แยกเยอะๆแล้วมันมีประโยชน์ไรเหรอครับ
ไปดูแผนที่หนองคายดูครับ จะเห็นว่ามันมีรูปแบบยาว ขนานไปกับแม่น้ำโขง
อำเภอบึงโขงหลง ที่อยู่ทางขวาสุด หางจากอำเภอเมืองตั้ง 200 กว่ากิโลเมตร
ไปทำธุระในเมืองที หมดไปเป็นวันแน่ๆ คลายๆกับกรณี ฝาง ไชยปราการ แม่อาย
คือ เดินทางลำบาก
ถูกต้องครับ
เนื่องจากการปกครอง THAILAND เน้นการรวมศูนย์อำนาจ
หากจะติดต่อราชการสำคัญๆก็ต้องไปที่ศาลากลางจังหวัดที่เดียว
ระยะทางที่ห่างไกลและการคมนาคมที่ลำบากจึงเป็นเหตุผลอมตะที่มักใช้เพื่อตั้งจังหวัดใหม่อยู่เสมอๆ
กรณี จ.ฝาย ก็เช่นเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้ว เขามักจะไม่มีการแบ่งจังหวัดใหม่
แต่จะใช้การกระจายอำนาจในรูปแบบอื่นแทน เช่น
- เราสามารถไปทำพาสปอร์ตหรือถ่ายบัตรประชาชนได้ที่เทศบาลหรือ อบต.ใกล้บ้านได้เลย
- ให้งบพัฒนาโรงเรียน/โรงพยาบาลในท้องถิ่นเยอะๆ คนจะได้ไม่แห่เข้าไปในตัวจังหวัด (ลดปัญหารถติดไปในตัว)
- สร้างระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
เป็นต้น
เราจึงพบว่าบางเมืองในต่างประเทศ แม้จะไม่ใช่เมืองหลวงของจังหวัด/มลรัฐ
แต่ก็มีความเจริญมากกว่าตัวเมืองหลวงของจังหวัด/มลรัฐ เสียด้วยซ้ำ
เช่น มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เราจะรู้จัก LA (ลอสแอนเจลิส) ซานฟรานซิสโก
แต่หารู้ไม่ว่าเมืองหลวงของแคลิฟอร์เนีย คือ เมืองซาคราเมนโต ต่างหาก
ซึ่งไม่ได้โด่งดังอะไรเลยที่ญี่ปุ่นมี 47 จังหวัดเท่าไหร่ก็เท่านั้น นอกจากจะไม่มีการแบ่งจังหวัดเพิ่มแล้ว
ในระดับการปกครองท้องถิ่น มีการยุบรวมเขตปกครองทุกปี
เทศบาลเมืองเล็กๆหลายๆเมืองควบรวมกันเป็น “นคร” เดียว ปกครองภายใต้เทศบาลนครเดียวกัน
หมู่บ้าน/เมืองที่อยู่ใกล้ “นคร” ใหญ่ๆ ก็มักจะถูกยุบรวมเข้ามาอยู่ในเขตเทศบาลนคร
ซึ่งเราจะพบว่า เทศบาลนคร/เมือง หลายแห่งของญี่ปุ่น มีพื้นที่เท่ากับอำเภอทั้งอำเภอเลย
ปรากฏการณ์นี้ยากที่จะเกิดใน THAILAND เพราะมันเป็นเรื่องของการเมือง
ลองคิดดูเล่นๆ คนที่เป็นนายกเทศมนตรีบ้านดู่
เรื่องอะไรจะยอมให้เขตตัวเองถูกยุบรวมไปเข้ากับเทศบาลนครเชียงราย