เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 เมษายน 2024, 19:09:48
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 [58] 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 ... 95 พิมพ์
ผู้เขียน {{ เรื่องของข้าว การทำนาและเกษตรผสมผสาน }}  (อ่าน 407040 ครั้ง)
chate
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,023


« ตอบ #1140 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 11:25:16 »

สะเลียมกับลาบก่เม๊าะ
แก๋งขี้เหล็กก่ลำอยู่ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1141 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 11:41:49 »

สะเลียมกับลาบก่เม๊าะ
แก๋งขี้เหล็กก่ลำอยู่ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

เดียวปรับนาเสร็จก็ว่าจะปลูกซักต้นสองต้นครับเอาไว้เก็บกิ๋นครับ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1142 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 11:53:10 »

ผักเสี้ยว

วงศ์ : CAESALPINIACEAE

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia purpurea Linn.

ชื่อสามัญ : Orchid Tree, Purple Bauhinia.

ชื่อสามัญไทย : เสี้ยวดอกแดง , ชงโค

ชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ : กะเฮอ สะเปซี (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน ) เสี้ยวหวาน (แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ผักเสี้ยวเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้น สูงประมาณ 4-6 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ รูปมนเกือบกลม แยกเป็น พู ปลายมนกลม กว้าง 8-16 ซม. ยาว 10-14 ซม. ขอบใบเรียบ ดอก ออกเป็นช่อออกด้านข้างหรือปลายกิ่ง 6-10 ดอก ม
ีกลีบดอก 5 กลีบ สีชมพูถึงม่วงเข้ม รูปรีกว้างตรงส่วนกลาง เมื่อบานวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 ซม. ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลักษณะของดอกคล้ายดอกกล้วยไม้ เกสร เกสรตัวผู้ จะเป็นเส้นงอนยาวยื่นออกมาตรงกลางดอก 3 อัน ส่วนเกสรตัวเมียจะอยู่ตรงกลางดอกอีก 1 เส้น รังไข่มีขน ฝัก คล้ายฝักถั่ว ยาว 20-25 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก เมล็ดรูปร่างกลมมีประมาณ 10 เมล็ด

ตำนาน ความเชื่อ และการนำไปใช้ในพิธีกรรมของชาวเหนือ

มีตำนานเล่าเรื่องเกี่ยวกับผักเสี้ยวว่า ในสมัยก่อนมรรคนายกวัดได้ไปเด็ดเอาหางใบผักเสี้ยวมา 3 เสี้ยว นำมาตำให้ละเอียด เอาน้ำที่นึ่งข้าวเทใส่ แล้วจึงนำมากรอกใส่ปากเด็กที่เป็นไข้ 2 ช้อน ทำให้เด็กหายจากอาการเป้นไข้ต่อมามีรคนมักนำไปนึ่งรับประทานกับน้ำพริก และตั้งชื่อผักชนิดนี้ว่า “ ผักเสี้ยว “ จวบจนถึงปัจจุบัน

การปลูกและขยายพันธุ์

ผักเสี้ยวเป็นพรรณไม้ที่ถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียจีนมักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ตามถนนสองข้างทาง เป็นไม้ที่ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ความร่มรื่นเป้นอย่างดี สามารถขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือตอนกิ่ง ออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือน ตุลาคม-พฤศจิกายน

 ประโยชน์ทางยา

สรรพคุณทางสมุนไพร

ใบ รสเฝื่อน ใช้ต้ม กินรักษาอาการไอ ใบอ่อน ช่วยบำรุงร่างกาย

ดอก รสเฝื่อน ใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เป็นเครื่องยารักษาไข้ ดับพิษไข้ หรือเป็นยาระบาย

ราก รสเฝื่อน ใช้ต้มกับน้ำ ดื่มเป็นยาขับลม หรือ ใช้โขลกผสมกับน้ำกินเป้นยารักษาอาการไข้ ยาระบาย

