซื้อของดีๆขอกินดีๆให้รางวัลชีวิตตัวเองหน่อย
 
ปีนี้ได้โบนัสมากหน่อย 6หมื่น
ซื้อโทรศัพท์ใหม่ 25,000 บาท
พากันไปฉลอง 2หมื่น เปลี่ยนแม็กรถอีก 18,000 ตังค์หมดพอดี
 
ทุกๆปีทำแบบนี้....
ผ่านไป10ปี นั่งกินเหล้ากับเพื่อน
ต่างคนต่างถามกันเอง ทำไมพวกเราจนจังว่ะ?
ทำงานมาตั้งนาน....ไม่รวยสักที!!
 
ทีนี้รู้ยังทำไมไม่รวย??
 
คุณไม่เคยเปิดใจ ไม่เคยเปิดตัวเองให้ได้รับโอกาส
และที่สำคัญ นั่งรอแต่โอกาศ ทำไมไม่สร้างโอกาสเอง??
งอมืองอตีนรอคนอื่นทำไม?
 
เมื่อก่อนผมก็เป็นครับ
แม่งเอ๊ยยย ทำงานเหนื่อยมาทั้งเดือน
กูขอให้รางวัลชีวิตบ้าง
แดกเหล้าแพงๆ ซื้อทุกอย่างที่อยากได้
นั่งร้านอาหารดีๆ ยังไม่ถึงวันที่ 10 ของเดือนเลย
เงินเดือนหมดแล้ว....
เงินหมดแดกมาม่าบ้าง ยืมเพื่อนบ้าง
กู้เขามาแดกบ้าง
ไหนหล่ะ??? กางเกงตัวละ 1,800 บาท
เอามาแดกได้มั้ย?? รองเท่าคู่ละ 2,000 บาท
หั่นแดกให้อิ่มท้องหรือเปล่า?
แดกอาหารแพงๆ ...อิ่มทั้งเดือนหรือไง?
 
คนส่วนใหญ่ในสังคม...เข้าใจ
คำว่ารางวัลชีวิตผิดๆ
ไม่รวยจริงๆ อยากกระแดะทำแบบนี้
ผมเคยเป็นมาก่อน กี่ปีๆแม่งผมก็จนแล้วจนอีก
จนเพราะ เงินเดือนออกมา ก็อ้างเหมือนเดือนที่แล้ว
เหนื่อยมาทั้งเดือนแล้ว ขอให้รางวัลชีวิตกับตัวเองบ้าง!!
 
คนรวยเขาซื้อของแพงๆหลังจากรวยแล้ว
คนจนซื้อแต่ของแพงไทั้งๆที่ยังไม่รวย
 
คนรวย สร้างแต่กิจการไปตรงไหนก็มีสาขา
มีร้านตัวเอง หันไปทางไหน มีแต่รายได้
 
คนจน สร้างแต่หนี้ หันไปทางไหนก็มีแต่เจ้าหนี้
รายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายมากกว่าเดิม
 
ผมเคยเป็นมาก่อนครับ
ตั้งแต่ผมรู้ว่าควรใช้เงินทำอะไร
ตั้งแต่ผม....ฉลาดกว่าเงิน ผมก็สบาย
 
ถ้าอายุ 45-50 ปี อยากนั่งทำงานงกๆๆ
ให้คนอื่นชี้นิ้วสั่งงาน ก็ทำบ่อยๆนะครับ
ไอ้ที่ว่า เหนื่อยมาทั้งปีแล้ว ขอให้รางวัลกับตัวเองบ้าง !

เครดิต : สิริทัศน์ สมเสงี่ยม
ที่มา : http://board.postjung.com/948788.html
ขอบคุณภาพประกอบจากอืนเตอร์เน็ต


* 3.jpg (107.08 KB, 640x640 - ดู 81 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 11:59:31 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 12:08:48 »

ความเชื่อที่สำคัญที่สุด และมีผลกระทบกับชีวิตเรามากที่สุด คือความเชื่อว่าตัวเราคือใคร ?
การที่คนที่ประสบความสำเร็จมีความสามารถมากกว่าคนปรกติทั่วไป เกิดจากตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา
ตัวตนที่แท้จริง คือเอกลักษณ์ของตัวเรา ว่าเรามองตัวเองอย่างไร
และความเชื่อว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้บ้าง

ตัวตนที่แท้จริง คือต้นกำเนิดพลังงานสูงสุดของมนุษย์
หากคุณคิดจะพัฒนาตัวเอง ควรเริ่มต้นจากการพัฒนาตัวตนที่แท้จริงก่อน
การสร้างความเชื่อใหม่ๆที่ทรงพลังให้กับตัวเอง สามารถช่วยเปลี่ยนตัวเอง และชีวิตของคุณได้เลย!!!


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿


• 6 วิธีง่ายๆในการค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณ •

1. สร้างความเข้าใจว่า ตัวตนที่แท้จริงของคุณ
คือพลังที่สำคัญที่สุดที่กำหนดการกระทำทั้งหมดของคุณ
เราจะทำในสิ่งที่ตัวเราเองคิดว่าเราเป็น ไม่ว่าภาพที่่เราคิดนั้นจะเป็นจริงหรือไม่

2. เมื่อคุณรู้ว่าตัวเองคือใคร แล้วเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง
การใช้ชีวิตในวิถีที่ตรงข้ามความเชื่อและการเป็นตัวของตัวเอง
จะทำให้คุณ เครียด ท้อแท้ ผิดหวัง และเศร้า
หากคุณต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
คุณต้องเรียนเพื่อรู้จักตัวเองให้มากขึ้นว่า จริงๆแล้ว

อะไรที่คุณต้องการ?
อะไรคือจุดแข็งของคุณ?
อะไรที่คุณกลัว?
คุณมีความเชื่ออะไรบ้าง?
และคุณค่าอะไรที่ตัวคุณมี?
เรียบเรียงสิ่งที่คุณรู้จักตัวเอง ให้กลายเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ
เพื่อเข้าถึงและปลดปล่อยศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณเอง

3. ปรับเปลี่ยนความเข้าใจผิดที่ว่า นิสัยบางอย่างของคุณเป็นตัวกำหนดว่าคุณคือใคร
ทุกคนเคยผ่านช่วงเวลาของชีวิต ที่ผิดหวังหรือสิ้นหวัง
จนทำให้เราพูดหรือทำอะไรลงไปที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง
นิสัยหรือพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่แท้จริงของตัวคุณเอง
โดยเราควรใช้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อ พัฒนาตัวตนที่แท้จริงเพิ่มขึ้นอีก

4. เมื่อคุณมีความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง 100 %
จะช่วยฟื้นฟูตัวตนที่แท้จริงของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย
หากคุณลงมือทำอะไรแล้วไม่เกิดผลลัพธ์ตามที่คาดไว้
หยุดการกล่าวโทษคนอื่น แล้วยืดอกยอมรับผิดด้วยตัวเอง
เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

