เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 15:04:24
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 [59] 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ... 95 พิมพ์
ผู้เขียน {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}  (อ่าน 407024 ครั้ง)
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1160 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:28:07 »

 ยิ้มกว้างๆ....งานเข้าแล้ว


* bm2609.jpg (221.82 KB, 800x504 - ดู 374 ครั้ง.)

* bm2610.jpg (273.45 KB, 800x600 - ดู 382 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1161 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:30:52 »

 ยิ้มกว้างๆ..ขออาศัยกระทู้...พาชมทุ่งนาแถวๆเชียงแสนบ้างนะครับ..


* bm2642.jpg (155.59 KB, 800x600 - ดู 360 ครั้ง.)

* bm2645.jpg (236.82 KB, 800x600 - ดู 363 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1162 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:32:44 »

 ยิ้มกว้างๆ...จะพาไปรับจ้างปั่นนา..


* bm2654.jpg (171.71 KB, 800x600 - ดู 367 ครั้ง.)

* bm2656.jpg (165.26 KB, 800x600 - ดู 356 ครั้ง.)

* bm2657.jpg (245.82 KB, 800x600 - ดู 367 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1163 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:40:02 »

 ยิ้มกว้างๆ...


* bm2663.jpg (182.84 KB, 800x600 - ดู 349 ครั้ง.)

* bm2690.jpg (230.31 KB, 800x600 - ดู 364 ครั้ง.)

* bm2641.jpg (223.24 KB, 800x602 - ดู 343 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1164 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:44:07 »

 ยิ้มกว้างๆ...ช่วงนี้ข้าวเริ่มโตพ้นน้ำพ้นหอย....เลยสลัดโคลนเข้าสวนยางบ้างครับ...


* bm2697.jpg (372.64 KB, 800x602 - ดู 365 ครั้ง.)

* bm2698.jpg (335.13 KB, 800x600 - ดู 364 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1165 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 16:27:06 »

ยิ้มกว้างๆ..ขออาศัยกระทู้...พาชมทุ่งนาแถวๆเชียงแสนบ้างนะครับ..

ยินดีมาก ๆ ครับ  รถแทรกเตอร์ทางนู่นนี่นิยมรุ่นใหญ่กันน้อครับคงทำสวนกันเยอะ แต่ละคันนี่ราคาเฉียดล้านเลยน้อครับ  ตัวบรรทุกปุ๋ยเข้าสวนยางทำเข้าท่าดีขอก๊อปปี้แบบไปลองทำแบบนี้ดูบ้างครับ  ตอนนี้ผมสนใจรถแทรกเตอร์ตัวเก่ารุ่น 34 แรงมือสองว่าจะเอาไว้ปั่นนา แต่ก็มีคนเชียร์ให้เอารุ่น 36 แรงตัวใหม่เลยก็ยังคิดหนักเหมือนกันรุ่นใหม่ตัวรถบวกตัวปั่นราคาเกือบหกแสนครับ


* images_293002493331284001741.jpg (211.81 KB, 600x449 - ดู 322 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #1166 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 19:53:22 »

หันก๋างต่งแล้วหู้สึกว่าอบอุ่นอย่างบอกบ่าถูก ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1167 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 20:48:06 »

ยิ้มกว้างๆ..ขออาศัยกระทู้...พาชมทุ่งนาแถวๆเชียงแสนบ้างนะครับ..

ยินดีมาก ๆ ครับ  รถแทรกเตอร์ทางนู่นนี่นิยมรุ่นใหญ่กันน้อครับคงทำสวนกันเยอะ แต่ละคันนี่ราคาเฉียดล้านเลยน้อครับ  ตัวบรรทุกปุ๋ยเข้าสวนยางทำเข้าท่าดีขอก๊อปปี้แบบไปลองทำแบบนี้ดูบ้างครับ  ตอนนี้ผมสนใจรถแทรกเตอร์ตัวเก่ารุ่น 34 แรงมือสองว่าจะเอาไว้ปั่นนา แต่ก็มีคนเชียร์ให้เอารุ่น 36 แรงตัวใหม่เลยก็ยังคิดหนักเหมือนกันรุ่นใหม่ตัวรถบวกตัวปั่นราคาเกือบหกแสนครับ

