เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2025, 19:06:56
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  เด็กวัยรุ่นในสังคมสมัยนิยม มันเป็นอย่างงี้เหรอ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์
ผู้เขียน เด็กวัยรุ่นในสังคมสมัยนิยม มันเป็นอย่างงี้เหรอ  (อ่าน 5974 ครั้ง)
ผมเอ็มนะครับ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 247



« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 08:28:55 »

ไปมึ้ดไผมาก่อคับ    อิอิ
IP : บันทึกการเข้า
~ Bullet for my Brother ~
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,630


« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 09:21:06 »

จริงครับ เรียกมนุษย์ที่มีอาการแบบนี้ว่าเกรียน
IP : บันทึกการเข้า
flashi
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,796


on the internet nobody knows you’re a dog


« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 11:29:26 »

จ.ข.ก.ท. เก็๋บกดจากไหนมาครับท่าน เล่นซะแรงเลย
ระวังจะเข้าตัวนะคร๊าบ. ยิงฟันยิ้ม

เลยวัยมาแล้วล่ะ  แต่ถึงย้อนอดีต บอกได้เต็มปากว่าไม่มี

เพราะ
๑. กินบะหมี่ไม่ได้ เพราะทานผงชูรสไม่ได้ ชาลิ้น
๒. โทรศัพท์มือถือ พึ่งมาใช้ตอนเรียนมหาลัย
๓. เสื้อผ้าประเภทฮับกี๋ ไม่มีเลย ใส่แต่กางเกงหูรูดเลยเข่าตลอด
    อันนี้แล่ะไม่สุภาพสุดแล้ว
    เพราะอยู่บ้าน แม่ให้ใส่กางเกงขายาวอยู่บ้าน
๔. อันที่ว่ากินไม่เก็บ ไม่อยากจะบอกว่าแค่น้ำอัดลมกระป๋อง
    ยังต้องเก็บใส่ถุงพลาสติกก่อนทิ้ง ไม่ลดโลกร้อน แต่มันดูดีกว่า


"คิดได้ช้า หรือว่าคิดได้เร็ว หรือว่าไม่ได้คิด"
จุดประสงค์ แค่อยากเตือนสติเด็กบางกลุ่ม
ว่ามุมมองของผู้ใหญ่บางส่วน เป็นไง
ถึงเวลาหรือยัง ที่เด็กๆ ควรเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที
เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เจาะจงไปหาผู้ใดผู้หนึ่งหรอก
แต่ประสบการณ์ที่เห็นเด็กหลายรูปแบบ
มันรวมเป็นกระทู้นี้ เท่านั้นเอง..จริงๆ

แบบนี้เพราะที่บ้านอบรมมาดีค่ะ
แต่ที่บ่นๆมานั่น เหมือนว่าเด็กขาดการอบรม พ่อแม่ตามใจ
เอาจานมาทิ้งก็ล้างให้ ห้องรกก็เก็บให้ พอนานๆไปเด็กมันก็ชิน มันก็คิดว่าไม่ต้องทำก็ได้เด๋วพ่อแม่ทำให้เอง พอจะมาอบรมทีหลังก็ไม่ได้แล้วเพราะเด็กมันชินซะแล้ว เข้าทำนองลูกเทวดานั่นแหล่ะ
IP : บันทึกการเข้า

ทุกอาชีพไม่มีไส้แห้ง ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น ที่เมิงไส้แห้ง เพราะเมิงกระจอกไง มันอยู่ที่ใจเมิง ใจเมิงสูงเมิงก็รอด ใจเมิงกระจอกเมิงก็จน!
--- (เชิญชมคลิปเต็ม)
http://www.youtube.com/watch?v=s-g89WcO6DQ
ordinaryboy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479



« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 11:49:51 »

อ่านไปอ้าปากตาค้างไป บอกได้คำเดียวว่าแรงส์และตรงประเด็นครับ เด็กรุ่นใหม่ควรฟังไว้ แต่ก็ไม่ทุกคนนะครับ ...
IP : บันทึกการเข้า

มิตรภาพ-ไม่มีวันตาย
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 11:53:40 »