5. วิธีที่เร็วที่สุดในการพัฒนาตัวตนที่แท้จริง
คือการสร้างความแปลกใหม่และความตื่นเต้นให้ชีวิต
คุณอาจพาตัวเองไปยังที่ที่คุณไม่เคยไป พบเจอกับกลุ่มคนที่คุณไม่เคยรู้จักมาก่อน
หรือทำกิจกรรมที่ตื่นเต้น เช่น การกระโดดบันจี้จัมพ์

6. การรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และการรู้จักเป้าหมายชีวิต
จะช่วยให้ชีวิตคุณมีวิวัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง
เราทุกคนมีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ในตัวเอง
การค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเรา พัฒนาตัวตนที่แท้จริงของเราอย่างต่อเนื่องโดยการ
ฝึกควบคุมจิตใต้สำนึกให้มีความเชื่อที่ทรงพลังเพื่อพาคุณไปยังสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต
จะช่วยพิสูจน์ให้รู้ว่าตัวคุณเองสามารถทำอะไรได้อีกมากมายในชีวิต

เครดิต : http://www.succeedlifestyle.com/6-steps-for-your-identity-searching/


* 1.jpg (61.28 KB, 580x350 - ดู 79 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2016, 13:12:04 »

หากท่านไหนต้องการให้เงินทำงานแทนเรา...รวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!!!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและร่วมธุรกิจได้ที่ :
คุณกิ๊ฟ 081-884-8987 AIS ,
086-917-1411 Dtac
Line Id : iapkai (หากแอดไลน์ไม่ได้ ก็เมมเบอร์โทรเรา 081-884-8987 จ้า)
Gmail : akarawit2535@gmail.com

เข้าไปกด Like แฟนเพจ และดูรายละเอียดแฟนเพจเราได้นะ
https://www.facebook.com/invest.gift1411/
https://www.facebook.com/iapeye


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿

การลงทุนมีความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
แต่...การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า!!!! (เพราะชีวิตย่ำอยู่กับที่!!!!)


* 12654547_719472408154403_8594295728627468304_n.png (132.32 KB, 640x426 - ดู 77 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มีนาคม 2016, 13:26:32 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2016, 10:26:04 »

คนที่ประสบความสำเร็จ สำรวจตัวเองเพื่อค้นหาเรื่องที่ฉุดรั้งเขาไว้จากความสำเร็จ
แล้วหยุดมันอยู่เสมอคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
คือคนทั่วไปที่มีความสามารถในการบริหาร อารมณ์ ความคิด และการกระทำต่างๆ ของตัวเอง
ที่ช่วยให้เขาทำในสิ่งที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จ อยู่เสมอ


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿


• 10 เรื่องต้องห้ามของผู้ประสบความสำเร็จ •

1. พวกเขาไม่มัวเสียเวลาโทษตัวเอง
คุณเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกได้ว่าจะมีและใช้ชีวิตอย่างไร
แทนทีพวกเขาจะเสียเวลาให้กับการท้อแท้กับชะตาชีวิต
จากสิ่งที่ได้ สิ่งที่มี และสิ่งที่เป็นของตัวเอง
พวกเขายึดอกรับผิดชอบกับชีวิตและสิ่งที่เกิดขึ้นดับตัวเอง
และมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเอง เพื่อทำสิ่งที่เขาต้องการให้สำเร็จผล

2. พวกเขาไม่เสียเวลากังวลกับความเห็นชอบของผู้อื่น
พวกเขามีฝัน และเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน เขาพร้อมที่จะ ตอบว่า “ไม่”
ให้กับเรื่องต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตาม ฝัน หรือเป้าหมายของเขา
และพร้อมที่จะจัดการกับความผิดหวังของผู้อื่น ที่เกิดจากการปฏิเสธได้

3. พวกเขาไม่เสียเวลากับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
พวกเขาไม่เคยบ่นกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ เช่น รถติด หรือเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
พวกเขาโฟกัสในการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของตัวเองอยู่เสมอ
เพื่อทุ่มเทพลังที่มีให้กับเรื่องที่เขาควบคุมได้เท่านั้น

4. พวกเขาไม่ทิ้งพลังชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์
พวกเขาไม่ปล่อยให้คนอื่นมามีอำนาจเหนือชีวิต
เขาไม่เคยบ่นว่า “เจ้านายทำให้ฉันรู้สึกแย่”
เพราะเขาเข้าใจความจริงที่ว่า เขาไม่อาจควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่เขาควบคุมตัวเองได้ว่าจะรู้สึกและคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ

5. พวกเขาไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง
พวกเขาเข้าใจความจริงที่ว่า “โลกเปลี่ยนแปลงเสมอ”
ทำให้เขาพัฒนาความสามารถที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

6.พวกเขาไม่กลัวความเสี่ยง
พวกเขายินดีต้อนรับความเสี่ยงที่คุ้มค่า
แวะพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ

7.พวกเขาไม่กลัวความล้มเหลว
พวกเขาไม่เคยเลิกความพยายามเนื่องจากความล้มเหลว
แต่กลับใช้มันในการเรียนรู้ ปรับปรุง และเติบโตขึ้นเสมอ

8. พวกเขาไม่ทำความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก
พวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาด
และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความผิดพลาดซ้ำๆ

9. พวกเขาไม่จมอยู่กับอดีต
พวกเขาเข้าใจดีว่า ไม่อาจกลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีตได้
ดังนั้นแทนที่เขาจะยึดติดกับอดีต เขากลับโฟกัสที่จะอยู่กับปัจจุบัน และการวางแผนสำหรับอนาคต

10.พวกเขาไม่คาดหวังจะได้ผลลัพธ์ในทันที
พวกเขาเข้าใจดีกว่า ทุกความสำเร็จ เกิดจากการทำงานหนัก และใช้เวลา

เครดิต : http://www.succeedlifestyle.com/10-avoidances-for-success-people/


* Avoidance_1.jpg (62.53 KB, 580x350 - ดู 72 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 01 มีนาคม 2016, 12:59:14 »

• ลงมือทำ •

หากเราไม่ยอมลงมือทำซักที
ความสำเร็จมันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรอก
ไม่ควรมีข้ออ้างต่อตนเอง ลงมือทำเท่านั้นแหล่ะ! Do it!