ดอกและแก่น แก้โรคบิด

ประสบการณ์พื้นบ้าน

หมอเมืองล้านนา ใช้เป็นยาสำหรับแม่กำเดือน (หญิงอยู่ไฟ) โดยเด็ดใบมา 3 เสี้ยว กินก็หาย บางรายใช้เป็นยาแก้ลมมะเฮ็งคุต โดยถากเอาเปลือก ขุดเอารากมาทุบแช่กับน้ำข้าวสารเจ้า นำมาลูบหัวและขมับ และดื่มน้ำก็หายขาดได้

สารสำคัญที่พบ

ปบ มี alkalcid พวก tannin ( Arthru, 6:70 )

ประโยชน์ทางอาหาร

ใบอ่อนของผักเสี้ยวใช้รับประทานเป็นผัก มีรสหวานมักพบมากหลังจากที่มีการผลัดใบในช่วงปลายฤดูหนาวและต้นฤดูแล้ง จะผลิใบอ่อนในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

น้ำพริกผักจิ้ม

ผักเสี้ยว เป็นที่ชาวเหนือนิยมรับประทาน ช่วงที่ต้นเสี้ยวแตกใบอ่อน มักพบจำหน่ายตามตลาดสดทั่วไป ชาวเหนือนิยมนำมาต้มจิ้มน้ำพริกต๋าแดง น้ำพริกต่อ น้ำพริกน้ำปู๋

อาหารอื่น ๆ

ชาวเหนือนำผักเสี้ยวไปแกง เช่น แกงเลียง แกงใส่ปลาแห้ง แกงใส่เนื้อ หรือนำไปแกงร่วมกับผักเจียงดา ผักหละ จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

คุณค่าทางโภชนาการต่อสุขภาพ

ผักเสี้ยว 100 กรัม ให้พลังงานแก่ร่างกาย 47 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วยโปรตีน 3.4กรัม ไขมัน 1.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม กาก 1.8 กรัม แคลเซียม 46 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 31 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม วิตามิน A 1442 IU. วิตามิน B1 0.02 มิลลิกรัม วิตามิน B2 0.17 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม วิตามิน C 10 มิลลิกรัม

ประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ

ใช้ปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ให้ร่มเงาได้ดี และมีกลิ่นหอมอีกด้วย


* 605651fd8.jpg (76.29 KB, 500x331 - ดู 277 ครั้ง.)

* 1372297628.jpg (147.31 KB, 700x653 - ดู 274 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1143 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 12:54:33 »

แค

ชื่อวิทยาศาสตร์
Sesbania grandiflora Desv

ชื่อวงศ์
PaPilionaceae

ชื่อสามัญ
Vegetable Humming Bird Sesban Agasta

ชื่อท้องถิ่น
แคแกง แคขาว

ลักษณะทั่วไป
เป็นต้นไม้พื้นบ้าน เป็นต้นไม้เนื้ออ่อน ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ทั้งดินเหนียวและดินปนทราย นิยมปลูกเป็นรั้วบ้าน คันนา ริมถนน และในบริเวณบ้าน หรือปลูกไว้เพื่อปรับพื้นที่ให้มีปุ๋ย เพราะใบแคที่ผุแล้ว ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ส่วนที่นำมารับประทานได้ มียอดอ่อน ดอกอ่อน ใบอ่อน และฝักอ่อน ออกในช่วงฤดูฝน ส่วนดอกอ่อนจะออกในช่วงฤดูหนาว ดอกแค 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงานต่อร่างกาย 10 กิโลแคลอรี มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และวิตามินซี การรับประทานดอกแคจะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหาร ดอกแค เมื่อแก่จนกลีบร่วง ก็จะมีฝักอ่อน นำมาทำอาหารได้ เมื่อแก่จะแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ด เจริญเติบโตง่าย มีอายุไม่นาน ก็ยืนต้นตาย แพร่พันธุ์ด้วยฝักที่มีเมล็ดแก่จัด การนำดอกแคมาทำอาหารต้องเด็ดเกสรสีเหลืองของดอกแคออกก่อนจะทำให้ไม่มีรสขม

สรรพคุณทางยา
เปลือกนำมาต้ม คั้นน้ำแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด คุมธาตุ