มันอยู่ที่กลุ่มเพื่อนและความคิดส่วนตัวด้วยมั้งครับ สมัยก่อนก็เคยเป็นแบบนี้ ม.2 - 3 บังเอิญช่วงนั้นเพื่อนในโรงเรียนมีแต่ชายล้วน ปิดเทอมจับกลุ่มเช่าวีดีโอดูแต่หนัง X ลองเที่ยวกำแพงดิน แต่ไม่มีพฤติกรรมไปหลอกฟันหญิงที่ไหน เที่ยวกันแต่กำแพงดิน แต่เปิดเทอมมาก็แข่งกันเรียนแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่มีเกรียน จบ ม. ปลายก็สอบเอ็นทรานซ์ติดวิศวะ ติดแพทย์กันเป็นแถว นี่คือกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนม.ต้น ม.ปลาย ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่ ที่ได้ชื่อว่าสอบโควต้าคิดคณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่มากที่สุด
IP : บันทึกการเข้า
เวียงเก่า
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 280



« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 12:19:39 »

ดูแรง แต่จริงครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม เหมือนจะจำเพาะเจาะจงไปที่วัยรุ่นหญิงนะครับ เลยรอดตัวไป  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ถ้ามีเรื่องของวัยรุ่นชาย มิรังจะติดร่างแหไปด้วย  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ผลมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง จะมานั่งเสียใจไปทำไม เมื่อได้พยายามทำเหตุให้ดีที่สุดแล้ว
sawate
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 13:40:03 »

คงต้องถามผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อ..งแม่..งทั้งหลายแหละว่าอบรมลูกอย่างไร ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ สมัยป้าๆ น้า ๆ ไม่เคยมีแบบนี้สักหน่อย พูดมากไปก้อคัด..เอ้อ กั้ดเนาะ
IP : บันทึกการเข้า
Teenoi&Ploysai
♥♥♥ Hidden Line ♥♥
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 569


ยิ่งนาน ยิ่งผูกพัน


« ตอบ #47 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 18:27:11 »

สุดบรรยาย

ถ้าถามว่าอารมณ์ส่วนตัวมั้ย...บอกเลยว่าไม่ใช่

เป็นสไตล์การนำเสนอกระทู้มากกว่า

แต่ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมเองล่ะมั้ง 5555
IP : บันทึกการเข้า

>>>>>  ระฆังจะดัง  ต้องมีคนตี ♥ คนจะดี  ต้องมีคนเตือน  <<<<<
เบียร์นุ่ม><”
Be used to Discouragement. But is never recede.
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,943



« ตอบ #48 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 18:33:49 »

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

บธ.บ ท่องเที่ยว
Line : beernoomm
Pongpangkung
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 19:34:34 »

เด็กวัยรุ่นสมัยนิยมหลายคน ได้ชื่อว่าเป็นคนปกติ ไม่พิการ
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่หรอก เด็กวัยรุ่นหลายคนพิการที่สมองไปเยอะแล้ว
 
โตแต่ตัวตามวัยเจริญพันธุ์ พัฒนาตัวเองเฉพาะการแต่งตัวแต่งกายให้รู้ว่า "โตแล้ว"
จะออกจากบ้าน ต้องแต่งให้น้อยชิ้นเข้าไว้ สวย สง่าก็ไม่ปาน
ตัวก็เล็ก เตี้ย จะสูงก็ต่อเมื่อ ใ่ส่รองเท้านักร้องคาเฟ่ กับกางเกง "ฮับกี๋"
เสื้อก็ต้องเน้นสัดส่วน (หรือว่า ส่วนของสัตว์) ที่ตัวผู้ชอบกัน
รอให้ตัวผู้ตัวอื่นๆ มาถามว่า
"น้องสาว อยากเป็นผัวน้องสักคืน วันไหนเบื่อผัว มานัวกับพี่ได้นะน้อง"

ก็อย่างว่าละครับ สมัยนี้การแต่งตัวมันเปลี่ยนไปเยอะ จะให้มาใส่เสื้อคอกระเช้าคุณยายและนุ่งผ้าซิ่นมันไม่ได้ครับ การแต่งตัวมันเป็นไปตามสมัย ตามกาลเวลา คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรทำความเข้าใจในจุดนี้ด้วย ถ้าเค้าไม่ทำอะไรเสียหายหรือว่าไม่ถูกกาละเทศะควรเตือนๆเขาบ้าง แต่ไม่ควรด่าควรกล่าวแค่ตักเตือนก็พอก็อย่างที่กล่าวมาการแต่งตัวมันเป็นไปตามยุคสมัย
 