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿


หากท่านไหนต้องการให้เงินทำงานแทนเรา...รวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!!!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและร่วมธุรกิจได้ที่ :
คุณกิ๊ฟ 081-884-8987 AIS ,
086-917-1411 Dtac
Line Id : iapkai (หากแอดไลน์ไม่ได้ ก็เมมเบอร์โทรเรา 081-884-8987 จ้า)
Gmail : akarawit2535@gmail.com

เข้าไปกด Like แฟนเพจ และดูรายละเอียดแฟนเพจเราได้นะ
https://www.facebook.com/invest.gift1411/
https://www.facebook.com/iapeye


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿

การลงทุนมีความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
แต่...การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า!!!! (เพราะชีวิตย่ำอยู่กับที่!!!!)


* stop-thinking-just-do-it-quote-1.jpg (33.31 KB, 487x511 - ดู 70 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มีนาคม 2016, 13:27:09 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 12:12:47 »

• การไม่ลงทุน คือความขาดทุนอย่างหนึ่ง •

ทำไมไม่ลงทุน คือความขาดทุน
ผมค้นพบความจริงข้อหนึ่งคือ แค่เราเริ่มมีเงินเก็บไว้ เราก็เริ่มขาดทุนแล้ว !!
แล้วอะไรทำให้เราขาดทุน ?
ง่ายๆครับ คำนี้ ทุกคนเคยได้ยิน คุ้นเคยกับมันดี แต่หลายคนอาจไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน
คำคำนั้นคือ “เงินเฟ้อ” ครับ เงินเฟ้อในความหมายทั่วไปคือ ในระบบมีเงินเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม
เช่น คนมีเงินเยอะขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น (ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ คือ เงินฝืด เกิดจากคนไม่ค่อยจะใช้เงินกัน)
แล้วทีนี้ ทำไมเราอยู่ดีๆ ถึงขาดทุนล่ะ ครับผม
การที่เรามีเงินเก็บไว้ ไม่ว่าจะฝังโอ่งไว้ เก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน หรือว่าฝากไว้ตามธนาคารพานิชย์ทั่วไป
เงินของเราก็จะมีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ อธิบายง่าย ๆ ได้ดังนี้ . . .

คำอธิบายนี้ผมใช้อธิบายกับแม่ของผมเอง
เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ผมอธิบายว่า เงินเฟ้อ จะทำให้เงินของเราที่เก็บไว้ มีค่าน้อยลง
ผมถามแม่ว่าตอนนี้หมูกิโลล่ะเท่าไหร่ และปีที่แล้วหมูกิโลละเท่าไหร่ แม่บอกว่า ตอนนี้หมูกิโละ 140 บาท
ปีที่แล้วหมูกิโลนึงราคาแค่ประมาณ 100 บาท ผมบอกว่า นั่นแหล่ะ คือเงินเฟ้อ เห็นมั้ย เงินของแม่มีค่าน้อยลง
จากที่เมื่อก่อนแม่เคยมีเงิน 100 บาท ซื้อหมูได้ 1 กิโล แต่ตอนนี้ แม่มีเงิน 100 บาท แม่ไม่สามารถซื้อหมูได้ 1 กิโลอีกแล้ว
นั่นคือ เงินมีค่าน้อยลง เมื่อเวลาผ่านไป (เงินเฟ้อขึ้นทุกปี) เป็นไงล่ะครับ
แค่เอาเงิน 100 บาท ใส่ไว้ในกระเป๋าเฉยๆ เราก็ “ขาด-ทุน” แล้วครับ (ขาดทุน = ทุนขาดไป)

investment
เอาเงินฝากธนาคาร ขาดทุนรึเปล่า ?
ฝากประจำ หรือว่าออมทรัพย์กับธนาคาร อย่างน้อยเราก็ได้ดอกทุกปีนี่?
ไม่เลยครับ เราขาดทุนเต็ม ๆ เน้น ๆ ขาดทุนแบบแสกหน้าเลย
เค้าให้ดอกเบี้ยเรา 2.5 % (นี่คือดอกเบี้ยเงินฝากที่ผมเจอสูงสุด ณ ตอนนี้)
แต่เงินเฟ้อปีนึงอย่างน้อย ๆ 5% ครับ ของแพงขึ้นทุกปี
ยิ่งดองเงินไว้ในธนาคาร ยิ่งมากเท่าไหร่ เรายิ่งขาดทุนมากเท่านั้น

วิธีแก้ ?
ง่ายมากเลยจริง ๆ ครับ รู้มั้ยครับ คุณโชคดีมากมี่อ่านมาถึงบรรทัดนี้
วิธีแก้ความขาดทุนจากการ ไม่ลงทุน ก็คือ การลงทุนครับ
5555 ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้
 
บทความโดย นพเดช เวชพิมล (Twitter: @pizad_sura)
ที่มา : http://thaimoney.me/42


* 1.0.jpg (40.02 KB, 300x300 - ดู 68 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 13:00:51 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 14:13:30 »

หากท่านไหนต้องการให้เงินทำงานแทนเรา...รวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!!!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและร่วมธุรกิจได้ที่ :
คุณกิ๊ฟ 081-884-8987 AIS ,
086-917-1411 Dtac
Line Id : iapkai (หากแอดไลน์ไม่ได้ ก็เมมเบอร์โทรเรา 081-884-8987 จ้า)
Gmail : akarawit2535@gmail.com

เข้าไปกด Like แฟนเพจ และดูรายละเอียดแฟนเพจเราได้นะ
https://www.facebook.com/invest.gift1411/
https://www.facebook.com/iapeye


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿

การลงทุนมีความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
แต่...การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า!!!! (เพราะชีวิตย่ำอยู่กับที่!!!!)


* 1.0.jpg (79.75 KB, 640x400 - ดู 149 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มีนาคม 2016, 13:29:53 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 14:14:41 »

หากท่านไหนต้องการให้เงินทำงานแทนเรา...รวยได้ไม่ต้องเหนื่อย!!!!

ติดต่อสอบถามรายละเอียดและร่วมธุรกิจได้ที่ :
คุณกิ๊ฟ 081-884-8987 AIS ,
086-917-1411 Dtac
Line Id : iapkai (หากแอดไลน์ไม่ได้ ก็เมมเบอร์โทรเรา 081-884-8987 จ้า)
Gmail : akarawit2535@gmail.com

เข้าไปกด Like แฟนเพจ และดูรายละเอียดแฟนเพจเราได้นะ
https://www.facebook.com/invest.gift1411/
https://www.facebook.com/iapeye


✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿*゚‘゚・✿.。。✿

การลงทุนมีความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
แต่...การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า!!!! (เพราะชีวิตย่ำอยู่กับที่!!!!)


