เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 21:50:17
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ป่าไม้เชียงรายเหลือน้อยลงไปทุกวัน ชาวเชียงรายทำไงกันดี
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์
ผู้เขียน ป่าไม้เชียงรายเหลือน้อยลงไปทุกวัน ชาวเชียงรายทำไงกันดี  (อ่าน 1413 ครั้ง)
music1255
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 06:33:24 »

ช่าย ทำไมมันมีแต่ลดลงๆ อ่า
IP : บันทึกการเข้า
mu-oun
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 400


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 13:13:59 »

ป่าไม้มีน้อยลง ๆ ตึงวัน    ไม้ป่าเดียวกั๋นมีนักขึ้นตึงวัน ๆ   ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
wincrf
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 14:45:12 »

ไม่มีคนกล้าจัดระเบียบการใช้งานพื้นที่
คนที่มีหน้าที่โดยตรงก็ไม่ขยับ
ขยับก็ไม่ค่อยได้ งบน้อย คนน้อย ถูกดองตั้งแต่
ตั้งงบประมาณประจำปีแล้วหละ
วันดีคืนดี เจอพวกแสดงอำนาจอีกตากหาก
....แล้วเราจะทำไงดี อย่างที่ จขกท.ว่านั่นแหละ กลุ้มมมมม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
~pong03~
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 899



« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 15:13:27 »

สมัยก่อน แถวบ้านเรามีไม้เยอะไม่แพ้ พม่า ป่าไม้เยอะ ก็เปิด สัมปทานป่าไม้
จนป่าแทบไม่เหลือ จุดไหนมีแร่ ก็เปิดทัมปทานเมืองแร่
และ ชาวเขาชาวดอย ก็มาจากพม่า แอบทำบัตรประชาชนปลอมทั้วบ้านทั้วเมือง
คนที่อยู่เดิมๆผมไม่ว่านะครับ แต่เข้ามาใหม่นี้สิ เยอะขึ้นทุกทีๆ และก็แพ้วถางที่ป่า ทำไร่
ไม่สนว่าจะเป็นจุดต้นน้ำหรือป่าใหญ่โค้นล้มทำไร่ทำสวนหมด ไม่เห็นเจ้าหน้าที่จัดการสักที
แต่พื้นที่ คนเมืองท้องถิ่นที่ทำกินมานาน กลับมาตรวจบ่อยจัง ไม่รู้จะตรวจทำไมกับพื้นที่ คนเมืองทำกินมาหลายชั่วอายุคน จนไม่มีป่า มันเป็นสวนไปแล้ว ณ ปจุบันยังไม่มี เอกสารสิทธิ์
 แต่หากดูภาพถ่ายทางอากาศ พื้นที่ทำกินมีมานานมากกว่า 100ปี พื้นที่ป่ารอบๆ เป็นต้นไม้ใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ เป็นของชาวเขาไปหมดแล้ว ผมก็ข้องใจ ว่าทำไหมเอกสารสิทธิ์ไม่ออกมาสักที ผมมาเป็นเขยบ้านก็เกือบ20ปีแล้ว จนผมจะเป็น ตาอยู่แล้ว คงอีก1,000ปี เอกสารสิทธิ์จะออกมา แต่ผมว่าจะพิสูจน์ยากไปอีก เพราะมีป่าสงวนทับที่ชาวบ้านอยู่ ป่าสงวนพึ่งประกาศเมื่อปี ประมาณ2540 ทั้งๆที่มีภาพถ่ายทางอากาศ ก็ยังประกาศทับที โดยไม่ผ่าน
ประชาวิจารณ์ของชาวบ้าน ผมคิดเห็นว่าควรจะออกเอกสารสิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องการการแผ้วถางเพิ่ม ก่อนประกาศเขตป่าสงวนปี2540 ผู้ใดมีพื้นก่อนปีประกาศเขตป่า ควรจะได้สิทธิ์ครอบครอง เพราะคนท้องที่มีญาติพี่น้องอยู่ในถิ่นฐานมานมนาน ปจุบันป่าก็เริ่มหายไป
ปีล่ะหลายสิบไร่ เจ้าหน้าที่ต้องดูแลด้วยครับ เข้าไปยังจุดป่าจริงๆ ไม่ใช่เข้าไปดูในไร่ข้าวโพด
ที่ไม่มีแม้แต่ตอไม้ ป่าต้นน้ำป่าใหญ่ล้มหมด ใครๆเขาก็เห็น แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่เห็น มันเป็นซะอย่างนี้ แลบลิ้น
IP : บันทึกการเข้า

Facebook -https://www.facebook.com/pin.manora
Line Pin manora
Dek Zens
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30


« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2013, 23:23:51 »

สักวันธรรมชาติจะลงโทษ เราเตรียมรับมือได้เลยครับ น้ำท่วม น้ำหลาก ฝนแล้ง ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น อาหารราคาแพง รายได้ไม่มี หนี้สินล้นตัว เมียหนี้ กิ๊กขอไปมีผัว เครียด กินเหล้า ซะป๊ะเน้อ ไปเรื่อยละ ฮ่าๆ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
po-capuchino
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91


iPo-art studio


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 21:30:55 »