เด็กวัยรุ่นสมัยนิยม ชอบกินเสียก็แต่ "บะหมี่" ที่กินง่ายๆ กับน้ำร้อน
(จากกระติกน้ำร้อนที่ไม่เคยล้างทำความสะอาดมาเป็นชาติ..จนกระติกดำเป็นตะไคร่น้ำ)
ก็ยังต้มแดกอยู่ได้ ส่วนถ้วยโถโอชาม 45 วัน ล้างที
หลังๆ เปลี่ยนมาเป็นบะหมี่ถ้วยเคลือบแวกซ์ในกระเพาะอาหาร
อย่าว่าแต่เด็กเลยครับ ผมอยู่ในวัยทำงานก็ยังกินเลย ยิ่งช่วงเวลาเร่งด่วนนี่ขอให้ท้องอิ่มไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าจนหรือว่าประหยัดอะไรหรอกนะครับ เงินเดือนผมก็เยอะนะครับ แต่เวลามันไม่อำนวย อะไรที่พอประทังได้ก็เอาไว้ก่อน ดีกว่าไม่มีแรงทำงานหรือว่าเรียน
 
แถมกินก็ไม่รู้จักเก็บกวาดให้เรียบร้อย ต้องคอยให้เจ้าที่ในบ้านคอยเก็บขยะให้
เด็กวัยรุ่นเก็บขยะเป็นอย่างเดียว คือ "ผ้าอนามัย" ที่ใช้แล้ว (ก็ไม่เชิงว่าเป็น)
(ขนาด "ผ้าอนามัย" ยังไม่ห่อกระดาษให้เรียบร้อย ส่งกลิ่นคละคลุ้งเรียกแมลงไปทั่ว)
 
นิสัย "แจ๊ะ" ขนาด
ส่วนการกินนี่ก็ถ้าไม่กินที่ห้องหรือบ้านของตัวเองหรือกินที่บ้านของเพื่อนก็ไม่เก็บเพราะส่วนมากกินที่ร้านขายอาหารตามสั่งหรือว่าร้านอาหาร พอดีโตมาด้วยอาหารตามสั่งครับ
 
นอนลืมวันลืมคืน ไม่สนใจพระอาทิตย์ - พระจันทร์ ว่ามันบอกเวลาที่ควรเป็นไปของมนุษย์
 
กลางวัน ไม่สนใจจะตื่นไปทำมาหากิน ตื่นมาได้กับเสียงโทรศัพท์ที่เพศตัวผู้โทรมา
(แต่บุพการีพี่น้องโทรไปเหอะ..ไ้ม่เคยเปลี่ยนสันดานรับสาย..ช่วยไม่ได้
เผอิญคนโทรไ่ม่มี ค..-..ย..)
ส่วนการนอนก็มีบางครั้งในวันที่พักผ่อน มันก็ดีกว่าออกไปเที่ยวลืมวันลืมคืน หรือว่าออกไปเที่ยวมีเรื่องกับคนอื่น ส่วนโทรศัพท์อันนี้เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละคนแต่ละครอบครัว มีตังค์เติมก็โทรไปไม่เดือดร้อนใครคนอื่นก็ดีแล้ว
 
กลางคืน เปิดเพลงส่งเสียงโหยหวนไปทั่วบ้าน
คุยโทรกับตัวผู้ ให้รู้ว่ากูรักมึงมากมาย
(ถ้ามึงตาย กูก็จะเอาผัวใหม่ให้ดู)
โกหกผู้ชายไปวันๆ ว่าเป็นของตาย กลัวโดนทิ้ง
แต่จริงๆ มึงก็ให้เค้าไปทั่ว
"ไม่ได้ว่ามั่วนะ แต่ทั่วถึงเลยแล่ะ"
อันนี้มันก็เรื่องของเค้าอีกแหละ ของของเค้า เค้าจะให้ใครแหย่รูมันก็เรื่องของเค้า เค้าไม่ได้เอารูของเราไปให้คนอื่นแหย่สักหน่อย เดือดร้อนไปทำไม เดี๋ยวเราก็โดนเด็กพวกนั้นพูดสวนมาว่า "กรูเอารูของมึงมาให้คนอื่นเอารึไง"
 