ดอกแคดิบ
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 ก. (3.5 ออนซ์)
พลังงาน 30 kcal   110 kJ
คาร์โบไฮเดรต     6.73 g
ไขมัน 0.04 g
โปรตีน 1.28 g
วิตามินบี1  0.083 mg   6%
วิตามินบี2  0.081 mg   5%
ไนอะซิน  0.43 mg   3%
กรดโฟลิก (B9)  102 μg  26%
วิตามินซี  73 mg 122%
แคลเซียม  19 mg 2%
เหล็ก  0.84 mg 7%
แมกนีเซียม  12 mg 3% 
ฟอสฟอรัส  30 mg 4%
โพแทสเซียม  184 mg   4%
 




* 450px-Starr_050518-1632_Sesbania_grandiflora.jpg (101.88 KB, 450x600 - ดู 266 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1144 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 14:33:44 »

มันปู

ชื่อท้องถิ่น: มันปู
ชื่อสามัญ: -
ชื่อวิทยาศาสตร์: Glochidion Perakense Hook.f.
ชื่อวงศ์: EUPHORBIACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท: ไม้ยืนต้น
ลักษณะพืช: ลักษณะทั่วไป มันปูเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ มีความสูงต้นประมาณ 15 เมตร ปลายกิ่งห้อยลง ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับสองข้างของกิ่ง ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม โคนใบมนกว้าง 3.5-5 ซม. ใบยาว 7-14 ซม. แผ่นใบรูปรี ถึงรูปไข่กลับ ยาว 5-10 ซม. กว้าง 4-5.5 ซม. ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบ 5-7 คู่ ก้านใบสั้น คือมีความยาวประมาณ 3-5 มม. หน้าใบมีสีเขียวอ่อนกว่าหลังใบ ใบอ่อนและก้านอ่อนมีสีแดงหรือสีม่วงอมแดง เมื่อใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดอกเป็นดอกช่อ ดอกช่อขนาดเล็กมีสีเขียวอ่อน แยกเพศอยู่ต้นเดียวกัน ออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ และจะออกดอกระหว่างเดือน มีนาคม-ตุลาคม กลีบเลี้ยงมี 6 กลีบ ไม่มีกลีบดอก ผล แก่สีชมพูถึงแดง มีลักษณะกลมแป้น สูง 1.2-1.5 ซม. กว้าง 1.5-2 ซม. ภายในผลมี 10-12 พู ผลจะแตกเมื่อแห้ง มี 10-12 เมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็ก ค่อนข้างกลม มีเยื่อสีแดงหุ้ม ติดที่ปลายของแกนผล จะพบมันปูขึ้นในป่าน้ำกร่อย และบริเวณชายป่าพรุ มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ ของประเทศไทย  ในการปลูก มันปูเป็นพืชธรรมชาติที่พบได้ในป่าดิบ ที่ราบแถบเชิงเขา มีชาวบ้านนำมาปลูกบริเวณสวนใกล้บ้าน
 
ปริมาณที่พบ: มาก
การขยายพันธุ์: ใช้เมล็ด
อธิบายวิธีการเพาะ/ขยายพันธุ์: การขยายพันธ์ด้วยเมล็ด และการตอนกิ่ง หรือขุดเอาต้นเล็กไปปลูก ส่วนมากขึ้นเองตามธรรมชาติ

สรรพคุณทางยา ใบช่วยเจริญอาหาร รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ทั้งต้น ต้มแก้ไขร้อนเย็น
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์: ประโยชน์ทางสมุนไพร รากและลำต้น มีสรรพคุณแก้ร้อนใน เป็นยาบำรุง
ประโยชน์ทางด้านอาหาร ชาวใต้นิยมใช้เป็นผักสดกินกับน้ำพริก หรือใช้เป็นเครื่องเคียงแกงเผ็ดและขนมจีน ส่วนที่นำมาใช้ คือ ใบและยอดอ่อน
 
แหล่งที่พบ: ป่าคลองปอม,ป่าเทือกเข้าแก้ว
ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม: -
ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ได้: ตลอดปี



* 1329279504.jpg (125.48 KB, 573x450 - ดู 274 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1145 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 14:40:34 »

กระถิน

ชื่ออื่น   กระถิน กระถินบ้าน กะเส็ดโคก กะเส็ดบก ตอเบา สะตอเทศ สะตอเบา ผักก้านถิน
            ผักหนองบก กันเชด (เขมร) กระถินดอกขาว กระถินหัวหงอก กิถินน้อย กะตง
 
ชื่อวิทยาศาสตร์    Leucaena leucocephala de Wit.   วงศ์  LEGUMINOSAE
 
ชื่อสามัญ      lpil – lpil , Lead Tree.
 
