เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 14:32:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  ตลาดรถซื้อขายรถมือสอง
| | |-+  อะไหล่รถยนต์,อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ (ผู้ดูแล: chiohoh, NOtis, Krit_66, Active Oper, chatchaij)
| | | |-+  CR.BOSCH CAR SERVICE ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่หมดระยะเวลาประกัน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 [30] 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 ... 97 พิมพ์
ผู้เขียน CR.BOSCH CAR SERVICE ศูนย์บริการดูแลรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่หมดระยะเวลาประกัน  (อ่าน 77911 ครั้ง)
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #580 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 12:02:56 »

TOYOTA VIGO ทะเบียน กพ 7060 เชียงใหม่

- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ENERGY 1 Extra Commonrail API CI-4/SL   10W-30 (SEMI)    พร้อมกรอง BOSCH
- เปลี่ยนกรองแอร์ BOSCH
- เปลี่ยนกรองอากาศ BOSCH


   เป็นสุดยอด น้ำมันเครื่องดีเซลกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic) เกรดรวม  ที่ให้สมรรถนะเป็นเยี่ยม  สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง เหนือกว่ามาตรฐานสูงสุด API CI-4 SAE 10W-30 สูตรพิเศษ  ที่ให้การปกป้องและสมรรถนะสูงเยี่ยม

   คุณสมบัติพิเศษ
- เทคโนโลยีล่าสุดออกแบบเป็นพิเศษเพื่อเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่สมรรถนะและแรงม้าสูง ไอเสียมลพิษต่ำ
– ฟิลม์น้ำมันแข็งแรง ทนความร้อนได้ดี
– ป้องกันการสึกหรอได้ดีเยี่ยมแม้ในช่วงสตาร์ท
– ประหยัดเชื้อเพลิงและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์รวมถึงอายุการเปลี่ยนถ่ายที่นานขึ้น
   
   ลักษณะการใช้งาน
- เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ สมรรถนะสูงที่มีระบบคอมมอนเรล เช่น รถปิคอัพ SUV และ MPV
– รถยนต์ที่มีเทอร์โบชาร์จ ซูปเปอร์ชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์เครื่องคอมมอนเรล (Common Rail)
– รถบรรทุกงานหนักรวมทั้งเครื่องยนต์ดีเซลระบบเชื้อเพลิงฉีดตรง (Direct injection) และระบบเผาไหม้ล่วงหน้า (Indirect injection) รวมถึงรถดีเซลที่ใช้เชื้อเพลิงร่วมก๊าซ LPG, NGV และ CNG

    หากคุณกำลังมองหา Bosch ไส้กรองอากาศภายในห้องโดยสารแบบมีแผ่นคาร์บอน รุ่น CO 094 TOYATA VIGO สำหรับ เราขอนำเสนอ Bosch ไส้กรองอากาศภายในห้องโดยสารแบบมีแผ่นคาร์บอน รุ่น CO 094 TOYOTA VIGO สำหรับ ชิ้นนี้ ให้คุณได้ลองสัมผัส คุณจะพอใจกับมัน อย่างที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน

ขอบคุณลูกค้าที่มาใช้บริการ ศูนย์ CR.BOSCH ของเราครับ




IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #581 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 12:05:50 »

NISSAN NV ทะเบียน ผพ 6002 เชียงใหม่

  - เปลี่ยนผ้าเบรค BOSCH
 
  - เปลี่ยนเสื้อราวน้ำ หัวฉีด

  การดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งานผ้าเบรก
 
*หมั่นตรวจเช็ค และเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์กำหนด

*ควรนำรถเข้าตรวจเช็คผ้าเบรกและระบบเบรกทุกๆ 3 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร

*ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุกๆ 1 ปีหรือ 40,000 กิโลเมตร

*รักษาระดับความเร็วในการขับขี่ และระยะเบรก ไม่ควรเบรกด้วยความรุนแรง จะทำให้ผ้าเบรกสึกเร็วกว่าปกติ

*ควรเปลี่ยนผ้าเบรกชุดใหม่ตามกำหนด เพื่อความปลอดภัยในการเบรกหยุดรถ ช่วยยืดอายุการใช้งานของจานเบรก และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถยนต์

*โดยปกติเมื่อรถยนต์ได้เปลี่ยนผ้าเบรกชุดใหม่จะมีระยะเวลา Bedding-in ประมาณ 200 กิโลเมตร คือไม่ควรลงเบรกกันอย่างรุนแรงเพราะจะทำให้ผ้าเบรกและจานเบรกเป็นรอย เวลาเบรกมีเสียงดัง ประสิทธิภาพในการหยุดด้อยลงไป จึงควรขับและใช้เบรกอย่างนิ่มนวลไปก่อนจนกว่าจะพ้นระยะ Bedding-in

 ขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ


IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #582 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 12:07:31 »

NISSAN NAVARA ทะเบียน  กจ 8800 เชียงราย

   - เปลี่ยนโช๊คอัพหน้า

  วิธีการรักษาโช๊คอัพ

   โช้กอัพ (Shock Absorber)เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยรองรับแรงกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือนของรถ และยังทำหน้าที่หน่วงการเคลื่อนที่ขึ้นลงของตัวถังรถยนต์ เพื่อให้ล้อรถสัมผัสกับผิวถนนตลอดเวลาขณะรถวิ่ง ทั้งยังดูดซับการสั่นของสปริง ทำให้การเด้ง ขึ้น-ลง หรือการเต้นของตัวรถยนต์ ลดน้อยลงทำให้การสั่น หรือการเต้นของน้ำหนัก ที่สปริงไม่ได้รองรับ เช่น ล้อ, เพลาล้อ, ตัวห้ามล้อ ฯลฯ ลดน้อยลง
    โช้กอัพ แบ่งตามสื่อการทำงานได้ 2 ระบบ คือ โช้กอัพน้ำมัน โช้กอัพชนิดนี้ใช้น้ำมันไฮดรอลิกเป็นตัวทำงานให้เกิดความหนืดเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ทำงานน้ำมันไฮดรอลิกจะไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบจึงทำให้เกิดฟองอากาศทำให้โช้กอัพทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะกับรถที่ต้องใช้ความเร็วสูง
โช้กอัพแก๊ส คือ โช้กอัพที่อาศัยการทำงานร่วมกัน ระหว่างแก๊สไนโตรเจน และ น้ำมันไฮดรอลิก มีหลักการทำงานคือ เมื่อโช้กอัพได้รับแรงสะเทือนจากพื้นถนน ลูกสูบของโช้กอัพจะเลื่อนตัวลงมาด้านล่างของกระบอกลูกสูบ ทำให้น้ำมันไฮดรอลิกที่บรรจุในกระบอกสูบไหลผ่านวาล์วขึ้นไปห้องน้ำมันด้านบน และน้ำมันอีกส่วนไหลผ่านวาลว์ ด้านล่างเข้าไปในห้องน้ำมันสำรอง ขณะเดียวกัน น้ำมันในห้องน้ำมันสำรอง จะทำการอัดแก๊สไนโตรเจนให้เกิดแรงดัน เมื่อแก๊สมีแรงดันก็จะดันน้ำมันไฮโดรลิกที่อยู่ในห้องน้ำมันสำรอง กลับเข้าสู่กระบอกสูบดังเดิม โดยในขณะเดียวกันแรงดันที่เกิดขึ้นก็จะทำให้ฟองอากาศแตกตัว
แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรทราบก็คือ จะรู้ได้อย่างไรว่ารถของคุณควรเปลี่ยนโช้กอัพ?. สังเกตง่ายๆเมื่อรถมีอาการเต้นหรือกระโดดขึ้นลงเมื่อขับรถผ่านทางขรุขระโดยทดสอบอย่างง่ายๆ ให้ท่านเหยียบบนกันชนและขย่มหลายๆ ครั้ง หลังจากปล่อยเท้าออกแล้ว ถ้ารถยังเต้นขึ้นลงต่อไปแสดงว่าโช้กอัพเสียหรือเป็นโช้กอัพไม่ได้มาตรฐาน

   เมื่อพบความผิดปกติของโช้กอัพก่อนการติดตั้งก็สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วย 3 ขั้นตอนดังนี้
 • คว่ำโช้กลง และกดให้แกนโช้กเข้าไปในกระบอกโช้กจนสุด
 • หงายโช้กขึ้นในลักษณะเหมือนการติดตั้งปกติ
 • ปล่อยแกนโช้กให้ขึ้นมาด้วยแรงดันภายในกระบอกโช้กตามปกติ

