เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2025, 05:25:32
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  อบต. เทศบาลฯ ไปเรียกร้องโบนัส เพื่ออะไรเหรอค่ะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์
ผู้เขียน อบต. เทศบาลฯ ไปเรียกร้องโบนัส เพื่ออะไรเหรอค่ะ  (อ่าน 6888 ครั้ง)
poypang
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 695


โอ้ววว !!! พระเจ้า เชียงรายโฟกัส มันดีมากเลย


« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2014, 11:29:03 »

นึกถึงตอนทำงานที่โรงเรียนบ้านจะคือ ได้ยินกลอนบทหนึ่งต้องจำขึ้นใจ

      ณ ที่นี้มีศรัทธาและหน้าที่
อุทิศพลีแก่เด็กไทยในป่าเขา
ถึงไร้คนเหลียวแลแม้แต่เงา
ก็จะเฝ้าถวายหัวเป็นงัวงาน ...







หัวอกครูไทย พึ่งจะได้ตกเบิกโบนัสปี 52 ตั้งคนละพันสองพัน
แต่ เค้าก็จะเผ้าถวายหัวเป็นงัวงาน
IP : บันทึกการเข้า

อยู่อย่างคนธรรมดา แต่จงใช้ปัญญาเยี่ยงนักปราชญ์ : ท่าน ว.วริชเมธี
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:42:22 »

ผมว่าพวกที่บ่นว่าทำงานราชการแล้วงานเยอะ ลาออกไปเหอะครับ!! ไม่ได้ถูกเกณฑ์เข้ามา เสียดายเงินหลวง แล้วเงินโบนัส คือ การประกอบกิจการแล้วได้ผลกำไร แล้วเอามาแบ่งจัดสรรกัน ถ้าจะเปรียบเทียบภาพให้ง่ายคือ

ลูกคนนี้ ยังหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็ขอเงินพ่อตัวเองใช้ตลอด
แต่ยังกระแดะเอาเงินที่ขอพ่อ ไปเลี้ยงข้าวผู้หญิง หรือเอาไปเที่ยว ฯลฯ ที่มันผิดวัตถุประสงค์
พอแม่เห็น บอกว่า อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ให้เอาเงินที่ไปเลี้ยงข้าวฯ เอาไปเที่ยวฯลฯ เอามาคืนพ่อให้หมด เพราะมันผิดวัตถุประสงค์ที่พ่อให้ ก็โวยวาย งอแง ฯลฯ

ป.ล.หยุดดัดจริตประเทศไทย ได้แล้ว
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:46:44 »

ผมทำงานบ่าเกยได้โบนัสเลยครับมันมีตวยกะ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,995



« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:51:54 »

หลายคนทำงาน "จนรวย" ถึงได้รับคำสรรเสริญ
ข้าราชการต้องทำงาน "จนตาย" ถึงได้รับคำสรรเสิรญ

อนาถแท้....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 16:58:16 โดย naylex » IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
pp.bakermart
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2014, 17:07:11 »

สมัยก่อน มี  3 คน  ปลัด  ช่าง  คลัง  เกยสอนงานหื้ออยู่   บ่าเดี่ยว  เป็นท่านผอ. กอง  หมดละ  มีลูกน้องเตียวปอจนกั๋น  งานก่อเหมือนเดิม เฮ้อ.... โบนัส  ก่อจะเอา   
IP : บันทึกการเข้า
goppy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 292



« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2014, 15:44:53 »

เคยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานราชการว่า งบประมาณต่อปีเนี้ยใช้แล้วเหลือเยอะแบบเอกชนไม่ดีเหรอเผื่องบประมาณปีหน้ามาเพิ่มอีกจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้อีก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือต้องใช้ให้หมดเลยไม่งั้นปีหน้าจะไม่ได้งบ  แล้วก็ถามกลับอีกทีว่า ถ้างบมันเหลือล่ะจะทำยังไง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ฮืม ฮืม  แบบนี้ก็มีเน๊อะประเทศไทย
IP : บันทึกการเข้า

ร้าน บีบี โฟน หน้าโรงเรียนอนุบาลห้วยสัก ขายปลีก-ส่งอุปกรณ์มือถือ ตำแหน่ง ลูกจ้างเมียครับ
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,995



« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2014, 09:44:29 »

เคยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานราชการว่า งบประมาณต่อปีเนี้ยใช้แล้วเหลือเยอะแบบเอกชนไม่ดีเหรอเผื่องบประมาณปีหน้ามาเพิ่มอีกจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้อีก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือต้องใช้ให้หมดเลยไม่งั้นปีหน้าจะไม่ได้งบ  แล้วก็ถามกลับอีกทีว่า ถ้างบมันเหลือล่ะจะทำยังไง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ฮืม ฮืม  แบบนี้ก็มีเน๊อะประเทศไทย

นี้น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมเขาชอบทำถนนช่วงฤดูฝน เพราะมันจะสิ้นปีงบประมาณมั้งครับ
เลยต้องรีบใช้เงินที่กันไว้ให้หมด ไม่เช่นนั้นก็ต้องคืนเงินกลับไปต้นสังกัดส่วนกลาง
แทนที่เงินจะลงสู่ท้องถิ่นทั้งหมด ก็ต้องย้อนกลับไปส่วนกลาง เลยต้องใช้เงินให้หมดเป็นปีๆไปครับ

ส่วนการใช้เงิน ส่วนราชการต้องจัดทำแผนหรือโครงการ และใช้เงินตามแผนหรือโครงการที่วางไว้ ปลายปีงบ โครงการไหนยังไม่ได้ใช้เงิน ก็ต้องรีบดำเนินโครงการเพื่อใช้เงินให้หมดครับ เพื่อให้เงินงบลงสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด (ไม่ต้องส่งคืนส่วนกลาง)
IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
dekdee2516
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 674


« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2014, 20:47:33 »

