เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 05 กรกฎาคม 2025, 21:30:53
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 [64] 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 ... 96 พิมพ์
ผู้เขียน {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}  (อ่าน 417403 ครั้ง)
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1260 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:04:25 »

ช่วงเช้าหนองหลวงจะมีนักตกปลามาตั้งคันเบ็ดกัน หากเป็นวันอาทิตย์จะเยอะกว่านี้เพราะบางคนพาครอบครัวมาพักผ่อนกันครับ


* 20130907_091218.jpg (71.9 KB, 700x525 - ดู 544 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1261 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:07:50 »

เมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกทำให้ระดับน้ำหนองหลวงสูงขึ้นแปลงนาใกล้เคียงที่ระบายน้ำไม่ทันน้ำก็จะท่วมคันนาตามที่เห็นครับ บางจุดถึงกับน้ำท่วมถนนก็มี


* 20130907_094854.jpg (90.74 KB, 700x525 - ดู 533 ครั้ง.)

* 20130907_095217.jpg (113.99 KB, 700x525 - ดู 532 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1262 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:10:18 »

ตรงนี้ไม่ใช่หนองน้ำครับแต่เป็นแปลงนาข้าว เห็นป้ายเขียนติดไว้ว่าขายที่ 111 ไร่ครับ


* 20130907_100251.jpg (69.4 KB, 700x525 - ดู 533 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1263 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:13:36 »

ปิดท้ายด้วยภาพท้องนาครับ


* 20130907_102638.jpg (115.89 KB, 700x525 - ดู 581 ครั้ง.)

* 20130907_102746.jpg (122.52 KB, 700x525 - ดู 541 ครั้ง.)

* 20130907_102843.jpg (120.18 KB, 700x525 - ดู 524 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1264 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:20:38 »

เผื่อใครจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องข้าวครับ ผมก็อยากไปเรียนเหมือนกัน

สยามวาระ - ข้าวขวัญ ปัญญาชาวนาไทย





IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1265 เมื่อ: วันที่ 07 กันยายน 2013, 21:23:06 »

ใครเข้าดูชาวนาวันหยุดบ่อย ๆ ก็คงรู้จักคนคนนี้ครับ

เป็น อยู่ คือ - สุกชัย ปิติวุฒิ



IP : บันทึกการเข้า
เสือท่าสุด
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 755


« ตอบ #1266 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 12:29:07 »


  เข้ามาเก็บข้อมูณครับ
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #1267 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 15:36:31 »

ช่วงเช้าหนองหลวงจะมีนักตกปลามาตั้งคันเบ็ดกัน หากเป็นวันอาทิตย์จะเยอะกว่านี้เพราะบางคนพาครอบครัวมาพักผ่อนกันครับ
ชอบครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1268 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 20:39:28 »


  เข้ามาเก็บข้อมูณครับ

ยินดีครับ เอาไว้จะเอามาลงเพิ่มครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ

ช่วงเช้าหนองหลวงจะมีนักตกปลามาตั้งคันเบ็ดกัน หากเป็นวันอาทิตย์จะเยอะกว่านี้เพราะบางคนพาครอบครัวมาพักผ่อนกันครับ
ชอบครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

หนองหลวงมีคนมาตกปลากั๋นเยอะครับช่วงนี้  เขาว่าปลากินเบ็ดดี แต่ถ้าเข้าฤดูหนาวแล้วปลาบ่าค่อยกิ๋นเบ็ดคนก็น้อยลงเยอะครับ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1269 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 21:01:18 »

สำรวจท้องนา ข้าวอายุ 2-3 จะพบว่าวัชพืชหลายชนิดเริ่มออกดอกครับ บางชนิดออกดอกแล้วก็แห้งตาย บางชนิดออกดอกแล้วก็ร่วงและก็เตรียมออกดอกต่อไปเป็นระยะ แปลงนาผมบริเวณที่ดอนก็พบปัญหาเรื่องวัชพืชครับ แต่เคยอ่านบทความของคุณลุงสมนึก ชูศรี ท่านแนะนำว่าคนเราต้องเข้าใจธรรมชาติของวัชพืช บางช่วงวัชพืชใกล้ตายก็เอาปุ๋ยเคมีไปใส่ทำให้วัชพืชฟื้นคืนมางามเหมือนเดิม คราวนี้ผมก็ลองปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติดูพบว่าวัชพืชแห้งตายไปเองก็พอสมควรสัปดาห์ก่อนมาวัชพืชขึ้นมากกว่านี้ครับ  แต่การป้องกันก็ดีกว่าแก้คราวหน้าจะปรับพื้นนาให้ดีกว่านี้ครับ


* 20130909_180421.jpg (66.52 KB, 700x525 - ดู 497 ครั้ง.)

