|
|
wsan
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011, 15:38:34 » |
|
.....คนฉลาดเขาไม่รบกันแล้ว....อเมริกาคือประเทศเล็ก 50 ประเทศรวมกัน ยุโรปรวมประเทศเป็นกลุ่ม มีอำนาจต่อรองสูง ประเทศเล็กก็ต้องแสวงหาจุดร่วม กรณีเขาพระวิหาร...บริหารจัดการคุณเป็นเจ้าของปราสาทผมบริหารโดยรอบ แบ่งผลประโยชน์จากการท่องเที่ยว หากินได้ตลอด มัวแต่คิดของมึงของกู สุดท้ายทะเลาะกันเสียประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ใครชนะก็ไม่มีใครเอาใส่กระเป๋าได้...อยู่ไหนก็เห็น...รบไปทำไม โลกไร้พรมแดน หาเรื่องแท้ ๆ
|
|
|
|
|
|
framezasabi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2011, 10:32:52 » |
|
โลกมันหมุนเร็ว เราทำอะไรไม่ได้หรอก
|
|
|
|
framezasabi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2011, 10:34:45 » |
|
ในฐานะคนล้านนา....ไม่เข้าข้างใครนะ..ย้อนไปปีแม้ว..เรากับเขมรแทบจะจูบปากกันยืมเงินกันค้าขายกัน..(เขมรชื้อมากกว่าขาย)แต่มาสมัย...หล่อหลักลอยฯ...จะฆ่าจะแกงกันมันคืออะไร...เรื่องเขาพระวิหารฯเอาไปสิเราได้ทางขึ้นก็เปิด..โรงแรมตีนเขาเลย สนามบินเล็กตีนเขา..รถไฟตีนเขา..เที่ยวในวัดก็ให้เขมรไปอันใหน?เสียเงินมากกว่า.....ค่าเข้าชม !100 ฿ (เขมรรับต่อคน) ค่าเดินทาง2000฿ ค่ารร.1500฿ (ไทยรับต่อคน)คิดแบบพ่อค้านะ.....ยังรักชาติเหมือนเดิม
ใครเค้าจะเป็นเจ้าของเเต่เราก้อมีทางเข้า ใครจะทำไมเนอะ
|
|
|
|
Namdang
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2011, 10:47:10 » |
|
ผมบ่าฮู้เรื่องเลยนะเนี่ย อยู่แต่ในกะลา บ่าหันฮู้เรื่อง ไผฮบกับไผเลย เพราะผมเป็นคนลานนา ไปฮบตี้มัคคะวานก๋า อิอิ (จะโดนก่อหา)
|
|
|
|
|
|
|
|
|
khao e to
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 135
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 05:58:09 » |
|
ผลประโยชน์ของชาติต้องแลกด้วยเลือดด้วยเนื้อและชีวิต ไม่มีใครให้เรามาฟรีๆหรอกครับ คนวงในอุตสาหกรรมการสำรวจขุดเจาะในกัมพูชากล่าวว่าความจริงแล้วแหล่งที่คาดว่าจะมีก๊าซและน้ำมันดิบมากที่สุดก็คือเขตเหลื่อมล้ำทางทะเลในอ่าวไทยที่กัมพูชายังมีข้อพิพาทกับไทย กระทั่งล่าสุด Dr Abdullah Al Madani นักวิจัยและอาจารย์สอนวิชาเอเชียศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งคูเวตได้กล่าวถึงประเด็นนี้ในบทความชิ้นหนึ่งที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์กัลฟ์นิวส์ ได้ออกเตือนว่ากรณีพิพาทดินแดนระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดนี้อาจจะปะทุรุนแรงขึ้นได้เมื่อมีอุตสาหกรรมน้ำมันในกัมพูชาพัฒนาไปอย่างจริงจังและ กัมพูชา ควรจะพยายามให้มากขึ้นในการเจรจาแบ่งปันเขตแดนทางทะเลกับไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับท่านที่ชอบอ่านครับ แหล่งน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย http://thaipolitics4all.blogspot.com/2009/08/blog-post_06.html
|
|
|
|
|
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 09:19:56 » |
|
ข้องใจนิดเดียวว่า เมื่อการเจรจาทวิภาคีไม่สำเร็จ ทำไมพี่ไทยถึงไม่ยอมให้มีประเทศที่สามหรือ สี่ ห้า หก หรืออาเชียนเข้ามาร่วมด้วย ทำให้มองได้ว่า เรามีอะไรซ่อนเร้นหรือแอบแฝงอยู่ อันนี้แค่คิดนะครับ จะอย่างไรก็ดี ผมก็อยู่ข้างเดียวกันกับคนที่พูดกันรู้เรื่องครับ