* 12654547_719472408154403_8594295728627468304_n.png (132.32 KB, 640x426 - ดู 143 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 มีนาคม 2016, 13:30:26 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 14:32:32 »

• การไม่ลงทุน คือความขาดทุนอย่างหนึ่ง •

ทำไมไม่ลงทุน คือความขาดทุน
ผมค้นพบความจริงข้อหนึ่งคือ แค่เราเริ่มมีเงินเก็บไว้ เราก็เริ่มขาดทุนแล้ว !!
แล้วอะไรทำให้เราขาดทุน ? ง่ายๆครับ คำนี้ ทุกคนเคยได้ยิน คุ้นเคยกับมันดี แต่หลายคนอาจไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมัน คำคำนั้นคือ “เงินเฟ้อ” ครับ เงินเฟ้อในความหมายทั่วไปคือ ในระบบมีเงินเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น คนมีเงินเยอะขึ้น มีการใช้จ่ายมากขึ้น (ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ คือ เงินฝืด เกิดจากคนไม่ค่อยจะใช้เงินกัน) แล้วทีนี้ ทำไมเราอยู่ดีๆ ถึงขาดทุนล่ะ ครับผม การที่เรามีเงินเก็บไว้ ไม่ว่าจะฝังโอ่งไว้ เก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน หรือว่าฝากไว้ตามธนาคารพานิชย์ทั่วไป เงินของเราก็จะมีค่าน้อยลงเรื่อย ๆ อธิบายง่าย ๆ ได้ดังนี้ . . .

คำอธิบายนี้ผมใช้อธิบายกับแม่ของผมเอง เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ผมอธิบายว่า เงินเฟ้อ จะทำให้เงินของเราที่เก็บไว้ มีค่าน้อยลง ผมถามแม่ว่าตอนนี้หมูกิโลล่ะเท่าไหร่ และปีที่แล้วหมูกิโลละเท่าไหร่ แม่บอกว่า ตอนนี้หมูกิโละ 140 บาท ปีที่แล้วหมูกิโลนึงราคาแค่ประมาณ 100 บาท ผมบอกว่า นั่นแหล่ะ คือเงินเฟ้อ เห็นมั้ย เงินของแม่มีค่าน้อยลง จากที่เมื่อก่อนแม่เคยมีเงิน 100 บาท ซื้อหมูได้ 1 กิโล แต่ตอนนี้ แม่มีเงิน 100 บาท แม่ไม่สามารถซื้อหมูได้ 1 กิโลอีกแล้ว นั่นคือ เงินมีค่าน้อยลง เมื่อเวลาผ่านไป (เงินเฟ้อขึ้นทุกปี) เป็นไงล่ะครับ แค่เอาเงิน 100 บาท ใส่ไว้ในกระเป๋าเฉยๆ เราก็ “ขาด-ทุน” แล้วครับ (ขาดทุน = ทุนขาดไป)

investment
เอาเงินฝากธนาคาร ขาดทุนรึเปล่า ?
ฝากประจำ หรือว่าออมทรัพย์กับธนาคาร อย่างน้อยเราก็ได้ดอกทุกปีนี่? ไม่เลยครับ เราขาดทุนเต็ม ๆ เน้น ๆ ขาดทุนแบบแสกหน้าเลย เค้าให้ดอกเบี้ยเรา 2.5 % (นี่คือดอกเบี้ยเงินฝากที่ผมเจอสูงสุด ณ ตอนนี้) แต่เงินเฟ้อปีนึงอย่างน้อย ๆ 5% ครับ ของแพงขึ้นทุกปี ยิ่งดองเงินไว้ในธนาคาร ยิ่งมากเท่าไหร่ เรายิ่งขาดทุนมากเท่านั้น

วิธีแก้ ?
ง่ายมากเลยจริง ๆ ครับ รู้มั้ยครับ คุณโชคดีมากที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้
วิธีแก้ความขาดทุนจากการ ไม่ลงทุน ก็คือ การลงทุนครับ
5555 ผมพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ล้อเล่น ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้

บทความโดย นพเดช เวชพิมล (Twitter: @pizad_sura)
ที่มา : http://thaimoney.me/42


* 1.1.jpg (19.29 KB, 300x300 - ดู 141 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มีนาคม 2016, 10:40:14 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 16:02:54 »

• ไม่กล้าลงทุนอะไรเลย เพราะสารพัดความคิดที่ประเดประดังว่า "กลัว" กลัวไปหมดทุกอย่าง !!!!
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
แต่...การไม่ลงทุนมีความเสี่ยงมากกว่า •

ปกติเรามักจะได้ยินประโยคเตือนนักลงทุนที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง” เป็นประโยคที่ใช้เตือนผู้คนที่กำลังกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะลงทุนดีหรือไม่ แต่แทนที่ประโยคดังกล่าวจะเป็นการเตือนสติ อาจกลับกลายเป็นว่าทำให้บางคนกลัวการลงทุนกันจนขี้หดตดหาย ยิ่งมีตัวอย่างคนที่ล้มเหลวและขาดทุนจากการลงทุนให้เห็นอยู่ทั่วไป ยิ่งทำให้การลงทุนดูเป็นเรื่องน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ช้าก่อน! หากคุณคิดจะหันหลังให้กับการลงทุน เพราะผมมีอยู่หนึ่งประโยคที่จะขอเตือนผู้ที่ไม่คิดจะลงทุนทุกท่านว่า “การ ไม่ลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ ไม่ลงทุน โปรดศึกษาความเสี่ยงก่อนการไม่ลงทุนทุกครั้ง” อันนี้ไม่ใช่มุกนะครับ เพราะคนที่ ไม่ลงทุน นั้น มีความเสี่ยงกว่าคนที่คิดจะลงทุนเสียอีก ที่สำคัญการไม่ลงทุนนั้น เป็นการการันตีได้เลยว่าคุณขาดทุนแน่นอน!

การไม่ลงทุนมีความเสี่ยง
การไม่ลงทุนมีความเสี่ยง

ผมเชื่อแน่ว่า ต่อไปในอนาคตพวกเราทุกคนจะไม่สามารถหลีกหนีเรื่องการลงทุนไปได้ ไม่ใช่แค่ “ควร” ศึกษานะครับ แต่เราทุกคน “จำเป็นต้อง” ศึกษาเรื่องการลงทุนกันเลยทีเดียว ผมมี 2 เหตุผลสำคัญ ที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่า การลงทุนนั้นมีความสำคัญเพียงไร
1. เงินเฟ้อ
คุณมักจะเคยได้ยินใครหลายคนที่มักจะบ่นเกี่ยวกับข้าวของที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอยู่เสมอใช่มั้ยครับ? คุณรู้มั้ยครับว่าคนที่บ่นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ มันเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าคนๆ นั้นไม่เข้าใจเรื่องเงินเฟ้อเลย แล้วเงินเฟ้อมันคืออะไร? เรามาทำความรู้จักกับมันก่อนนะครับ