* 20130909_180451.jpg (76.12 KB, 700x525 - ดู 496 ครั้ง.)

* 20130909_180513.jpg (61.33 KB, 700x525 - ดู 504 ครั้ง.)

* 20130909_180535.jpg (59.9 KB, 700x525 - ดู 492 ครั้ง.)

* 20130909_180632.jpg (60.58 KB, 700x525 - ดู 482 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1270 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 21:15:15 »

ใกล้มาแล้วครับกับ AEC อีกไม่กี่รอบการทำนาก็ถึงแล้วเตรียมพร้อมกันหรือยังครับ


* aec2.jpg (393.72 KB, 780x600 - ดู 509 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1271 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 21:33:39 »

มาทบทวนเตรียมความพร้อมและเรียนรู้กันครับ

ASEAN Beyond 2015 - เด็กไทย(ไม่)ไปอาเซียน 5Oct12



ASEAN Beyond 2015 - ข้าวเวียดนามชนะข้าวไทย 13Oct12



ASEAN Beyond 2015 - R3A ทุนจีนรุกอาเซียน 28Oct12



ASEAN Beyond 2015 - อาเซียน เราเหมือน-ต่างกัน 2Nov12



ASEAN Beyond 2015 - หมอพม่ารักษาคนไทย 9Nov12

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 กันยายน 2013, 21:43:27 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1272 เมื่อ: วันที่ 09 กันยายน 2013, 21:42:11 »

ASEAN Beyond 2015 - พลังหญิง พลังอาเซียน 16Nov12



ASEAN Beyond 2015 - แรงงานพม่ากลับบ้าน 30Nov12



ASEAN Beyond 2015 - ประชาคมไร้พรมแดน 7Dec12



ASEAN Beyond 2015 - เส้นทางรถไฟสายอาเซียน 14Dec12



ASEAN Beyond 2015 - สู่อนาคตประเทศอาเซียน 21Dec12

IP : บันทึกการเข้า
may111
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,103



« ตอบ #1273 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 14:14:31 »

หนีไปอยู่ลาวดีก้า5555+ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1274 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 21:46:43 »

หนีไปอยู่ลาวดีก้า5555+ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ

5555  ลองไปแอ่วดูก่อนก็ได้ครับ สปป. ลาวมีหลายอย่างที่น่าค้นหาน่าท่องเที่ยวอีกเยอะครับประเทศที่กว้างแต่ประชากรเล็กน้อย แต่ละแขวงจะมีเมืองหลัก ๆ อยู่ บางที่ก็เจริญ บางที่ก็ทุรกันดารแบบสุด ๆ ไปอยู่ตางปู้นมีช้างเผือกเยอะอยู่ครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ


* IMG_2867_resize.JPG (88.28 KB, 700x525 - ดู 455 ครั้ง.)

* IMG_2896_resize.JPG (73.02 KB, 700x525 - ดู 456 ครั้ง.)

* IMG_2908_resize.JPG (67.16 KB, 700x525 - ดู 456 ครั้ง.)

* IMG_2933_resize.JPG (67.73 KB, 700x525 - ดู 458 ครั้ง.)

* IMG_2975_resize.JPG (46.99 KB, 700x525 - ดู 462 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1275 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 22:06:42 »

หลายพื้นที่มีการเลี้ยงสัตว์ในแปลงนา บ้างก็เลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ซึ่งมีให้เห็นกันบ้างภาพที่เห็นคือ กุ้งก้ามแดง (Redclaw crayfish) Crayfish เป็นสัตว์น้ำจืดไม่มีกระดูกสันหลังในตระกูลกุ้ง, ปู (crustaceans) เป็นกุ้งที่มีรสชาติอร่อยคล้ายเนื้อปู พบในเขตหนาว เช่น ในทวีปอเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้, ยุโรป, ...เอเชียตะวันออก, ออสเตรเลีย และนิวกินี กุ้งก้ามแดง (Redclaw crayfish) ของโครงการหลวงที่ได้ทดลองเลี้ยงที่ดอยอินทนนท์เป็นชนิดขนาดกลาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ Cherax quadricarinatus เป็นสายพันธุ์มาจากประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันหน่วยวิจัยประมงน้ำจืดบนพื้นที่สูงอินทนนท์ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง (ปกาเก่อญอ) ที่บ้านแม่กลางหลวง ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาวิถีชีวิตการปลูกข้าวไว้บริโภคในครัวเรือนของชาวเขาไว้ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพ


* 1146574_640241262660211_2101968599_n.jpg (85.29 KB, 720x480 - ดู 470 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1276 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 22:12:08 »

"เกษตรอินทรีย์" กับระบบ Symbiosis

                การเกษตรอินทรีย์ ใช่เพียงว่าผู้ทำเกษตรจะไม่สนใจสารเคมีใดๆ และก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าจะไม่สนใจอะไรเลย เพราะในระบบนิเวศน์อันอุดมสมบูรณ์ ย่อมต้องมีระบบที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทั้งพืช สัตว์ ดิน น้ำ อากาศ เราอาจจะไม่สามารถควบคุมสภาวะแวดล้อมให้เหมือนหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่า ความสมบูรณ์ ที่สุดได้ แต่เราสามารถแบ่ง และเลือกที่จะจัดการในสิ่งใดๆ ให้มีอย่างน้อย 1 อย่าง ที่สามารถพึ่งพาซึ่งกันและกัน และไม่ทำให้การเกษตรล่ม หรือไปไม่ถึงฝั่งฝัน

                ระบบ symbiosis จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกษตรกร ได้ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกัน ของพืชและสัตว์อย่างเห็นได้ชัดเจน ระบบ symbiosis คืออะไร ซิมไบโอซิส คือ การอยู่รวมกันของสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่เอี้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะที่ไหนเราสามารถจัดการกับปัญหาได้ ที่เห็นได้ชัดเจนคือการทำเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี การใช้วิธีการกำจัดและควบคุมแมลงศัตรูพืช ตัวห้ำ ตัวเบียน หรือแม้กระทั่ง การเลี้ยงปู การเลี้ยงกุ้ง ในนาข้าว โดยที่มีข้าวให้กินไปด้วย

                นาข้าวอินทรีย์กับ Symbiosis เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ เป็นการสร้างสภาวะที่มีการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยกัน เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศโดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้รับประโยชน์ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อนาข้าวมีปลา มีหอย ทำไมจะเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปูเพิ่มเติมไม่ได้ ในเมื่อทั้งหมดนี้ จะช่วยเกื้อกูลนาข้าว ช่วยเกื้อกูลผัก ช่วยเกื้อกูลการเกษตร ให้มีผลผลิตดี โดยที่ทั้งสองฝ่ายก็สามารถอยู่รอดได้แบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

 ยกตัวอย่าง ข้าวนาปู ข้าวอินทรีย์ที่หนิงเซี่ย ที่ได้นำเทคนิคการปลูกข้าวควบคู่กับการเลี้ยงปูน้ำจืด เข้ามาใช้ในแปลงนาข้าวตั้งแต่ปี 2552 นับเป็นการผสมผสานการเพาะปลูกควบคู่กับการเพาะเลี้ยงได้อย่างลงตัว เริ่มต้นได้มีการทดลองเพาะปลูกข้าวในนาปูจำนวน 1,000 หมู่ (ประมาณ 2.4 หมู่ เท่ากับ 1 ไร่) ใช้พันธุ์ข้าว Jing27 และพันธุ์ 843 โดยแปลงนา 1 หมู่สามารถเพาะปลูกข้าวได้ 550 กิโลกรัม และเพาะเลี้ยงปูได้ 25 กิโลกรัม ทำรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นประมาณหมู่ละ 1,500 ? 1,800 หยวน  อีกทั้งได้ข้าวที่ปลอดสารเคมี แถมยังเป็นการเพาะปลูกเชิงนิเวศวิทยาที่รักษาสิ่งแวดล้อมและไม่ทำร้ายสังคมอีกด้วย สำหรับปี 2553 ได้มีการขยายผลปลูกในแปลงนาข้าวจำนวน 50,000 หมู่ ในอำเภอเห้อหลาน (นครอิ๋นชวน) เมืองชิงถงเสียและเมืองจงเว่ย นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กันว่าจะขยายผลการปลูกข้าวนาปูถึง 500,000 หมู่ภายในปี 2555 และเพาะเลี้ยงปูน้ำจืดได้อีก 4,000 ตัน