จะบอกว่า google earth เป็นภาพเก่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว

ตอนนี้ มันโกร๋นยิ่งกว่าที่เห็นอีก บ่นๆไปก็เท่านั้น

 ถือครองไว้อีกหน่อยก็หวังให้รัฐออกเอกสารสิทธิ์ให้

ปลูกป่า หมดงบเท่าไร ก็โดนเผาทำไร่ข้าวโพดหมด

คำตอบไม่ใช่ ห้ามบุกรุกป่า แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับป่า ป่าชุมชน คือคำตอบ

อ่านะ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เล่นเว็บนี้หลายคน บ่นๆไป ....ตามประสาคนขี้บ่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013, 21:34:47 โดย po-capuchino » IP : บันทึกการเข้า

linchi
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 283


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2013, 15:06:52 »

ถ้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้หมดไป

ป่าต้นไม้คงกลับคืนมา
IP : บันทึกการเข้า
Chamlong1234
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 136


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2013, 16:41:53 »

เมื่อวานไปเชียงของใช้เสันทาง ศูนย์ราชการ - บ้านฟาร์มฯ - ป่ายางมน - เวียงเชียงรุ้ง - ดอยหลวง - กิ่วหก - บ้านแก่น - เชียงของ ตลอดเส้นทางมีการ เผาหญ้า เผาขยะ เผาซังอ้อย ต้นข้าวโพด เป็นระยะๆ แสดงว่า การรณรงค์ให้เลิกเผานั้นไร้ผล เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้นหย่อนยานในการประชาสัมพันธ์และกวดขันจับกุมผู้กระผิดมาลงโทษ ทำให้ปัญหาหมอกควันมิได้บรรเทาลงตลอดเวลาที่ผ่านมา
IP : บันทึกการเข้า
inta
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2013, 20:31:09 »

ต้องลงมือทำครับ    ถ้ามีที่ว่างตรงไหนพอปลูกได้ก็ปลูกไปเลยครับ   รอใครไม่ได้หรอกครับ   ถ้าตัวเราทำได้ทำไปเลย   โดยเฉพาะต้นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มใบ    มีผลทำอาหารได้
กิ่งก้านทำฟืนได้  พึ่งใครไม่ได้จริงๆ     ทุกคนต้องลงมือ   ต้องพยายามเปลี่ยนความคิด
กิจกรรมการกุศลต่างๆ   น่าจะเปลี่ยนแนวไปทางอนุรักษ์ธรรมชาติบ้าง    พวกจัดแข่งกอล์ฟ
แรลลี่   เลี้ยงรุ่น    หรือปล่อยนก    ปล่อยปลา    ไหว้พระ 9 วัด    เปลี่ยนไปลอง   ปลูกป่า
บนเขา 9 ลูก   อาจจะเป็นการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่ง   ข้อสำคัญปลูกแล้วต้องหมั่นไปแวะดู
หน่อย   อย่าปลูกทิ้งปลูกขว้าง    โดยเฉพาะพวกหน่วยงานต่างๆ    ถ่ายรูปแล้วทำรายงาน
แล้วก็จบเลย    ถ้าใครมีกิจกรรมเรื่องปลูกป่าแจ้งมาได้เลยครับ  ขอเป็น 1 เสียงเรื่องการปลูกป่า
IP : บันทึกการเข้า


สนใจ โทร 086-9176511
Kodchaporn009
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 340


« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2013, 11:47:39 »

มาผ่องดอยตี้บ้านดอยก้า หายไปเปั๋นแถบ ขนานติดถนนน่ะ
IP : บันทึกการเข้า
CoffeeCR
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 355



« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2013, 13:54:55 »

ถ้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้หมดไป

ป่าต้นไม้คงกลับคืนมา

เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขาไม่สามารถห้ามคนไม่ให้ตัดไม้ได้หรอก
คนจะตัด ยังไงก็ตัด
การเพิ่มพื้นที่ป่า ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ใช้เวลานาน
 ตอนนี้คือแค่รักษาที่มีอยู่ในอยู่ได้นานที่สุดเท่านั้นเอง
ชาวบ้านบุกรุก เราไปจับเขาได้ก็จริง ก็มาเกลียดเรา เผาหน่วยฯ ด่าต่างๆนาๆ
ท้อ!!

 ร้องไห้ ร้องไห้


IP : บันทึกการเข้า

ยิ้ม
Dek Zens
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 00:01:46 »

ลองดูภาพถ่ายทางอากาศเทียบบ้านเรากับพม่า คนละเรื่องเลยครับ ป่าพม่าหลงเข้าไปนี่สงสัยโดนเสือกินอ่ะ ป่าสมบูรณ์และกว้างใหญ่มาก ของบ้านเราแทบจะหาป่าผืนใหญ่ไม่ได้เลย มันเหมือนฝันผุอ่ะ ป่าของเชียงรายมันถูกบุกรุกรอบด้านเลยนะมันคงจะหายไปเร็วๆนี้

พื้นที่ใครมีปัญหาป่าไม้ถูกทำลายบ้าง รายงานกันหน่อยครับ มีที่ไหนบ้าง
IP : บันทึกการเข้า
~pong03~
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 899



« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 06:33:48 »

ลองดูภาพถ่ายทางอากาศเทียบบ้านเรากับพม่า คนละเรื่องเลยครับ ป่าพม่าหลงเข้าไปนี่สงสัยโดนเสือกินอ่ะ ป่าสมบูรณ์และกว้างใหญ่มาก ของบ้านเราแทบจะหาป่าผืนใหญ่ไม่ได้เลย มันเหมือนฝันผุอ่ะ ป่าของเชียงรายมันถูกบุกรุกรอบด้านเลยนะมันคงจะหายไปเร็วๆนี้

พื้นที่ใครมีปัญหาป่าไม้ถูกทำลายบ้าง รายงานกันหน่อยครับ มีที่ไหนบ้าง

แถวบ้านผม เมื่อ10ปีก่อนนี้เอง สามารถหาเห็ดหาหน่อไม้ในป่ามากินกันได้สบายๆ
เดี๋ยวนี้ ทั้งแม่ลาวฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ถูกชาวเขายึดพื้นที่ป่า ทำไร่หมดแล้ว
รอบๆหมู่บ้านรัศมี 1 กิโลเมตร
IP : บันทึกการเข้า

Facebook -https://www.facebook.com/pin.manora
Line Pin manora
Maxza555
ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ^^
สมาชิกลงทะเบียน
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11,878



« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 07:00:14 »

เห็นข่าวเเทบทุกวัน ลักลอบตัดไม้พยูง โกรธ
IP : บันทึกการเข้า

ooynai 9
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 335


« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 07:43:58 »

เมื่อวานไปเชียงของใช้เสันทาง ศูนย์ราชการ - บ้านฟาร์มฯ - ป่ายางมน - เวียงเชียงรุ้ง - ดอยหลวง - กิ่วหก - บ้านแก่น - เชียงของ ตลอดเส้นทางมีการ เผาหญ้า เผาขยะ เผาซังอ้อย ต้นข้าวโพด เป็นระยะๆ แสดงว่า การรณรงค์ให้เลิกเผานั้นไร้ผล เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้นหย่อนยานในการประชาสัมพันธ์และกวดขันจับกุมผู้กระผิดมาลงโทษ ทำให้ปัญหาหมอกควันมิได้บรรเทาลงตลอดเวลาที่ผ่านมา
นักข่าวTVก้อหัน  แล้วก้อถ่ายVDOไปเรียบร้อยแล้ววันซืน ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม มีคนบอกว่าคนตี๊อยู่ตังหลังจาวเขาหมู่นั้นตั๋วใหญ่อี้นิ่  เศร้า ตกใจ :oแต้บ่ะแต้บ่ะฮู้  แต่นักข่าวบอกว่าจะเอาVDOไปหื้อตังบนปู้นนนนนนนผ่ออี้นิ่ ร้องไห้ ร้องไห้ :'(ไผมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของจาวบ้านส่วนใหญ่"เอาโซ่ล่ามจ๊างมัดเก้าอี้ประจ๋ำต๋ำแหน่งหื้อดีๆเน้อ..." นักข่าวบอกว่าจะอยู่เจียงฮายหลายวันอิน่ะ  ถ้าผ่อข่าวในTVกั๋นคนเดวเน้อ จุมพิต จุมพิต จุมพิต ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
Aikaew
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 294


« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 09:48:02 »

ปั๋นหามันใหญ่ระดับชาติน่ะครับ ป่าบะได้เป็นของจาวบ้าน ชุมชน ถ้าจะแก้ได้ระยะยาวก็ต้องคืนอำนาจก๋านจัดก๋านมาหื้อชุมชน/จาวบ้านครับ เฮามีอัตราเพิ่มประชากรบะหน้อย การเคลื่อนของคนจากตี้อื่นทุนหนา/ปั๋ญญานัก/ศักดิ์ใหญ่ การจั้ยตี้ดินเพิ่มขึ้น ถ้าเฮามีผู้ว่าฯตี้เฮาเลือกมาน่าจะจ้วยได้นักขึ้น อย่างน้อยๆ จะสามารถมีข้อบัญญัติหื้อชุมชนบริหารป่าชมชนใน/ติดบ้านได้
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 14:43:00 »

ลูกน้องอยากจับแต่หัวหน้าไม่ให้จับ กินกันเป็นทอดๆบางครั้งก็เจอพวกเดียวกันแ่ต่อยู่ต่างหน่วยงาน ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
jew
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50



« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 14:54:39 »

