ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้น่ะครับ
ต้องขอชี้แจงวัตถุประสงค์ในการนำเสนอประเด็นนี้อีกสักครั้งน่ะครับ
ประการที่ 1. ผมไม่ได้สนับสนุนลูกจ้างหรือพนักงานให้กระทำผิดเงื่อนไขในการสมัครงานและเลือกงานในการดำเนินชีวิตแต่ประการใดๆผมเพียงสะท้อนมุมมองที่เอียงมาทางกลุ่มผู้สมัครงานหรือกลุ่มลูกจ้างน่ะครับ...ข้อนี้เป็นหลักสำคัญในการเสนอประเด็นนี้
สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับมวลประสบการณ์และการศึกษาเรียนรู้ของแต่ละทันอยู่แล้วครับ การกระทำของแต่ละบุคคลก็สะท้อนระดับสติปัญญาของท่านนั้นๆเองไม่มีใครไปบังคับกันได้หรอกถ้าไม่เต็มใจ..
ประการที่ 2 ผมต้องการสะท้อนถึงมุมมองในการเลือกปฏิบัติของกลุ่มผุ้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ หรืออาจกล่าวให้กระชับลงไปในลักษณะเฉพาะเจาะจงได้ว่า เป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการสรรหาว่าจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของสถานประกอบการหรือธุรกิจนั้นๆถึงความเป็นมืออาชีพของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งสะท้อนออกมาได้ถึงทัศนคติแลัมุมมองที่เค้ามีและปฎิบัติต่อน้องๆที่ไปสมัครงาน
ประการที่ 3 ผมพยายามโยงไปถึงหลักการและวิธีปฏิบัติสองเรื่องที่สำคัญที่ทั้งสองกลุ่ม(ผู้ประกอบการและพนักงาน/ลูกจ้าง)ต้องเกี่ยวข้องต่อกันคือ ศักยภาพหรือแนวทางการบริหารจัดการธุรกิจ กับ กฏหมายคุ้มครองแรงงาน ตรงนี้ขอยำ้น่ะครับสำหรับท่านที่เข้ามาสะท้อนและไม่ได้ศึกษาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงให้ดีก่อน เข้ามาแค่แสดงความรู้สึกของตนเอง มันอาจจะดูดีจากประโยคที่แสดงแต่มันไม่มีประโยชน์ใดๆต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
http://kc.hri.tu.ac.th/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99_(%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_2)_%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2551ถ้ายังไงก็ลองคลิีกเข้าไปอ่านดูหน่อยน่ะครับ ชื่อกฎหมายก็บอกแล้วว่าคุ้มครองแรงงาน ไม่ใช่คุ้มครองนายจ้างน่ะครับ
ผมเตือนเรื่องการเรียกเงินคำ้ประกันอีกครั้ง ซึ่งทำผิดกฎหมายกันแทบจะทุกที่ในจังหวัดเชียงราย ตามคำที่ใช้ ถูกต้อง คือ "การเรียกหลักประกันความเสียหายจากการทำงาน" ครับ ไม่ใช่เรียกได้ทุกตำแหน่งงาน ถ้าพูดแค่ว่าความเสียงในการทำงาน มันเสียงทุกตำแหน่งและครับ เน้นตรงนี้ล่ะกันครับ
“มาตรา ๑๐ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกัน การทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเงิน ทรัพย์สินอื่นหรือการค้ำประกัน ด้วยบุคคลจากลูกจ้าง เว้นแต่ลักษณะหรือสภาพของงานที่ทำนั้นลูกจ้างต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงิน หรือทรัพย์สินของนายจ้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างได้ ทั้งนี้ ลักษณะหรือสภาพของ งานที่ให้เรียกหรือรับหลักประกันจากลูกจ้าง ตลอดจนประเภทของหลักประกัน จำนวนมูลค่าของ หลักประกัน และวิธีการเก็บรักษา ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่นายจ้างเรียกหรือรับหลักประกัน หรือทำสัญญาประกันกับลูกจ้างเพื่อชดใช้ความ เสียหายที่ลูกจ้างเป็นผู้กระทำ เมื่อนายจ้างเลิกจ้าง หรือลูกจ้างลาออกหรือสัญญาประกันสิ้นอายุ ให้นายจ้างคืนหลักประกันพร้อมดอกเบี้ย ถ้ามี ให้แก่ลูกจ้างภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่นายจ้างเลิกจ้างหรือ วันที่ลูกจ้างลาออก หรือวันที่สัญญาประกันสิ้นอายุ แล้วแต่กรณี"
ที่สำคัญที่สุดกฎหมายนี้มีผลของการกระทำผิดทั้งจำทั้งปรับน่ะครับ...ขอเตือนว่า ธุรกิจหลายๆแห่งประสบปัญหาจากการทำผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงานจนกระทำ เจ๊งไปหลายรายแล้วน่ะครับ...อย่าล้อเล่นครับถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ประเด็นอื่นผมไม่กล่าวซำ้น่ะครับ..ขอบคุณ