เนี่ยเหรอ เด็กในสังคมพัฒนาแล้ว

พ่อแม่สั่งสอนด้วยเหตุผลก็แล้ว
ด่าทอก็แล้ว ไ่ม่เคยจะคิดตาม
หลอกตัวเองไปวันๆ ว่า "กูทันคน ฉลาด เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว"
ไม่ใช่หรอก เด็กๆ มันคิดผิดแล้ว
โลกของเราไม่ได้มีแต่ "กิน ขี้ ปี้ นอน" เท่านั้น
แสดงให้เห็นถึงความอ่อนต่อโลก มาก มาย
พ่อแม่ควรสอนสั่งและก็สั่งสอน และก็ควรให้คำปรึกษาและเป็นแบบอย่างแก่การประพฤติปฏิบัติตัวควรทำตัวเป็นเพื่อนๆของลูกๆบ้าง อย่าเลี้ยงลูกด้วยตังค์หรือว่าเลี้ยงลูกด้วยคำด่าหรือขู่และคำห้าม หรือว่ามัวแต่ทำงานจนลืมว่าตนเองนั้นมีลูกรออยู่ที่บ้านควรมีเวลาให้ครอบครัวบ้าง ควรเลี้ยงแบบมีเหตุมีผล และเลี้ยงด้วยความอบอุ่น

สมควรนำไปเข้าเรียน โรงเรียนหูหนวกตาบอดมากที่สุด

สมองพิการ เพราะสั่งสอนแล้วไม่คิดตาม

หูหนวก เพราะพูดสั่งสอนอะไรไป ไม่เคย "ฟัง" รั้นตะแบง

ตาบอด เพราะไม่เคย "มอง" ความผิดพลาดของคนอื่นให้เป็นบทเรียน
          แต่รอให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นกับตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เพราะยังไงเสีย..พ่อแม่..ก็ยังให้โอกาสกูตั้งแต่เกิดจนตาย..
กูเลยไม่หลาบจำ ทำผิดซ้ำผิดซาก จนเป็นนิสัยสันดานไปแ้ล้ว

แล้วพ่อแม่จะนอนตายตาหลับได้ยังไง เพราะลูกไม่มีภูมิคุ้มกันทางสังคมเลย

คุณเห็นด้วยไหม

คนเป็นพ่อเป็นแม่ควรจะมองดูตัวเองก่อนว่าเราเลี้ยงลูกแบบใหน สมบูรณ์แบบรึยัง ให้ความอบอุ่นให้ความเป็นครอบครัวหรือป่าว ถ้าพ่อแม่เล้ยงและดูแลดีแล้วควรมองไปที่ตัวของลูกบ้างว่าเขาอยู่ในช่วงวัยใหน และเขาต้องการอะไรเป็นพิเศษในวัยนี้ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ควรนำมาวิเคราะห์และอย่านำไปเปรียบเทียบกับอดีตที่ผ่านมาของเราตอนเป็นวัยรุ่น อย่าเลี้ยงเขาด้วยประสบการณ์และเหมือนของเราที่ผ่านมาในอดีต เช่นอันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ได้ มันก็จะทำให้มีแต่จะแตกหักกันเฉยๆเพราะว่าไม่เข้าใจกันและความคิดแนวคิดเข้ากันไม่ได้ เพราะว่ามันผ่านมานานแล้วเวลาและยุคสมัยมันไม่เหมือนกัน สมัยนี้ควรให้อิสระแก่ความคิดและการแสดงออกของเขาบ้าง ส่วนอันใหนไม่ดีไม่เหมาะ ควรแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องให้แก่เขา คำพูดแบบว่า "ทำแบบนั้นมันไม่เหมาะนะ ทำแบบนี้จะดีกว่ามั้ยลูก" มันจะดีกว่ามั้ย มันจะทำให้พวกเขาได้คิดได้เปรียบเทียบด้วยตนเอง อีกหน่อยเค้าจะได้คิดเป็นทำเป็น ก้าวเดินด้วยตนเองอย่างมีคุณภาพ เราไม่ต้องคอยขีดกรอบหรือว่าเส้นทางให้แก่เขาเดินไปข้างหน้า เหมือนในอดีตที่เราเคยผ่านมา หรือว่าเคยได้ยินเสียงเล่ามา

