สวัสดีครับพี่น้องชาวไทยแวร์ วันนี้ผมนาย เอกกี้ ขออาสาทำหน้าที่รีวิว อุปกรณ์ไอที ที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ นั่นก็คือ iPad นั่นเองครับ เรียกได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาแบบหน้าจอสัมผัสที่จะเป็นต้นแบบของโน้ตบุ็คในยุคต่อไปแน่ๆ ผมจะของพาเพื่อนๆไปดูการใช้งาน และข้อดี ข้อเสียของมันกันนะครับ ซึ่งคราวนี้จะเน้นคุณสมบัติโดยทั่วไปแบบกว้างๆ ไว้โอกาสถัดไปจะเจาะลึก Application ที่หน้าสนใจให้เพื่อนๆ ได้ดูกันนะครับ
แกะกล่องดูกัน …
เริ่มกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันก่อนเลยนะครับ สำหรับเจ้า iPad ตัวนี้มีขนาดกำลังดีครับ สูง 24.28 ซ.ม. กว้าง 18.97 ซ.ม. หนา 1 ซ.ม. นิดๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป น้ำหนักอยู่ที่ 0.73 กิโลกรัม (รุ่น 3G) และ 0.68 กิโลกรัม (รุ่น wifi อย่างเดียว) ถ้ารวมซองที่ใส่ไปด้วย ก็จะประมาณ 1 กิโลพอดี ไม่หนักเกินไปสำหรับสาวๆในการหิ้วไปหิ้วมา หน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 9.7 นิ้ว กว้างขวางพอสมควรเลยครับ ขนาดก็เล็กกว่ากระดาษ A4 นิดหน่อย พกพาสะดวกมากครับ แถมแบตเตอร์รี่ก็มีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ท่องเว็บ …..
ถ้ดมามาดูการใช้งานกันบ้าง อันดับแรกมาลองใช้เจ้า iPad มาลองท่องเว็บไซต์กันบ้าง ผ่านเจ้าเว็บเบราเซอร์ Safari ที่มากับเครื่องกันดู เริ่มกันที่ท่องเว็บไทยแวร์ของเรากันก่อนเลย ปรากฎว่า ดูได้สวยงาม ยกเว้นแต่ที่รู้กันดีว่าบนเครื่อง iPhone และ iPad ไม่รองรับการทำงานของ Flash บนอุปกรณ์พกพา
ตระกูลนี้ ทำให้แบนเนอร์หรือป้ายโฆษณา และกราฟฟิกลูกเล่นต่างไม่สามารถแสดงผลออกมาได้ ก็จะแหว่งไปบ้างครับ เมื่อลองไปใช้เว็บที่บริการเล่นเกมส์บนเว็บโดยใช้ Flash ก็ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน
HTML5 Video on the Web .…
เมื่อลองใช้งานเว็บดูคลิบวีดีโอชื่อดังอย่าง YouTube และ Vimeo กลับสามาถใช้งานได้ปกติ เพราะเว็บประเภทดังกว่า ได้เตรียมทางหนีทีไล่ โดยใช้เทคโนโลยี HTML5 ในการเล่นไฟล์ Video บนเว็บ ทำให้เจ้า iPad ของเราสามารถรับชมรายการต่างๆ บนเว็บดังกล่าวได้ตามปกติ สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยครับ อ้อ เว็บดูทีวี (
http://tv.thaiware.com) ของเราก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหานะครับ
Facebook Time
ถัดมา มาลองใช้งานเว็บไซต์ Social Network ยอดฮิตอย่าง Facebook.com กันดูบ้าง ปรากฎว่าดูได้สวยงามพอดีเดะ ไม่ต้องพึ่ง App เฉพาะเหมือนอย่างเข้าดูเว็บนี้ทาง iPhone ล่ะครับ จะใช้เพื่อดูรูปภาพของเพื่อน หรือจะ Comment อะไรต่างๆ ก็สะดวกครับ
เครื่องเสียง + โฮมเธียรเตอร์ย่อยๆ