ทำซ้ำขั้นตอนประมาณ 3 ครั้ง หรือสามารถสังเกตการเคลื่อนตัวของแกนโช้กให้เคลื่อนตัวขึ้นอย่างราบเรียบ เท่านี้ก็สามารถนำโช้กอัพไปติดตั้งได้แล้ว สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นช่างก็สามารถจดจำวิธีการนี้ ไปแนะนำกับช่างเพื่อทดสอบความละเอียดรอบคอบของช่าง ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ






IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #583 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 12:09:38 »

MAZDA 2 ทะเบียน  กน 5119  เชียงราย

    - เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ 10W - 30  AMCO  มาตรฐาน USA 
      *** น้ำมันเครื่อง AMCO สุดยอดน้ำมันเครื่อง WORLD CLASS มาตรฐานระดับโลก ***
    
    - เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง BOSCH

    - เจียรจานเบรกหน้า  ซ้าย - ขวา
  
    - เปลี่ยนหลอดไฟหน้า BOSCH  รุ่น  H 4  FUSION  BRIGHT 

    - เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน  BOSCH   รุ่น AEROFIT  ขนาด  15 + 24 นิ้ว

 
     ข้อควรรู้เกี่ยวกับใบปัดน้ำฝน

     สัญญานเตือน เมื่อไหร่ที่เราควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝน

 * เมื่อใบปัดน้ำฝนปัดแล้วมีคราบน้ำติดอยู่บนกระจก
 
 * มีที่ว่างบางส่วนที่ใบพัดไม่สามารถกวาดได้เกลี้ยง

 * เกิดเสียงรบกวนขณะปัด เนื่องจากเนิ้อยางฉีกขาด


   ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่
  
    ใบปัดน้ำฝนควรที่จะเปลี่ยนเมื่อการใช้งานได้แตกต่างจากเดิมหรือเกิดความเสี่ยงสูงที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ควรจะเปลี่ยนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเพื่อการรักษาสภาพควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน - 1 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน)

    ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 12:34:25 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #584 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 14:19:06 »

NISSAN TIDA  ทะเบียน  กม 5725 ภูเก็ต

    - เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์  100% 5W-40   ENERGY พร้อมที่กรองน้ำมัน BOSCH
    

  
    ข้อดีกับข้อเสีย ถ้าให้บอกจริงๆ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เพราะมันผลิตมาจากสารสังเคราะห์ที่เค้าคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้การปกป้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะ  ทั้งในเรื่องการทนทานของตัวน้ำมันเครื่อง ความทนทานของความหนืดตัวของน้ำมันเครื่อง และอีกหลายๆอย่าง

แต่อย่างไรก็ดี น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ก็มีราคาสูงกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ถึงเท่าตัว

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์  ถ้ามามองกันจริงๆ มันก็ไม่เชิงกับจะเป็นกึ่งสังเคราะห์ซะทีเดียว  เพราะว่าเพียงแค่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์เจือลงไปแค่ 20% เค้าก็เรียกว่า "น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์"   ค่าความหนืดก็น้อยกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เพราะฉะนั้น การคงสภาพความลื่นของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็จะมีน้อยกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แน่นอน

บางท่านเคยกล่าวว่า ใช้น้ำมันเครื่องธรรมดา แต่เปลี่ยนถ่ายบ่อยๆดีกว่า  ถูกกับคำกล่าวนี้ แต่ก็คงจะไม่ทั้งหมด เพราะว่าน้ำมันเครื่องเมื่อมันโดนความร้อนจากเครื่องยนต์แล้ว ประสิทธิภาพในการหล่อลื่นของมันก็จะค่อยๆลดลงตามไปด้วย แต่น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะรักษาระดับค่าความหนืดตรงนี้ไว้ให้คงสภาพอยู่ได้นานกว่านั่นเอง และที่สำคัญ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะรักษาสภาพของฟิลม์น้ำมันเครื่องให้ยึดเกาะตามชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาหรือกึ่งสังเคราะห์ เพราะในขณะที่เราไม่ได้ติดเครื่องไว้หรือจอดไว้เฉยๆ น้ำมันเครื่องก็จะไหลเทกลับลงสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้านล่าง ซึ่งเมื่อเรา Start เครื่องครั้งแรกหลังจากที่เราจอดรถทิ้งไว้ ฟิลม์น้ำมันเครื่องจะบางกว่าขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน มันจึงทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้มากกว่าครับ แต่เจ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์มันสามารถที่จะยึดเกาะชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ดีกว่า เพราะว่าน้ำมันมันรักษาสภาพความหนืดได้คงที่กว่า มันจึงเปรียบเสมือนว่าเครื่องยนต์เราได้รับสารหล่อลื่นหุ้มอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

ที่เค้าบอกว่า "ปกป้องตั้งแต่ครั้งแรกที่สตาร์ท"

สรุปแล้ว ถ้าบอกว่าอย่างไหนดีกว่า ผมก็คงจะบอกว่า น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ดีกว่าแน่นอนครับ ให้การปกป้องเครื่องยนต์ที่สูงกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ แต่ถ้าถามว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์พอเพียงต่อความต้องการของเครื่องยนต์หรือไม่ ผมก็จะบอกว่า พอเพียง เหมือนกัน ที่เหลืออยู่ที่ความพึงพอใจและทุนทรัพย์ของแต่ละบุคคล

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 14:30:19 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #585 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 16:46:44 »

HONDA  CITY  ทะเบียน  กฉ  1138  เชียงราย

  - เปลี่ยนปะเก็นฝาครอบวาล์ว
  - แก้ไขสวิตซ์แก๊ส
  - เปลี่ยนกรองแก๊สหม้อต้ม
  - ล้างเครื่อง

   สำหรับผู้ที่ได้ทำการติดแก๊สรถยนต์นั้นจะต้องมีการดูแลรักษาเครื่องยนต์ที่มากกว่า รถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไปซึ่งวิธีการดูแลรักษารถยนต์ติดแก๊สสามารถทำตามขั้นตอนวิธีการตรวจเช็คได้ดังนี้

    ดูแลเรื่องของกลิ่นแก๊สรั่วอย่างเป็นประจำ ซึ่งการตรวจเช็คกลิ่นแก๊สรั่วนั้นสามารถตรวจเช็คพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทีเดียวเลยก็ได้

    ใช้สารหล่อเย็นที่มีคุณภาพ และต้องตรวจเช็คน้ำในระบบหล่อเย็นให้มีระดับน้ำที่อยู่ในระดับปกติตลอดเวลา

    สั่งเกตุการรั่วซึมของระบบน้ำหรือน้ำมัน หากมีการรั่วของระบบน้ำหรือระบบน้ำมันควรรีปทำการแก้ไขทันที

    ระดับน้ำมันเครื่อง และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนดทุกครั้งสำหรับรถที่ติดแก๊สก็สามารถเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ถูกผลิตมาเพื่อรถติดแก๊สโดยเฉพาะก็ได้เพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์

    ทำความสะอาดไส้กรอง ระยะเวลาการทำความสะอาดไส้กรองควรทำความสะอาดทุกๆ ระยะ 5,000 กิโลเมตร

    เปลี่ยนหัวเทียน การเปลี่ยนหัวเทียนควรเปลี่ยน ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร หรือ 1 ปี และล้างหม้อต้มแก๊สด้วย

    ตั้งบ่าวาล์วไอเสีย เมื่อมีการใช้งานครบระยะ 40,000 -60,000 กม. และควรใช้น้ำมันสลับกับการใช้แก๊สเพื่อให้น้ำมันนั้นเคลือบบ่าวาล์วบ้าง

    ตรวจเช็คความสมบูรณ์ของหม้อต้มแก๊ส   การล้างหม้อต้มควรทำเมื่อใช้งานไปในระยะ 12-18 เดือน

    เช็คสภาพหรือเปลี่ยนติ๊กแก๊ส ปั๊มติ๊กน้ำมัน ทุกๆ3ปี หรือเมื่อมีการใช้งานถึง 30,000 - 50,000 กม.