ต้องลงมือทำครับ    ถ้ามีที่ว่างตรงไหนพอปลูกได้ก็ปลูกไปเลยครับ   รอใครไม่ได้หรอกครับ   ถ้าตัวเราทำได้ทำไปเลย   โดยเฉพาะต้นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มใบ    มีผลทำอาหารได้
กิ่งก้านทำฟืนได้  พึ่งใครไม่ได้จริงๆ     ทุกคนต้องลงมือ   ต้องพยายามเปลี่ยนความคิด
กิจกรรมการกุศลต่างๆ   น่าจะเปลี่ยนแนวไปทางอนุรักษ์ธรรมชาติบ้าง    พวกจัดแข่งกอล์ฟ
แรลลี่   เลี้ยงรุ่น    หรือปล่อยนก    ปล่อยปลา    ไหว้พระ 9 วัด    เปลี่ยนไปลอง   ปลูกป่า
บนเขา 9 ลูก   อาจจะเป็นการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่ง   ข้อสำคัญปลูกแล้วต้องหมั่นไปแวะดู
หน่อย   อย่าปลูกทิ้งปลูกขว้าง    โดยเฉพาะพวกหน่วยงานต่างๆ    ถ่ายรูปแล้วทำรายงาน
แล้วก็จบเลย    ถ้าใครมีกิจกรรมเรื่องปลูกป่าแจ้งมาได้เลยครับ  ขอเป็น 1 เสียงเรื่องการปลูกป่า
+1
ถ้าเรามีจิตอาสาที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราทำด้วยความจริงใจ ทำไปแล้วไม่เดือดร้อนใคร ทำแล้วสังคมตอบรับในทางบวก ก็คือมันเป็นมรรคเป็นผลของประเทศ อะไรก็ได้
จาก ดาบวิชัย ผู้ปลูกต้นไม้ให้ประเทศมาแล้วล้านต้น

มาร่วมสร้างสังคมใหม่ เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม
IP : บันทึกการเข้า
CoffeeCR
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 355



« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 17:37:33 »

http://pantip.com/topic/30162589/comment2

เอามาแบ่งปันค่ะ เขาแสดงความคิดเห็นไว้ได้ดีทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องปัญหาการบุกรุกป่า ของชาวบ้าน
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้ม
~pong03~
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 899



« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2013, 19:56:55 »

http://pantip.com/topic/30162589/comment2

เอามาแบ่งปันค่ะ เขาแสดงความคิดเห็นไว้ได้ดีทีเดียว
เกี่ยวกับเรื่องปัญหาการบุกรุกป่า ของชาวบ้าน

ผมเห็นด้วยกับข้อคิดเห็นนี้ครับ

--->
อยากแลกเปลี่ยนด้วยครับ  เรื่องปัญหาการบุกรุกป่า ของชาวบ้าน ในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน  30 ปีที่ผ่านมา  มุมมองคนเมืองหลวง  มองคนชนบท เป็นผู้บุกรุกป่า  เหมือนเช่นที่คนพื้นราบ มองคนบนภูเขา บุกรุกป่า  นั่นแหละครับ 
 
จริง ๆ เรามอง ปัญหาอย่างตัดขาด ระหว่างเมืองและชนบท  ย้อนไปร้อยกว่าปี  รอบ ๆ กรุงเทพ ก็มีแต่ป่าไม้ครับ   แต่ปัจจุบัน  ไม่เหลือสักต้น  นั่นคือการบุกรุกป่าเหมือนกัน  ตอนนี้ภาคกลางในรัศมีร้อยกิโลเมตร ไม่เหลือป่าไม้เลย  เขตรอยต่อป่าไม้  รอบกทม.  ถ้าใกล้สุดก็นครนายก  ห่างออกไป 80 กม. ภาคตะวันออก  เหลืออยู่ที่อ.ศรีราชา  ชลบุรี หย่อมหนึ่ง ส่วนเขาไม้แก้ว ทางไประยอง ก็จะหมดแล้ว  ซึ่งก็ห่างออกไป 100 กม. ทางตะวันตก นี่ไม่ต้องพูดถึง โน่นครับ ติดอ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี  ไกลไปกว่า 200 กม.  ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ก็ต้องอุทัยธานี  250 กม. ส่วนทางเหนือ ก็ต้องเลยนครสวรรค์ ไป มากกว่า 250 กม. ตะวันตก เมืองกาญจนบุรี และราชบุรี พอ ๆ กันครับ  150 กม. ทางใต้ ก็ต้องโน่น เข้าเขตหัวหิน  ประจวบฯ  ทั้ง ๆ อดีต พื้นที่ป่าไม้  อยู่รอบ ๆ กทม. ไม่เกิน 30 กม. 
 
ถามว่าทำไม ต้นไม้หายไป  ก็เพราะคนเราต้องการพื้นที่ทำการเกษตร  ที่อยู่อาศัย  พาณิชย์  ฯลฯ  เพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากร  ในอดีตเรามีประชากร เพียง 35 ล้านคน  แต่ปัจจุบันเรา จะแตะ 70 ล้าน คนอยู่แล้ว 
 