หลังจากท่องเว็บ และดูวีดีโอบนเว็บกันมาแล้ว ก็มาถึงฟังก์ชั่น iPod เพื่อใช้ฟังเพลง และดูหนังกันบ้าง ปรากฎว่าผลออกมาน่าประทับใจมากๆครับ เสียงดังชัดแจ๋ว แล้วตั้งไว้กลางห้องขนาดกลางๆ ดังทั่วถึงดีเลยครับ ใช้เป็นเครื่องเสียงประจำบ้านได้สบายๆ แถมกราฟฟิกที่โชว์รูปประกอบ ยิ่งทำให้ดูดีขึ้นอีกเป็นกองครับ ส่วนพอใช้ในการดูไฟล์หนังก็ไม่เบาครับ ดูชัดมากๆ ยิ่งใช้สายต่อ AV ไปออกโทรทัศน์จอใหญ่ขึ้นก็สามารถให้ภาพที่คมชัดมากๆ ครับ เรียกได้ว่าจุดนี้ได้ใจผมไปเต็มๆเลยครับ
ไม่มีหลงด้วย Google Map + GPS
ต่อมามาลองโปรแกรม Map ที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งมีประโยชน์มากๆครับสำหรับใช้ในการหาเส้นทาง หาสถานที่ที่ต้องการ ซึ่งปกติแล้วผมจะใช้ผ่าน iPhone แต่พอคราวนี้ใช้งานผ่าน iPad ที่มีหน้าจอกว้างใหญ่ทำให้การดูแผนที่นั้นชัดเจน แจ่มแจ้งมากครับ ทั้งแผนที่ที่อังกฤษเอง หรือจะค้นหาแผนที่ที่เมืองไทยก็ทำได้ไม่ยาก เช่น พิมพ์ชื่อ Soi Sathon 10 ก็สามาถพาเราไปจุดหมายที่ต้องการได้ไม่ยาก เหมาะมากๆสำหรับคนที่ใช้ในการนำทางไปยังที่ที่ไม่เคยไปนะครับ
iBook คลังหนังสือ
อีกหนึ่งโปรแกรมที่ถือได้ว่าเป็นโปรแกรมทีเด็ดที่มาพร้อมกับ iPad เลยล่ะครับ เพราะมันเป็นโปรแกรมที่เอาไว้ใช้ในการดาวน์โหลด e-Book หนังสือต่างๆ ซึ่งมีทั้งฟรี และ ไม่ฟรี ให้ผู้ใช้ได้ทำการดาวน์โหลดมาอ่าน ซึ่งสามาถเลือกหาหนังสือได้จาก iBook Store เมื่อทำการเลือกหนังสือที่ต้องการได้แล้ว ก็จะโหลดมาอยู่ที่ Library หรือชั้นวางหนังสือของเรา ซึ่งทาง Apple ก็ได้แถมหนังสือมา 1 เล่มนั้นก็คือ Winnie-the-Pooh (แถมมาได้เหมาะกับวัยผมมาก) ซึ่งพอลองเปิดดูแล้ว ใช้ได้เลยครับ ความรู้สึกเหมือนกับได้เปิดอ่านหนังสือจริงๆ ใหญ่และชัดเจนมากครับ คาดว่าถ้าเปิดตัวเมืองไทยเมื่อไหร่ บรรดาสำนักพิมพ์เมืองไทย คงนำหนังสือของตนไปไว้บน Store ให้เราๆได้อ่านหนังสือของไทยกันบ้างล่ะครับ อย่างน้อยก็ช่วยเป็นการส่งเสริมการอ่าน และยังประหยัดกระดาษ ช่วยลดโลกร้อนไปอีกทางล่ะครับ
บทสรุป
เรียกได้ว่ามีข้อดีที่นับได้ว่าตัวคอมพิวเตอร์พกพาอื่นๆ สู้ไม่ได้จริงๆครับ ทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงามและระบบสัมผัสที่เนียนใช้งานได้ง่าย แถมยังสะดวกกว่า Netbook ที่ไม่ต้องเสียเวลาบูทเครื่อง คิดว่าคงเป็นมาตราฐานของ Tablet PC ตัวอื่นในตลาดที่จะผลิตออกมาในอนาคตแน่นอน แต่ข้อเสียนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลยนะครับ อันดับแรกก็คือด้านราคาที่ค่อนข้างจะแพงเอามากๆ ถ้าเถียบกับโน้ตบุ๊กโดยทั่วไป และการชาร์ตแบตนั้นก็คงต้องหวังชาร์ตจากปลั๊กไฟอย่างเดียวล่ะครับ เพราะจากการทดลองชาร์ตผ่านพอร์ต USB จาก PC ทั่วไปปรากฏว่าไม่สามารถชาร์ตได้ครับ เพราะไฟไม่พอ พอใช้ชาร์ตผ่านเครื่องที่มีพอร์ตแรงพอ ก็ใช้เวลาในการชาร์ตนานๆ มากๆ อีกด้วยครับ
สำหรับคนที่สนใจก็ต้องตัดสินใจกันดีๆนะครับ กว่าจะเข้าเมืองไทยคงอีกสักพัก ถึงแม้ราคาจะแพงไปสักหน่อย แต่แรกกับความสุนทรีย์ในการใช้งานแล้วล่ะก็คุ้มค่าพอตัวเลยล่ะครับ และสำหรับเมืองไทยหวังว่าช่วงปลายๆปี ถ้าเครื่อข่าย 3G พร้อมใช้งานจริงๆจังสักที พวกเราจะได้ใช้เจ้า iPad ท่องเน็ตไปได้ทุกทีจุใจ และจะได้เป็นอุปกรณ์คู่กายของเราคนรัก IT อย่างแน่นอนครับ
นายเอกกี้