ข้าราชการท่านใด เหนื่อยมาก ต้องการลาออก ให้ยกมือขึ้นครับ
IP : บันทึกการเข้า
maekok_14
คือคนของพระราชา คือข้าของแผ่นดิน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,253



« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014, 00:58:22 »

เคยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานราชการว่า งบประมาณต่อปีเนี้ยใช้แล้วเหลือเยอะแบบเอกชนไม่ดีเหรอเผื่องบประมาณปีหน้ามาเพิ่มอีกจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้อีก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือต้องใช้ให้หมดเลยไม่งั้นปีหน้าจะไม่ได้งบ  แล้วก็ถามกลับอีกทีว่า ถ้างบมันเหลือล่ะจะทำยังไง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ฮืม ฮืม  แบบนี้ก็มีเน๊อะประเทศไทย

นี้น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมเขาชอบทำถนนช่วงฤดูฝน เพราะมันจะสิ้นปีงบประมาณมั้งครับ
เลยต้องรีบใช้เงินที่กันไว้ให้หมด ไม่เช่นนั้นก็ต้องคืนเงินกลับไปต้นสังกัดส่วนกลาง
แทนที่เงินจะลงสู่ท้องถิ่นทั้งหมด ก็ต้องย้อนกลับไปส่วนกลาง เลยต้องใช้เงินให้หมดเป็นปีๆไปครับ

ส่วนการใช้เงิน ส่วนราชการต้องจัดทำแผนหรือโครงการ และใช้เงินตามแผนหรือโครงการที่วางไว้ ปลายปีงบ โครงการไหนยังไม่ได้ใช้เงิน ก็ต้องรีบดำเนินโครงการเพื่อใช้เงินให้หมดครับ เพื่อให้เงินงบลงสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด (ไม่ต้องส่งคืนส่วนกลาง)

ผมคิดว่าบางทีถ้าเราเข้าใจผิด หรือไม่ทราบรายละเอียด
ก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐนะครับ
ผมไม่ได้เป็นข้าราชการท้องถิ่น แต่ก็พอรู้รายละเอียดในการใช้งบประมาณแผ่นดินบ้างเล็กน้อย
การใช้งบประมาณคงไม่ถูกต้องทั้งหมดตามที่กล่าวมานะครับ
และก็คงไม่มีหน่วยงานไหนที่ชอบทำงานหน้าฝนนะครับ
งบประมาณแผ่นดินของเราเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี สิ้นสุด 30 กันยายน ของปีถัดไป
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันที่เริ่มใช้งบประมาณแผ่นดิน
การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ก็จะเริ่มขึ้น ตามแผนที่วางไว้ของแต่ละหน่วยงาน
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ เช่นถนนตามที่ท่านว่า
ซึ่งขั้นตอนจะเริ่มตั้งแต่ 1.ขออนุมัติผู้บริหารหน่วยงานในการดำเนินการ
2. การตั้งคณะกรรมการร่าง TRO หรือข้อกำหนดในการจ้าง
3. การตั้งกรรมการเปิดซอง ซึ่งปัจจุบันงบประมาณเกิดน 2 ล้านบาท
ต้องดำเนินการโดยวิธีประมูลด้วยระบบ-อิเล็กทรอนิกส์  ( e-Auction )
4.ต้องสรรหาตลาดกลางในการประมูล เช่น ของ TOT หรือของเอกชน
5.แต่งตั้งกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน
6.ระเบียบพัสดุ และสำนักงบประมาณได้กำหนดว่าการจัดซื้อ-จ้าง
ทุกรายการต้องประกาศราคาให้ผู้รับจ้างทราบ และเปิดเผยต่อสาธารณะ
7.เมื่อคณะกรรมการร่าง TOR เสร็จ ต้องเอาไปประกาศลงในตลาดกลาง
เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบและวิจารณ์ TOR ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
หากมีผู้ยื่นคัดค้านหรือทักท้วง คณะกรรมการก็ต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่
และนำไปประกาศใหม่ จนกว่าจะไม่มีผู้ทักท้วง
8.จากนั้นก็ประกาศขายซอง ซึ่งกำหนดระยะเวลา 15 หรือ 30 วัน เพื่อให้มีผู้มายื่นประมูล
9.เมื่อมีผู้ซื้อซอง กรรมการเปิดซองต้องประชุมชี้แจงผู้ประมูลทั้งหมด
กรณีมีผู้มายื่นซองรายเดียว ก็ต้องมีการยกเลิก และเริ่มขบวนการใหม่ เพราะถือว่าไม่มีการแข่งขัน
ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 60 วัน
10.จากนั้นต้องเปิดซองเพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามระเบียบสำนักนายก
11.กรณีที่มีผู้ยื่นซองครบถ้วน ก็กำหนดวันเคาะราคา เพื่อหาผู้รับจ้าง
12.กรณีได้ผู้รับจ้าง ก็ต้องเรียกมาทำสัญญากับรัฐ พร้อมหลักประกันสัญญา
ในระยะเวลาที่กำหนด
13.มีการส่งมอบพื้นที่เพื่อเข้าปฏิบัติงาน ตามขั้นตอน
14.ผู้รับจ้างดำเนินการตามสัญญา
15.กรรมการตรวจรับมอบงานเมื่อสิ้นสุดสัญญา และผู้รับจ้างส่งมอบงาน
ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาไม่น้อยว่า 3-4 เดือน กรณีที่หาผู้ประมูลไม่ได้อาจใช้เวลา 5-6 เดือน
และกว่าจะได้ผู้รับเหมาและเริ่มงานก็ ย่างเข้าหน้าฝน
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการก่อสรา้งโครงการต่างๆ จึงไปเริ่มช่วงปลายร้อนต้นฝน
และไปเสร็จเอาหลังฤดูฝน