โจทย์ใหญ่ที่สุด ที่เราไม่เคยทำการวิจัย ศึกษา และวางแผน มาเลย คือ การใช้ที่ดิน อย่างคุ้มค่า  และเพิ่มมูลค่า การใช้  ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไร  ในพื้นที่ 321 ล้านไร่ของประเทศไทย  เป็นพื้นที่เกษตร มากกว่า 100 ล้านไร่  ที่เหลือเป็นพื้นที่ป่า  ประมาณ 100 กว่าล้านไร่  ซึ่งก็มีความทับซ้อน ระหว่างป่าสงวน  ป่าเสื่อมโทรม ป่าอนุรักษ์ อุตุลุดไปหมด  ส่วนอีกเกือบ 80 ล้านไร่  เป็นที่ส่วนราชการ ที่ทหาร ที่ราชพัสดุ ที่พาณิชย์  ที่อยู่อาศัย และที่รกร้างว่างเปล่า 
 เราไม่เคยมีการบอกว่า  เราต้องมีพื้นที่ปลูกข้าวเท่าไหร่  จึงเหมาะสม  และในแต่ละพื้นที่ปลูกข้าว นั้นต้องได้ข้าวกี่ตัน จึงจะคุ้มค่า   ต้องปลูกผลไม้เท่าไหร่ จึงเหมาะสม ทำมันสำปะหลัง เท่าไหร่  ทำปาล์มเท่าไหร่ ทำสวนยางเท่าไหร่   มันสัมพันธ์ ความไม่ประสบความสำเร็จ ในการบริหารจัดการที่ดินและพืชผลทางการเกษตร  ที่เกิดคำถามว่า ทำไมเกษตรกรยากจน   เพราะส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรล้มเหลว เรื่องอาชีพ ในการสร้างรายได้ ที่ต้องยกระดับเข้าสู่สังคมโลกยุคใหม่ครับ   นี่ยังดีนะ ที่แรงงานภาคเกษตร ไหลเทเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม  บริการ และพาณิชย์  ไม่เช่นนั้น เราจะเห็นพื้นที่ป่าหายไปมากกว่านี้ 
 
สิ่งที่คุณเห็นในภูเขาภาคเหนือ นั่นในอดีตไม่ไกลนัก เป็นฝีมือของชาวเขา ครับ แต่ปัจจุบันมีชาวเรา ชาวพื้นราบ ชาวเมือง จากทั่วทุกทิศ เข้าไปปะปน  เช่นคนใต้จังหวัดชายแดน และใต้ตอนกลาง  หนีไปทำสวนยางในภาคอีสาน  และภาคเหนือ  เป็นต้น   

จริง  ๆ หากมีคนทำโมเดล  การบริหารจัดการด้านเกษตร และที่ดิน อย่างสัมพันธ์  เราก็จะรู้ว่า  สินค้าเกษตร แบบครัวเรือน หรือเอกชนรายย่อย นั้น มันมีความเหมาะสมของมันในแต่ละประเภทสินค้าเกษตรที่ปลูก  ผมยกตัวอย่าง  เช่นยางพารา  ครอบครัวหนึ่ง  ที่เหมาะสมคือประมาณ 25 ไร่  คือความหมายว่า ใช้แรงงานในครอบครัว ปลูก ดูแล กรีด  โดยไม่ต้องจ้าง  นะครับ   ปาล์มนี่ ใช้พื้นที่มากหน่อย ประมาณ 50  ไร่ จึงจะคุ้มทุน  เพราะปลูกปาล์ม ไร่หนึ่งได้ 22 ต้น  ขณะที่ยางได้ 78-82 ต้น  ต่างกัน 4 เท่าตัว  แต่ปาล์มตัดเดือนละ ไม่เกิน 2 ครั้ง ส่วนปาล์มกรีดวันเว้นวัน หรือทุกวันแต่เว้นแถว  ดังนั้นแรงงานปาล์มจึงรองรับพื้นที่ได้มากกว่ายาง  ครัวเรือนหนึ่ง จึงรองรับได้มาก และการให้ผลผลิต จากพันธ์ปาล์ม ของกรมวิชาการเกษตรของไทย อยู่ระดับที่ 2.7-3 ตัน  หากปลูกน้อย ก็ไม่คุ้มค่าการลงทุน    ส่วนมันสำปะหลัง อ้อย ก็เช่นเดียวกัน มีโมเดล ที่เหมาะสมรองรับครับ
เช่นเดียวกับข้าว ที่หากยึดโมเดลชุมชนบุพกาล  เต็มที่ ครอบครัวหนึ่งทำได้ไม่เกิน 20 ไร่ ครับ  นั่นคือ ปลูกเอง  (ลงแขกบ้าง)  หรือใช้ควาย  เกี่ยวเอง  แต่หากเป็นยุคปัจจุบันใชเครื่องจักร ก็สามารถทำได้ถึง 50 ไร่ 
 
ปัญหาทั้งหมด เราไม่เคยมีการ ทำโมเดล ที่เหมาะสม ครับ   เพราะคนไทยชอบเสรี    ไม่เคยคิดโมเดล การเกษตร ที่สนองตอบ การตลาด แบบครบรอบ   เช่น หากทำนา เราทำเหมือนกันหมด เพราะง่ายต่อระบบการจัดการน้ำ  เก็บเกี่ยวและขนส่ง  เนื่องจาก ระบบนาของเรา มันเป็นพรืด ติดกัน ไม่ว่าจะมีเจ้าของกี่ราย   จริง ๆ หากเอาโมเดลมาจัง ให้ครบมิติ  จะพบว่า  เรามีที่ดินเหลือพอที่จะทำการเกษตร เพื่อการผลิตด้านบริโภค  หรือแปรรูป 
 