    ตรวจเช็ครอยแก๊สรั่วซึม โดยใช้น้ำสบู่หยอดตามข้อต่อจุดต่างๆในขณะที่ระบบแก๊สมีการทำงานอยู่ หากไม่มั่นใจให้เข้าศูนย์ติดตั้งแก๊สเพื่อตรวจเช็ค

    ควรเติมน้ำมันไว้เกิน 1ส่วน4ของถังเพื่อไว้ใช้สำรองตอนแก๊สหมดและป้องกันการเกิดสนิมในถังน้ำมัน และยังสามารถป้องกันการพังของปั๊มติ๊กน้ำมันได้เช่นกัน

    ใช้น้ำมันสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนทุกเครื่อง และก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ควรเปลี่ยนมาใช้เป็นระบบน้ำมันก่อนเพื่อ รักษาประสิธทิภาพเครื่องยนต์

    หากจำเป็นต้องจอดรถนาน ก่อนดับเครื่องควรใช้เป็นระบบน้ำมันเพื่อป้องกันไม่ให้ หัวฉีดและกระบอกสูบแห้งเกินไป

    เข้าตรวจเช็คแก๊สเมื่อครบระยะ ตามศูนย์บริการติดแก็สหรืออู่ที่ไว้ใจได้ เท่านั้นเพื่อให้ได้รับการตรวจเช็คที่ถูกวิธี

    เติมแก๊สจากสถานีบริการที่มีมาตรฐาน เท่านั้นเพื่อให้ได้แก๊สที่มีคุณภาพ
 
    ห้ามต่อพ่วงกับถังแก๊สหุงต้มที่ใช้ในบ้าน เพราะการต่อใช้แบบนี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่่มีการทำที่ทุกวิธี

    ระวังการเกิด BackFire ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับรถที่แก๊สระบบ Mixer และไม่ควรขับรถแบบรุนแรงและกดคันเร่งเฉียบพลัน

    อย่าปรับจูนแก๊สจนบางเกินไป เพราะการปรับจูนแก๊สบางไปนั้นจะทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงและอาจจะส่งผลต่อเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 16:50:21 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #586 เมื่อ: วันที่ 13 พฤษภาคม 2015, 17:18:45 »

้HONDA CIVIC ทะเบียน  กจ  7519  เชียงราย

  - เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100% 5W-40 ENERGY
  - เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง BOSCH
  - เปลี่ยนยางแท่นเครื่องตัว
  - เปลี่ยนกรองอากาศ  BOSCH
  - เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน  BOSCH  AERO TWIN
  
    นํ้ามันเครื่อง สามารถพิจารณาได้จากการแบ่งระดับ SAE น้ำมันเกรดเดียวจะมีช่วงอุณหภูมิที่สามารถใช้ได้แคบ ดังนั้น น้ำมันเกรดเดียวจึงเหมาะสำหรับแต่ละฤดูต้องการใช้โดยเฉพาะ ส่วนน้ำมันเกรดรวมนั้นสามารถใช้ได้ทุกฤดูกาล เนื่องจากช่วงอุณหภูมิที่สามารถใช้ได้กว้าง ปัจจุบันน้ำมันเกรดรวมเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถใช้ได้ในช่วงอุณหภูมิกว้าง และมีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันสูงการแบ่งระดับชั้น SAE คือการแบ่งระดับของน้ำมันโดยความหนืด และช่วงอุณหภูมิสามารถใช้น้ำมันนี้ได้ ระดับ SAE มีทั้งสิ้น 11 ระดับ จาก 0W-60 ดังนี้ 0w, 5w, 10w, 15w, 20w, 25w, 20, 30, 40, 50 และ 60 จำนวนตัวเลขที่มากขึ้นหมายถึง ความหนืดมากขึ้นด้วย (เกรดที่มี W ต่อท้ายจะต้องผ่านการทดสอบค่าแรงเสียดทานภายใต้อุณหภูมิต่ำ เหมาะสำหรับภูมิอากาศหนาว )สาเหตุที่ต้องกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละครั้ง เพิ่มเติมจากการกำหนดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง เนื่องจากน้ำมันเครื่องค่อยๆ ทำปฏิกิริยารวมตัวกับออกซิเจนในอากาศและเสื่อมสภาพลง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้รถก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของการเดินทางระยะสั้นๆ เครื่องยนต์หยุดการทำงานก่อนน้ำมันเครื่องจะร้อนขึ้น ทำให้ความชื้นผสมอยู่ในน้ำมันเครื่องไม่มีโอกาสระเหยออกมา ขณะเดียวกัน สารเพิ่มคุณภาพต่างๆ ในน้ำมันจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว จะทำให้อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องสั้นลง ดังนั้น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจึงถูกกำหนดให้เปลี่ยนตามระยะเวลาด้วยหากใช้น้ำมันผิดประเภทใช้น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซินไปใช้กับเครื่องดีเซลจะทำให้การหล่อลื่นแย่ลงและเครื่องยนต์เกิดการกัดกร่อนและเสียหายอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำมันโซลาร์หรือน้ำมันดีเซลประกอบด้วยสารประกอบประเภทกรด เช่น ซัลเฟอร์มากกว่าน้ำมันเบนซิน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเติมสารเพิ่มคุณภาพประเภทต้านทานการรวมตัวกับออกซิเจน และการป้องกันสนิมลงในเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน เมื่อใช้น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลในรถยนต์เบนซิน ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้น แต่ถ้ายังใช้น้ำมันเครื่องนี้ต่อไปอีกระยะยาวจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้น เช่น กำลังของเครื่องยนต์ลดลง เพราะการหล่อลื่นในเครื่องยนต์แย่ลงจะเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็วน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ประกอบด้วยสารช่วยชะล้างทำความสะอาดในปริมาณน้อย ทำงานอยู่ในช่วงอุณหภูมิต่ำ-กลาง ดังนั้น เมื่อใช้น้ำมันเครื่องนี้ในเครื่องยนต์เบนซินเป็นระยะเวลานาน ทำให้ความสามารถในการละลายยางเหนียวในน้ำมันอุณหภูมิต่ำไม่เพียงพอ และยางเหนียวจะรวมตัวเป็นตะกอน ขัดขวางการไหลเวียนของน้ำมัน และส่งผลทำให้การหล่อลื่นในเครื่องยนต์แย่ลงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกรณีรถใช้งานไม่หนัก (เช้าขับไปทำงาน-เย็นขับกลับบ้าน) รถไม่ติด ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะหรือไม่ ถ้าสภาพน้ำมันเครื่องยังไม่ดำ ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กม. เพราะรถเป็นรถใช้ตามปกติไม่หนัก

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 08:49:26 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #587 เมื่อ: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 10:15:48 »

TOYOTA FORTUNER ทะเทียน กว.9494 เชียงใหม่
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน กึ่งสังเคราะห์ 10W - 30 COMMOM ENERG4
- เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง BOSCH 1 ลูก
- เปลี่ยนโช้ค้อมหน้า
- เปลี่ยนโช้ค้อมหลัง
- เปลี่ยนผ้าเบรดหน้า (BENDIC)
- เจียรจานเบครหน้า
- ล้างแอร์

สิ่งที่ควรรู้ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์

เรื่องข้อดีกับข้อเสีย ถ้าให้บอกจริงๆ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ เพราะมันผลิตมาจากสารสังเคราะห์ที่เค้าคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้การปกป้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะครับ  ทั้งในเรื่องการทนทานของตัวน้ำมันเครื่อง ความทนทานของความหนืดตัวของน้ำมันเครื่อง และอีกหลายๆอย่างครับ

แต่อย่างไรก็ดีครับ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ก็มีราคาสูงกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ถึงเท่าตัวเลยครับ

น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์  ถ้ามามองกันจริงๆ มันก็ไม่เชิงกับจะเป็นกึ่งสังเคราะห์ซะทีเดียวหรอกครับ  เพราะว่าเพียงแค่มีส่วนผสมของสารสังเคราะห์เจือลงไปแค่ 20% เค้าก็เรียกว่า "น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์" แล้วล่ะครับ  ค่าความหนืดก็น้อยกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ครับ เพราะฉะนั้น การคงสภาพความลื่นของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็จะมีน้อยกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แน่นอนครับ

บางท่านเคยกล่าวว่า ใช้น้ำมันเครื่องธรรมดา แต่เปลี่ยนถ่ายบ่อยๆดีกว่า  ถูกครับกับคำกล่าวนี้ แต่ก็คงจะไม่ทั้งหมดครับ เพราะว่าน้ำมันเครื่องเมื่อมันโดนความร้อนจากเครื่องยนต์แล้ว ประสิทธิภาพในการหล่อลื่นของมันก็จะค่อยๆลดลงตามไปด้วยครับ แต่น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะรักษาระดับค่าความหนืดตรงนี้ไว้ให้คงสภาพอยู่ได้นานกว่านั่นเองครับ  และที่สำคัญ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะรักษาสภาพของฟิลม์น้ำมันเครื่องให้ยึดเกาะตามชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดาหรือกึ่งสังเคราะห์ด้วยครับ เพราะในขณะที่เราไม่ได้ติดเครื่องไว้หรือจอดไว้เฉยๆ น้ำมันเครื่องก็จะไหลเทกลับลงสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้านล่างครับ ซึ่งเมื่อเรา Start เครื่องครั้งแรกหลังจากที่เราจอดรถทิ้งไว้ ฟิลม์น้ำมันเครื่องจะบางกว่าขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน มันจึงทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้มากกว่าครับ แต่เจ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์มันสามารถที่จะยึดเกาะชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ดีกว่า เพราะว่าน้ำมันมันรักษาสภาพความหนืดได้คงที่กว่า มันจึงเปรียบเสมือนว่าเครื่องยนต์เราได้รับสารหล่อลื่นหุ้มอยู่ตลอดเวลานั่นเองครับ

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ
















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 11:07:49 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #588 เมื่อ: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 10:52:57 »

TOYOTA CAMRY กต.4765 ชร.

