องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ออกแถลงข่าว "นมไทย-เดนมาร์ค" ยังอยู่คู่คนไทยตลอดไปและตลอดกาลรายละเอียดตามลิงค์นี้ครับhttp://www.thaidanskmilk.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539161229&Ntype=3 
อ.ส.ค.ออกโรงย้ำ “นมไทย-เดนมาร์ค” ยังอยู่คู่คนไทยตลอดไป
“อ.ส.ค.” ออกโรงชี้แจงกรณีศาลพิพากษาให้ “บริษัท นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด” อดีตบริษัทตัวแทนจำหน่ายนมวัวแดงเมื่อ 17 ปีที่แล้วมีสถานะ “ล้มละลาย” ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอ.ส.ค. ชี้สถานะเป็นแค่ลูกหนี้เก่าอ.ส.คเท่านั้น พร้อมเผยปัจจุบันอ.ส.ค.ถือเป็นเจ้าตลาดนมพร้อมดื่มเป็นอันดับ 2ของประเทศมียอดจำหน่ายกว่า 6พันล้านบาท/ปี มีความมั่นคงทุกด้านและยังคงอยู่คู่คนไทยตลอดไป
นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) ผู้ผลิตนมไทย-เดนมาร์คหรือนมตราวัวแดง เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 10 มีนาคม 2554ที่ผ่านมาราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำพิพากษาให้บริษัท นมไทย-เดนมาร์ค จำกัดล้มละลาย ส่งผลให้ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดอย่างกว้างขวางว่าจะไม่มีผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คในท้องตลาดอีกต่อไปแล้วถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
เนื่องจากข้อเท็จจริงนั้น บริษัท นมไทย-เดนมาร์คจำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ซึ่งได้แก่ ชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมแห่งประเทศไทย กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อ.ส.ค. กลุ่มพนักงาน อ.ส.ค. ธกส.และอตก.กับผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข คือ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล โปรดักส์ จำกัด โดยบริษัทจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดจำหน่ายนมไทย-เดนมาร์คในช่วงปี 2537-2539เท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงดำเนินการบริษัทดังกล่าวมีผลการดำเนินงานในปี 2537 เป็นไปตามเป้าหมายของสัญญา แต่ต่อมาในปี 2538-2539 บริษัทไทย-เดนมาร์คฯเริ่มประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ อ.ส.ค. ได้ตามกำหนด ทำให้ อ.ส.ค. ยกเลิกสัญญาซื้อขายระหว่าง อ.ส.ค. กับบริษัทนมไทย-เดนมาร์คในปี 2539 และได้มีการดำเนินคดีมาสิ้นสุดจนเป็นข่าวดังกล่าว ดังนั้นในปัจจุบันบริษัทนมไทย-เดนมาร์คจำกัดจึงอยู่ในสถานะลูกหนี้ของ อ.ส.ค.เท่านั้น ดั้งนั้นจึงถือว่าบริษัทดังกล่าวปัจจุบันไม่มีความเกี่ยวข้องหรือมีข้อผูกพันใดๆกับอ.ส.ค.อีกแล้ว
นายนพดล กล่าวด้วยว่า หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวปัจจุบัน อ.ส.ค. ได้ดำเนินการทางการตลาดด้วยตัวเองมาโดยตลอด โดยใช้ทั้งกลยุทธสร้างความสัมพันธ์กับเอเย่นต์ในภูมิภาคต่างๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเดินแผนรุกในการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศจนประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเห็นได้จากผลดำเนินการในรอบ 5ปีที่ผ่านมาในปี 2549 มียอดจำหน่าย 3,400 ล้านบาท ปี 2550 มียอดจำหน่าย 3,460 ล้านบาท ปี 2551 มียอดจำหน่าย 4,120 ล้านบาท ปี 2552 มียอดจำหน่าย 5,640 ล้านบาท ปี 2553 มียอดจำหน่าย 6,000 ล้านบาทส่วนปีนี้ อ.ส.ค.ได้วางกลยุทธทางการตลาดที่เข้มข้นขึ้นโดยมีแผนจะออกแคมเปญโฆษณาเผยแพร่ทางโทรทัศน์และจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดปูพรมทั่วประเทศ
นอกจากอ.ส.ค.เดินหน้าแบรนดดิ้งให้แข็งแกร่งแล้ว ยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มเพื่อออกมาทำตลาดในปีนี้ให้มีความหลากหลายและปรับปรุงรสชาติตามความนิยมของผู้บริโภคเพื่อตลาดในวงกว้างมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือนมสดรสสตรอเบอรี่ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น –วัยทำงาน ดังนั้นขอให้บริโภคจงมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ไทย-เดนมาร์คหรือนมวัวแดงจะยังคงอยู่คู่คนไทยตลอดไป
“ในปีนี้ อ.ส.ค. จะดำเนินการกลยุทธเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นนมสดแท้ของนมไทย-เดนมาร์ค โดยการออกโฆษณาชุดใหม่และจัด อีเว้นต์ ไปตามโมเดิร์นเทรดและจุดขายต่างๆ เพื่อสร้างการรู้จักแบรนด์ไทย-เดนมาร์คในกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ปัจจุบันนมไทยเดนมาร์คมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ร้อยละ 34.3 และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 3.8 ในขณะที่ตลาดนมโดยรวมของประเทศมีอัตราเติบโตเพียงร้อยละ 1.3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นมไทย-เดนมาร์ค ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองใจผู้บริโภคมาตลอด 50 ปี และวางเป้าหมายในปีนี้จะขยายการเติบโตนมไทย-เดนมาร์คในตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % ” นายนพดล กล่าว
ปัจจุบันอ.ส.ค.มีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมทั้งหมด 5 แห่ง ดังนี้คือ โรงงานนมมวกเหล็ก อยู่ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โรงงานนมปราณบุรี อยู่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โรงงานนมขอนแก่น อยู่ที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น โรงงานนมเชียงใหม่ อยู่ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และโรงงานนมสุโขทัย อยู่ที่ อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย และมีผลิตภัณฑ์ ตราไทย-เดนมาร์ค 4 ชนิด นม ยู.เอช.ที.รสจืด,รสหวาน,รสช็อกโกแล็ต,รสพร่องมันเนย,รสสตรอเบอร์รี่ ขนาด 125 ml. / 200 ml. / 250 ml. นมพาสเจอร์ไรส์รสจืด , รสหวาน , รสช็อกโกแล็ต ขนาด 200 ml. นมเปรี้ยวรสผลไม้ รสธรรมชาติ, รสสตรอเบอร์รี่, รสลูกชิด, รสผลไม้รวม ขนาด120 ml.
****************************