ผมยกตัวอย่าง  เราเจอปัญหาราคาข้าวตก  ผลผลิตข้าวอยู่ในอัตราต่ำต่อไร่  วิธีแก้ของเรา คือ แทรกแซงราคา ประกันราคา  รับจำนำ และหาทางเพิ่มผลผลิตต่อไร่  แต่ไม่เคยคิดหาทางว่า ถ้าพื้นที่ตรงนี้มันไม่คุ้ม  ก็หันไปคิดพืชเกษตรชนิดอื่น   เรายังคงตั้งหน้าตั้งตา แก้ปัญหาปลายทาง ไปตลอด  ดังนั้นเมื่อข้าวราคาดี  ทุกคนก็จะแห่ปลูก   แม้กระทั่งคนเมืองหลวง ก็อยากได้ที่นา  กว้านซื้อแล้วจ้างชาวบ้านปลูกอีกที   ชาวนาขายที่ ได้ราคาแพง ก็ไปหาที่ ราคาถูก ซึ่งก็คือ การขยายพื้นที่ใหม่  นั่นแหละครับ 
 
ตอนผมแวะไปต่างประเทศ หลายปีก่อน เช่นเยอรมัน  ระบบการบริหารจัดการเกษตร นั้นเป็นระบบฟาร์ม   ครับ เช่น  เขาปลูกผัก  ขาย  เขาคิดวางแผน  ตั้งแต่  การใช้ที่ดิน ที่เอเคอร์ จึงเหมาะสม  ไม่เกินกำลัง  แล้วแบ่งแปลงปลูก ผัก  โดยคำนวณอายุผัก ว่าผักชนิด 45 วันเก็บได้  อีกชนิดหนึ่ง 60 วันเก็บได้  เขาก็จะแบ่งเป็น 45 แปลง  หรือ 60 แปลง และเริ่มลงมือปลูกแปลงที่ 1 แปลงที่ 2 ไล่เรียงกันไปจนครบ 45 แปลง 45 วัน  พอเขาปลูกแปลง ที่ 45 เสร็จ นั่นหมายความว่า เขาเริ่มแปลงที่ 1 แล้ว  และเขาก็จะหมุนรอบแบบนี้   ผมก็ถามเขาว่าทำไม  เขาบอกว่า สะดวกสำหรับคนรับซื้อและตลาด  คือมีสินค้าสด ป้อนให้เขาทุกวัน  คนกลางรับซื้อก็ไม่เสียเที่ยว  ตลาดแผงขาย ก็มีสินค้ามาส่งทุกวัน  แบ่งงานกันทำ  แบ่งกำไร กัน ครับ  แต่ของเรา มีพื้นที่แปลงหนึ่ง เราปลูกชนิดเดียวกัน  ครั้งเดียว และรอผลผลิตออก 45 วัน ก็ตัด เสร็จแล้วก็เริ่มปลูกใหม่ รออีก 45 วัน จึงจะได้เก็บ   พ่อค้าเขาต้องหาของขายทุกวัน  เขาวางแผนไม่ถูก  เขาไม่รอหรอกครับ  45 วัน เขาก็ต้องไปหาที่อื่น  หาสินค้าอื่น  ซึ่งสร้างปัญหาให้กับเกษตรกร ทีปลูกแล้ว ไม่มีใครมารับซื้อ  ก็ต้องหาทางเอาไปขายตลาดเอง เสียต้นทุนค่าขนส่ง บางทีไปแล้ว เสียท่าพ่อค้า กดราคา ก็ต้องขาย ผีถึงป่าช้า  ขายขาดทุน ดีกว่าต้องเททิ้ง  มันเป็นแบบนี้   
 
ผมถึงบอกว่า  เราไม่มีการจัดทำโมเดล ด้านการเกษตร   กระทั่งปัจจุบัน  มีสินค้ายาง  ปาล์ม และอ้อย  เท่านั้น  ที่เข้าสู่วงจรอุตสาหกรรม   โดยเฉพาะยางพารา  ที่พอกรีด ได้น้ำยางสด ก็มีพ่อค้ามารับซื้อ แต่ด้วยความเป็นธรรมชาติของยางพาราครับ ที่สามารถกรีดได้ทุกวัน  เพียงแต่ต้องรอนาน 7 ปี กว่าจะกรีดได้  ไม่ใช่เรื่องการวางแผน เป็นโมเดล ในทางการเกษตร 
 