- เช็คแก็ส
- เปลี่ยนกรองแก็สรางหัวฉีด
- กรองหม้อต้ม

8 เรื่องของรถใช้แก็สที่ควรตรวจสอบ


 อย่างที่เข้าใจกัน รถที่ติดตั้งแก็สเป็นเชื้อเพลิง จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาในส่วนแก็สเพิ่มเติมด้วย นอกเหนือจากดูแลระบบขับเคลื่อนทั่วไป ทั้งในส่วนของความร้อนในห้องเครื่องที่มากกว่ารถวิ่งน้ำมัน และอื่นๆอีกจิปาถะ แต่วันนี้จะมาแนะถึงจุดหลักๆ ที่ควรตรวจเช็คครับ

1. นำรถไปตรวจเช็คจุดข้อต่อและท่อนำก๊าซ ว่ามีการรั่วซึมตามจุดต่าง ๆ ของเครื่องยนต์หรือไม่ ในทุก ๆ 6 เดือน รวมทั้งให้สังเกตกลิ่นก๊าซรั่วทุกวัน
2. ตรวจระดับน้ำมันเครื่องทุกสัปดาห์ ระบบก๊าซจะสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องมากกว่ารถใช้น้ำมันประมาณ 5 - 15% และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเร็วกว่าปกติสัก 30% และถ้าสังเกตเห็นว่าน้ำมันเครื่องลดลงเร็วผิดปกติโดยไม่มีจุดรั่วซึม ให้ตรวจชุดแหวนลูกสูบดูครับ
3.  ตรวจเช็คและตั้งบ่าวาล์วไอเสีย ทุกๆ 40,000 - 6,0000 กิโลเมตร เพราะเครื่องยนต์ที่ใช้แก็ส บ่าวาล์วจะสึกหรอเร็วกว่ารถใช้น้ำมัน จะให้ดีควรใช้น้ำมันสลับแก็สเพื่อให้น้ำมันเคลือบบ่าวาล์วบ้างเพื่อยืดอายุการใช้งาน
4. ตรวจเช็คและทำความสะอาดไส้กรองอากาศ ทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร และตอนเติมลมยางก็ถือโอกาสเอากรองอากาศมาเป่าด้วยจะดีมากๆ

5. ตรวจเช็กการทำงานของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะในส่วนการจุดระเบิด ตั้งแต่จานจ่าย สายหัวเทียน หัวเทียน เพราะความร้อนที่มากกว่าน้ำมัน ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพได้ง่ายกว่าปกติ และควรเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ทุก 6 เดือน เนื่องจากความร้อนในห้องเผาไหม้สูงมาก และถ้าชุดสายหัวเทียนแตกหักให้รีบเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟขึ้น
6. ตรวจระบบระบายความร้อน เช่นน้ำหม้อน้ำ พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำ การใช้แก็สมีความร้อนสูงกว่าการใช้น้ำมันควรดูแลปรับชุดระบายความร้อนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และควรเช็คระดับน้ำในระบบระบายความร้อนทุกสัปดาห์
7. ตรวจสอบอุปกรณ์ของชุดแก็ส จุกเติมแก็ส ถังแก็ส น็อตที่ยืดถังแก็ส ทุกเดือน
8. เพื่อรักษาสภาพของเครื่องยนต์ ควรใช้น้ำมันสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนและหลังการใช้ และควรมีน้ำมันติดถังไว้อย่างน้อย 1 ใน 4 ถัง เพื่อป้องกันปั้มติ๊กเสียหาย

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ

ที่มา  http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=223





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 11:11:35 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #589 เมื่อ: วันที่ 18 พฤษภาคม 2015, 12:04:38 »

TOYOTA ALTIS ป้ายแดง

- ติดตั้งระบบแก็ส
- EUROPGAS - OBD
- ถังโดนัท

18 วิธีการในการดูแลรถยนต์ที่ติดแก็ส LPG

1. ดูแลตรวจหากลิ่นแก็สรั่วสม่ำเสมอและตรวจเช็ครถตามระยะเวลากำหนดของรถแต่ละรุ่น
2. ใช้สารหล่อเย็นที่มีคุณภาพดี และหมั่นเช็กระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ ถ้าผิดปกติให้นำรถไปตรวจหาสาเหตุ
3. หมั่นตรวจสอบรอยหยดของน้ำหรือน้ำมัน ที่มีพื้นที่จอดรถยนต์เมื่อนำรถออกมาใช้งาน
4. ตรวจสอบระดับนำ้มันเครื่อง และเปลี่ยนน้ำเครื่องตามกำหนดระยะเวลาการใช้งาน
5. ตรวจเช็คและทำความสะอาดไส้กรองอากาศทุกๆ 5,000 กิโลเมตร
6. เปลี่ยนหัวเทียนทุก 20,000 กม. (1ปี) และทุก 20,000 - 30,000 กม. ควรถ่ายน้ำมันแก็ส (ขี้แก็ส) ล้างหม้อต้ม
7. ตรวจเช็ค และตั้งบ่าวาล์วไแเสียทุก 40,000 - 60,000 กม. บ่าวาล์วไอเสียของ รถติดแก็ส LPG ควรจะใช้น้ำมันสลับกับการใช้แก็ส เพื่อให้น้ำมันไปเคลือบบ่าวาล์วบ้าง ซึ่งจะสามารถยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
8. เช็ดสภาพความสมบูรณ์ของหม้อต้ม โดยการล้างหม้อต้ม 12- 18 เดือน (อายุใช้งานปกติไม่เกิน 100,000 กม.)
9. เช็ดสภาพหรือเปลี่ยนติ๊กแก็ส, ติ๊กน้ำมันทุกๆ 30,000 - 50,000 กม. (3ปี)
10. ตรวจเช็ดรอยรั่วซึมของแก็สเป็นประจำ สามารถทำเองได้โดยใช้น้ำสบู่หยอดตามข้อต่อจุดต่างๆ ในขณะที่ระบบเปิดทำงานอยู่ เพื่อเช็คการรั่วซึมของแก็ส หรือเข้ารับการตรวจในศูนย์ติดตั้งแก็ส
11. ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงควรมีไม่น้อยกว่า 1 ส่วน 4 ถัง
- เป็นพลังงานสำรองกรณีแก็สหมด
- ช่วยลดการเกิดสนิมในถังน้ำมัน
- ป้องกันปั๊มจ่ายน้ำมันเสียหาย
12. ใช้น้ำมันสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อน และหลังการใช้งาน เพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
13. กรณีจอดรถไม่ได้ใช้หลายวัน ให้ดับเครื่องยนต์ด้วยระบบน้ำมัน เพื่อใหเหัวฉีด กระบอกสูบและห้องเผาไหม้ ฯลฯ แห้งเกินไป
14. เข้าตรวจเช็คตามที่อู่หรือศูนย์บริการที่ติดตั้งระบบแก็สกำหนด
15. ควรเติมแก็สจากสถานีบริการที่มีมาตรฐาน
16. ห้ามต่อพ่วงกับถังแก็สบ้าน โดยใช้สามทางและเปิด - ปิด
17. ให้ระมัดระวังการเกิด Back Fire ในระบบ MIXER อย่าขับรถแบบรุนแรงหรือกดคันเร่งเฉียบพลัน
18. อย่าปรับใช้แก็สบางเกินไป จะทำให้ห้องเครื่องความร้อนสูงมาก

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา http://xn--12c6bvbb3a0cxm.com/18-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%AA-lpg/














IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #590 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2015, 09:01:03 »

TOYOTA SOLUNA กค 1001 เชียงราย

- เปลี่ยนบูชยึดเครื่องตัวหลัง
- เปลี่ยนยางหุ้มเพลาขับหน้า ซ้าย - ขวา
- เปลี่ยนเบ้าโช้คอัพหน้า ซ้าย - ขวา
- เปลี่ยนยางกันกระแทกโช้ค
- กันฝุ่น
- ล้างเพลาขับ
- อัดจารบีเพลาขับ