 ยิ้มกว้างๆ...แนะนำให้เล่นตัว45แรงครับ...ตัวเล็กการใช้งานมันจำกัดนะครับ.....มือสอง+อุปกรณ์ครบ...เท่าที่ดูราคา350,000-400,000นี่สภาพใช้งานได้นานเลยครับ....แถวๆบ้านนี่ตัว47แรงเยอะสุด....ของผมเป็นรุ่นL4508di...ส่วนใหญ่ก็ลงงานนา....รับจ้างทำเทือก300ไร่...ทำนาตัวเอง70ไร่..ปีนี้ดึง47มาช่วยอีกคัน..เขาก็ทำนา60ไร่...รวมๆปีนี้ปั่นทำเทือกร่วม400กว่าไร่นี่สบายๆครับ...
 ยิ้มกว้างๆ...ตัวบรรทุกของ..ใช้บรรทุกเครื่องพ่นยา+ถังน้ำยา+คนงานถือด้ามพ่นยา...สำหรับพ่นยาในสวนยางด้วยครับ...


* 8N2n1r.jpg (199.66 KB, 800x600 - ดู 410 ครั้ง.)

* Cz8yFy.jpg (247.12 KB, 800x600 - ดู 322 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1168 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 21:12:23 »

ยิ้มกว้างๆ..ขออาศัยกระทู้...พาชมทุ่งนาแถวๆเชียงแสนบ้างนะครับ..

ยินดีมาก ๆ ครับ  รถแทรกเตอร์ทางนู่นนี่นิยมรุ่นใหญ่กันน้อครับคงทำสวนกันเยอะ แต่ละคันนี่ราคาเฉียดล้านเลยน้อครับ  ตัวบรรทุกปุ๋ยเข้าสวนยางทำเข้าท่าดีขอก๊อปปี้แบบไปลองทำแบบนี้ดูบ้างครับ  ตอนนี้ผมสนใจรถแทรกเตอร์ตัวเก่ารุ่น 34 แรงมือสองว่าจะเอาไว้ปั่นนา แต่ก็มีคนเชียร์ให้เอารุ่น 36 แรงตัวใหม่เลยก็ยังคิดหนักเหมือนกันรุ่นใหม่ตัวรถบวกตัวปั่นราคาเกือบหกแสนครับ

 ยิ้มกว้างๆ...แนะนำให้เล่นตัว45แรงครับ...ตัวเล็กการใช้งานมันจำกัดนะครับ.....มือสอง+อุปกรณ์ครบ...เท่าที่ดูราคา350,000-400,000นี่สภาพใช้งานได้นานเลยครับ....แถวๆบ้านนี่ตัว47แรงเยอะสุด....ของผมเป็นรุ่นL4508di...ส่วนใหญ่ก็ลงงานนา....รับจ้างทำเทือก300ไร่...ทำนาตัวเอง70ไร่..ปีนี้ดึง47มาช่วยอีกคัน..เขาก็ทำนา60ไร่...รวมๆปีนี้ปั่นทำเทือกร่วม400กว่าไร่นี่สบายๆครับ...
 ยิ้มกว้างๆ...ตัวบรรทุกของ..ใช้บรรทุกเครื่องพ่นยา+ถังน้ำยา+คนงานถือด้ามพ่นยา...สำหรับพ่นยาในสวนยางด้วยครับ...

ขอบคุณครับรถเดี๋ยวจะลองหา ๆ ดูครับ และต้องขอขอบคุณมาก ๆ ครับที่เอารูปตัวบรรทุกมาให้ดูใกล้ ๆเลย ทำให้เข้าใจแบบและทำง่ายขึ้นครับ ผมว่าจะทำเอาไว้บรรทุกขี้หมูไปโรยตามนาก่อนจะไถตากครับและเอาไว้ขนย้ายกล้าคงเข้าท่าดีครับ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1169 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 21:40:23 »

ต้นไม้ริมคันนาน่าสนใจ

มะรุม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
 
ลักษณะดอกของมะรุม
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Plantae
ชั้น: Magnoliopsida
อันดับ: Brassicales
วงศ์: Moringaceae
สกุล: Moringa
ชนิด: M. oleifera
ชื่อทวินาม
Moringa oleifera
Lam.
มะรุม จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าและมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 - 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.

มะรุมเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น และยังมีในเขตเอเชียไมเนอร์และแอฟริกา เป็นไม้ปลูกง่าย เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง งอกเร็ว ใช้เวลา 2 สัปดาห์ต้นกล้าสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร

สรรพคุณ

มะรุมในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุมภาวะความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

ใบ ใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
ยอดอ่อน ใช้ถอนพิษไข้
ดอก ใช้แก้ไข้หัวลม เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง
ฝัก แก้ไข้ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
เมล็ด เมล็ดปรุงเป็นยาแก้ไข้ แก้บวม แก้ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง
ราก รสเผ็ด หวาน ขม สรรพคุณ แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ รักษาโรคหัวใจ รักษาโรคไขข้อ (rheumatism)
เปลือกลำต้น รสร้อน สรรพคุณขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ แก้ลมอัมพาต ป้องกันมะเร็ง คุมกำเนิด เคี้ยวกินช่วยย่อยอาหาร
ยาง (gum) ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ ซิฟิลิส (syphilis) แก้ปวดฟัน earache, asthma

คุณค่าทางอาหาร
ใบ ใบสดใช้กินเป็นอาหาร ใบแห้งที่ทำเป็นผงเก็บไว้ได้นานโดยยังมีคุณค่าทางอาหารสูง ใบมะรุมมีวิตามินเอสูง มีแคลเซียมสูงเกือบเท่านม มีธาตุเหล็กสูงกว่าผักขม มีวิตามีซีมากพอๆกับส้มและมีโปแตสเซียมเกือบเท่ากล้วย
ดอกฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แก้หวัดHelminths ป้องกันมะเร็ง
ฝัก ฝักมะรุม 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 32 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย เส้นใย 1.2 กรัม แคลเซียม 9 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม เหล็ก 1.5 มิลลิกรัม วิตามินเอ 532 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.05 มิลลิกรัม ไนอาซิน 0.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 262 มิลลิกรัม
เมล็ด น้ำมันที่ได้จากการคั้นเมล็ดสดใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหาร
การปรุงอาหาร ในประเทศไทย ฤดูหนาวจะมีมะรุมจำหน่ายทั่วไป ทั้งตลาดในเมืองและในท้องถิ่น คนไทยทุกภาครับประทานมะรุมเป็นผัก ชาวภาคกลางนิยมนักมะรุมอ่อนไปปรุงเป็นแกงส้ม และนำดอกมะรุมลวกให้สุกหรือดองรับประทานกับน้ำพริก สำหรับชาวอีสาน ยอดอ่อน ใบอ่อน ช่อดอกอ่อนนำไปลวกให้สุกหรือต้มให้สุก รับประทานเป็นผักร่วมกับป่นแจ่ว ลาบ ก้อย หรือนำไปปรุงเป็นแกงอ่อม ส่วนฝักอ่อนหรือฝักที่ยังไม่แก่เต็มที่นำมาปอกเปลือก หั่นเป็นท่อนและนำไปปรุงเป็นแกงส้ม หรือแกงลาวได้ นอกจากนี้ ที่จังหวัดชัยภูมิ ยังรับประทานฝักมะรุมอ่อนสด เป็นผักแกล้มร่วมกับส้มตำโดยรับประทานคล้ายกับรับประทานถั่วฝักยาว และชาวบ้านเล่าว่าฝักมะรุมอ่อนนำไปแกงส้มได้โดยไม่ต้องปอกเปลือก ชาวเหนือนำดอกอ่อน ฝักอ่อนไปแกงกับปลา ในต่างประเทศ เช่น อินเดีย มีการทำผงใบมะรุมไว้เป็นอาหาร น้ำใบมะรุมอัดกระป๋อง

ประโยชน์อื่นๆ
ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี
ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
รักษาโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะ ควบคุมได


* 1211787722.jpg (133.48 KB, 375x500 - ดู 330 ครั้ง.)

* 800px-Dunt-dalun_chin-yei_1760.jpg (94.37 KB, 800x600 - ดู 324 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 19 สิงหาคม 2013, 21:47:43 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1170 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2013, 21:41:46 »

ไผ่

ไผ่ เป็นไม้พุ่มหลายชนิดและหลายสกุลใน วงศ์หญ้า Poaceae (เดิมคือ Gramineae) วงศ์ย่อย Bambusoideae เป็นไม้ไม่ผลัดใบใน ขึ้นเป็นกอ ลำต้นเป็นปล้องๆ เช่น ไผ่จีน (Arundinaria suberecta Munro) ไผ่ป่า (Bambusa arundinacea Willd.) ไผ่สีสุก (B. flexuosa Munro และ B. blumeana Schult.) ไผ่ไร่ (Gigantochloa albociliata Munro) ไผ่ดำ (Phyllostachys nigra Munro).