ข้าวโพด ก็เหมือนกัน  ภาคเหนือ ปลูกกันมาก เพราะการส่งเสริมบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซีพี ที่ต้องการซื้อข้าวโพด เป็นเมล็ดพันธุ์ (seed) และเป็นวัตถุดิบป้อนเข้าโรงอาหารสัตว์  ข้าวโพดที่ปลูก ส่วนใหญ่ ปลูกปีละครั้ง  ครับ   เพื่อให้ได้ผลผลิต มาก ก็ต้องใช้พื้นที่มาก  ดังนั้น จึงเห็นชาวบ้านบุกรุกพื้นที่บนเขา  ปลูกข้าวโพดกัน  ถามว่าเขาเหนื่อยไหม  เหนื่อยครับ  แค่เดินขึ้นดอย ก็หมดแรงแล้ว สำหรับพวกเรา  แต่เขาต้องทำ  เนื่องจากต้องการเงิน  จึงมีความพยายาม คิดทฤษฎี แก้ไขปัญหาเรื่องนี้  เช่นเศรษฐกิจพอเพียง  แต่มันไม่ตอบโจทย์  ครับ  เพราะอะไร  นักวิชาการบางคน โยนเป็น วัตถุนิยม  แต่จริง ๆ มันก็เป็นกฎของฟรอยด์  ครับ ที่เป็นความต้องการของมนุษย์  เราจะไปกีดกันไม่ให้เขา ดิ้นรน มีเศรษฐกิจ ที่ดีขึ้น  ส่งลูกเรียนต่างประเทศ  นั่งเครื่องบิน มีรถใช้  มีเฟอร์นิเจอร์ใช้  เหมือนคนเมืองไม่ได้  เพราะมนุษย์ มีความต้องการเหมือนกัน   

แต่กล้บไม่มีใครคิด  ว่า แล้วโมเดล ที่เหมาะสม สำหรับการทำเกษตร  ในแต่ละระดับ  แต่ละพื้นที่ แต่ละประเภท เป็นอย่างไร   แต่กลับโยนโจทย์ ไปที่ กระแสค่านิยม  หรือพยายามเบี่ยง ให้เขาอยู่อย่างสมถะ  ซึ่งฝืนธรรมชาติความต้องการของมนุษย์ ครับ  ดังนั้นกระแสตอบรับ ในแนวคิด เหล่านี้ยังไม่ได้ผล   คนก็ยังตั้งหน้าตั้ง ดิ้นรนตอบสนองความต้องการ ของตนเอง อยู่ต่อไป  บางคนอยากรวยเร็ว ก็ค้ายาบ้า ยาเสพติด  ที่มีเห็นกันเกลื่อน 
 
ประเด็นหลัก จริง ๆ ผมเห็นว่า  เราแก้กันที่ต้นทาง  ครับ คือ การสร้างโมเดล บริหารจัดการเกษตร  ที่เหมาะสม  ขึ้นมา  เสียใหม่ 
 ผมยกตัวอย่าง  เช่น  ผลไม้  ที่มีปัญหาทุกปี    แต่แปลกไหมครับ  ทุเรียนเมืองนนท์  นี่ใช้พื้นที่ไม่มาก  แต่กำไรมหาศาล  เพราะขายได้ราคาสูง เป็นสินค้าพรีเมียม  เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า เป็นทุเรียนอร่อยที่สุดในประเทศ   มีประวัติมายาวนาน  มีชื่อ  จนผลผลิตจากสวนต้องจองกันตั้งแต่ ติดลูกเล็ก ๆ  กันเลยทีเดียว   แต่ทุเรียนระยอง ทุเรียนนาสาร กลับมีปัญหาราคาตกทุกปี  แต่เราก็ยังปลูกกัน  ไม่ได้เปลี่ยนแปลง   โดยส่วนใหญ่นะครับ  มีบางคน เท่านั้น ที่เปลี่ยนแปลง คือ หันมาผลิตทุเรียน เฉพาะกลุ่มลูกค้า  สร้างเอกลักษณ์ ออกมา  บางรายส่งเฉพาะญี่ปุ่น จีนก็ไม่พอ  นี่คือ การบริหารจัดการเกษตรแบบยุคใหม่  ที่ครบทุกมิติ  คือ ผลิตป้อนตลาดเฉพาะ 
 
ผักปลอดสารพิษ โดยปลูกแบบไฮโดรโปรนิกส์  นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง   ตัวอย่างมีอยู่เจ้าหนึ่งปลูก ในพื้นที่ 3 ไร่ เลียบทางด่วนรามอินทรา  ใกล้กับวัดคู้บอน  เขาป้อนตลาดผักสลัด สำหรับโรงแรม  ครับ  เก็บขายทุกวัน  รายได้ดี   แต่กับกระหล่ำปลี ที่ปลูกบนดอย  ภาคเหนือไล่จากตากไปจนถึงเชียงราย  ปลูกดะ ครับ  ปีไหนราคาดีรอด ปีไหนราคาตก เจ๊ง  และผักเหล่านี้ขนไปส่ง กทม. และไม่น่าเชื่อ บางทีขนไปส่งถึงตลาด นครศรีธรรมราช  ส่งต่อไปสิงคโปร์  บางทีไปถึงภูเก็ต  ทั้ง ๆ กระหล่ำปลี ปลูกที่ไหนก็ได้   เราก็ไม่มีการจัดการ  เรายอมปลูกบนดอย ขนส่ง ลงใต้  ค่าขนส่งกินหมด   

