มาร์ติน วีลเลอร์ ฝรั่งหัวใจไทย
"คนไทยมี พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีศาสนาพุทธที่ดีมาก ทั้ง 3 อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้"
นี่เป็นคำพูดจากใจของ นายมาร์ติน วีลเลอร์ ชาวอังกฤษวัย 44 ปี ที่วันนี้ตัดสินใจลงหลักปักฐานในหมู่บ้านเล็ก ๆ จังหวัดขอนแก่น เขาใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาชาวไทย คุณรจนา และลูก ๆ ทั้งสามคน ได้แก่ ด.ช.อิริค, ด.ญ.แอนนี่ และ ด.ช.ดิเรก วีลเลอร์ ....แน่นอน ว่า มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นฝรั่งหนุ่มอีกคนที่ตกหลุมรักความเป็นไทย หลงเสน่ห์วิถีแบบไทย แต่ในความชื่นชมและชื่นชอบประเทศของเรานั้น มีอะไรแปลกแตกต่างและน่าทึ่ง ซึ่งเราอยากให้ทุกคนได้รับรู้
มาร์ติน วีลเลอร์ (Martin Wheeler) ฝรั่งหนุ่มที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อนจะใช้เงินหมดและจำใจต้องทำงาน เป็นครูสอนภาษาเพื่อแลกเงิน ซึ่งขัดกับอุดมการณ์และเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองไม่ชอบ ช่วงที่ทำงานในกรุงเทพฯ ราว 11 เดือน วีลเลอร์ได้เจอกับภรรยา และไม่นานพวกเขามีลูกด้วยกัน ทำให้วีลเลอร์เริ่มคิดถึงชีวิตของภรรยาและลูกที่ต้องรับผิดชอบ จึงตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของภรรยา เพราะคิดว่าชีวิตชนบทน่าจะพออยู่พอกินมากกว่าในเมือง
"ผมตกลงกับแฟนว่า ผมจะไม่รับจ้างสอนภาษาอังกฤษ เขาก็ตกลง แต่ปัญหาคือ ผมทำเกษตรไม่เป็น ช่วงแรกก็ลำบาก ต้องรับจ้างแบกอิฐแลกค่าจ้างวันละร้อยยี่สิบบาท โอ้โฮ...เหนื่อย เพราะที่อังกฤษถึงจะแดดร้อน แต่อากาศเย็น แต่ขอนแก่นช่วงหน้าร้อน บางครั้งผมเป็นลมเลย โอ๊ย.! ฝรั่งมันบ้า ทำไม ไม่กลับบ้าน คิดผิดหรือเปล่า ทำไมต้อง มาลำบากขนาดนี้ เขาคิดว่าผมเป็นฆาตกรไปฆ่าคนที่อังกฤษ แล้วกลับบ้านไม่ได้ หนีคดีมา ความจริงไม่ใช่ ผมก็แค่อยากหาคำตอบในชีวิต อยากหาความสุขที่เป็นแบบยั่งยืนสักหน่อย"
ชาวขอนแก่นในละแวกบ้านหลายคนบอกว่าเขาบ้า เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฝรั่งตกอับ เพราะนิยามของคนไทยจำนวนไม่น้อยมองว่า ฝรั่งที่แต่งงานกับสาวไทย คือผู้พยุงฐานะและนำความมั่งมีมาสู่ครอบครัว แต่สำหรับ มาร์ติน วีลเลอร์ บ้านของเขาและคุณรจนา ภรรยา เป็นเพียงบ้านที่สร้างจากใบหญ้าที่นำมามุงหลังคา หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่า เถียงนา เท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น วีลเลอร์ ก็พร้อมจะบอกใคร ๆ ว่าเขารวย ไม่ใช่เพราะฐานะเดิมของครอบครัวในบ้านเกิดเมืองผู้ดีของเขา ที่ผู้เป็นพ่อมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการบริษัทสารเคมี มีลูกน้องนับหมื่นคน แม่เป็นครูสอนไวโอลิน และตัวเขาเองจบการศึกษาปริญญาตรี เกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยลอนดอน หากแต่นิยามความรวยของ มาร์ติน วีลเลอร์ เป็นดังนี้...
--------------------------------------------------------------------------------
นิยามความรวยของ มาร์ติน วีลเลอร์
วีลเลอร์ บอกว่าความรวยอย่างแรกของเขาคือ การมีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านของเขาเป็นกระท่อมน้อย ๆ แม้ใคร ๆ จะบอกว่านี่มันไม่ใช่บ้าน แต่สำหรับเขาแล้ว เถียงนา ในความหมายของคนอื่น ยังไงก็คือบ้านในความหมายของเขา บ้านที่ไม่ต้องเสียเงินเช่าใครอยู่ บ้านที่เขาเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์ บ้านที่กันแดดกันฝนได้...นี่แหละ รวยแล้ว เพราะมีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง
- นอกจาก "บ้าน" วีลเลอร์ และภรรยายังมีที่ดินอีก 6 ไร่ ซึ่งอาจดูเหมือนน้อยมากสำหรับคนไทย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยโชคดีมีที่ดินเป็นสิบ ๆ ร้อย ๆ ไร่ แต่สำหรับฝรั่งแล้ว แค่ 6 ไร่ก็เยอะมากมาย เพราะคนในอังกฤษส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองถึงจะพอมีฐานะแต่ก็ไม่ใช่คนรวย ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง คนอังกฤษที่รวยจริง ๆ จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบท เป็นพวกขุนนาง ข้าราชการ เพราะมีที่ดินเยอะ ดังนั้น แค่เรามีที่ดินก็ถือว่ารวยแล้ว เพราะมันเป็นของเรา การมีบ้านมีที่ดินอยู่เป็นของตัวเอง จึงเป็นหลักประกันได้ว่า ลูกหลานของเราก็จะมีที่อยู่ที่กินในอนาคตด้วย
"ถ้าเรามีที่ดิน เราก็สามารถทำการเกษตรได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยเก่ง แต่ที่ทำได้ง่ายคือ ปลูกต้นไม้ อย่างเช่น ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก 25 - 30 ปี ตัดได้แล้ว เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย ๆ มันร้อน ๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี แสงแดดเยอะจะทำการเกษตรได้ ตลอดเวลา 1 ปี ทำได้ทุกวัน แต่คนไทยจะบ่นว่าร้อน ๆ ไม่เอา ๆ อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า แต่คนอังกฤษเขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน เพราะว่าไม่มีปัญญาจะไปเมืองนอก ซึ่งกลับกันเลย"
มาร์ติน วีลเลอร์ บอกด้วยว่า ความแปลกของไทยอีกอย่างคือ เรื่องคนรวยกับคนจน เพราะคนไทยที่ยากจนส่วนใหญ่จะมีหนี้สินมาก ขณะที่ประเทศอังกฤษ คนรวยเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะมีหนี้สิน เพราะคนยากจนจะไม่มีใครกล้าให้กู้หนี้ยืมสิ้น ด้วยกลัวว่าจะไม่มีทางหาเงินมาใช้คืนให้ได้ นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่ทำให้เขางงกับคำว่า รวย และ จน ว่ามันคืออะไรกันแน่!....