แหล่งที่พบ    พบทั่วไปของทุกภาค
 
ประเภทไม้     ลักษณะทั่วไป กระถินเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ถึงไม้ต้นขนาดเล็ก
                    สูงได้ถึง 10 เมตร ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านสาขา ใบ ประกอบแบบขนนกสองชั้น
                    เรียงสลับ ก้านแขนงสั้น มีขน ใบย่อย เรียงตรงข้าม รูปแถบหรือรูปขอบขนาน
                    แกมรูปแถบ ปลายแหลม โคนเบี้ยว ขอบมีขน ท้องใบสีนวล ดอก ออกเป็นช่อ
                    ช่อดอกออกแบบช่อกระจุกแน่น ออกตามง่ามใบ ช่อเป็นฝอยนุ่มมีกลิ่นหอม
                    เล็กน้อย ผล เป็นฝัก ฝักออกเป็นช่อแบนยาว เห็นเมล็ดเป็นจุดๆ ในฝักตลอดฝัก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

 
      ต้น   เป็นไม้พุ่มยืนต้นสูง 3-5 เมตร ลำต้นแก่สีน้ำตาล ขรุขระ และมักหลุดเป็นขุยออกมา
      ใบ    เป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น ยาว 15-30 ซม. แตกออกเป็นช่อใบย่อย 3-10 คู่
      ยาวประมาณ 10 ซม. ใบมีขนาดเล็กคล้ายใบมะขาม จำนวน 5-20 คู่ รูปขอบขนาน
      ปลายแหลมยาว 6-12 มม. กว้าง 1.5-5 มม.
      ดอก   เป็นช่อขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ กลมฟูสีขาวมีกลิ่นหอมเล็กน้อย
      ผล    เป็นฝักแบนยาว 12-18 ซม. กว้างประมาณ 2 ซม. มีเมล็ด 15-30 เมล็ด สีเขียว
              เมื่อแก่จัดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
 
การขยายพันธุ์      ใช้เมล็ด
 
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม     ดินร่วนซุยหรือดินเหนียวอุ้มน้ำได้ดี กระถินทนความแห้งแล้งได้ดี และเติบโตเร็ว
ส่วนที่ใช้บริโภค     ยอดอ่อน ใบอ่อน ฝักอ่อน เมล็ดอ่อน
คุณค่าทางโภชนาการ
              ยอดอ่อนของกระถิน 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย62กิโลแคลอรี
              ประกอบด้วยน้ำ 80.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 8.4 กรัม
              ไขมัน 0.9 กรัม กาก 3.8 กรัม แคลเซียม 137 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
               เหล็ก 9.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ 7883 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.33 มิลลิกรัม
              วิตามินบีสอง 0.09 มิลลิกรัม ไนอาซีน 1.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 8 มิลลิกรัม

สรรพคุณทางยา
         ดอก รสมัน บำรุงตับ
        ราก รสจืดเฝื่อน ขับลม ขับระดูขาว และเป็นยาอายุวัฒนะ
        เมล็ด ใช้ถ่ายพยาธิตัวกลม (ascariasis)
        เปลือกของกระถินมีรสฝาด เป็นยาฝาดสมานฝักของกระถินเป็นยาฝาดสมาน
        กระถินรับประทานแก้โรคท้องร่วง สมานแผล ห้ามเลือด

ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
       1. สารสกัดจากใบกระถินฉีดเข้าหลอดโลหิตสุนัข ทำให้ความดันโลหิตลดลง
อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง กระตุ้นการหายใจ ฤทธิ์ลดความดันโลหิต สามารถต้าน
ได้ด้วย atropine และยาต้านฮีสตามีน ซึ่งถ้าใช้ antropine และยาต้านฮีสตามีนร่วมกัน
จะสามารถต้านฤทธิ์กระถินสมบูรณ์ และเมื่อใช้น้ำยาสกัดกระถิน กับหัวใจที่แยกออกมา
จากตัวกบและเต่า พบว่าอัตราการบีบของหัวใจลดลง และในระบบทางเดินอาหาร
ทั้งการทดลองแบบ in vitro พบว่าน้ำสกัดทำให้แรงตึงตัวและแรงบีบตัวเพิ่มขึ้น
เมื่อทดลอง in vivo การบีบของกระเพาะลำไส้ตามปกติลดลง
     2. ผลเมล็ดมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือดในหนูขาว แต่เมล็ดมีสาร
leucenine ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับ mimosine ซึ่งจะทำให้เป็นหมันในสัตว์ได้

 

ประโยชน์อื่น
        เมล็ดกระถินสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับหลายชนิด เช่น สายสร้อย เข็มกลัด
เข็มขัด เปลือกให้เส้นใยสั้นใช้ทำกระดาษได้ แต่คุณภาพไม่ดี ในชนบทนิยมปลูกกันเป็น
แนวรั้วบ้าน ใบกระถินอุดมด้วยธาตุไนโตรเจนและเกลือโพแทสเซียม นำมาหมักเป็นปุ๋ยได้
ใบ ยอด ฝักและเมล็ดอ่อน ใช้เป็นอาหารของ วัว ควาย แพะ แกะ ไก่
 
คติความเชื่อ         ตามตำราหลวงกล่าวไว้ว่า กระถินเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้
                           ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (อาคเนย์) โดยปลูกร่วมกับต้นสารภี
                           เชื่อว่าจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้
การปรุงอาหาร      ยอดอ่อน ใบอ่อน ฝักอ่อน-แก่ รับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก
                          (ชาวอีสาน) ใช้เมล็ดอ่อนผสมในส้มตำมะละกอหรือรับประทานกับส้มตำ
                          (ชาวใต้)      ใช้เมล็ดอ่อน ใบอ่อนรับประทานกับหอยนางรม
ลักษณะพิเศษ    ยอดและใบอ่อนมีรสมัน เมล็ดอ่อนมีรสมันอมหวานเล็กน้อย มีกลิ่น

สรรพคุณ  : ยอดและฝัก  ใช้กินเป็นผัก  แก้ร้อนใน กระหายน้ำ  ช่วยให้เจริญอาหาร
                 บำรุงหัวใจ     
                 เมล็ดแก่    แก้ขับลม  ขับระดูในสตรี  บำรุงไตและตับ  แก้อาการนอนไม่หลับ
                 เป็นยาอายุวัฒนะ
(นฤมล มงคลชัยภักดิ์ :สถาบันวิจัยสมุนไพรไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์)


* White%20Popinac.jpg (29.26 KB, 600x395 - ดู 264 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1146 เมื่อ: วันที่ 15 สิงหาคม 2013, 14:55:29 »

เพกา

ชื่อวิทยาศาสตร์ :    Oroxylum indicum  (L.) Kurz
 
ชื่อสามัญ :   Broken Bones Tree
 
วงศ์ :   Bignoniaceae
 
ชื่ออื่น :  มะลิดไม้ มะลิ้นไม้ ลิดไม้ (เหนือ) ลิ้นฟ้า (เลย) หมากลิ้นก้าง หมากลิ้นซ้าง (ฉาน-เหนือ) กาโด้โด้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ดอก๊ะ ด๊อกก๊ะ ดุแก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เบโก (มาเล-นราธิวาส)
 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :  ไม้ต้น สูง 3-12 เมตรแตกกิ่งก้านน้อย ใบประกอบแบบขนนกสามชั้น ขนาดใหญ่ เรียงตรงข้ามรวมกันอยู่บริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 4-8 ซม. ยาว 6-12 ซม. ดอกช่อ ออกที่ปลายยอดก้านช่อดอกยาว ดอกย่อยขนาดใหญ่กลีบดอกสีนวลแกมเขียว โคนกลีบเป็นหลอดสีม่วงแดง หนาย่น บานกลางคืน ผลเป็นฝัก รูปดาบ เมื่อแก่จะแตก ภายในเมล็ดแบน สีขาว มีปีกบางโปร่งแสง
ส่วนที่ใช้ : ราก เปลือกต้น ฝักอ่อน เมล็ด
 