ผลผลิตจากไผ่ที่สำคัญคือ หน่อไม้ ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของคนไทย นิยมทานกันมากในเกือบทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน นอกจากนี้ไม้ไผ่ยังมีคุณสมบัติพิเศษทั้งด้านความแข็งแรงและยืดหยุ่นที่เหนือกว่าวัสดุสังเคราะห์หลายชนิด ดังนั้นจึงยังได้รับความนิยมในการทำเครื่องมือเครื่องใช้หลายประเภท ใช้ชะลอน้ำที่เข้าป่าชายเลน นั่งร้านก่อสร้างและบันได เป็นต้น

ไผ่ทั่วโลกมีอยู่ประมาณ 90 สกุล และ 1,000 ชนิด. ที่รู้จักกันแพร่หลาย ส่วนใหญ่จะอยู่ในสกุล ต่อไปนี้

Arundinaria
Bambusa
Chimonobambusa
Chusquea
Dendrocalamus
Drepanostachyum
Guadua angustifolia
Hibanobambusa
Indocalamus
Otatea
Phyllostachys
Pleioblastus
Pseudosasa
Sasa
Sasaella
Sasamorpha
Semiarundinaria
Shibataea
Sinarundinaria
Sinobambusa
Thamnocalamus


ไผ่ในประเทศไทยในประเทศไทยนั้น พบไผ่อยู่ 30 ชนิด ดังนี้

ไผ่ข้าวหลาม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cephalostachyum pergracile )
ไผ่คายดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gigantochloa compressa)
ไผ่โจด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Arundinaria cililta)
ไผ่ซาง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus strictus)
ไผ่ซางคำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus latiflorus)
ไผ่ซางนวล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus membranaceus)
ไผ่ซางหม่น (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus sericeus )
ไผ่ตง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus aspe)
ไผ่ตากวาง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gigantochloa kurzii)
ไผ่บง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa nutans)
ไผ่บงคาย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gigantochloa hosseusii)
ไผ่บงดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa tulda)
ไผ่บงป่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa longispatha)
ไผ่บงหนาม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa burmanica)
ไผ่ป่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa bambos)  
ไผ่เป๊าะ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus giganteus)
ไผ่ผาก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gigantochloa densa)
ไผ่เพ็ก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Vietnamosasa pusilla)
ไผ่รวก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Thyrsostachys siamensis)
ไผ่รวกดำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Thyrsostachys oliveri)
ไผ่ไร่ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Gigantochloa albociliata)
ไผ่ลำมะลอก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa longispiculatar)
ไผ่เลี้ยง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa mulfiplex)
ไผ่หวาน (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa sp.)
ไผ่สีสุก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa blumeana)
ไผ่หก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Dendrocalamus hamiltonii)
ไผ่หลอด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Neohouzeaua mekongensis)
ไผ่หอม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa polymorpha)
ไผ่เหลือง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bambusa vulgaris)
ไผ่เฮียะ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cephalostachyum virgatum)


* P1590535_zps12a42dcf.jpg (85.4 KB, 700x525 - ดู 291 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 สิงหาคม 2013, 21:44:03 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1171 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2013, 22:05:43 »

มะยม

มะยม (ชื่อวิทยาศาสตร์: Phyllanthus acidus) ภาคอีสานเรียกว่า หมากยม ภาคใต้เรียกว่า ยม เป็นไม้ยืนต้น ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงประมาณ 3 – 10 เมตร ลำต้นตั้งตรง เปลือกต้นขรุขระสีเทาปนน้ำตาล แตกกิ่งที่ปลายยอด กิ่งก้านจะเปราะและแตกง่าย ใบประกอบ มีใบย่อยออกเรียงแบบสลับกันเป็น 2 แถว แต่ละก้านมีใบย่อย 20 – 30 คู่ ใบรูปขอบขนานกลมหรือค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนปลายใบแหลม ฐานใบกลมหรือมน ขอบใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อตามกิ่ง ดอกย่อยสีเหลืองอมน้ำตาลเรื่อๆ ติดผลเป็นพวง ผลมีสามพูชัดเจน เมื่ออ่อนสีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือขาวแกมเหลือง เนื้อฉ่ำน้ำ เมล็ดรูปร่างกลม แข็ง สีน้ำตาลอ่อน 1 เมล็ด มีทั้งพันธุ์เปรี้ยวและพันธุ์หวาน ซึ่งมีรสหวานอมฝาดผลจะอ่อนนุ่มเมื่อสุก จึงเก็บเกี่ยวก่อนผลจะหล่นจากต้น