ส่วน จขกท. ผมว่าควรปล่อยวางบ้างนะครับบางทีคุณอาจจะกลายเป็นบุคคลโบราณสำหรับเด็กวัยรุ่นในวัยนี้ ยุคสมัยเปลี่ยนไปควรทำตัวให้ใหลตามกระแสบ้าง บางทีการที่เค้าทำตัวแบบนั้นแต่เค้าก็ไม่ได้ทำเรื่องเสื่อมหรือเสียหายอะไรให้คนอื่น และไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คุณอาจจะมองพวกเขาผิดไปก็ได้ ขนาดพวกที่นิ่งๆเงียบๆในปัจจุบันนี้เรายังมองพวกเค้าไม่ออกเลยถ้าไม่เข้าไปคลุกคลีกับพวกเค้าจริงๆจังๆ เราก็ไม่สามารถรู้เลยว่าเขาเป็นคนยังไง เป็นคนดีหรือว่าเป็นคนชั่ว เอาง่ายๆเพื่อนที่คบกันตั้งแต่เรียนมาเรายังไม่รู้เลยว่านิสัยจริงๆแต่ละคนเป็นยังไง การแสดงออกทางร่างกายและนิสัยใต้จิตสามัญสำนึกมันคนละเรื่องกันนะครับ บางคนก็รู้หน้าไม่รู้หลัง น้ำใสใหลลึก ก็มีนะครับ "อยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะว่ารู้เขารู้เรา" อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินผู้อื่น การเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโตแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน  เราควรทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่แก่เด็กรุ่นหลัง และอย่าพึ่งรีบไปตัดสินผู้อื่น ตราบใดที่เราไม่ได้รู้จักเขาดีพอ
"คำว่าดีพอของคุณเป็นแบบใหน"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 20:17:04 โดย X-RAY » IP : บันทึกการเข้า
Pongpangkung
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #50 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 20:42:35 »

สุดบรรยาย

ถ้าถามว่าอารมณ์ส่วนตัวมั้ย...บอกเลยว่าไม่ใช่

เป็นสไตล์การนำเสนอกระทู้มากกว่า

แต่ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมเองล่ะมั้ง 5555

ผมว่าสไตล์การนำเสนอกระทู้ของคุณนี้ เหมือนกับเอาเหตุการณ์ใกล้ตัวมาตั้งนะครับ ไม่รู้ว่าไปโกรธแค้นใครมา ส่วนผู้อ่านนี่ทุกคนเขาก็คิดว่าความคิดเห็นของคุณนั้นแรงมากมายเหลือเกิน มันอาจจะมีส่วนถูกบ้างสำหรับบางหัวข้อสำหรับเด็กบางคนแต่ก็ไม่หมดเสมอไป คุณควรจะลดความคิดที่รุนแรงต่อเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ลงบ้าง บางทีคุณอาจจะเจอสิ่งดีๆในตัวเขาก็ได้ คนเรามันไม่ดีเต็ม 100% ทุกคนหรอกครับ แต่ละคนย่อมมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป 
IP : บันทึกการเข้า
Pongpangkung
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #51 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:18:54 »

จ.ข.ก.ท. เก็๋บกดจากไหนมาครับท่าน เล่นซะแรงเลย
ระวังจะเข้าตัวนะคร๊าบ. ยิงฟันยิ้ม

เลยวัยมาแล้วล่ะ  แต่ถึงย้อนอดีต บอกได้เต็มปากว่าไม่มี

เพราะ
๑. กินบะหมี่ไม่ได้ เพราะทานผงชูรสไม่ได้ ชาลิ้น
๒. โทรศัพท์มือถือ พึ่งมาใช้ตอนเรียนมหาลัย
๓. เสื้อผ้าประเภทฮับกี๋ ไม่มีเลย ใส่แต่กางเกงหูรูดเลยเข่าตลอด
    อันนี้แล่ะไม่สุภาพสุดแล้ว
    เพราะอยู่บ้าน แม่ให้ใส่กางเกงขายาวอยู่บ้าน
๔. อันที่ว่ากินไม่เก็บ ไม่อยากจะบอกว่าแค่น้ำอัดลมกระป๋อง
    ยังต้องเก็บใส่ถุงพลาสติกก่อนทิ้ง ไม่ลดโลกร้อน แต่มันดูดีกว่า


