นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้นำการสาธารณสุขมูลฐานมาเป็นกลวิธีหลักในการพัฒนางานสาธารณสุขในประเทศตั้งแต่ พ.ศ.2520 เป็นต้นมา โดยสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในการพัฒนาสุขภาพของตนเองและเพื่อนบ้าน ทำหน้าที่แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี จนถึงขณะนี้มี อสม. ครบทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1,005,000 คน ซึ่งกำลังคนเหล่านี้ได้เป็นพลังที่เข้มแข็งและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนภารกิจด้านสุขภาพต่างๆ ในระดับหมู่บ้าน ชุมชน เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลกว่า อสม.ไทยเป็นอาสาสมัครที่มีพลัง ช่วยบรรเทาและลดปัญหาโรคไข้เลือดออก โรคเอดส์ ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหายาเสพติด โรคซาร์ส แม้กระทั่งโรคไข้หวัดใหญ่ ทำให้ไทยสามารถควบคุมแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว
รัฐบาลได้ตระหนักถึงคุณค่าและคุณความดีและเพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติคุณ อสม. ที่ได้ร่วมกันเสียสละอุทิศตนสร้างคุณประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน จึงได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปีพ.ศ.2536 กำหนดให้ วันที่ 20 มีนาคมทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบ และดูแลองค์กร อสม.ทั่วประเทศ และจัดงานวัน อสม. แห่งชาติทุกปี โดยมีพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ให้อสม.ที่ปฏิบัติงานมานากว่า 20 ปี ประกอบด้วย ชั้นเหรียญทอง และชั้นเหรียญเงิน และพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ อสม.ที่มีผลงานดีเด่นในระดับประเทศ ระดับเขต และระดับจังหวัด
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ในเรื่องสวัสดิการให้อสม. กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการหลายเรื่อง เช่น สิทธิด้านการรักษาพยาบาล อสม.ที่เจ็บป่วย จะได้รับค่าลดหย่อนค่าห้องพิเศษร้อยละ 50 โดยอสม.ที่ทำงานมากกว่า 10 ปีและเป็น อสม.ดีเด่น จะได้รับการยกเว้นค่าห้องพิเศษ ด้านการศึกษาต่อ อสม.สามารถเรียนต่อจนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในหลักสูตรของกศน.ฟรี และให้ทุนการศึกษาแก่บุตร อสม.ให้ศึกษาต่อในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต ปีละ 150 คน ทันตสาธารณสุข ปีละ 75 คน เทคนิคเภสัช ปีละ 75 คน และหลักสูตรสาธารณสุขชุมชน ปีละ 75คน ล่าสุดมีค่าตอบแทนให้กับอสม.เดือนละ 600 บาทต่อคน ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนงานทางด้านการเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยของประชาชน ในท้องถิ่นและชุมชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับปี 2554 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้อสม.ทำงานเชิงรุกในชุมชน โดยให้อสม.จัดทำแผนสุขภาพตำบล เพื่อดูแลสุขภาพสอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่ เช่นงานส่งเสริมสุขภาพ งานป้องกันโรคที่สำคัญ อาทิโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไข้เลือดออก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทั่วประเทศ และจัดการอบรมพัฒนา อสม. จำนวน 150,000 คน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานเชิงรุกทางด้านสุขภาพในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ที่มา :
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1300506056&grpid=00&catid=&subcatid=***********************************************************************
ผมได้อ่านข่าวแล้ว คิดถึงเพลงเหล่านี้ทันที เลยเอามาร่วมแบ่งปันกันครับ
อาจจะไม่ตรงกับเนื้อข่าว แต่ก็ทำให้เห็นภาพการสาธารณสุขท้องถิ่นได้เป็นอย่างดีครับ
มีอีกเพลงครับเป็นเพลงในอัลบั้ม ตลาดแตก 5 ของเอ๊ดดี้ ตลาดแตก
ชื่อเพลงว่า อะไรก็กู ผมชอบเพลงนี้มาก ลองไปหามาฟังกันนะครับ (ไม่ได้โฆษณาแฝงนะ)