ต่อกรณีที่ว่าเร่งใช้งบประมาณ ถ้าใช้ไม่ทันต้องคืน ขออธิบายอย่างนี้นะครับ
กรณีที่มีสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ถือว่ามีการผูกพันงบประมาณ ไม่ต้องส่งเงินคืนสำนักงบ
จนกว่างานจะสิ้นสุด ซึ่งหากไม่เสร็จในปีงบประมาณนั้นๆ ก็ขออนุมัติกันเงินงบประมาณ
เพื่อเบิกจ่ายเหลื่อมปี กรณีโครงการนั้นสัญญาหลายปี  เช่น 3 ปีเสร็จ
ก็ต้องขออนุมัติกันเงินงบประมาณเบิกจ่ายข้ามปี
หลังสิ้นสุดสัญญาทั้งหมดแล้วถึงจะส่งงบที่เหลือคืนสำนักงบประมาณครับ

ต่อข้อถามว่า งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ และจำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่
1. การที่งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ ถ้างานออกมาได้ประสิทธิภาพ
ได้เนื้องานตามที่กำหนด มีมาตรฐาน แต่ประมูลได้ในราคาที่ต่ำ งบเหลือมาก ย่อมเป็นผลดีต่อรัฐ
2.จำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่ แยก เป็น 2 ประเด็นคือ
ถ้าใช้ไม่หมดแต่งานดีตามข้อแรก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมด
การที่เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณ ไม่ใช่ต้องใช้ให้หมดเพราะใช้ไม่หมดไม่ได้เงินไม่ใช่ครับ
สำนักงบประมาณมีข้อกำหนดในการใช้งบประมาณชัดเจน

กรณีที่ได้รับงบประมาณในสมัยนี้ ไม่ได้เงินมาทั้งหมด สำนักงบประมาณจะให้มาเป็นงวดๆ
การทำงานจึงต้องทำให้ได้ตามแผน ถ้างานล่าช้า งบประมาณในงวดต่อไปก็ยังไม่ได้รับ
อีกอย่าง การทำงานในปัจจุบันจะมีคำรับรองการปฏิบัติงาน ถ้าทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
ถือว่าการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานก็ไม่มีประสิทธิภาพ
การพิจารณาความดีความชอบก็ว่ากันไปตามเนื้องานครับ

กรณีที่ใช้งบประมาณไม่หมด เพราะไม่เป็นไปตามแผน การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
ในปีต่อไปจะไม่ได้รับการจัดสรรงบเพิ่มเติม เนื่องจากงบเก่ายังใช้ไม่หมด
ไม่มีประสิทธิภาพ สำนักงบประมาณจึงไม่จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ครับ

กรณีที่งบประมาณเหลือจ่ายต้องส่งคืนสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นเงินสำรองแผ่นดินต่อไป
ส่วนประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละหน่วยงาน แต่ละที่แต่ละแห่ง
ไม่ขอก้าวล่วง เพราะจะให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมดคงเป็นได้ยาก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารลงไปของหน่วยงานนั้นๆ ครับ



IP : บันทึกการเข้า
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,995



« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014, 13:00:28 »

เคยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานราชการว่า งบประมาณต่อปีเนี้ยใช้แล้วเหลือเยอะแบบเอกชนไม่ดีเหรอเผื่องบประมาณปีหน้ามาเพิ่มอีกจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้อีก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือต้องใช้ให้หมดเลยไม่งั้นปีหน้าจะไม่ได้งบ  แล้วก็ถามกลับอีกทีว่า ถ้างบมันเหลือล่ะจะทำยังไง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ฮืม ฮืม  แบบนี้ก็มีเน๊อะประเทศไทย

นี้น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมเขาชอบทำถนนช่วงฤดูฝน เพราะมันจะสิ้นปีงบประมาณมั้งครับ
เลยต้องรีบใช้เงินที่กันไว้ให้หมด ไม่เช่นนั้นก็ต้องคืนเงินกลับไปต้นสังกัดส่วนกลาง
แทนที่เงินจะลงสู่ท้องถิ่นทั้งหมด ก็ต้องย้อนกลับไปส่วนกลาง เลยต้องใช้เงินให้หมดเป็นปีๆไปครับ

ส่วนการใช้เงิน ส่วนราชการต้องจัดทำแผนหรือโครงการ และใช้เงินตามแผนหรือโครงการที่วางไว้ ปลายปีงบ โครงการไหนยังไม่ได้ใช้เงิน ก็ต้องรีบดำเนินโครงการเพื่อใช้เงินให้หมดครับ เพื่อให้เงินงบลงสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด (ไม่ต้องส่งคืนส่วนกลาง)