            จากผลการทดลองการปลูกข้าวควบคู่กับการเลี้ยงปูนั้นพบว่า ปูเจริญเติบโตได้ดี ปูช่วยกำจัดวัชพืชและแมลง ทำให้ดินร่วนซุย มูลของปูยังเป็นปุ๋ยแก่ต้นข้าว ตลอดการปลูกข้าวจึงไม่จำเป็นต้องใช้สารกำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมน สารเคมีและเทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมใดๆ เป็นการเพาะปลูกเชิงนิเวศวิทยาที่ส่งผลให้ต้นข้าวมีแร่ธาตุและสารอาหารสมบูรณ์

            ตัวอย่างที่สอง กุ้งก้ามแดง ในนาข้าวอินทรีย์ที่ดอยอินทนนท์ โครงการหลวงได้ทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าวของเกษตรกรที่บ้านแม่กลางหลวง ดอยอินทนนท์ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่มีวิถีชีวิตชอบปลูกข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน เพื่อไม่ให้วิถีชีวิตเดิมของชาวเขาเปลี่ยนไป จึงได้ทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามในนาข้าว และพบว่ากุ้งสามารถเจริญเติบโตได้ดี มีอัตรารอดดี และกุ้งก้ามแดงไม่ทำลายต้นข้าว

                ยิ่งไปกว่านั้นมูลของกุ้งก้ามแดง และเปลือกกุ้งยังเป็นปุ๋ยอินทรีย์ไคโตซานอย่างดี บำรุงต้นข้าวให้เจริญงอกงาม และได้ผลผลิตที่ดีด้วย สำหรับผลการทดลองมีประโยชน์ต่อชาวเขา 2 ด้าน คือ กุ้งก้ามแดงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 800 บาท และเกษตรกรยังคงมีข้าวไว้บริโภคด้วย ที่สำคัญมีการส่งเสริมพัฒนาการเลี้ยงกุ้งอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการค้าและการส่งออกมีทิศทางที่ดีมากอนึ่งผลผลิตกุ้งก้ามแดงรุ่นแรก ได้ส่งไปถวายเพื่อใช้ในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จฯ พระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานเลี้ยงแก่พระราชอาคันตุกะ ในวันที่ 13 มิถุนายน 2549

                จะเห็นได้ว่า การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตสองชนิด จากที่หลายๆ คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้เห็นกลับกลายเป็นการเพิ่มค่าให้สิ่งสองสิ่งได้มีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม การทำเกษตรอินทรีย์ อาจไม่ใช่แค่การไม่ใช้สารเคมี หรือไม่ใช้อะไรเลย ปล่อยให้ธรรมชาติกัดกินอย่างเดียวไม่ได้ เพราะธรรมชาติในบางครั้ง ก็ไม่ได้สมบูรณ์อย่างที่คิด โดยเฉพาะผืนดินที่ผ่านสารเคมีมาก่อน เกษตรกรย่อมต้องเรียนรู้ถึงสิ่งที่ค่าในดิน ในน้ำ ให้มากกว่าเดิม และปรับเปลี่ยนทดลองถึงการอยู่ร่วมกันและเกื้อหนุนกันในเชิงนิเวศน์อย่างจริงจัง ย่อมได้มาซึ่งผลผลิตที่มีคุณค่า



IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1277 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 22:31:34 »

ทุกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากในบ้านเราไม่ตระหนักว่าชีวิตเขาได้ถูกคุกคามจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสารเคมีอื่น ๆ ที่ใช้ในการผลิต การปรุงแต่งและถนอมอาหาร เนื่องจากว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับสารเคมีต่าง ๆ เหล่านี้เข้าสู่ร่างกายคล้ายคลึงกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ผดผื่นที่ผิวหนัง อาการวิงเวียน และมึนงงศรีษะ เป็นต้น และอีกประการหนึ่งคืออาการเหล่านั้นไม่ได้แสดงให้เห็นในทันทีทันใด เช่นการทำงานผิดปกติของระบบประสาท หรือมะเร็ง จึงไม่ได้ตระหนักว่าการเจ็บป่วยเหล่านี้มีสาเหตุมาจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารปรุงแต่งและถนอมอาหาร แพทย์เป็นจำนวนมากไม่ได้ถูกฝึกให้วินิจฉัยโรคที่เกิดอันเนื่องมาจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าแพทย์อาจจะมองข้ามการวินิจฉัยโรคที่เกิดจากการทำงานเกษตรกรรม หรือโรคที่เกิดจากการใช้สารเคมีทางการเกษตร

การได้รับพิษ และผลกระทบของสารเคมีการเกษตร

สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าสู่ทางร่างกายได้อย่างไร

 1. การเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนัง มีการศึกษาพบว่าร้อยละ90 ของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังโดยตรง เช่นเมื่อเกษตรกรสัมผัสกับพืชผลที่เพิ่งจะฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือเมื่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสัมผัสผิวหนัง หรือเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มด้วยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือเมื่อเกษตรกรผสมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชด้วยมือเปล่า หรือเมื่อสมาชิกในครอบครัวซักเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

2. การเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ เกษตรกรที่ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือผู้คนที่อยู่ใกล้กับผู้ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชผ่านทางการหายใจได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่อันตรายที่สุดคือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ไม่มีกลิ่น เพราะเกษตรกรจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าได้สูดดมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าไป

 3. การเข้าสู่ร่างกายโดยการกลืนกิน เกิดขึ้นได้เมื่อคนเราดื่มกินสารพิษโดยบังเอิญหรือโดยเจตนา เช่นเมื่อคนเรากินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าไป

ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสุขภาพของผู้ได้รับพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช

 สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การแสดงอาการจากการได้รับสารพิษมีอยู่ 2 แบบคือ

 1. พิษเฉียบพลัน เกิดขึ้นเมื่อได้รับพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทันทีทันใด ตัวอย่างเช่น ปวดศรีษะ มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ เหงื่อออกมาก ท้องร่วง เป็นตะคริว หายใจติดขัด มองเห็นไม่ชัดเจน หรือตาย

 2. พิษเรื้อรัง เกิดขึ้นเมื่อได้รับพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชแล้วแสดงผลช้า ใช้เวลานาน อาการอาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปีภายหลังจากการได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จึงจะแสดงออกมาให้เห็น เช่น การเป็นหมัน การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ การเป็นอัมพฤต อัมพาต และมะเร็ง เป็นต้น

ผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบของร่างกาย เกิดขึ้นเมื่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าสู่ร่างกาย และจะส่งผลกระทบต่อระบบในร่างกายทั้งหมด กล่าวคือเลือดจะพาสารเคมีเข้าสู่ทุกส่วนของร่างกาย และจะส่งผลต่อ ตา หัวใจ ปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับไต กล้ามเนื้อ สมอง และประสาท อาการที่เกิดจากการได้รับพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายจะมีอาการเป็นพิษมากหรือน้อย และรวดเร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมี เวลาที่สัมผัส ปริมาณหรือความเป็นพิษของสารเคมีนั้นว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด


ผลกระทบของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีพิษเรื้อรังต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย

 1. ระบบประสาท สารเคมีกำจัดศัตรูพืชจำนวนมากมีอันตรายต่อระบบสมองและประสาทมาก อาการบางอย่างของโรคเนื้อเยื่อทางสมองที่มีสาเหตุมากจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชก่อให้เกิดปัญหาทางด้านความทรงจำอย่างรุนแรง สมาธิสั้นและทำสมาธิยาก บุคลิกภาพเปลี่ยนไป การเป็นอัมพฤต อัมพาต เป็นลม หมดสติ และอาจมีอาการสาหัส

 2. ระบบตับ ร่างกายใช้ตับในการขจัดสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายให้มีพิษน้อยลง ดังนั้นตับต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการขจัดสารพิษ หากร่างกายได้รับสารพิษเข้าไป และเป็นประจำก็สามารถทำอันตรายต่อตับในระยะยาวจนอาจเป็นตับอักเสบและมะเร็งในที่สุด