"คิดได้ช้า หรือว่าคิดได้เร็ว หรือว่าไม่ได้คิด"
จุดประสงค์ แค่อยากเตือนสติเด็กบางกลุ่ม
ว่ามุมมองของผู้ใหญ่บางส่วน เป็นไง
ถึงเวลาหรือยัง ที่เด็กๆ ควรเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที
เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ไม่ได้เจาะจงไปหาผู้ใดผู้หนึ่งหรอก
แต่ประสบการณ์ที่เห็นเด็กหลายรูปแบบ
มันรวมเป็นกระทู้นี้ เท่านั้นเอง..จริงๆ
จากที่ จขกท.กล่าวมา "ประสบการณ์ที่เห็นเด็กหลายรูปแบบ มันรวมเป็นกระทู้นี้" แค่ที่คุณเห็นนี่ตัดสินคนหรือว่าเด็กวัยรุ่นพวกนั้นได้เลยหรอครับ คุณเคยลองลงไปคลุกคลีเด็กพวกนี้บ้างหรือป่าว แต่คุณคงไม่กล้าลงไปอยู่กับกลุ่มเด็กพวกนี้หรอกแค่เห็นคุณก็คิดไปถึงขนาดนี้แล้ว และก็ผมอยากถาม จขกท.ว่า ถ้าวันนึงคุณเดินไปเจอคนๆนึงสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งกำลังคุ้ยเขี่ยขยะเพื่อนำเศษอาหารมากิน คุณเจอแบบนี้ทุกๆวัน คุณจะตัดสินว่าคนๆนี้เป็นอย่างไร เขาดีหรือว่าไม่ดี เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร และทำไปทำไม
ก็อย่างที่ผมบอกนะครับ มองคนต้องมองลึกไปข้างในต้องรู้จักเขาอย่างดีพอ แค่เห็นภายนอกนั้นไม่สามารถตัดสินคนเราได้หรอกครับ ต่างคนต่างครอบครัว การเลี้ยงดูแตกต่างกัน มีจนมีรวย แนวทางแต่ละคนไม่เหมือนกัน หลายคนหลากหลายมุมมอง แต่ละมุมมองไม่เหมือนกัน
IP : บันทึกการเข้า
framezasabi
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #52 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:27:37 »

เด็กต่างพ่อต่างเเม่เนอะ  อบรมมาไม่เหมือนกัน  อย่างเราเด็กข้างบ้านนิสัยเหมือนที่เจ้าของกระทู้ว่ามาทุกอย่าง  บางครั้งพาลอารมณ์เสียเวลาที่เหงอ่าค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนเทิงพลัดถิ่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,436


รับทำและออกแบบเสื้อผ้าวัยรุ่นชาย โทร.0909027407(ญา


« ตอบ #53 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:36:05 »

]

  เราอาจจะเคยเป็นแต่ไม่รู้ตัว
+1 ครับ แต่ถ้าเลยวัยนี้ไปแล้ว เขาก็จะคิดได้แบบ จขกท.ครับ(เจอมาหลายรุ่นแล้วแบบนี้) ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

You'll Never Walk Alone.
kimsaki
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 506



« ตอบ #54 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:39:45 »

สังคมเปลี่ยนไป เคยมองไหมว่า ผู้ใหญ่เป็นคนเปลี่ยนเอง เด็กที่เติบโตมาก็เพราะโตมาในสังคมแบบนี้ ถ้าคิดจะว่าเด็ก ก็มองพฤติกรรมของตัวผู้ใหญ่ก่อนดีกว่าไหม ว่าทำเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไหม หรือว่าเพราะอะไรจึงเป็นเรื่องแบบนี้ สิ่งที่นำเสนอ ก็น่าคิดแต่เป็นประเด็นที่ปลายเหตุ ทุกคนที่ตอบกระทู้เคยคิดไหมว่า สาเหตุมันอยู่จรงไหน ไม่ใช่ว่า เพราะ คุณ คุณ และ คุณหรือที่เป็น ส่วนหนึ่งของเหตุปัญหาเหล่านี้ อย่าเถียงในใจว่าไม่ใช่เราที่เป็นส่วนหนึ่งแต่เพราะ สังคมมันเป็นแบบนี้หากผู้ใหญ่รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม มันก็คงจะมีสังคมที่เจริญกว่านี้แหละ

มุมมองการนำเสนอ น่าสนใจครับ แต่ติดเพียงคิดแค่ด้านเดียวนะ
IP : บันทึกการเข้า

น้ำหอมดอกไม้ + ครีม สมุนไพรชัญกาญน์
เบ้น 089-237-7706
Line Benzce2
ป้วนเปี้ยน
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 684



« ตอบ #55 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:45:51 »