ผมคิดว่าบางทีถ้าเราเข้าใจผิด หรือไม่ทราบรายละเอียด
ก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐนะครับ
ผมไม่ได้เป็นข้าราชการท้องถิ่น แต่ก็พอรู้รายละเอียดในการใช้งบประมาณแผ่นดินบ้างเล็กน้อย
การใช้งบประมาณคงไม่ถูกต้องทั้งหมดตามที่กล่าวมานะครับ
และก็คงไม่มีหน่วยงานไหนที่ชอบทำงานหน้าฝนนะครับ
งบประมาณแผ่นดินของเราเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี สิ้นสุด 30 กันยายน ของปีถัดไป
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันที่เริ่มใช้งบประมาณแผ่นดิน
การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ก็จะเริ่มขึ้น ตามแผนที่วางไว้ของแต่ละหน่วยงาน
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ เช่นถนนตามที่ท่านว่า
ซึ่งขั้นตอนจะเริ่มตั้งแต่ 1.ขออนุมัติผู้บริหารหน่วยงานในการดำเนินการ
2. การตั้งคณะกรรมการร่าง TRO หรือข้อกำหนดในการจ้าง
3. การตั้งกรรมการเปิดซอง ซึ่งปัจจุบันงบประมาณเกิดน 2 ล้านบาท
ต้องดำเนินการโดยวิธีประมูลด้วยระบบ-อิเล็กทรอนิกส์  ( e-Auction )
4.ต้องสรรหาตลาดกลางในการประมูล เช่น ของ TOT หรือของเอกชน
5.แต่งตั้งกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน
6.ระเบียบพัสดุ และสำนักงบประมาณได้กำหนดว่าการจัดซื้อ-จ้าง
ทุกรายการต้องประกาศราคาให้ผู้รับจ้างทราบ และเปิดเผยต่อสาธารณะ
7.เมื่อคณะกรรมการร่าง TOR เสร็จ ต้องเอาไปประกาศลงในตลาดกลาง
เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบและวิจารณ์ TOR ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
หากมีผู้ยื่นคัดค้านหรือทักท้วง คณะกรรมการก็ต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่
และนำไปประกาศใหม่ จนกว่าจะไม่มีผู้ทักท้วง
8.จากนั้นก็ประกาศขายซอง ซึ่งกำหนดระยะเวลา 15 หรือ 30 วัน เพื่อให้มีผู้มายื่นประมูล
9.เมื่อมีผู้ซื้อซอง กรรมการเปิดซองต้องประชุมชี้แจงผู้ประมูลทั้งหมด
กรณีมีผู้มายื่นซองรายเดียว ก็ต้องมีการยกเลิก และเริ่มขบวนการใหม่ เพราะถือว่าไม่มีการแข่งขัน
ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 60 วัน
10.จากนั้นต้องเปิดซองเพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามระเบียบสำนักนายก
11.กรณีที่มีผู้ยื่นซองครบถ้วน ก็กำหนดวันเคาะราคา เพื่อหาผู้รับจ้าง
12.กรณีได้ผู้รับจ้าง ก็ต้องเรียกมาทำสัญญากับรัฐ พร้อมหลักประกันสัญญา
ในระยะเวลาที่กำหนด
13.มีการส่งมอบพื้นที่เพื่อเข้าปฏิบัติงาน ตามขั้นตอน
14.ผู้รับจ้างดำเนินการตามสัญญา
15.กรรมการตรวจรับมอบงานเมื่อสิ้นสุดสัญญา และผู้รับจ้างส่งมอบงาน
ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาไม่น้อยว่า 3-4 เดือน กรณีที่หาผู้ประมูลไม่ได้อาจใช้เวลา 5-6 เดือน
และกว่าจะได้ผู้รับเหมาและเริ่มงานก็ ย่างเข้าหน้าฝน
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการก่อสรา้งโครงการต่างๆ จึงไปเริ่มช่วงปลายร้อนต้นฝน
และไปเสร็จเอาหลังฤดูฝน

ต่อกรณีที่ว่าเร่งใช้งบประมาณ ถ้าใช้ไม่ทันต้องคืน ขออธิบายอย่างนี้นะครับ
กรณีที่มีสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ถือว่ามีการผูกพันงบประมาณ ไม่ต้องส่งเงินคืนสำนักงบ
จนกว่างานจะสิ้นสุด ซึ่งหากไม่เสร็จในปีงบประมาณนั้นๆ ก็ขออนุมัติกันเงินงบประมาณ
เพื่อเบิกจ่ายเหลื่อมปี กรณีโครงการนั้นสัญญาหลายปี  เช่น 3 ปีเสร็จ
ก็ต้องขออนุมัติกันเงินงบประมาณเบิกจ่ายข้ามปี
หลังสิ้นสุดสัญญาทั้งหมดแล้วถึงจะส่งงบที่เหลือคืนสำนักงบประมาณครับ

ต่อข้อถามว่า งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ และจำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่
1. การที่งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ ถ้างานออกมาได้ประสิทธิภาพ
ได้เนื้องานตามที่กำหนด มีมาตรฐาน แต่ประมูลได้ในราคาที่ต่ำ งบเหลือมาก ย่อมเป็นผลดีต่อรัฐ
2.จำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่ แยก เป็น 2 ประเด็นคือ
ถ้าใช้ไม่หมดแต่งานดีตามข้อแรก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมด
การที่เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณ ไม่ใช่ต้องใช้ให้หมดเพราะใช้ไม่หมดไม่ได้เงินไม่ใช่ครับ
สำนักงบประมาณมีข้อกำหนดในการใช้งบประมาณชัดเจน

กรณีที่ได้รับงบประมาณในสมัยนี้ ไม่ได้เงินมาทั้งหมด สำนักงบประมาณจะให้มาเป็นงวดๆ
การทำงานจึงต้องทำให้ได้ตามแผน ถ้างานล่าช้า งบประมาณในงวดต่อไปก็ยังไม่ได้รับ
อีกอย่าง การทำงานในปัจจุบันจะมีคำรับรองการปฏิบัติงาน ถ้าทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
ถือว่าการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานก็ไม่มีประสิทธิภาพ
การพิจารณาความดีความชอบก็ว่ากันไปตามเนื้องานครับ

กรณีที่ใช้งบประมาณไม่หมด เพราะไม่เป็นไปตามแผน การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
ในปีต่อไปจะไม่ได้รับการจัดสรรงบเพิ่มเติม เนื่องจากงบเก่ายังใช้ไม่หมด
ไม่มีประสิทธิภาพ สำนักงบประมาณจึงไม่จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ครับ

กรณีที่งบประมาณเหลือจ่ายต้องส่งคืนสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นเงินสำรองแผ่นดินต่อไป
ส่วนประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละหน่วยงาน แต่ละที่แต่ละแห่ง
ไม่ขอก้าวล่วง เพราะจะให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมดคงเป็นได้ยาก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารลงไปของหน่วยงานนั้นๆ ครับ




ชัดเจนครับ
IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
maekok_14
คือคนของพระราชา คือข้าของแผ่นดิน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,253



« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2014, 21:18:47 »

เคยถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานราชการว่า งบประมาณต่อปีเนี้ยใช้แล้วเหลือเยอะแบบเอกชนไม่ดีเหรอเผื่องบประมาณปีหน้ามาเพิ่มอีกจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้อีก แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือต้องใช้ให้หมดเลยไม่งั้นปีหน้าจะไม่ได้งบ  แล้วก็ถามกลับอีกทีว่า ถ้างบมันเหลือล่ะจะทำยังไง แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา ฮืม ฮืม  แบบนี้ก็มีเน๊อะประเทศไทย

นี้น่าจะเป็นคำตอบว่าทำไมเขาชอบทำถนนช่วงฤดูฝน เพราะมันจะสิ้นปีงบประมาณมั้งครับ
เลยต้องรีบใช้เงินที่กันไว้ให้หมด ไม่เช่นนั้นก็ต้องคืนเงินกลับไปต้นสังกัดส่วนกลาง
แทนที่เงินจะลงสู่ท้องถิ่นทั้งหมด ก็ต้องย้อนกลับไปส่วนกลาง เลยต้องใช้เงินให้หมดเป็นปีๆไปครับ

ส่วนการใช้เงิน ส่วนราชการต้องจัดทำแผนหรือโครงการ และใช้เงินตามแผนหรือโครงการที่วางไว้ ปลายปีงบ โครงการไหนยังไม่ได้ใช้เงิน ก็ต้องรีบดำเนินโครงการเพื่อใช้เงินให้หมดครับ เพื่อให้เงินงบลงสู่ท้องถิ่นให้มากที่สุด (ไม่ต้องส่งคืนส่วนกลาง)

ผมคิดว่าบางทีถ้าเราเข้าใจผิด หรือไม่ทราบรายละเอียด
ก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐนะครับ
ผมไม่ได้เป็นข้าราชการท้องถิ่น แต่ก็พอรู้รายละเอียดในการใช้งบประมาณแผ่นดินบ้างเล็กน้อย
การใช้งบประมาณคงไม่ถูกต้องทั้งหมดตามที่กล่าวมานะครับ
และก็คงไม่มีหน่วยงานไหนที่ชอบทำงานหน้าฝนนะครับ
งบประมาณแผ่นดินของเราเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี สิ้นสุด 30 กันยายน ของปีถัดไป
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม เป็นวันที่เริ่มใช้งบประมาณแผ่นดิน
การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ก็จะเริ่มขึ้น ตามแผนที่วางไว้ของแต่ละหน่วยงาน
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ เช่นถนนตามที่ท่านว่า
ซึ่งขั้นตอนจะเริ่มตั้งแต่ 1.ขออนุมัติผู้บริหารหน่วยงานในการดำเนินการ
2. การตั้งคณะกรรมการร่าง TRO หรือข้อกำหนดในการจ้าง
3. การตั้งกรรมการเปิดซอง ซึ่งปัจจุบันงบประมาณเกิดน 2 ล้านบาท
ต้องดำเนินการโดยวิธีประมูลด้วยระบบ-อิเล็กทรอนิกส์  ( e-Auction )
4.ต้องสรรหาตลาดกลางในการประมูล เช่น ของ TOT หรือของเอกชน
5.แต่งตั้งกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน
6.ระเบียบพัสดุ และสำนักงบประมาณได้กำหนดว่าการจัดซื้อ-จ้าง
ทุกรายการต้องประกาศราคาให้ผู้รับจ้างทราบ และเปิดเผยต่อสาธารณะ
7.เมื่อคณะกรรมการร่าง TOR เสร็จ ต้องเอาไปประกาศลงในตลาดกลาง
เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบและวิจารณ์ TOR ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน
หากมีผู้ยื่นคัดค้านหรือทักท้วง คณะกรรมการก็ต้องนำกลับมาพิจารณาใหม่
และนำไปประกาศใหม่ จนกว่าจะไม่มีผู้ทักท้วง
8.จากนั้นก็ประกาศขายซอง ซึ่งกำหนดระยะเวลา 15 หรือ 30 วัน เพื่อให้มีผู้มายื่นประมูล
9.เมื่อมีผู้ซื้อซอง กรรมการเปิดซองต้องประชุมชี้แจงผู้ประมูลทั้งหมด
กรณีมีผู้มายื่นซองรายเดียว ก็ต้องมีการยกเลิก และเริ่มขบวนการใหม่ เพราะถือว่าไม่มีการแข่งขัน
ซึ่งอาจใช้ระยะเวลามากกว่า 60 วัน
10.จากนั้นต้องเปิดซองเพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตามระเบียบสำนักนายก
11.กรณีที่มีผู้ยื่นซองครบถ้วน ก็กำหนดวันเคาะราคา เพื่อหาผู้รับจ้าง
12.กรณีได้ผู้รับจ้าง ก็ต้องเรียกมาทำสัญญากับรัฐ พร้อมหลักประกันสัญญา
ในระยะเวลาที่กำหนด
13.มีการส่งมอบพื้นที่เพื่อเข้าปฏิบัติงาน ตามขั้นตอน
14.ผู้รับจ้างดำเนินการตามสัญญา
15.กรรมการตรวจรับมอบงานเมื่อสิ้นสุดสัญญา และผู้รับจ้างส่งมอบงาน
ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาไม่น้อยว่า 3-4 เดือน กรณีที่หาผู้ประมูลไม่ได้อาจใช้เวลา 5-6 เดือน
และกว่าจะได้ผู้รับเหมาและเริ่มงานก็ ย่างเข้าหน้าฝน
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการก่อสรา้งโครงการต่างๆ จึงไปเริ่มช่วงปลายร้อนต้นฝน
และไปเสร็จเอาหลังฤดูฝน