ภูเก็ตนี่ เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ต้องการผักทุกประเภท  แต่กลับปล่อยให้จังหวัดกระบี่  และพังงา ปลูกยาง ปลูกปาล์ม   ขายยาง ขายปาล์ม ซื้อผักจากทางเหนือ มากิน  เราไม่เคยบอกว่า เฮ้ย  กระบี่ และพังงา  นี่ สร้างโมเดล ปลูกผัก ขนาดคนละ 5 ไร่  รวมกลุ่ม เป็นกลุ่มผลิต ผัก  สัก 5 ประเภท  แบ่งแปลงให้ครบรอบการผลิต  สามารถป้อนผักให้ภูเก็ต ได้ทุกวัน  ไม่มีคนคิด ไม่มีคนทำ  ทั้ง ๆ ประหยัดค่าขนส่ง  ไม่ต้องกดราคาคนปลูก  เพื่อเอากำไร  และต้องขายขูดรีดนักท่องเที่ยวในราคาแพง  ๆ  จริง ๆ เราทำแบบนี้ได้ แต่เราไม่ทำ   กลายเป็นเรื่องตลก  ครับ

จริง ๆ ด้วยประเทศเราเป็นประเทศ ที่่เหมาะสมกับการเกษตรทุกประเภท  ครับ  แต่เราขาดศักยภาพ   ในการบริหารจัดการในรูป "โมเดล"  ผมยกตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง  คือ ที่นครนายก และรังสิตคลอง 6-12  และอำเภอบ้านนา เป็นแหล่งผลิตต้นไม้ ทุกประเภท  เรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรม  ครบวงจร เลยทีเดียว ที่ถือว่าประสบความสำเร็จ  คือ ปลูกหลายประเภท  และแบ่งกันนะครับ  ถ้าต้นไม้ใหญ่  ก็ต้องอ.บ้านนา  ไม้ดอก ไม้ประดับ ก็ต้องแถวคลองรังสิต  ส่วนไม้ยืนต้น ก็ต้อง ปราจีน  แถมกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว  เกิดร้านกาแฟ  แหล่งพักผ่อน  ฯลฯ   ซึ่งหากศึกษา เราก็จะพบว่า มีการพัฒนา ที่มีรูปแบบ และมีความรู้การบริหารจัดการ ที่ควรถอดออกมาครับ   

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมแปลกใจ  คือ ทุ่งดอกกระเจียว  มีอยู่คราวหนึ่งก่อนหน้านี้ รู้สึกเราจะต้องฟ้องร้อง เรื่องที่ยุโรป ได้เอาไปขึ้นทะเบียน เป็นสินค้าของเขา และเราคัดค้าน  บอกว่าเป็นของเรา  สุดท้ายผมจำไม่ได้ว่าเราแพ้ หรือชนะ  แต่ผมได้แต่ สมเพช  คือ เราสู้เพื่อบอกคนทั้งโลก ว่านี่เป็นของเรา เสร็จแล้วก็จบ  แหล่งดูดอกกระเจียว ยังอยู่ที่  ชัยภูมิ  เหมือนเดิม   ทั้ง ๆ ที่ ดอกกระเจียว เป็นพืชตระกูลหัว  ที่สามารถนำมาวางแผน ผลิต ปลูก เป็นไม้กระถาง ตั้งโต๊ะ  ชนิดบังคับออกดอกได้ด้วย  และปลูกที่ไหนก็ได้  ถ้ามีการควบคุมอุณหภูมิ   สามารถเนรมิต สร้างแหล่งปลูกดอกกระเจียว  ในระบบปิด  รอบ ๆ กรุงเทพ นี่ยังได้เลย  โดยที่คนอยากดูไม่ต้องถ่อสังข
--------------------------------------
ทำไมเพิ่งมาดูตอนนี้ อดีต ทำไมไม่ดูแลรักษา
และ ชาวเขาอย่างที่ว่า ป้องกันได้หรือ มาจากไหนเยอะแยะ ?? เยอะเรื่อยๆ
บัตรประชาชน ได้มาอย่างไร แบบทับซ้อนชื่อ ??
ป่า ใครเป็นคนทำลายกันแน่ ฮืม
ชาวบ้าน นายทุน หรือ ผู้ที่หวังครอบครองโดยชาวต่างประเทศ ??
ทำไมภาคกลาง ไม่มีป่า ?? มันหายไปไหนล่ะ ?? มีใบโฉนดได้อย่างไร ??
แล้วชาวเขาที่เข้ามายังประเทศไทยเรื่อยๆ จะป้องกันอย่างไร ?? ป่าหายไปเพราะชาวเขาบุกทำลาย ใครหรือที่จะอาสามาปราบปรามฯลฯ ฮืม?
สิทธิ์ที่ดินทำกิน ของชาวบ้าน ที่ทำมานาน ไม่ออกสักที หลักฐานที่ดินไม่เด่นชัด
ชอบที่ไหนแบบรวบรัด ก็เอาไปเป็นของป่าสงวน มันผิดมาแต่แรกล่ะ อีกพันปี
ปัญหานี้ก็ไม่จบ สุดท้าย หายนะก็บังเกิด ทั้งคนพื้นที่ และคนกรุงฯ

เงินมันบังตา ความขี้เกียจมีมาก
หน้าที่ก็ละหลวม ส่วนรวมก็ไม่เป็นธรรม
ความวิบัติและความเดือนร้อน ย่อมบังเกิดทุกหนละแห่ง  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

Facebook -https://www.facebook.com/pin.manora
Line Pin manora
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!