สังคมเปลี่ยนไป เคยมองไหมว่า ผู้ใหญ่เป็นคนเปลี่ยนเอง เด็กที่เติบโตมาก็เพราะโตมาในสังคมแบบนี้ ถ้าคิดจะว่าเด็ก ก็มองพฤติกรรมของตัวผู้ใหญ่ก่อนดีกว่าไหม ว่าทำเป็นแบบอย่างที่ดีหรือไหม หรือว่าเพราะอะไรจึงเป็นเรื่องแบบนี้ สิ่งที่นำเสนอ ก็น่าคิดแต่เป็นประเด็นที่ปลายเหตุ ทุกคนที่ตอบกระทู้เคยคิดไหมว่า สาเหตุมันอยู่จรงไหน ไม่ใช่ว่า เพราะ คุณ คุณ และ คุณหรือที่เป็น ส่วนหนึ่งของเหตุปัญหาเหล่านี้ อย่าเถียงในใจว่าไม่ใช่เราที่เป็นส่วนหนึ่งแต่เพราะ สังคมมันเป็นแบบนี้หากผู้ใหญ่รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม มันก็คงจะมีสังคมที่เจริญกว่านี้แหละ

มุมมองการนำเสนอ น่าสนใจครับ แต่ติดเพียงคิดแค่ด้านเดียวนะ

ประเด็นนี้น่าคิดนะ อย่าเพียงคิดว่าเป็นเพราะเด็ก อย่าโยนว่าเพียงเพราะเกิดจากเด็ก ทุกคนเคยเป็นเด็ก น่าคิดนะ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
♥ idogpom ♥(บุคคลไปทั่ว)
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,147


อินเตอร์เน็ตความเร็วศูนย์ HS7UUP


« ตอบ #56 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 21:59:34 »

การคุ้มครองสิทธิเยอะเหลือเกินทำให้ที่โรงเรียนหรือสถานศึกษา
ดัดนิสัยหรือสันดานทำได้อย่างอัดอัดและลำบากใจมาก ทั้งที่ครูทุก ๆ คน
อยากให้ศิษย์เป็นคนดี คนเก่ง มีวินัย และออกไปอยู่ร่วมกับสังคมอย่างมีความสุข
แต่แตะต้องแทบไม่ได้เลย เห็นมั๊ยละว่าผลมันกำลังจะตามมาอย่างที่เห็น ๆ กัน

ถ้ามีนักวิชาการอัจฉริยะท่านไหนคิดจะปลดปืนตำรวจแล้วใช้จิตวิทยาจับโจรแทน
เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เหมือนที่ปลดไม้เรียวครู ประเทศไทยคงเจริญขึ้นอีก

ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
kimsaki
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 506



« ตอบ #57 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 22:05:41 »

" สิทธิ " หมายถึง
ทุกสิ่งที่ยุติธรรม และเป็นสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล ที่มีหรือมีความสามารถที่จะมี
" สิทธิเด็ก "  เป็นสิทธิสากล (Universal  Rights)  และเป็นสิทธิเด็ดขาด (Absolute  Rights) ที่ต้องได้รับการรับรองและคุ้มครอง  อนุสัญญาฯ  ฉบับนี้ไม่ได้ใช้เพื่อการเรียกร้องสิทธิเด็ก  แต่ใช้เพื่อการพัฒนาเด็กทั้งร่างกาย  จิตใจ  อารมณ์  สังคม  สติปัญญา  ให้เจริญเติบโตรอบด้านเต็มศักยภาพ  และไม่เลือกปฏิบัติด้วยการผนึกกำลังร่วมกันในทุกสถานบันทั่งโลก
ไม่เลือกปฏิบัติ  ทุกเชื้อชาติ ศาสนา  สถานะทางสังคม  วรรณะ  เพศ  ผิด
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก  เป็นผลมาจากการทำงานของคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษชนขององค์การสหประชาชาติ  และได้ประกาศใช้ครั้งแรกในปีพุทธศักราช  2533  และประเทศไทยได้ลงนามเมื่อวันที่  12  กุมภาพันธ์  พุทธศักราช  2535  ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่  26  เมษายน  พุทธศักราช  2535
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ  มีทั้งสิ้น  54  ข้อ  โดย  40  ข้อแรก  เป็นสาระสำคัญด้านสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก  4  ประการ   14  ข้อหลัง  เป็นส่วนที่เกี่ยวกับกระบวนการพันธกรณีที่ระบุไว้
เด็กในความมุ่งหมายของอนุสัญญานี้  หมายถึง  มนุษย์ทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า  18 ปี  ยกเว้นผู้ที่แต่งงานถูกต้องตามกฎหมายของประเทศ
 