ต่อกรณีที่ว่าเร่งใช้งบประมาณ ถ้าใช้ไม่ทันต้องคืน ขออธิบายอย่างนี้นะครับ
กรณีที่มีสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ถือว่ามีการผูกพันงบประมาณ ไม่ต้องส่งเงินคืนสำนักงบ
จนกว่างานจะสิ้นสุด ซึ่งหากไม่เสร็จในปีงบประมาณนั้นๆ ก็ขออนุมัติกันเงินงบประมาณ
เพื่อเบิกจ่ายเหลื่อมปี กรณีโครงการนั้นสัญญาหลายปี  เช่น 3 ปีเสร็จ
ก็ต้องขออนุมัติกันเงินงบประมาณเบิกจ่ายข้ามปี
หลังสิ้นสุดสัญญาทั้งหมดแล้วถึงจะส่งงบที่เหลือคืนสำนักงบประมาณครับ

ต่อข้อถามว่า งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ และจำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่
1. การที่งบประมาณเหลือเยอะดีหรือไม่ ถ้างานออกมาได้ประสิทธิภาพ
ได้เนื้องานตามที่กำหนด มีมาตรฐาน แต่ประมูลได้ในราคาที่ต่ำ งบเหลือมาก ย่อมเป็นผลดีต่อรัฐ
2.จำเป็นต้องใช้งบให้หมดหรือไม่ แยก เป็น 2 ประเด็นคือ
ถ้าใช้ไม่หมดแต่งานดีตามข้อแรก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมด
การที่เร่งใช้จ่ายเงินงบประมาณ ไม่ใช่ต้องใช้ให้หมดเพราะใช้ไม่หมดไม่ได้เงินไม่ใช่ครับ
สำนักงบประมาณมีข้อกำหนดในการใช้งบประมาณชัดเจน

กรณีที่ได้รับงบประมาณในสมัยนี้ ไม่ได้เงินมาทั้งหมด สำนักงบประมาณจะให้มาเป็นงวดๆ
การทำงานจึงต้องทำให้ได้ตามแผน ถ้างานล่าช้า งบประมาณในงวดต่อไปก็ยังไม่ได้รับ
อีกอย่าง การทำงานในปัจจุบันจะมีคำรับรองการปฏิบัติงาน ถ้าทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
ถือว่าการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หน่วยงานก็ไม่มีประสิทธิภาพ
การพิจารณาความดีความชอบก็ว่ากันไปตามเนื้องานครับ

กรณีที่ใช้งบประมาณไม่หมด เพราะไม่เป็นไปตามแผน การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
ในปีต่อไปจะไม่ได้รับการจัดสรรงบเพิ่มเติม เนื่องจากงบเก่ายังใช้ไม่หมด
ไม่มีประสิทธิภาพ สำนักงบประมาณจึงไม่จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ครับ

กรณีที่งบประมาณเหลือจ่ายต้องส่งคืนสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นเงินสำรองแผ่นดินต่อไป
ส่วนประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละหน่วยงาน แต่ละที่แต่ละแห่ง
ไม่ขอก้าวล่วง เพราะจะให้ได้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมดคงเป็นได้ยาก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคลากรทุกระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารลงไปของหน่วยงานนั้นๆ ครับ




ชัดเจนครับ

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
tassanai
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 320


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 10:23:30 »

มันมีมานานแล้วสำหรับนักการเมืองไทย(ระดับชาติ-ส.ส. ส.ว./ระดับท้องถิ่น -ส.อบจ. ส.ท. ส.อบต.)เขาจะออกกฏหมาย(ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ มติ พ.ร.ฏ พ.ร.บ. ข้อบัญญัติ ฯลฯ)เพื่อตนเองและพวกพ้อง  คนที่จะยังยากจน  ด้อยปัญญา ด้อยความรู้ ขาดโอกาส ก็คือประชาชนนั่นเอง  กระบวนการศึกษาไทยหรือกระบวนการเรียนรู้เรื่องการเมืองประเทศไทยเราด้อยมาก ยกตัวอย่างการเลือกตั้งในระดับหมู่บ้าน /ตำบล มักจะใช้ระบบเครือญาติหรือเงินซื้อเสียง คนมีเครือญาติมากถึงแม้จะหย่อนความรู้ ภาวะผู้นำมักจะได้เปรียบกว่าคนที่มีความรู้ มีคุณธรรมแต่ไม่มีเงินและเครือญาติมาก ยิ่งปัจจุบันมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง  อุทาหรณ์การเมืองท้องถิ่นในประเทศหนึ่งที่ด้อยพัฒนาเหมือนประเทศไทย นายก อปท.จะหาเสียงกับ จนท.ในสำนักงาน เช่น โบนัส สวัสดิการ ผ่อนปรนเรื่องการทำงาน ฯลฯ เพื่อแลกกับการคอร์รับชั่น ส่วนสมาชืกสภาก็จัด เลี้ยงเหล้า อาหาร พาไปเที่ยวฯลฯ เพื่อแลกกับการให้งบฯ ระดับหมู่บ้าน ไม่ให้คุ้ยเขี่ยเรื่องการคอร์รับชั่น  ดังนั้นเราควรสร้างการเมืองภาคประชาชน การมีส่วนร่วม ฯลฯ ไม่ใช่เฉยเมย เอาเขาว่า หรือเอาหูไปนา เอาตาไปไร่
IP : บันทึกการเข้า
Ramil
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 299


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 15:17:03 »