สิ่งควรตรวจเช็คสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้า (รถเก๋ง บางชิ้นส่วนอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันในรถบางรุ่น เช่น แท่นเกียร์ ระบบพวงมาลัย)

- ลูกหมากปีกนก
- ยางกันฝุ่นลูกหมากปีกนก
- ลูกหมากคันชัก
- ยางกันฝุนลูกหมากคันชัก
- ลูกหมากแร็ค (ไม้ตีกลอง)
- ยางกันฝุ่นแร็ค
- ยางรัดแร็คพวงมาลัย
- ยางกันโคลง (มีสองตัว รถบางรุ่นมียางกันโคลงหลังด้วย)
- สกรูกันโคลง (อยู่ที่ปลายเหล็กกันโคลง มีใช้ในรถบางรุ่น)
- ลูกหมากกันโคลง (มีซ้าย-ขวา, หน้า-หลัง)
- เพลาขับ
- ยางกันฝุ่นเพลาขับ (นอก-ใน)
- บูชปีกนกหน้า, บูชคานหลัง
- โช้ค หน้า-หลัง (SHOCK ABSORBER)
- ยางกันฝุ่นโช้ค
- คอยล์สปริงโช้ค
- ยางรองสปริงคอยล์
- เบ้าโช้ค (SHOCK ABSORBER MOUNTING)
- บูช-ยางแท่นเครื่อง, แท่นเกียร์

สิ่งที่ควรตรวจเช็คสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง (รถกะบะ บางชิ้นส่วนอาจจะเหมือนหรือแตกต่างกันในรถบางรุ่น เช่น แท่นเกียร์ ระบบพวงมาลัย)

- ปีกนก (บน-ล่าง)
- สลักปีกนก
- ยางกันกระแทกปีกนก (บน-ล่าง)
- ลูกหมากปีกนก
- ยางกันฝุ่นลูกหมากปีกนก
- ลูกหมากคันชัก
- ยางกันฝุนลูกหมากคันชัก
- คันส่งอันกลาง
- เหล็กกันโคลง
- สกรูกันโคลงและลูกยาง (อยู่ที่ปลายเหล็กกันโคลง)
- เหล็กหนวดกุ้ง
- ยางหนวดกุ้ง
- โช้ค หน้า-หลัง
- บูช-ยางหูโช้ค
- สกรูตั้งทอร์ชั่นบาร์
- แหนบหลัง
- ยางกันกระแทกแหนบ
- ยางหูแหนบ
- ยางเพลากลาง (มีลูกปืนอยู่ตรงกลาง)
- กากบาทเพลากลาง ยอยเพลากลาง (Universal Joint)
- แป้นรองโช้คหลัง
- สาแหรก (เหล็กรูปตัวยู ใช้รัดแหนบและโช้ค ให้ติดอยู่กับเพลาหลัง)
- โตงเตง (ยึดอยู่กับหูแหนบโดยคั่นกลางด้วยยางหูแหนบ)
- ยางแท่นเครื่อง
- ยางแท่นเกียร์
- การรั่วไหลของน้ำมัน จากโช้ค เฟืองท้าย เพลาข้าง กระบอกเบรก ปลายเกียร์

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา http://www.techniccar.com/suspension/
















* P1160304.JPG (82.56 KB, 450x338 - ดู 465 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 19 พฤษภาคม 2015, 09:04:12 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
devil84
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 661


« ตอบ #591 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2015, 11:18:37 »

ขอสอบถามราคาหน่อยครับ รถ MU7 ปี 2005
1.ราคาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมใส้กรอง
2.ราคาใบปัดน้ำฝน หน้า-หลัง ครับ

ขอบคุณครับ  ยิ้มเท่ห์
IP : บันทึกการเข้า

ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ..
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #592 เมื่อ: วันที่ 19 พฤษภาคม 2015, 17:09:20 »

HONDA JAZZ ฎธ 7443 กรุงเทพมหานคร

- เปลี่ยนไส้กรองแก็สล้างหัวฉีด
- เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน BOSCH AEPOFIT 15"+24"
- เช็ดระบบแก๊ส

ทำไมถึงต้องล้างหัวฉีด

บางท่านที่ใช้รถอยู่อาจจะยังไม่เข้าใจว่ารถของเรามีหัวฉีดน้ำมันเอาไว้ทำไม แล้วเครื่องยนต์ที่ใช้หัวฉีดมันต่าง
และดีกว่าระบบคาร์บูเรเตอร์อย่างไร ลองมาดูกันครับ
            ระบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ แบ่งออกได้ 2 แบบ คือ 1.จ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ หรือระบบดูด     2.ระบบหัวฉีด
หรือการจ่ายเชื้อเพลิงแบบฉีดเข้าไป ในที่นี้เราจะพูดถึงระบบหัวฉีดเพียงอย่างเดียว เพราะในปัจจุบันแถบจะหารถที่ใช้คาร์บูเรเตอร์ไม่ได้แล้ว
 ในระบบการจ่ายเชื้อเพลิงแบบหัวฉีดนั้นยังแบ่งย่อยๆได้อีก 3 ประเภท คือ 1.การฉีดแบบรวม หรือ ฉีดพร้อมกันทุกหัว เช่น มี 4 สูบ
 ก็ฉีดน้ำมันออกมาพร้อมกันที่เดียว 4 หัวฉีดเลย แบบนี้เปลืองเชื้อเพลิง และเริ่มจะไม่มีการใช้กันแล้ว  2.การฉีดแบบครึ่ง เป็นการแบ่งครึ่งของ
จำนวนหัวฉีด แล้วก็จ่ายทีละครึ่ง เช่น มี 4 สูบ ก็จะฉีดน้ำมัน ที่ละ 2 หัวฉีด ด้วยการกำหนดของกล่องควบคุมเครื่องยนต์ 3. การฉีดแบบทีละหัว
 หรือแบบอิสระ ก็เป็นการพัฒนา การจ่ายเชื้อเพลิงขึ้นมาอีกขั้น ด้วยการกำหนดการจ่ายเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ตามจังหวะการทำงานของแต่ละสูบ
 เช่น มี 4 สูบ ก็จะจ่ายเป็นลำดับขั้นการทำงาน กล่าวคือ หัวฉีดน้ำมันจะจ่ายให้กับแต่ละสูบตามจังหวะดูดของแต่ละสูบ เรียงกันไปทีละสูบ

           ก็พอจะเข้าใจกันได้พอสมควรนะครับ ผมเองก็ไม่อยากอธิบายให้ลึกลงไปมากกว่านี้เดียวจะงงไปกันใหญ่ คราวนี้เรามาดูกันเรื่องความจำเป็น
ในการที่จะล้างหัวฉีดกันดีกว่า เมื่อเรารู้แล้วว่า หัวฉีดเป็นอุปกรณ์สำคัญตัวหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดให้เครื่องยนต์ทำงาน ได้อย่างถูกต้อง
และประหยัดเชื้อเพลิง แต่มันเองก็มีโอกาศ ที่จะชำรุดเสียหายได้เช่นกัน

           อาการที่เราพอจะสังเกตุเองได้ง่ายๆว่าหัวฉีดของเรามีปัญหาหรือไม่ คือ เครื่องยนต์เดินเบาไม่นิ่ง หรือกินน้ำมันเชื้อเพลิงมากผิดปกติ
หรืออาจจะมีอาการเครื่องยนต์ทำงานไม่ครบสูบ หรืออาจจะเจอปัญหาเครื่องยนต์ดับในเวลาติดไฟแดง เหล่านี้เป็นต้น และจะแสดงอาการเหล่านี้
อย่างชัดเจนเมื่อเป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิงทดแทน เช่น แก๊ส NGV หรือ LPG