เงินเฟ้อ หรือ Inflation คือการที่ราคาสินค้าหรือบริการมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง คุณลองคิดดูสิว่าเงิน 100 บาทในสมัยนี้กับสมัยก่อนมันมีกำลังซื้อเท่ากันหรือไม่? แต่ก่อนเงิน 100 บาทอาจสามารถซื้อข้าวแกงได้ 3-4 จาน แต่ปัจจุบันอาจซื้อได้แค่ 2-3 จาน ประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ค่าโดยสารรถประจำทางราคา 3.50 บาท แต่ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 6.50 บาท ยาคูลย์ตอนนั้นราคาขวดละ 4 บาท ปัจจุบันราคา 8 บาท (ราคาเพิ่มขึ้น 100% ในเวลา 20 ปี) พอจะเข้าใจเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมั้ยครับ

เงินเฟ้อเป็นภัยเงียบ มันจะค่อยๆ กัดกินมูลค่าเงินของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เมื่อเวลาผ่านไปเงินของคุณจะมีอำนาจการซื้อลดลงเรื่อยๆ และคุณอย่าได้คิดเชียวว่าการเอาเงินฝากไว้ในบัญชีธนาคารเพื่อหวังดอกเบี้ยเงินฝากจะสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ อย่างเก่งสำหรับบัญชีฝากประจำจะมีดอกเบี้ยให้คุณแค่ประมาณ 3% ต่อปีเท่านั้น แต่อัตราเงินเฟ้อนั้นประมาณ 3-5% ต่อปี และไม่มีทางต่ำกว่านี้แน่นอน ดังนั้นการออมเงินไว้กับธนาคารนั้นถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีรัฐบาลเป็นประกันว่า “คุณขาดทุนแน่” เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารจะไม่มีวันไล่ตามอัตราเงินเฟ้อได้ทันแน่นอน ที่น่าเจ็บใจก็คือ คุณเห็นหรือไม่ว่าต่อให้คุณไม่ได้นำเงินไปทำอะไรเลย คุณก็ขาดทุนแล้วนะครับ (เป็นการขาดทุนแบบงงๆ เพราะคุณขาดทุนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ)

2. คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต
ในวันที่คุณยังคงมีแรงทำมาหากิน คุณอาจจะไม่ค่อยสนใจหรอกว่า ในวันที่คุณไม่สามารถทำงานได้แล้วนั้น คุณจะหารายได้มาจากไหน แต่ไม่ว่าคุณจะใส่ใจในเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอนครับ!

ผมไม่รู้หรอกว่าในวันที่คุณไม่สามารถทำงานได้แล้วนั้น คุณจะรวยหรือมีเงินมากพอที่จะเลี้ยงดูตัวคุณเอง รวมถึงคนในครอบครับของคุณหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คุณต้องมีวันแก่ และคุณต้องมีวันที่เจ็บป่วย สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เราทุกคนหลีกหนีไม่พ้น

คนทั่วไปมักทำงานแบบใช้ชีวิตไปวันๆ โดยขาดการวางแผน บางคนทำงานไปจนถึงวันที่ตัวเองเกษียณ แล้วมารู้ตัวอีกทีว่าเงินที่ตัวเองเก็บมานั้น ไม่พอใช้สำหรับชีวิตในวัยเกษียณซะแล้ว ในเมื่อรายได้หยุด แต่รายจ่ายไม่ได้หยุดตามไปด้วย ผู้สูงอายุบางคนถึงกับต้องออกมาหางานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองในวัยชรา จะหวังพึ่งลูกหลานก็ลำบาก เพราะแต่ละคนก็มีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองของตัวเองมากพออยู่แล้ว ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าคุณจะแข็งแรงหรือขยันทำงานสักแค่ไหน คุณก็ต้องพ่ายแพ้แก่สังขารของตัวเองอยู่วันยังค่ำ นี่คือสิ่งที่คุณต้องตระหนักถึงตั้งแต่ในวัยที่คุณทำงานเลยทีเดียว คุณต้องระลึกอยู่เสมอว่า “คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต”

ผมมีข่าวร้ายจะมาบอกคุณว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม คุณไม่สามารถหลีกหนีเรื่องของ “เงินเฟ้อ” กับความจริงที่ว่า “คุณไม่สามารถทำงานได้ทั้งชีวิต” ได้ แต่ข่าวดีคือ คุณสามารถอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้นะครับ ถ้าคุณมีความรู้เรื่อง “การลงทุน”

ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือ หาช่องทางการลงทุนที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ซึ่งหมายความว่า การลงทุนนั้นต้องให้ผลตอบแทนที่มากกว่า 3-5% ต่อปี (ไม่ยากเกินความสามารถใช่มั้ยล่ะครับ?) นอกจากนี้คุณต้องวางแผนการลงทุนในการที่จะสะสมทรัพย์สินของคุณให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในอนาคตรายได้จากทรัพย์สินนี้เอง ที่จะเลี้ยงดูคุณในวันที่คุณเกษียณ หรือในวันที่คุณไม่สามารถทำงานหาเงินได้อีกต่อไปแล้ว

การลงทุน ไม่ได้เป็นเรื่องของคนรวยอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกๆ คน ถ้าไม่อยากมีปัญหาเรื่องการเงินในภายภาคหน้า รีบศึกษาและเริ่มลงทุนตั้งแต่วันนี้นะครับ!


* novice-01@2x.png (16.28 KB, 544x479 - ดู 138 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 16:42:32 »

• บอกลาความจนซะ!! อยากรวยต้องคิดต่างแบบคนรวย •

เบื่อความจนกันหรือยัง?! ถ้าอยากสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นคนรวยมีฐานะอย่างคนอื่น ก็ต้องคิดต่างอย่างคนรวย!! กดปุ่มรีสตาร์ตตัวเองซะใหม่ ทิ้งไปเลยนิสัยเดิมๆที่ทำให้จมปลักอยู่กับอดีตสุดแสนโลโซ

อย่าไปอายที่จะบอกใครว่า ฉันอยากรวย!! เพราะมันคือพลังบวกที่ทำให้เราไปสู่จุดมุ่งหมายที่เป็นจริง “สตีฟ ไซโบลด์” นักคิดนักเขียนยุคใหม่ที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนรวยเป็นเศรษฐี จับปากกาเขียนหนังสือ “How Rich People Think” ไว้อย่างน่าสนใจ โดยรวบรวมข้อมูลจากการศึกษาแนวคิดของมหาเศรษฐีทั่วโลกมากกว่า 1,200 คน ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา

สิ่งที่สตีฟค้นพบนั้นน่าทึ่งและเป็นประโยชน์จนอยากนำมาแชร์ ถ้าอยากรวยจริงๆต้องมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น “คนรวย” ให้ได้เป็นอันดับแรก คนที่อยากรวย แต่ยังพร่ำบอกตัวเอง ฉันคิดไม่ออกว่าจะทำมาหากินอะไรนอกจากกินเงินเดือนไปวันๆ ชาตินี้ไม่มีทางได้จับเงินล้าน!! เพราะแม้แต่ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะรวยยังไม่มีกับใครเค้า แล้วจะเอาพลังจากไหนมาผลักดันตัวเองไปสู่เป้าหมาย