ขอตอบหน่อยนะคะ(ในฐานะที่ทำงานในส่วนของท้องถิ่น) ที่ไปเรียกร้องโบนัสเพราะว่า สตง.ได้ลงไปตรวจท้องถิ่นบางแห่งแล้วบอกว่าการจ่ายโบนัสของท้องถิ่นทำไม่ถูกต้องเพราะไม่มีระเบียบรองรับค่ะ..สตง.ก็เลยให้เรียกเงินคืนทั้งหมดจากทุกคนที่เคยได้รับเท่าที่ผ่านมาก็ประมาณ4-5ปีแล้วมั้งคะที่ท้องถิ่นได้เงินโบนัส บางที่ก็5บ้าง 4เท่าบ้าง3เท่าบ้าง(เค้าให้จ่ายได้1-5เท่าของเงินเดือนแต่ละคนค่ะ)โดยสรุปยกตัวอย่างของที่ดิฉันทำอยู่จะได้ไม่เกิน2เท่าก็ประมาณ5ปีมาแล้วคิดๆแล้วก็เป็นเงินประมาณหกหมื่นกว่าบาท(เฉพาะของดิฉันนะคะ)  ..ทีนี้ถ้าเค้าให้คืน...ดิฉันก็ต้องคืนทั้งหมด...ถามว่าแล้วดิฉันจะเอาเงินที่ไหนมาคืนหล่ะคะ..เงินก็ใช้จ่ายไปแล้ว...ไม่ใช่ไม่มีความรับผิดชอบนะคะแต่ที่ท้องถิ่นจ่ายโบนัสก็เพราะทำตามหนังสือสั่งการของกรมส่งเสริมฯค่ะ..ในข้อนี้ที่พวกเราเรียกร้องก็เพราะมันไม่ใช่มาจากเราถามว่าเราผิดไหมดิฉันกล้าตอบว่าไม่ผิดแล้วจะให้คืนเงินได้ยังไง...ส่วนในส่วนที่มีการเรียกร้องให้มีโบนัสต่อไป(ท้องถิ่นอ้างว่าข้าราชการส่วนกลางก็มีโบนัสเหมือนกันแต่ได้น้อยมากหลักพันเองแต่หลักแสนไปกองที่ระดับสูงเสียส่วนใหญ่มั้งคะ...ขอนอกเรื่องหน่อยค่ะ...ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยกับโบนัสของ การไฟฟ้าเช่นกัน  ได้มากว่าท้องถิ่นเสียอีกทำงานอย่างกะเป็นเจ้านายประชาชน...พวกท่านก็คงคิดกับเราชาวท้องถิ่นเช่นนี้เหมือนกัน)นั้นดิฉันก็คิดแบบท่านๆนั่นหล่ะค่ะ...อยากให้นายกเทศบาล,นายกอบต.เอาเงินไปพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนดีกว่าไม๊...ดิฉันไม่อยากใช้เงินที่มาจากการสาปแช่งเหมือนกันค่ะ...โดยสรุปดิฉันก็อยากให้กรมฯแก้ไขความผิดพลาดของตนเองแทนที่จะมาลงที่คนท้องถิ่นอย่างเดียวมันไม่แฟร์ค่ะส่วนเงินโบนัสในอนาคตก็ไม่อยากได้หรอกค่ะ...เพราะถนนหน้าบ้านดิฉันก็ยังเป็นดินลูกรังอยู่เหมือนกันถ้าจะให้ดีท่านนายกเลิกรับประทานเสียทีก็ดีนะคะ
เยี่ยมครับ  โดยเฉพาะประโยคทิ้งท้าย
IP : บันทึกการเข้า
sakthai
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 385



« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 20:06:52 »

ผมทำงานบ่าเกยได้โบนัสเลยครับมันมีตวยกะ ยิงฟันยิ้ม
  เป็นข้าราชการมั่นคง เบิกสิทธิอย่างอืนได้หมด ค่ารักษาพยาบาล เช่าบ้าน ฯลฯ จะเรียกร้องเอาอะไรนักหนา  รู้จักคำว่า พอเพียง  ไหม  พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้    โบนัสเป็นของพนักงานบริษัทเอกชนครับ ถ้าอยากได้ มีวิธีเดียว   ลาออกจากราชการ   เพื่อมารับโบนัส ตามผลประกอบการ หรือ KPI  เป็นข้าราชการคือ กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน เพื่อประชาชนครับ
IP : บันทึกการเข้า
sky6
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20


« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2014, 20:11:17 »

มันมีมานานแล้วสำหรับนักการเมืองไทย(ระดับชาติ-ส.ส. ส.ว./ระดับท้องถิ่น -ส.อบจ. ส.ท. ส.อบต.)เขาจะออกกฏหมาย(ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ มติ พ.ร.ฏ พ.ร.บ. ข้อบัญญัติ ฯลฯ)เพื่อตนเองและพวกพ้อง  คนที่จะยังยากจน  ด้อยปัญญา ด้อยความรู้ ขาดโอกาส ก็คือประชาชนนั่นเอง  กระบวนการศึกษาไทยหรือกระบวนการเรียนรู้เรื่องการเมืองประเทศไทยเราด้อยมาก ยกตัวอย่างการเลือกตั้งในระดับหมู่บ้าน /ตำบล มักจะใช้ระบบเครือญาติหรือเงินซื้อเสียง คนมีเครือญาติมากถึงแม้จะหย่อนความรู้ ภาวะผู้นำมักจะได้เปรียบกว่าคนที่มีความรู้ มีคุณธรรมแต่ไม่มีเงินและเครือญาติมาก ยิ่งปัจจุบันมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง  อุทาหรณ์การเมืองท้องถิ่นในประเทศหนึ่งที่ด้อยพัฒนาเหมือนประเทศไทย นายก อปท.จะหาเสียงกับ จนท.ในสำนักงาน เช่น โบนัส สวัสดิการ ผ่อนปรนเรื่องการทำงาน ฯลฯ เพื่อแลกกับการคอร์รับชั่น ส่วนสมาชืกสภาก็จัด เลี้ยงเหล้า อาหาร พาไปเที่ยวฯลฯ เพื่อแลกกับการให้งบฯ ระดับหมู่บ้าน ไม่ให้คุ้ยเขี่ยเรื่องการคอร์รับชั่น  ดังนั้นเราควรสร้างการเมืองภาคประชาชน การมีส่วนร่วม ฯลฯ ไม่ใช่เฉยเมย เอาเขาว่า หรือเอาหูไปนา เอาตาไปไร่
....................................................
สุดยอดครับ ผมขอให้ออกมาช่วยกันเยอะครับ
IP : บันทึกการเข้า
~ Bullet for my Brother ~
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,630


« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 11:28:16 »