 3. ระบบกระเพาะอาหาร การอาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียเป็นอาการทั่วไปของการได้รับพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช การได้รับพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นระยะเวลานาน อาจจะมีผลต่อกระเพาะอาหารที่รุนแรงมากขึ้น หลายคนที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี มักกินอาหารลำบาก แม้ว่าจะเป็นอาหารปกติทั่วไป โดยเฉพาะคนที่กินสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเข้าไปไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือตั้งใจ กระเพาะอาหารจะถูกทำลายเป็นอย่างมากและสารเคมีจะซึมผ่านผนังกระเพาะอาหารเข้าสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายต่อไปด้วย

 4. ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปฏิกริยาของอาการแพ้จะไปรบกวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายอันหนึ่งที่มีต่อสารที่แปลกปลอม สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแต่ละชนิดมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ที่แตกต่างกันไป ซึ่งร่างกายของแต่ละคนมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อระดับการได้รับสารพิษที่แตกต่างกันด้วย

 สารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางชนิด รบกวน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นอย่างมาก และบางชนิดทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อโรคของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้การติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หรือหากมีการติดเชื้ออยู่แล้วอาการเจ็บป่วยดังกล่าวจะยิ่งซับซ้อนและยากต่อการรักษา

 5. ระบบความสมดุลยกับฮอร์โมนในร่างกาย มีผลของการศึกษาทดลองในสัตว์ พบว่า สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีผลกระทบต่อการผลิตฮอร์โมนของร่างกาย ฮอร์โมนเป็นสารเคมีที่ถูกผลิตจากต่อมไร้ท่อ และอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง ต่อมไทรอยด์ ไต ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และรังไข่ เพื่อควบคุมการทำงานส่วนที่สำคัญของร่างกาย สารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางชนิดมีผลกระทบต่อฮอร์โมนการสืบพันธุ์ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ เช่น การผลิตอสุจิมีจำนวนลดลงในเพศผู้ และมีความผิดปกติในการผลิตไข่ในเพศเมีย นอกจากนี้แล้วสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางประเภทยังทำให้ต่อมไทรอยด์โตใหญ่ และเป็นมะเร็งในที่สุด และจากผลการทดลองยังพบว่าสัตว์ทดลองมีการแท้งลูก มีการคลอดลูกก่อนกำหนด มีทารกตายในครรภ์ และเป็นไปได้มากว่าจะเกิดอาการลักษณะเช่นเดียวกันนี้ กับสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ โดยเฉพาะมนุษย์ด้วย


* pet1.jpg (67.79 KB, 720x576 - ดู 536 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 กันยายน 2013, 22:37:22 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1278 เมื่อ: วันที่ 11 กันยายน 2013, 22:48:15 »

ข้อมูลธนาคารโลกปี 2554 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้ว  ไทยใช้สารเคมีติดอันดับ 5 ของโลก คือ 0.86 กิโลกรัมต่อเฮกเตอร์ (1 เฮกเตอร์เท่ากับ6.25 ไร่) 
อันดับ 1 คือฝรั่งเศส 1.48
อันดับ 2 เวียดนาม 1.45
อันดับ 3 สเปน 1.11
อันดับ 4 บราซิล 0.87

ยิ่งไปกว่านั้นหากเปรียบตัวเลขเมื่อ 10 ปีที่แล้วไทยเพิ่มปริมาณการใช้ "ยาฆ่าแมลง" ขึ้น 3 เท่าตัว


* Untitled.jpg (74.99 KB, 900x291 - ดู 482 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #1279 เมื่อ: วันที่ 12 กันยายน 2013, 11:19:43 »

อย่างสารเอ็นโดซัลแฟน  แม้จะมีชื่อเป็นวัตถุอันตรายที่ห้ามใช้ทางการเกษตรในประเทศไทยแต่ก็ยังพอมีให้พบเห็นกันอยู่โดยใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อให้เจือจางลง ชาวนาบางกลุ่มใช้ในการกำจัดหอยเชอรี่



* dscf0023small.jpg (147.44 KB, 640x480 - ดู 490 ครั้ง.)

* dscf0026small.jpg (170.91 KB, 640x480 - ดู 459 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 54 55 56 57 58 59 60 61 62 63 [64] 65 66 67 68 69 70 71 72 73 74 ... 96 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!