           อาการเหล่านี้เกิดได้อย่างไร สาเหตุเกิดจากการที่ หัวฉีดน้ำมันไม่สามารถควบคุมการจ่ายน้ำมันได้ เช่นจ่ายไม่เป็นละออง หรือจ่ายไม่ได้
ตามปริมาณที่กล่อง ECU กำหนด อาจจะมากไป หรือน้อยไป หรือเมื่อหยุดจ่ายแต่กลับมีน้ำมันหยดออกมาได้ อาการเหล่านี้จะเป็นสาเหตุหลักๆ
ในการทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา  หัวฉีดที่นำออกมาทดสอบ จะมีการฉีดที่ไม่เหมือนเลย เช่น สูบที่ 1 เป็นเส้น สูบที่ 2 ฉีดเบี้ยวไปทางขวา สูบที่ 3
ฉีดเบี้ยวไปทางซ้าย สูบที่ 4 ฉีดแบบไม่เป็นรูปทรงที่กำหนด เช่นเดียวสูบที่ 6 ส่วนสูบที่ 5 ก็เป็นแบบเดียวกับสูบที่ 1 แน่นอนว่าการฉีดที่ไม่เหมือนกัน
ย่อมทำให้เครื่องยนต์ได้รับเชื้อเพลิงในแต่ละสูบไม่เท่ากัน จึงทำให้เกิดอาการเครื่องยนต์เดินเบาไม่นิ่งได้ และ สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากผิดปกติ
 แต่ก็เป็นการอธิบายได้ดีว่า หัวฉีดที่ดีต้องทำงานเช่นไร จากรูปเราจะเห็นหัวฉีดน้ำมัน ฉีดน้ำมันออกมาเป็นละอองที่ละเอียด
ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามที่โรงงานผู้ผลิตกำหนด
          เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราจะทำกันอย่างไรดี แน่นอนครับเมื่อมีการสร้างสิ่งใดขึ้นมาก็จะมีการสร้างเครื่องมือขึ้นมาด้วย เอาไว้สำหรับการซ่อมแซ่มใน
ชิ้นส่วนนั้นๆ หัวฉีดก็เหมือนกัน งั้นเรามาดูขั้นตอนการ ล้างทำความสะอาด และทดสอบหัวฉีดกันดีกว่า
          ขั้นแรกเราจะต้องถอดหัวฉีดออกมาจากเครื่องยนต์ เสียก่อนหลังจากนั้นเราก็นำกลับเข้าไปประกอบเข้ากับเครื่องยนต์ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
 ยกเว้นว่าหากพบหัวฉีดที่ชำรุดมากๆ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ ก็จะเสียเวลาอีกเล็กน้อย คราวนี้คุณๆท่านๆก็จะได้พบกับเครื่องยนต์ตัวเดิม
ที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่อย่าลืมนะครับว่า เครื่องยนต์ยังมีชิ้นส่วนอีกมากมายในการที่จะต้องดูแลรักษา ดังนั้นหากเกิดปัญหาแล้ว
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นแนะนำว่า ปรึกษาช่างดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องเสียเงินมาก เสียน้อยก่อนดีกว่าเสียมากในภายหลังครับ

ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ  ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ

ขอบคุณแหล่งที่มา http://www.bigshopgas.com/



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มิถุนายน 2015, 09:16:28 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
^เด็ก_วัด^
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,001



« ตอบ #593 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2015, 08:20:16 »

ติดตามผลงาน หาความรู้ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #594 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2015, 10:07:00 »

  ในชีวิตประจำวันของแต่ละคนจะหลีกเลี่ยงไม่พ้นกับการเดินทางและการใช้รถบนถนน  ผู้ขับขี่รถยนต์อาจจะประสบปัญหาต่างๆ
เกี่ยวกับสมรรถภาพของรถยนต์ที่ใช้  แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง  ถ้าเราทราบขั้นตอนพื้นฐานในการตรวจสภาพ
รถยนต์ให้พร้อมใช้งานอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ

วิธีการตรวจสอบรถยนต์ง่ายๆด้วยตนเองสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ วันนี้ขอมาแชร์การดูแลสภาพทั่วไปของรถยนต์  เช่น

1. ยางรถยนต์
การตรวจลมยาง
         ควรตรวจเช็คลมยาง  และปรับแต่งให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนด หรือตามคำแนะนำ ในหนังสือคู่มือของรถยนต์เป็นประจำ
         ในกรณีของยางใหม่  ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็คลมยาง ให้มากกว่าปกติ (ในช่วง 3,000 กม. แรก)
เนื่องจากโครงสร้างยางในช่วงนี้ จะมีการขยายตัว ทำให้ความดันลมยางลดลงจากปกติได้
         ห้ามปล่อยลมยางออก  เมื่อความดันลมยางสูงขึ้นขณะกำลังใช้งาน เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นขณะใช้งาน
เป็นตัวทำให้ความดันลมภายในยางสูงขึ้น เมื่อยางเย็นตัวลง ความดันลมยางก็จะกลับสู่สภาวะปกติ
         เพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่วาล์ว  ควรเปลี่ยนวาล์ว และแกนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ และมีฝาปิดวาล์วตลอดเวลา
         สำหรับยางอะไหล่  ให้ตรวจเช็คลมยางให้ถูกต้องทุกๆ เดือน
         หากขับรถที่ ความเร็วสูง ควรเติมลมมากกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ จะช่วยลดการบิดตัวของโครงยาง
ทำให้เกิดความร้อนน้อยลง หรืออาจใช้การสังเกต จากที่ใช้งานทุกวัน และความชอบของผู้ขับรถเป็นเกณฑ์
โดยส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยของความดันลมยางของรถเก๋ง จะประมาณ 28-30 ปอนด์/ตารางนิ้ว ส่วนรถกระบะ
จะประมาณ 35-40 ปอนด์/ตารางนิ้ว (ขับขี่ทั่วไปไม่บรรทุกหนัก) ดังนี้รูปภาพ





2. ระดับของเหลวต่างๆของรถยนต์  เช่น  น้ำมันเครื่อง  น้ำมันเกียร์  น้ำมันเบรค  น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์  น้ำฉีดกระจก  น้ำกลั่นแบตเตอรี่
 สามารถตรวจได้บ่อยครั้ง หรือสำหรับผู้ไม่มีเวลาควรตรวจอย่างน้อย 1ครั้ง ต่อ 1สัปดาห์
2.1 น้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดย
ใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง
- เพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหล
กลับลงด้านล่างก่อน
- ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า
- เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม
- ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L "
แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
- ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป
ดังนี้รูปภาพ




 2.2 น้ำมันเกียร์
- ขับรถยนต์เป็นเวลา 15 นาที เพื่ออุ่นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
ข้อแนะนำ:
• เนื่องจากน้ำมันเกียร์อัตโนมัติจะขยายตัวเมื่อมัน ร้อน ดังนั้นให้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์หลังจากที่ได้ทำการอุ่นให้ร้อนแล้ว
 เนื่องจากโครงสร้างของเกียร์อัตโนมัติจะทำให้ปริมาณของน้ำมันเกียร์มีการ เปลี่ยนแปลงอย่างมากตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
• สำหรับโคโรลล่า ให้ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 70 - 80°C (158 - 176°F)
-  จอดรถในพื้นระดับและดึงเบรกมือ
-  ให้เครื่องยนต์เดินเบา, เหยียบเบรก, ดึงคันเบรกมือและเลื่อนคันเกียร์อย่างช้าๆ จากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่งอื่นๆ
จนถึงตำแหน่งเกียร์ L และเลื่อนกลับไปยังตำแหน่งเกียร์ P อีกครั้งหนึ่ง
-  ดึงไม้วัดระดับน้ำมันออกมาขณะที่เครื่องยนต์เดินเบา, เช็ดคราบน้ำมันด้วยผ้าให้สะอาด เสียบไม้วัดระดับน้ำมันเข้าไปอีกครั้ง
 และตรวจสอบระดับน้ำมันต้องอยู่ช่วง "HOT"
ข้อแนะนำ:
• เมื่อขีดของน้ำมันด้านหลังของเกจวัดแตกต่างจากด้านหน้า ให้อ่านค่าต่ำสุด
• เมื่อระดับน้ำมันมากกว่าค่ากำหนด น้ำมันเกียร์อัตโนมัติอาจรั่วออกจากรูระบาย เป็นสาเหตุทำให้เกียร์กระตุก
• ถ้าระดับน้ำมันเกียร์ต่ำเกินไป อาจทำให้การหล่อลื่นไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดการเสียดสีของกลไกภายในเกียร์มาก




2.3 น้ำมันเบรค
วิธีการตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรคควรจะอยู่ระหว่าง MAX และ MIN แต่หมั่นตรวจเติมให้อยู่ในระดับ MAX ดีที่สุด
เทคนิค : เติมน้ำมันเบรคจนถึงเส้นไข่ปลาและเมื่อปิดฝา ระดับน้ำมันจะขึ้นถึงระดับที่ถูกต้อง
เครื่องมือ - อุปกรณ์ : ผ้าชุบน้ำผืนขนาดพอสมควร ใช้ปิดตัวถังรถ ด้านที่เติมน้ำมันเบรคเพื่อป้องกันการกระเด็นไปถูกตัวถังรถ
ข้อควรระวัง
-  เติมน้ำมันเบรคให้ตรงกับระบบเบรคของรถหรือน้ำมันเบรคที่เคยใช้อยู่เท่านั้น แดง-แดง ใส-ใส
-  น้ำมันเบรคเป็นอันตรายต่อดวงตาและทำลายสีรถ ระวังล้นหรือกระเด็น
-  น้ำมันเบรกจะเสื่อมคุณภาพหากมีน้ำหรือความชื้นปนลงไป