กำลังพยายามสอบอยู่ครับ คนแข่งกันเยอะก็จริง แย่งกันแทบเป็นแทบตาย

ผมคิดว่าถ้าสอบรอบนี้ไม่ได้ มีเปิดสอบก็จะพยายามสอบอีก

แต่ถ้าได้เป็นก็สบายไปทั้งโคตรเลย เกาะกินประเทศกันไปยาวๆ คิดแล้วคุ้มมากๆเลยครับ

ตอนนี้ก็กำลังเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เตรียมเงินทองไว้เป็นสินน้ำใจ เพื่ออนาคตที่ดีครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
pp.bakermart
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57


« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 16:27:43 »

กำลังพยายามสอบอยู่ครับ คนแข่งกันเยอะก็จริง แย่งกันแทบเป็นแทบตาย

ผมคิดว่าถ้าสอบรอบนี้ไม่ได้ มีเปิดสอบก็จะพยายามสอบอีก

แต่ถ้าได้เป็นก็สบายไปทั้งโคตรเลย เกาะกินประเทศกันไปยาวๆ คิดแล้วคุ้มมากๆเลยครับ

ตอนนี้ก็กำลังเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เตรียมเงินทองไว้เป็นสินน้ำใจ เพื่ออนาคตที่ดีครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ขนาดยังไม่ได้เข้าไปในระบบ  ยังเตรียมการขนาดนี้   น่ากลัวครับ
IP : บันทึกการเข้า
kongkeat_99
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,144


เหนือยก็พัก


« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 17:04:11 »

กำลังพยายามสอบอยู่ครับ คนแข่งกันเยอะก็จริง แย่งกันแทบเป็นแทบตาย

ผมคิดว่าถ้าสอบรอบนี้ไม่ได้ มีเปิดสอบก็จะพยายามสอบอีก

แต่ถ้าได้เป็นก็สบายไปทั้งโคตรเลย เกาะกินประเทศกันไปยาวๆ คิดแล้วคุ้มมากๆเลยครับ

ตอนนี้ก็กำลังเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ เตรียมเงินทองไว้เป็นสินน้ำใจ เพื่ออนาคตที่ดีครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ขนาดยังไม่ได้เข้าไปในระบบ  ยังเตรียมการขนาดนี้   น่ากลัวครับ
ผมว่าเขาคงจะส่อความจริงที่เขาเคยเจอเคยเห็นมาแต่เอามาพูดในแบบว่าตัวเองจะทำ แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้น ในใจผมมันบอกอย่างนั้นครับ
IP : บันทึกการเข้า

ก้าวต่อไป
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 17:31:27 »

มันมีมานานแล้วสำหรับนักการเมืองไทย(ระดับชาติ-ส.ส. ส.ว./ระดับท้องถิ่น -ส.อบจ. ส.ท. ส.อบต.)เขาจะออกกฏหมาย(ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ มติ พ.ร.ฏ พ.ร.บ. ข้อบัญญัติ ฯลฯ)เพื่อตนเองและพวกพ้อง  คนที่จะยังยากจน  ด้อยปัญญา ด้อยความรู้ ขาดโอกาส ก็คือประชาชนนั่นเอง  กระบวนการศึกษาไทยหรือกระบวนการเรียนรู้เรื่องการเมืองประเทศไทยเราด้อยมาก ยกตัวอย่างการเลือกตั้งในระดับหมู่บ้าน /ตำบล มักจะใช้ระบบเครือญาติหรือเงินซื้อเสียง คนมีเครือญาติมากถึงแม้จะหย่อนความรู้ ภาวะผู้นำมักจะได้เปรียบกว่าคนที่มีความรู้ มีคุณธรรมแต่ไม่มีเงินและเครือญาติมาก ยิ่งปัจจุบันมีสีเข้ามาเกี่ยวข้อง  อุทาหรณ์การเมืองท้องถิ่นในประเทศหนึ่งที่ด้อยพัฒนาเหมือนประเทศไทย นายก อปท.จะหาเสียงกับ จนท.ในสำนักงาน เช่น โบนัส สวัสดิการ ผ่อนปรนเรื่องการทำงาน ฯลฯ เพื่อแลกกับการคอร์รับชั่น ส่วนสมาชืกสภาก็จัด เลี้ยงเหล้า อาหาร พาไปเที่ยวฯลฯ เพื่อแลกกับการให้งบฯ ระดับหมู่บ้าน ไม่ให้คุ้ยเขี่ยเรื่องการคอร์รับชั่น  ดังนั้นเราควรสร้างการเมืองภาคประชาชน การมีส่วนร่วม ฯลฯ ไม่ใช่เฉยเมย เอาเขาว่า หรือเอาหูไปนา เอาตาไปไร่
ครูใหญ่มาเอง ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2014, 17:32:37 »

ผมว่าพวกที่บ่นว่าทำงานราชการแล้วงานเยอะ ลาออกไปเหอะครับ!! ไม่ได้ถูกเกณฑ์เข้ามา เสียดายเงินหลวง แล้วเงินโบนัส คือ การประกอบกิจการแล้วได้ผลกำไร แล้วเอามาแบ่งจัดสรรกัน ถ้าจะเปรียบเทียบภาพให้ง่ายคือ

ลูกคนนี้ ยังหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็ขอเงินพ่อตัวเองใช้ตลอด
แต่ยังกระแดะเอาเงินที่ขอพ่อ ไปเลี้ยงข้าวผู้หญิง หรือเอาไปเที่ยว ฯลฯ ที่มันผิดวัตถุประสงค์
พอแม่เห็น บอกว่า อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ให้เอาเงินที่ไปเลี้ยงข้าวฯ เอาไปเที่ยวฯลฯ เอามาคืนพ่อให้หมด เพราะมันผิดวัตถุประสงค์ที่พ่อให้ ก็โวยวาย งอแง ฯลฯ

ป.ล.หยุดดัดจริตประเทศไทย ได้แล้ว
ท่านปลัดก่มา ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!