คนที่จมปลักอยู่กับอดีตก็หมดสิทธิ์จะรวย เพราะคนจำพวกนี้มักไม่มีความสุขง่ายๆ และเต็มไปด้วยอดีตฝังใจหดหู่ สตีฟอธิบายว่า เศรษฐีส่วนใหญ่ที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาจากศูนย์จนร่ำรวยได้ ก็เพราะพวกเขาทุ่มสุดพลังให้กับสิ่งที่ฝัน สำหรับพวกเขาแล้วเป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน จึงพร้อมเสี่ยงที่จะลุยแหลกไปข้างหน้า ถ้ามัวแต่กลัวโน่นกลัวนี่ก็พอดีไม่ต้องทำอะไรกัน อย่างไรก็ดี สตีฟย้ำว่า การกำหนดเป้าหมายในอนาคตอย่างชัดเจน ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องลบอดีตทิ้งจากความทรงจำ พวกมหาเศรษฐีทั้งหลายต่างเรียนรู้บทเรียนจากอดีตทั้งสิ้น

การฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จะทำให้เราแกร่งขึ้นๆๆ จนวันหนึ่งสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่หวัง คนขี้แพ้และขี้กลัวย่อมจะก้าวไปไม่ถึงไหน ไม่ว่าจะเรื่องความรวยหรืออาชีพการงาน เชื่อเถอะว่าการสร้างเนื้อสร้างตัวให้ร่ำรวยไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆแค่วันสองวัน และต้องอาศัยความขยันมุ่งมั่นทุ่มเทกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่า ถามว่าเหนื่อยไหม มันต้องเหนื่อยสาหัสสากรรจ์อยู่แล้ว เพราะเราไม่มีต้นทุนมาก่อน ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง ถ้าอยากรวยก็ต้องสู้ยิบตา

คนจนอยากรวยไม่ใช่ของแปลก เพราะแม้แต่คนรวยอยู่แล้ว ยังเกลียดกลัวความจนที่สุด!! ในขณะที่คนทั่วไปคิดว่า “ความเห็นแก่ตัว” เป็นสิ่งน่ารังเกียจ จนกลายเป็นอุปสรรคฉุดรั้งความสำเร็จ พวกคนรวยกลับคิดตรงกันข้ามว่า ความเห็นแก่ตัวและรักตัวเอง คือสิ่งถูกต้องดีงาม!! ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องพยายามทำทุกทางให้ตัวเองแฮปปี้ พวกเขาจะไม่ยอมเสแสร้งว่ารักษ์โลกรักเพื่อนมนุษย์ให้เสียเวลาทำมาหากิน คนรวยคิดต่างกับคนจนตรงที่พวกเขาต้องตักตวงความสุขให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยแบ่งปันโอกาสให้คนอื่น ถ้าเรายังกินไม่อิ่ม จะคิดถึงปากท้องคนอื่นได้ยังไง

คนธรรมดาอย่างพวกเรามักคิดว่าถนนสู่ความรวยต้องมาพร้อมกับการศึกษาสูงๆที่หาเรียนได้ตามมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่เอาจริงๆแล้ว คนรวยที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งตัวเอง มักจะขวนขวายหาความรู้เฉพาะทางอย่างลึกซึ้งจริงจัง โดยไม่สนใบปริญญา การส่งลูกหลานให้เรียนสูงที่สุดเพื่อจะได้มีอนาคตไกลๆ อาจเป็นวิธีไต่เต้าทางสังคมของคนชั้นกลางยุคนี้ แต่สตีฟยืนกรานว่ามันไม่เวิร์กสักนิด เพราะเท่ากับเราเสียเวลาติดกับดักอยู่ในห้องเรียนตั้งหลายปี แทนที่จะออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง และตามหาความฝันก่อนคนอื่น

คนธรรมดาเห็นเงินเป็นพระเจ้า และกระหายใคร่ดีอยากได้เงิน แต่พวกคนรวยไม่เคยบูชาเงิน และมองว่าเงินเป็นแค่เครื่องมือแลกเปลี่ยนความสุข ความสะดวกสบายในชีวิตก็เท่านั้น

“รักในสิ่งที่ทำ และทำเฉพาะในสิ่งที่รัก” คือหัวใจสำคัญของการสร้างเนื้อสร้างตัวให้ร่ำรวย ในขณะที่คนธรรมดาอดทนทำงานหาเงินจากสิ่งที่ไม่รักได้ทั้งชีวิต เพราะต้องการเงิน!! พวกคนรวยกลับเลือกทำแต่สิ่งที่รักและอยากทำจริงๆ แล้วค่อยหาวิธีทำเงินสร้างรายได้จากมันเกิดเป็นคนธรรมดาต้องเจียมตัว จึงมักตั้งเป้าหมายและความคาดหวังในชีวิตไว้ต่ำ เพราะกลัวความผิดหวังซ้ำซาก แต่พวกคนรวยมีนิสัยเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ จะกล้าคิดใหญ่ทำใหญ่หวังสูงไว้ก่อน อยากรวยต้องกล้ารวย ไม่งั้นเมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปากได้.

เครดิต : มิสแซฟไฟร์
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/521323


* 0.jpg (16.3 KB, 480x270 - ดู 135 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 02 มีนาคม 2016, 16:47:09 »

• ข้อคิดจากหนังสือ “งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า” •

ถ้าเรา reset เงินที่อยู่ในมือของทุกคนบนโลกนี้ โดยการเอาเงินมารวมกันเป็นกองกลาง
จากนั้นหารแบ่งให้ทุกคนได้เงินจำนวนเท่ากัน คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
ผ่านไปไม่นาน คนที่เคยมีเงินมาก ก็จะกลับมามีเงินมากอีกครั้ง คนที่เคยมีเงินน้อย ก็จะกลับมามีเงินน้อยอีกครั้ง
ทำไมหนอทำไม? ตอบง่ายมากเลยครับ เพราะเงินมันจะโตตามความสามารถของคนนั้นนั้น
เงินมันกับเหมือนสโลแกนโฆษณาลอรีอัลครับ “คุณค่าที่คุณคู่ควร” เงินจะอยู่กับคนที่คู่ควรกับมันเท่านั้น