2.4  น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
 ท่านควรตรวจระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์เดือนละครั้ง และ ตรวจระดับน้ำพวงมาลัยเพาเวอร์ ในขณะที่เครื่องเย็น
โดยดูที่ด้านข้างของกระปุกน้ำมัน ระดับน้ำมันควรอยู่ที่ไม่เกินขีดระดับสูงสุด และระดับต่ำสุด ถ้าระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าขีดสุด
 ให้เติมน้ำมันจนระดับอยู่ที่ขีดสูงสุด
ข้อควรระวัง
-  เทน้ำมันช้าๆ และระวังอย่าทำน้ำมันหก ถ้าน้ำมันหกให้รีบทำความสะอาดทันที เพราะน้ำมันที่หกอาจทำความเสียหายแก่
ส่วนประกอบอื่นในห้องเครื่องยนต์ได้
-  ควรใช้น้ำมันยี่ห้อที่ดีตามโฆษณาทั่วไป
-  การที่ระดับน้ำมันต่ำอาจเกิดจากการรั่วในระบบ ควรตรวจดูระดับน้ำมันและนำรถเข้ารับการตรวจสอบระบบพวงมาลัยเพาเวอร์
โดยเร็ว
-  การหมุนพวงมาลัยค้างไว้สุดทั้งด้านซ้ายหรือขวาอาจจะทำให้ระบบลูกยาง ท่อยาง ลูกยาง ลูกน้ำท่อยาง ที่เกี่ยวข้องกับ
ระบบเพาเวอร์ ฉีกขาดหรือแตกได้ เนื่องจากการหมุนพวงมาลัยสุดทำให้แรงดันสูง



2.5 น้ำฉีดกระจก
การเติมน้ำฉีดกระจกให้เติมในถังสีขาวให้เต็มหรือบางท่านอาจจะผสมแชมพู เพื่อให้กระจกใสมากขึ้น
-  ระดับน้ำในถังน้ำฉีดกระจกอยู่ในระดับต่ำหรือว่าไม่มีเลย : เมื่อตรวจพบว่าระดับน้ำพร่อง
ควรเติมน้ำผสมกับน้ำยาทำความสะอาดกระจกลงไปเล็กน้อย จะช่วยทำความสะอาดได้ดีกว่าน้ำสะอาด
เพียงอย่างเดียวนอกจากการตรวจระดับน้ำ แล้วควรที่จะตรวจสภาพของถังน้ำเองว่ารั่วหรือไม่
โดยการเติมน้ำลงไปทิ้งเวลาสักพักและค่อยกลับมาตรวจระดับน้ำอีกครั้งว่าพร่อง หรือลดลงมากเพียงใด
 เมื่อตรวจไม่พบรอยรั่ว แล้วค่อยลองฉีดน้ำล้างกระจกอีกครั้ง
-  สายยางน้ำฉีดกระจกหลุดหรือรอยฉีกขาด : วิธีตรวจเช็คคือมองไล่ตั้งแต่การลำเลียงน้ำจากถังน้ำผ่านมอเตอร์ปั้มน้ำที่
 ติดอยู่กับถังน้ำมองไล่ตั้งแต่สายยางที่ออกจากถังน้ำไปจนถึงหัวฉีดซึ่งถ้าพบ ว่ามีส่วนใดขาดหรือหลุดควรทำการซ่อมแซม
-  หัวฉีดน้ำอุดตัน : อาจจะเกิดจากการที่มีฝุ่นละอองไปอุดตันหัวฉีดน้ำ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการนำเข็ม หรือ
เหล็กแหลมที่สามารถแทงผ่านรูฉีดน้ำได้มาแทงผ่านรูฉีดน้ำเพื่อดันสิ่งที่ อุตันอยู่ให้หลุดออก พร้อมกับการตั้งระดับ
ให้หัวฉีดสามารถฉีดน้ำพอดีกับกระจกไม่ต่ำหรือสูงเกินไป ส่วนถ้าใช้เหล็กแหลมทิ่มก็แล้วยังไม่หลุดต้องใช้มาตรการสุดท้าย คือ
การนำหัว ฉีดทั้งหัวไปต้มในน้ำร้อนเพื่อละลายคราบที่อุดตัน
-  มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ปั้มน้ำจากถัง : ถ้าตรวจตั้งแต่รายการ 1-3 แล้วก็ยังฉีดน้ำล้างกระจกไม่ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีหัวฉีด 2 ตัว
 และไม่สามารถฉีดน้ำได้ทั้ง 2 ตัวคงต้องพุ่งเป้าไปที่‘มอเตอร์ที่ทำหน้าที่ปั๊มน้ำจากถัง’ส่วนสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ปั้มน้ำเสีย
นอกจากว่าจะหมดอายุการใช้ หรือเกิดจากการใช้งานที่ผิดอย่างเช่นระดับน้ำในถังน้ำต่ำหรือแห้งแต่ผู้ใช้ ยังคงพยายามฉีดน้ำ
ทำให้มอเตอร์ร้อนจัดและเสียในที่สุด หรือการฉีดน้ำเป็นเวลานานเกินกว่า 20 วินาทีบ่อยๆ จะทำให้มอเตอร์ร้อนจัดและมีอายุสั้นลง



2.6 น้ำกลั่นแบตเตอรี่
- ควรตรวจดูระดับน้ำกลั่น ก่อนทำการชาร์จทุกครั้ง ว่าแห้งไปหรือไม่ การตรวจเช็คสามารถดูได้จาก ลูกลอยระดับลูกลอยที่ลอยขึ้นมา
 จะต้องมองเห็นบาร์สีขาวเล็กน้อย ( ถ้าแถบบาร์สีขาวสูงเกินไปให้ดูดน้ำกลั้นออก เพราะนั้นอาจจะทำให้นำกลั่นล้นได้ ในขณะที่ทำการชาร์จ)
หากไม่มีฝาลูกลอย ให้ใช้วิธีเปิดฝาจุกแล้วดูว่าน้ำกลั่นในเซลล์แบตเตอรี่มึระดับสูงกว่าแผ่น ธาตุภายในประมาณ 1 เซ็นติเมตร
(วัดระดับด้วยสายตาก็ได้ ไม่ต้องใช้ไม้บรรทัดไปทาบนะค่ะ) ถ้าน้อยกว่าก็ให้เติมน้ำกลั่นลงไปให้อยู่ระดับที่ประมาณ 1 เซ็นติเมตร
 ห้ามเติมมากๆนะ เพราะเดี๋ยวน้ำกลั่นมันจำล้น เหมือนดังที่กล่าวข้างตัน
- ไม่ควรเติมน้ำหรือสิ่งอื่นใดลงไปในแบตเตอรี่ นอกจากน้ำกลั่น
- ในขณะที่ทำการชาร์จไม่ควรมีประกายไฟ ในบริเวณที่ทำการชาร์จ เพราะจะทำให้แก๊สที่เกิดขึ้นขณะชาร์จติดไฟได้
 สถานที่ชาร์จจะต้องเป็นที่ร่ม สะอาด อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- หลังการทำการชาร์จเรียบร้อยแล้ว ควรพักแบตเตอรี่ให้ระดับความร้อนของแบตเตอรี่ลดลงประมาณ 1ชั่วโมง จึงนำแบตเตอรี่มาใช้งาน
- ควรรักษาความสะอาดขั้ว บนฝา และรอบๆให้สะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา ถ้าส่วนบนของแบตเตอรี่สกปรกให้ใช้ผ้าชุดน้ำแล้วเช็ดให้สะอาด
 จะให้น้ำล้างก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ให้นำเข้าไปในตัวแบตเตอรี่ ( ควรทำความสะอาดให้แบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่



ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ CR.BOSCH ของเราครับ

ขอบคุณแหล่งความรู้ดีจาก http://www.srdriving.com/main/content/view/64/54/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มิถุนายน 2015, 08:49:37 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #595 เมื่อ: วันที่ 22 พฤษภาคม 2015, 13:09:59 »