สิทธิที่จะมีชีวิตรอด (Right  of  Survival)
ครอบคลุมถึงสิทธิของเด็กที่จะมีชีวิต และสิทธิที่จะมีมาตรฐานความเป็นอยู่อย่างเหมาะสม อันรวมถึง ที่อยู่อาศัยโภชนาการและยารักษาโรค
        -      สิทธิในการมีชีวิตรอดและส่งเสริมชีวิต
        -      ได้รับโภชการที่ดี
        -      ได้รับความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวและสังคม
        -      ได้รับการบริการด้านสุขภาพ
        -      การให้ทักษะชีวิตที่ถูกต้อง
        -      การให้ที่อยู่อาศัยและการเลี้ยงดู
สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา (Right  of  Development)
ครอบคลุมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เด็กมีความต้องการจะพัฒนาตนเองให้เต็มศักยภาพเช่น สิทธิที่จะได้รับการศึกษา การเล่น การพักผ่อนหย่อนใจ มีกิจกรรมด้านวัฒนธรรม เข้าถึงข้อมูลและมีเสรีภาพทางความคิด สติปัญญาและศาสนา
        -      ได้รับการศึกษาทั้งใน/นอกระบบ
        -      เข้าถึงข่าวสารที่เหมาะสม
        -      เสรีภาพในความคิด  มโนธรรม  และศาสนา
        -      พัฒนาบุคลิกภาพ  ทั้งทางสังคมและศาสนา
        -      พัฒนาบุคลิกภาพ  ทั้งทางสังคมและจิตใจ
        -      พัฒนาสุขภาพร่างกาย
สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครอง (Right  of  Protection)
ครอบคลุมสิทธิทุกประการที่จะปกป้องคุ้มครองเด็ก จากการถูกล่วงละเมิดทุกประเภท การทอดทิ้งและการบ่อนทำลาย เช่น การดูแลเด็กที่อพยพเป็นกรณีพิเศษ ปกป้องจากการถูกทรมาน การล่วงละเมิดในระบบการศาล เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่ใช้แรงงานเด็ก ยาเสพติด และการล่วงละเมิดทางเพศ
        -      การคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติ
        -      การล่วงละเมิด  การทำร้าย  การกลั่นแกล้งรังแก
        -      การถูกทอดทิ้ง  ละเลย
        -      การลักพาตัว
        -      การใช้แรงงานเด็ก
        -      ความยุติธรรมต่อผู้เยาว์
        -      การเอารัดเอาเปรียบทางเพศ
สิทธิที่จะมีส่วนร่วม (Right  of  Participation)
 ให้สิทธิแก่เด็กที่จะมีบทบาทในชุมชนและชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทุกประการ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าสังคมสโมสรได้อย่างสงบสุข เพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วม เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบในอนาคต
        -      แสดงทัศนะของเด็ก
        -      เสรีภาพในการติดต่อข่าวสารข้อมูล
        -      มีบทบาทในชุมชน
        -      แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่มีผลกระทบต่อเด็ก

หากเรียนรู้ให้เข้าใจ ก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถหรอกนะครับผม
IP : บันทึกการเข้า

น้ำหอมดอกไม้ + ครีม สมุนไพรชัญกาญน์
เบ้น 089-237-7706
Line Benzce2
♥ idogpom ♥(บุคคลไปทั่ว)
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,147


อินเตอร์เน็ตความเร็วศูนย์ HS7UUP


« ตอบ #58 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 22:26:36 »

ทฤษฎีถูกต้องครับ  ยิงฟันยิ้ม

      หมู่บ้านที่ผมทำงานอยู่สมัยก่อนที่ผ่านมาช่วงยาเสพติดระบาดหนัก แต่หมู่บ้านแห่งนี้กลับไม่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดเลยทั้ง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่สีแด๊งแดงงง เพราะพ่อหลวงเด็ดขาด ใครที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดพ่อหลวงจับขังคุกกลางหมู่บ้านเลย โดยทำตามข้อตกลงของลูกบ้าน พอองค์กรหนึ่งเข้ามาคุ้มครองสิทธิ เดี๋ยวนี้มีแต่ขี้ยาเต็มหมู่บ้าน เละเทะไปหมดพ่อหลวงเองก็ถอดใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 22:29:52 โดย ♥ idogpom ♥(บุคคลไปทั่ว) » IP : บันทึกการเข้า
kimsaki
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 506



« ตอบ #59 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 22:34:06 »

มันเป็นอะไร ที่ต้องร่วมกันแก้ไข เนาะ
IP : บันทึกการเข้า

น้ำหอมดอกไม้ + ครีม สมุนไพรชัญกาญน์
เบ้น 089-237-7706
Line Benzce2
หน้า: 1 2 [3] 4 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!