การใช้ประโยชน์
มะยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สดและแปรรูป เช่น แช่อิ่ม ดอง น้ำมะยม แยม หรือกวน ใช้ทำส้มตำ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผักสด กินกับน้ำพริก ลาบ ส้มตำ ขนมจีน ในฟิลิปปินส์ใช้ทำน้ำส้มสายชู หรือกินดิบหรือดองในเกลือและน้ำส้มสายชู ในมาเลเซียนิยมนำไปเชื่อม ในอินเดียและอินโดนีเซียนิยมนำใบมะยมไปประกอบอาหาร

ผลมะยมมีฤทธิ์กัดเสมหะและเป็นยาระบาย ใบเป็นส่วนประกอบของยาเขียวตำราไทยใช้ รากแก้ไข รักษาโรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย ผื่นคัน ใบ ต้มน้ำอาบแก้คัน แก้ไข้ เหือด หิด อีสุกอีใส ในผลมีแทนนิน เดกซ์โทรส เลวูโลส ซูโครส วิตามินซี ในรากมี beta-amyrin, phyllanthol, แทนนิน ซาโปนิน กรดแกลลิก สารสกัดจากมะยมที่สกัดด้วยเอทานอลมีประสิทธิภาพดีทในการยับยั้งการเจริญของ E. coli O157:H7 และ Propionibacterium acnes


* 770px-PhyllanthusEmblica.jpg (149.27 KB, 770x600 - ดู 290 ครั้ง.)

* 800px-Phyllanthus_acidus2.jpg (24.01 KB, 700x525 - ดู 293 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1172 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2013, 22:15:38 »

THE FARMER เกมเกษตรกร 19 สิงหาคม 2556

IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1173 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2013, 21:52:14 »

ท้องนายามเย็นครับ  อากาศเย็นสบายค่อนข้างดีชาวนาแถวบ้านหันมาทำนาดำ นาโยนกันมากขึ้นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้เลยเท่าที่ดูแล้ว จากช่วงนาปีปีก่อน นาหว่าน 50%  นาดำ  40%  นาโยน 10%  ตอนนี้ประมาณ  นาหว่าน 15%  นาปลูก 50 %  นาโยน 35% ครับทำให้ลดปริมาณการใช้ยาคุมหญ้า   ปุ๋ยเคมี  ยาฆ่าแมลงในการกำจัดหอยเชอรี่  ได้พอสมควรครับ

นาดำของผมไม่ได้ใส่ยาคุมเลน ยาคุมหญ้าเลย ลองปล่อยเป็นแบบนี้เลยหญ้าก็มีขึ้นบ้างแต่ก็น้อยกว่านาหว่านบางแปลงที่ใส่ยาคุมหญ้าด้วยซ้ำ ส่วนนาอีกฝั่งคุมน้ำดีไม่ใส่ยาคุมเหมือนกันหญ้าน้อยกว่านี้เยอะเลยครับ


* 20130821_182600.jpg (68.96 KB, 700x525 - ดู 269 ครั้ง.)

* 20130821_182121.jpg (48.54 KB, 700x525 - ดู 268 ครั้ง.)

* 20130819_183933.jpg (60.94 KB, 700x525 - ดู 264 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1174 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2013, 22:33:56 »

คนทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะฝันถึงอะไรก็ตาม ความฝันที่มีอยู่ก็คงจะสูญเปล่าถ้าหากเราปล่อยให้ความฝันเป็นความฝันอยู่อย่างนั้น ไม่เริ่มต้นลงมือทำให้มันเป็นความจริงเสียที ....  วันหยุดเสาร์อาทิตย์หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาทำที่นั่งเล่น สัปดาห์นี้ Plan ไว้จะเริ่มทำบ้านหรือว่าห้องเล็ก ๆ ไว้บนรั้วเพื่อไว้ชมวิวทุ่งนากับพักผ่อนตอนกลางวันครับ ก็เลยมองแบบบ้านเป็นแบบบ้านบนต้นไม้ครับ ตอนเด็ก ๆ ใครหลายคนคงฝันอยากมีบ้านบนต้นไม้กัน แต่เนื่องจากสถานที่ไม่เอื้ออำนวยก็เลยจะลองทำบนรั้วจะได้เห็นวิวท้องนาและรับลมเย็น ๆ  การทำก็คงใช้เศษไม้ที่ไม่ใช้แล้วในบ้านมาทำ ก็ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ครับ


* 642005-topic-ix-2.jpg (204.85 KB, 632x416 - ดู 262 ครั้ง.)

