เห็นเขาว่ารถพยาบาลจะเอาแม่ลูกอ่อนไปส่งทางแม่จันแล้วรถกะบะใส่กรงเหล็กขับตามกันมารถพยาบาลจะแซงรถกะบะไม่ให้แซงแบบว่าเร่งใส่กัน เลยเป็นแบบนี้แหละครับ เห็นรถพยาบาลก่อควรจะหลบให้เค้าไปไม่ใช่ว่าจะคึกคะนองเร่งใส่เค้าไม่ให้เค้าแซง
อย่างที่ท่านว่า ก็น่าประนามยิ่งนัก
ตาม พรบ. การจราจรทางบก กรณีเห็นรถฉุกเฉินวิ่งมา
ถ้าเปิดสัญญาญไฟวับวาบ และเปิเเสียงสัญญาณขอทาง เราต้องหลบให้
แม่แต่ขณะที่ติดไฟแดง เราก็ต้องขยับรถเพื่อเปิดทางให้รถฉุกเฉินไปก่อน
และขณะขับตาม ต้องเว้นระยะห่างจากรถฉุกเกินไม่น้อยกว่า 50 เมตร
กรณีรถติดกรงเหล็กที่เห็น ส่วนมากเป็นรถบรรทุกผักผลไม้ รถพวกนี้ส่วนใหญ่ (ขอใช้คำว่าส่วนใหญ่)
ไม่มีมารยาทในการขับรถ แต่ส่วนน้อยที่เจอว่าขับรถดีมีมารยาท
เพราะเจอบ่อยมาก ช่วงตั้งแต่ปากทางแม่สรวยถึงสี่แยกแม่กรณ์
เวลากลางคืนรถพวกนี้มักจะไม่หลบให้รถคันที่วิ่งตามมา
ที่ใช้ความเร็วสูง หรือให้สัญญาณไฟขอทาง และเวลารถเราจะแซง
มักเร่งเรื่องส่ง เพื่อไม่ให้เราแซง
ตอนเกิดเหตุรีบไปสนามบินพอดี เพราะต้องไปส่งหลานขึ้นเครื่อง
ติดอยู่ตรงนันเกือบ 40 นาที เกือบไปไม่ทันเคาร์เตอร์ปิด
ในกรณีอย่างนี้รถกะบะก็ต้องชดใช้รถที่ชนทั่งหมดไช่หรือเปล่าวครับ เพราะเป็นต้นเหตุ
ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ครับ
ต้องอยู่ที่ประจักษ์หลักฐาน พยานหลักฐาน และการสรุปสำนวนดำเนินคดีทางแพ่งและอาญา
กรณีที่กระบะจะต้องชดให้รถทุกคันหรือไม่ต้องดูละเอียดครับ
ยกตัวอย่าง กรณีที่นาย ก. มีเจตนาทำร้ายนาย ข. แต่พลาดไปถูกนาย ค.
เป็นเสมือนพลาดไปโดนนาย ค. ก็เสมือนว่านาย ก. มีเจตนาทำร้ายนาย ค. ด้วย
แต่กรณีนี้เป็นการกระทำความผิด พรบ.จราจรทางบก
และอาจถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
แต่ต้องดูที่หลักฐานนะครับ เพราะเราไม่เห็นเหตุการณ์
จะสรุปไม่ได้ เพียงแต่ยกตัวอย่างครับ แต่คันอื่นที่ชนกันต่อเนื่อง
บางทีก็ต้องไปต่อสู้กัน ว่าคู่กรณีแรกชนกันแล้วไถลมาชนคันที่ 3-4 และ 5 หรือไม่
ถ้าเป็นเช่นนี้ คันที่เป็นต้นเหตุก็ต้องรับผิดด้วย
แต่ถ้าคู่กรณีชนกัน แล้วคันที่ 3 เบรก และคันที่ 4 มีชนท้ายต่อ
ก็ต้องว่ากันไปอีกกรณีหนึ่งครับ