เงิน
ถ้าวันนี้เรามีรายได้หลักหมื่น ก็เพราะเราคู่ควรกับเงินจำนวนนั้น
ถ้าวันนี้เราอยากมีรายได้หลักแสนหลักล้าน เราก็ต้องมีความสามารถที่คู่ควรกับเงินจำนวนนั้น
บางคนถาม “อยากมีรายได้เพิ่ม ทำไงครับพี่?”
คำถามนี้ไม่มีคำตอบอื่นเลยนอกจาก “พัฒนาตัวเองให้คู่ควรกับเงินจำนวนนั้น”
ก่อนจะบ่นว่า “ทำงานมาสิบปี ทำไมรายได้ไม่ค่อยเพิ่มเลยฟะ?”
บางทีเราอาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า
“แล้วไอ้สิบปีที่ว่าน่ะ ความสามารถเราเพิ่มขึ้นมั้ย? หรือเท่าเดิม? หรือล้าหลังสู้รุ่นใหม่ไม่ได้?”
บางคนบอก “ฉันมีประสบการณ์การทำงานสิบปีนะเว้ยเฮ้ย”
แต่ผมว่าเราน่าจะดูดีๆ อีกที บางทีมันอาจจะเป็นประสบการณ์ปีเดียวที่เราตั้งใจ
จากนั้นอีกเก้าปีที่เหลือเราก็แค่ใช้ความสามารถของปีแรกมาทำงานซ้ำๆ
เพราะหยุดพัฒนาตัวเองไปตั้งนานแล้ว

ใช่ครับ มันคือประสบการณ์ปีเดียวที่เราทำซ้ำ ๆ อีกเก้าปีต่างหาก
อยากได้เงินเพิ่ม จึงไม่ใช่การเดินไปบอกกับเจ้านายเพื่อขอขึ้นเงินเดือน
แต่คือการเดินไปบอกกับคนในกระจกว่า “เฮ้ย! คุณอ่ะ พัฒนาตัวเองได้แล้ว”

คุณบอย เจ้าของหนังสือ “งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า”
ที่มา: http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,332998.0


* 1.2.jpg (75.65 KB, 320x317 - ดู 67 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 04 มีนาคม 2016, 10:28:59 »

• นิสัยที่ควรเลิกซะถ้าอยากรวย •

คนจนมักมีนิสัยเหมือนกัน และนี่คืออุปนิสัยที่คุณควรลด ละ เลิกถ้าอยากรวย
เพียงแค่ลดพฤติกรรมแบบนี้ให้ได้เดือนละ 1 ข้อ ภายใน 2 ปี คุณจะมีฐานะดีขึ้นอย่างแน่นอน

1.ไม่ ชอบการเพิ่มรายได้  
ไม่ว่าคุณจะเชื่ออย่างไร การพยายามเพิ่มรายได้เป็นพื้นฐานของความรวย
คนรวยส่วนใหญ่เลือกที่จะมีรายได้หลายทาง วันนี้คุณมีรายได้หลายทาง

2. หยิ่งยโส มโนไปเรื่อย  
คนรวยจะเป็นมิตรกับคนอื่น เพราะพวกเขารู้ดีว่ามิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแล
ส่วนคนจนมักจะมีความหยิ่งยโส ถือตัวอวดตัวว่าเก่งกาจเหนือใคร

3. คบคนที่มีความคิดลบๆ นินทากันเป็นว่าเล่น  
คนรวยไม่เสียเวลานินทาใคร เพราะทุกวินาทีเขาเป็นเงินเป็นทอง
ส่วนคนจนนั้นชอบจับกลุ่มระบายอารมณ์ นินทาคนนู้นที นั้นที โน่นที่

4. เรียกร้องจะเอาความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่น  
มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากมายที่คนส่วนใหญ่เสียเวลาพรรณนาเรื่องราวต่างๆเพื่อขอความเห็นใจจากคนอื่น
ทั้งที่ความเป็นจริงเราไม่อาจจะได้ความเข้าใจจากใคร โดยปราศความเข้าใจที่เรามอบให้ไปก่อน

5. ไม่อดทน เปลี่ยนไปทำนู่นที นี่ที  
คนจนมักเอาแน่เอานอนไม่ได้ เห็นใครทำอะไรดีก็วิ่งตามไป
แต่คนรวยเลือกทำกันตรงกันข้าม พวกเขามีเป้าหมายและมองเห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจน

6. จบการเรียนรู้ที่ปริญญา  
คนรวยเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่คนจนเรียนจบมหาลัย ก็ถือว่าสำเร็จการศึกษา
ไม่ได้เรียนรู้อะไรอีกเลยจากการทำงานในชีวิตจริง

7. คนรวยไม่ดื่มเพื่อความสุข  
คนจนมักเอาเงินที่ได้จากค่าแรงมาดื่ม สังสรรค์ ปาร์ตี้
แล้วก็ทำให้ชีวิตของตัวเองล่มจมเพราะใช้เงินหมดไปกับเรื่องที่ไม่ได้เพิ่มมูลค่า

8. ขี้เกียจสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ  
คนรวยรู้ดีกว่าประสบการณ์เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่คนจนไม่สนใจเรื่องนั้น
อะไรก็ตามที่เขาอยากทำ เขาก็จะทำ อะไรที่ไม่อยากทำ ก็จะไม่ทำ

9. กลัวไปหมดทุกอย่าง  
คนจนกลัวๆๆๆๆๆ ส่วนคนรวยกล้าๆๆๆๆๆ คุณจะต้องกล้าให้มากกว่ากลัวให้ได้
ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็มีน้อยเต็มทน

อยากรวย ทำไมจะรวยไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่รวยไม่ได้ เพราะว่าไม่ยอมฝึกอุปนิสัยของคนรวย
แล้วใช้อุปนิสัยของคนจนแทน น่าเศร้าจริงๆ คุณเลิกไปได้กี่ข้อแล้วครับ !!!!!


* 1.3.jpg (35.04 KB, 640x360 - ดู 124 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 04 มีนาคม 2016, 10:47:34 โดย IAPKAI » IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 04 มีนาคม 2016, 10:44:06 »

• ทำไมถึงต้องลงทุนในตลาดหุ้น? •

เมื่อพูดถึงคำว่า “ลงทุน” ที่ที่ถูกนึกถึงเป็นที่แรก ๆ คือ ตลาดหุ้น (หรือ ตลาดหลักทรัพย์)
ซึ่งเป็นศูนย์กลางซื้อ – ขาย แลกเปลี่ยน หลักทรัพย์ หรือหุ้นที่ได้ออกจำหน่ายแก่สาธารณชน
การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ยังถือเป็นเรื่องของคนส่วนน้อยในประเทศไทย
แม้ว่าจะมีหน่วยงานเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะ (tsi-thailand.org)
ก็ยังเพิ่มสัดส่วนของนักลงทุนต่อประชากรได้ไม่มากนัก
จึงอยากแนะนำคนรุ่นใหม่ และผู้ที่ต้องการแสวงหาความมั่งคั่ง
ให้เห็นถึงข้อดีข้องตลาดหุ้น ซึ่งไม่ใช่แค่ดี แต่จะบอกให้รู้ ว่ามัน “เจ๋ง” ขนาดไหน

investment
ให้คุณมีอิสรภาพทางการเงินได้
แรกสุดเราต้องไม่ปฏิเสธว่า เราตื่นเช้าไปเรียน ไปทำงานแต่เช้าทุกวันนี้ ก็เพราะเราต้องการหาเงินเป็นหลัก
และการลงทุนในตลาดหุ้น สามารถทำให้คุณหลุดพ้นจากวังวนแห่งการเป็นมนุษย์เงินเดือนได้
โดยการตั้งใจศึกษาหาความรู้การลงทุน และวางแผนการลงทุนในหุ้นให้ชัดเจน
ที่สำคัญคือ ต้องมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน
และต้องการที่จะเป็นมนุษย์ที่มีอิสรภาพทางการเงิน
 