|
|
|
|
|
khao e to
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 135
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 03:26:31 » |
|
แล้วยังไงต่อล่ะครับ ก่อนที่คณะกรรมการปักปันชุดที่สองปักหลักเขตแดนแล้วเสร็จ ในปี ค.ศ. 1907ฝรั่งเศสจัดทำแผนที่ระวางดงรัก 1 : 200,000 ขึ้นฝ่ายเดียว มีการรวมดินแดนในมลฑลบูรพา คือ พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ไว้ล่วงหน้าในแผนที่ดังกล่าว และจัดพิมพ์ขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1908 โดยวิธีการลากเส้นเขตแดนตามใจชอบ เมื่อฝรั่งเศสซึ่งเป็นคู่สัญญากับสยามจากไป คนที่เข้ามาใช้สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศสก็คือกัมพูชาเป็นผู้สืบสิทธิ์ หลังจากสงครามกลางเมืองในเขมรสงบลง รัฐบาลโดยเจ้าสีหนุได้ฟ้องร้องศาลโลกเรื่องปราสาทพระวิหาร ผลปรากฏว่าฝ่ายไทยแพ้คดี 9ต่อ3เสียง ด้วย กฏหมายปิดปาก คือการไม่ปฏิเสธ ทำให้เขมรได้ตัวปราสาทพระวิหารไป ส่วนเขตแดนศาลโลกไม่ได้ตัดสิน โดยศาล ได้เขียนระบุชัดเจนว่าแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 และเส้นเขตแดนตามแผนที่ดังกล่าวไม่ใช่บทปฏิบัติการของคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหาร จึงยังทำให้เขมรไม่สามารถใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ในการอ้างอิงเขตแดนได้โดยชอบธรรม คำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารฉบับย่อครับ http://www.oknation.net/blog/ja-oba/2010/11/27/entry-1
|
|
|
|
|
khao e to
ชั้นประถม
ออฟไลน์
กระทู้: 135
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 04:11:02 » |
|
อยากให้ลองดูคดีเกาะ Pedra Branca ที่สิงคโปร์ชนะคดีนี้เหนือมาเลเซียในปี 2008 เมื่อ3ปีมานี้เองครับ เปรียบเทียบกับคดีเขาพระวิหารและการยื่นตีความใหม่ ครั้งนั้นมาเลเซียโดนเหมือนประเทศไทยกรณีเขาพระวิหาร คือโดนกฏหมายปิดปาก เพราะศาลยอมรับเลยว่าเกาะนี้เคยเป็นของมาเลเซีย โดยมาเลเซียได้ทำแผนที่รวมเกาะนี้เข้าไปไว้ในอาณาเขต ทางสิงคโปร์ได้ทำหนังสือประท้วงมา แต่มาเลเซียก็เฉย ไม่ได้ตอบกลับ และยังปล่อยปละให้สิงคโปร์สร้างกระโจมไฟบนเกาะแห่งนี้อีกด้วย ศาลถือว่ามาเลเซียยอมรับอำนาจอธิปไตยของสิงคโปร์เหนือเกาะ Pedra Branca นี้ ดังนั้นให้เกาะนี้ตกเป็นของสิงคโปร์ แต่เกาะข้าง ๆ (Middle Rock) ที่สิงคโปร์ไม่เคยอ้างสิทธิ มาเลเซียก็ได้กลับไป ส่วนน่านน้ำที่เป็นปัญหา ศาลโลกให้เหตุผลว่า ศาลไม่มีอำนาจลากเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศ ดังนั้นจึงตัดสินไม่ได้ว่าเป็นของใคร แต่ศาลบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อน ถ้าตกลงกันได้แล้วว่าน่านน้ำบริเวณนั้นๆเป็นของใครก็ถือว่าตรงนั้นเป็นของประเทศนั้นครับ แผนที่แสดงให้เห็นว่าเกาะนี้ไม่น่าจะเป็นของสิงคโปร์ได้เลยเพราะตัวเกาะห่างจากแผ่นดินประเทศมาเลเซียเพียง7.7ไมล์ทะเลแต่ห่างจากเกาะสิงคโปร์ถึง25.5ไมล์ทะเล ดูเพิ่มเติมที่นี่ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Pedra_Branca_dispute
|
|
|
|