* 642005-topic-ix-9.jpg (147.96 KB, 500x666 - ดู 269 ครั้ง.)

* 642005-topic-ix-12.jpg (171.63 KB, 500x754 - ดู 271 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #1175 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2013, 14:18:42 »

บ้านบนต้นไม้...เข้าท่าดีครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1176 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2013, 20:49:48 »

บ้านบนต้นไม้...เข้าท่าดีครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ต้นไม้ใหญ่แถวทุ่งนาไม่ค่อยมีขอเอาบนรั้วไปก่อนครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1177 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2013, 20:53:47 »

ช่วงนี้เห็นเกษตรกรหลายท่านเริ่มปลูก อินทผลัม ตอนนี้ก็ลองศึกษาดูบ้างไม่รู้ว่าจะปลูกแซมตามคันนาดีหรือไม่ กล้าที่เค้าขายต้นละ 150 บาทอายุ 7-8 เดือนแล้ว  เห็นเค้าปลูกกันก็อยากกินครับ


* Y1zvDy.jpg (161.25 KB, 640x480 - ดู 250 ครั้ง.)

* KBFSS.jpg (54.95 KB, 640x480 - ดู 677 ครั้ง.)

* ssnO4K.jpg (98.06 KB, 512x384 - ดู 249 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1178 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2013, 21:15:21 »

อินทผลัม

อินทผลัมเป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสุงประมาณ 30 เมตร มีขนาดลำต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร มีใบติดอยู่บนต้นประมาณ 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร ใบเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกจะออกจากโคนใบ ผลทรงกลมรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ออกเป็นช่อรสหวานฉ่ำ ทานได้ทั้งผลดิบและสุก ผลจะมีสีเหลืองจนถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด ผลสุกมักจะนำไปตากแห้ง สามารถเก็บไว้เป็นเวลาหลายปี มีรสชาติหวานจัด จึงมักถูกเข้าใจผิดว่ามีการนำไปเชื่อมด้วยน้ำตาล

การขยายพันธุ์
การใช้เมล็ด
การแยกหน่อจากต้นใหญ่ (ตัวเมีย) โดยเลือกต้นแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป
การเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ประโยชน์ของอินทผลัม
- ด้านคุณค่าทางโภชนาการ สารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของอินทผลัม เช่น แคลเซียม ซัลเฟอร์ เหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมงกานีส แมกนีเซียม และน้ำมันโวลาไตล์ ทั้งยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร ซึ่งช่วยลดอาการท้องผูก รวมถึงให้พลังงานสูง บำรุงร่างกายที่อ่อนล้าให้กลับมีกำลัง นอกจากนี้ยังสามารถบำรุงกล้ามเนื้อมดลูกและสร้างน้ำนมแม่ด้วย
- ด้านการรักษาโรค อินทผลัมช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงสายตา ลดความหิว แก้กระหาย แก้โรควิงเวียนศีรษะ ช่วยลดเสมหะในลำคอ ทำให้กระดูกแข็งแรง ลดระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังฆ่าเชื้อโรค พยาธิและสารพิษที่ตกอยู่ในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร มีฤทธิ์ในการกำจัดสารพิษและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคอันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งในช่องท้อง

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=45985.0





* aj6j.jpg (139.48 KB, 640x480 - ดู 239 ครั้ง.)

* 1044969_680064775343717_287849380_n.jpg (107.34 KB, 643x480 - ดู 319 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1179 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2013, 21:22:26 »

ตัวอย่างสวนครับ  อยู่เชียงใหม่นี่เอง  เชียงรายก็เริ่มปลูกหลายที่แล้วครับ



IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 [59] 60 61 62 63 64 65 66 67 68 69 ... 95 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!