ใบปัดน้ำฝน BOSCH ในรุ่น ECO PLUS นั้น

    ในขั้นตอนของการผลิตนั้น จะมีการพ่นสาร กราไฟต์ลงไปในใบปัดน้ำฝนไม่ใช่ ยางสังเคราะห์ เพียงอย่างเดียว
 ดังนั้นในขณะที่ใบปัดน้ำฝน BOSCH มีการทำงาน  จะรู้สึกว่า เสียงจะเงียบ ลื่น  ปัดสะอาด เกลิ้ยง
อายุการใช้งาน เฉลี่ยมากว่า 150,000 ครั้ง  (150,000 ครั้ง นานขนาดใหน  คิดได้จากการจับเวลา
การทำงานมอเตอร์ปัดน้ำฝน1 นาที ใบปัดน้ำฝนจะมีการปัดไปและกลับ 40 ครั้ง (ลองจับเวลานับดูนะครับ)
ในเวลา  60 นาที/ ใบปัดทำงาน 2,400 ครั้ง  ใบปัดเฉลี่ยใช้งาน วันละ 1 ชม.ในฤดูฝน
 ใบปัดยี่ห้อ BOSCH เฉลี่ยใช้งาน 150,000 ครั้ง / 2,400 ครั้ง = 62.50 ชม.
ระยะเวลา 150,000 ครั้ง  ไม่นานนะครับ  ประมาณ 2-3 เดือนเองในช่วงฤดูฝน
ใบปัดที่ดี จะเสียงเงียบ ปัดเกลิ้ยง ทดลองใช้แล้วจะติดใจครับ..

    ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ ศูนย์บริการ  CR.BOSCH  ของเราครับ







ติดต่อได้ที่ CR.BOSCH CAR SERVICE ตั้งอยู่ที่ 415/5 ม.9 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย  
ติดต่อสอมถาม โทร 053-715-888,086-911-2488 แฟกซ์ 053-600-168  
เปิดให้บริการวันจันทร์ - วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00น. - 17.00น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 มิถุนายน 2015, 08:37:51 โดย THANAPUT » IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
yuth35
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 637



« ตอบ #596 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2015, 22:24:01 »

มี อ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์ สำหรับ e-car ขายไหมครับ  ฮืม PM มาก็ได้นะครับ
IP : บันทึกการเข้า
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #597 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2015, 16:41:41 »

ISUZU  D-MAX  ป้ายแดง
ลูกค้าต้องการเปลี่ยนโช้คอัพใหม่

  - เปลี่ยนโช้คอัพหน้า ซ้าย-ขวา  IRON  MAN
  - เปลี่ยนโช้คอัพหลัง ซ้าย-ขวา  IRON  MAN

  ทำความรู้จักโช๊คอัพ Foam Cell และ Nitro Gas Ironman 4x4
   หลายคนสับสนไม่รู้จะเลือกตัวไหนระหว่าง Foam Cell หรือ Nitro Gas
เราพยายามสรุปให้เข้าใจง่ายๆดังนี้  ยกตัวอย่างรถ PPV เช่น Fortuner, Mu-X,
 Pajero Sport, Trail Blazer และ SUV เช่น Prado, FJ Cruiser เป็นต้น

  เรากล้ายืนยันว่าสมรรถนะเทียบเคียงได้กับแบรนด์นอกคู่แข่งที่เป็นโช๊คแก๊ส ที่ขายกันอยู่ในขณะนี้
เหตุผลคุณสามารถเทียบดูได้จาก spec ของสินค้าหลายคนอาจไม่ให้ความสนใจเช่นคุณภาพชนิดของน้ำมันและซีล

  ส่วนเรื่องของฟิลลิ่งขับขี่เรามีโช๊คหลังให้เลือก 2 แบบคือ Nitro Gas รหัสลงท้ายด้วย GR เช่น 12637GR
เป็นวาล์วแบบเฟริม และ  GRC  เช่น 12637GRC  เป็นวาล์วแบบ Comfort Soft Ride เน้นที่ความนุ่มนวล
ขับขี่สบายสำหรับรถบ้าน  หรือรถที่มีอุปกรณ์เสริมแต่งเล็กน้อยจนถึงปานกลาง เหมาะมากกับ
สไตล์การขับขี่แบบ On Road ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

  หากคุณขยับขึ้นมาเป็น Foam Cell  เราบอกเลยว่าเหนือกว่าในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะ ด้วยคุณสมบัติทางกายภาพ
ที่มีขนาดกระบอกใหญ่  จุน้ำมันได้มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนทำได้เหนือกว่าโช๊คแก๊สทั่วไป
ที่สำคัญที่สุด คือ  ฟิลลิ่งขับขี่ที่เฟริมแต่นุ่มไม่เด้ง ซึ่งแตกต่างจากฟิลลิ่งของโช๊คแก๊ส มันเป็นฟิลลิ่งที่สุดยอดมากๆ
ซึ่งคุณจะสัมผัสได้ในโช๊คอัพ Foam Cell ของ Ironman 4x4 เท่านั้น

  เหมือนกับ Nitro Gas เรามีโช๊คหลัง Foam Cell ให้เลือก 2 แบบคือ Foam Cell รหัสลงท้ายด้วย FE เช่น 24637FE
เป็นวาล์วแบบเฟริม และ FEC เช่น 24637FEC เป็นวาล์วแบบ Comfort Soft Ride เน้นที่ความนุ่มนวลขับขี่สบาย
สำหรับรถบ้าน หรือรถที่มีอุปกรณ์เสริมแต่งเล็กน้อยจนถึงปานกลาง เหมาะมากกับสไตล์การขับขี่แบบ On Road
ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

  สรุปว่าทั้ง Nitro Gas และ Foam Cell ดีเหมือนกัน เพราะเรา รับประกันเท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการ
ลักษณะการใช้งาน ความชอบและราคาที่คุณพึงพอใจที่จ่าย

  สำหรับ Admin Ironman 4x4 และอีกหลายๆคน หากได้ขับ Foam Cell แล้วก็จะไม่กลับไปใช้โช๊คแก๊สอีก
สุดท้ายฝากถึงท่านที่กำลังจะตัดสินใจเปลี่ยนช่วงล่าง ควรทำการบ้านศึกษาหาข้อมูลสักนิด เวลาท่านฟัง
เค้าว่ามา......มีหลายคนที่พูดโจมตีชุดช่วงล่างของเรา  แต่ข้อเท็จจริง  คือ  คนที่พูดเหล่านั้น
ไม่เคยรู้จักผลิตภัณท์ของ Ironman 4x4 อย่างแท้จริงเลยและก็ไม่เคยได้ใช้ของเราเลยแม้แต่น้อย
แต่มีคนอีกมากมายที่ใช้ช่วงล่างของ Ironman  4x4  แล้วมีความประทับใจเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา
สรุปคือคนที่ใช้ไม่ได้พูดแต่คนที่พูดไม่ได้ใช้

  ท่านควรพิจารณาจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ spec  ของสินค้าการรับประกันสินค้า การดูแลบริการ
หลังการขายเป็นหลัก  นอกเหนือจากราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แพงกว่าก็ไม่จำเป็นต้องดีกว่าเสมอไป
คุณก็ควรจะถามถึงรายละเอียดและให้เปรียบเทียบ spec สินค้า เป็นข้อๆ ให้ชัดเจน


ขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจศูนย์บริการ  CR.BOSCH ของเราครับ


* P1160606.JPG (77.33 KB, 450x338 - ดู 513 ครั้ง.)

* P1160607.JPG (70.14 KB, 450x338 - ดู 611 ครั้ง.)

* P1160608.JPG (77.12 KB, 450x338 - ดู 551 ครั้ง.)

* P1160617.JPG (77.81 KB, 450x338 - ดู 708 ครั้ง.)

* P1160619.JPG (66.39 KB, 450x338 - ดู 589 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
varisign
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #598 เมื่อ: วันที่ 04 มิถุนายน 2015, 20:08:08 »

BOSCH Aero Twin 21"  = 2 อัน

BOSCHECO PLUS 16" = 1 อัน

เท่าไหร่ครับ รวมจัดส่ง
IP : บันทึกการเข้า
THANAPUT
เชียงรายบ๊อช คาร์ เซอร์วิส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,450



« ตอบ #599 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2015, 12:16:29 »

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ  ศูนย์บริการ CHIANGRAI  BOSCH  CAR  SERVICE  ยินดีให้บริการครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

บริการ  ติดตั้งแก๊สรถยนต์ ระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปีเต็ม  จำหน่าย สินค้า  BOSCH  ทั้งปลีกและราคาขายส่ง
http://www.chiangraiboschcarservice.com
หน้า: 1 ... 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 [30] 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 ... 97 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!