หุ้น เป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง
ทรัพย์สินที่ซื้อขายลงทุนในท้องตลาดนั้น มีหลากหลายชนิด
ทั้ง บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ พระเครื่อง หรืออะไรต่าง ๆ
ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวเองได้ ส่วนมากเมื่อซื้อมาแล้ว
จะต้องใช้เวลานานในการรอคอยที่จะหาคนมาซื้อได้ อาจจะทำผ่านนายหน้า
และมีกลุ่มเป้าหมายแค่กลุ่มเล็ก ๆ แต่การซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์
สามารถซื้อขายได้ตั้งแต่เวลา 10 เช้า ถึง 4 โมงครึ่งของทุกวันทำการ
เรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดเลยก็ว่าได้
โดยเฉพาะเดี่ยวนี้ สามารถซื้อ-ขายทางโทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ผ่านทางอินเตอร์เนตได้ทันที
 
สามารถเป็นเจ้าของกิจการ
การที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น มีจุดประสงค์เพื่อระดมเงินทุน เพื่อขยายกิจการ
เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ร่วมเป็นเจ้าของกิจการ
สำหรับผู้ที่มีความฝันอยากมีกิจการของตัวเอง และเป็นกิจการที่เราชอบจริง ๆ
เป็นกิจการระดับประเทศ มีให้เลือกทั้งกิจการพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมี ห้างค้าปลีก โรงหนัง โรงงานต่าง ๆ ฯลฯ
โดยถ้านักลงทุนคนไหนเป็นเจ้าของหุ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 0.05% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
จะมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทนั้น (ปรากฎในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์)
 
ไม่ต้องเสียภาษี
ตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ซื้อขายหลักทรัพย์แล้วไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐบาล
โดยเสียแค่คอมมิชชั่นให้กับโบรคเกอร์เท่านั้น ถือได้ว่าได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า
ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา หรือในทวีปยุโรป
*หมายเหตุ นักลงทุนหุ้นในประเทศไทยต้องเสียภาษีเงินปันผลโดยหัก ณ ที่จ่ายเป็นจำนวน 10%
ของมูลค่าปันผลทั้งหมดที่ได้ แต่จะยื่นขอคืนจากรัฐบาลได้ตอนยื่นเสียภาษีประจำปี (เครดิตภาษี)
 
ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เชื่อเหลือเกินว่า ผู้คนจำนวนมากมีทัศนคติไม่ดีต่อตลาดหุ้น
เป็นเพราะไม่โอกาสได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ตลาดหุ้นที่แท้จริง
อาจมองตลาดหุ้นเป็นที่เสี่ยงอันตราย มีโอกาสหมดตัวได้ เล่นหุ้นเหมือนการเล่นการพนัน
อยากยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ตลาดหุ้น ก็เหมือนตลาดที่ขายของทั่วไป
ที่มีขายทั้งผัก หมู เป็ด ไก่ และมีเหล้า บุหรี่ขายด้วย (ดีไม่ดีหลังตลาดอาจมียาเสพติดขายด้วย เหมือนกันครับ)
เราเป็นคนซื้อ เป็นเจ้าของเงินเราก็เลือกเองเลยครับ ว่าอะไรเป็นอันตราย
อะไรเป็นประโยชน์ ศึกษาให้รู้ ทำความรู้จัก แล้วจะรู้ว่า “มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด”
 
ในโลกทุนนิยม เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเลื่อนฐานะตนเองได้
จากคนระดับรากหญ้า คนชั้นกลาง ไปสู่ผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงิน
ไม่ใช่เพราะดวงชะตา ไม่ใช่ฟ้าลิขิต อยู่ที่เราจะกล้าคิด
และลงมือทำสิ่งที่เราตั้งใจอย่างไม่ย่อท้อ สู้ครับ เราจะอยู่เคียงข้างคุณ : )
 
บทความโดย นพเดช เวชพิมล (Twitter: @pizad_sura)
ที่มา : http://thaimoney.me/22


* 1.1.jpg (49.41 KB, 581x386 - ดู 65 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 04 มีนาคม 2016, 12:24:03 »

หยุดทำงานเพื่อเงินได้แล้ว
จงให้เงินทำงานแทนเราบ้างใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่เรารัก  จุมพิต


* 12325110_612500172235864_1057361566_n.jpg (62.56 KB, 760x535 - ดู 61 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 04 มีนาคม 2016, 12:27:59 »

• ตรงๆ ไม่อ้อมนิสัยของคนจน •

– สนุกกับรายจ่ายมากกว่ารายได้
– ไม่ประเมินตัวเองจนยอมเป็นหนี้ท่วม
– ไม่เห็นคุณค่าการออมเงิน
– ปิดหูปิดตา ไม่ยอมดูงบการเงิน

คนจนนั้นเป็นง่ายกว่าคนรวย ขอแค่มี 4 ข้อนี้ครบรับรองได้จนสมใจ
ขอบคุณมากๆที่ติดตามอ่านนะคะ ขอให้รวยและประสบความสำเร็จกันทุกคนเลย


* novice-01@2x.png (319.28 KB, 630x374 - ดู 122 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 05 มีนาคม 2016, 10:30:03 »

• จิตใต้สำนึกของคนจะรวย •

- ทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้
– มีเป้าหมายเรื่องเงิน ชัดเจน…!!!
– ค้นหาไอเดียทำเงิน
– อย่ากลัวการลงทุน
– ลุยเลยกูไม่กลัว


* 0051-1024x530.png (410.21 KB, 1024x530 - ดู 114 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
IAPKAI
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


• เราเป็นผู้เลือกชีวิตให้กับตัวเราเอง!!! •


« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 05 มีนาคม 2016, 10:32:50 »

• เคล็ดลับมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม 10 เท่า •

- ทำงานให้หนักและตั้งเป้าหมายเรื่องชีวิตเข้าไว้
– มีเพื่อนดีๆเคียงข้างเดินคู่กันเพื่อความสำเร็จ
– ลงมือทำให้ถึงความสำเร็จให้จงได้


* 00.0.jpg (139.52 KB, 1378x693 - ดู 114 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!