สรรพคุณ :

ราก 
-  มีรสฝาดเย็น ขมเล็กน้อย ใช้บำรุงธาตุ ทำให้เกอดน้ำย่อยอาหาร เจริญอาหาร
-   แก้ท้องร่วง แก้บิด แก้ไข้สันนิบาต
-   ใช้ภายนอก รากฝนกับน้ำปูนใส ทาแก้อาการอักเสบ ฟกบวม

เพกาทั้ง 5  -  คือการใช้ส่วนราก ใบ ดอก ผล ต้น รวมกันจะมีรสฝาดเย็น มีสรรพคุณสมานแผล แก้อักเสบบวม แก้ท้องร่วง บำรุงธาตุ แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ไข้เพื่อลม เพื่อเลือด

ฝักอ่อน  - รับประทานเป็นผัก ช่วยในการขับผายลม บำรุงธาตุ

เมล็ด  - ใช้เป็นยาถ่าย เมล็ดแก่ใช้เป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ

เปลือกต้น -รสฝาดเย็น และขมเล็กน้อย เป็นยาสมานแผล ทำน้ำเหลืองให้เป็นปกติ ขับน้ำเหลืองเสีย ขับเลือดดับพิษโลหิต บำรุงโลหิต แก้เสมหะจุกคอ ขับเสมหะ แก้บิด แก้อาการจุกเสียด

เปลือกต้นตำผสมกับสุรา
-     ใช้เป็นยากวาดประซะพิษซางเด็กชนิดเม็ดเหลือง
-      แก้ละองขึ้นในปาก คอลิ้น แก้ละอองไข้
-     ใช้ฉีดพ่นตามตัวคนคลอดบุตรที่ทนการอยู่ไฟไม่ได้ ทำให้ผิวหนังชา
-     ทารอบ ๆ ฝี แก้ปวดฝีทาแก้อาการฟกบวมอักเสบ

เปลือกต้นสดตำผสมกับน้ำส้ม  ซึ่งได้จากรังมดแดงหรือเกลือสินเธาว์
-    รับประทานขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด แก้บิด แก้อาเจียนไม่หยุด
-    รับประทานแก้เสมหะจุกคอ (ขับเสมหะ) ขับเลือดเน่าในเรือนไฟ บำรุงโลหิต
นอกจากนี้เปลือกเพกา ใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น แก้เบาหวาน แก้โรคมานน้ำ เปลือกต้มรวมกับสมุนไพรหลายชนิด แยกเอาน้ำมันมาทาแก้
-     แก้องคสูตร
-    แก้ริดสีดวงทวารหนัก ทวารเบา
-    แก้ฟกบวม แก้คัน

สารเคมี

            ราก      มี D-Galatose, Baicalein, Sitosterols

            แก่น     มี Prunetin, B- sitosterols

            ใบ        มี Aloe emodin

            เปลือก  มี  Baicalein, Chrysin, 6-Methylbaicalein


* %E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%B21.jpg (45.04 KB, 400x533 - ดู 264 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1147 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 22:01:31 »

เสาร์นี้ถ่ายรูปที่นาครับข้าวโตขึ้นมากจะเริ่มแตกกอแล้วครับ


* 20130817_111438.jpg (53.77 KB, 700x525 - ดู 239 ครั้ง.)

* 20130817_111511.jpg (46.91 KB, 700x525 - ดู 236 ครั้ง.)

* 20130817_134830.jpg (68.56 KB, 700x525 - ดู 231 ครั้ง.)

* 20130817_152041.jpg (51.5 KB, 700x525 - ดู 238 ครั้ง.)

* 20130817_152048.jpg (72.99 KB, 700x525 - ดู 229 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1148 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 22:10:24 »

มีเวลาก็ ยกยอ( ตั้งจ๋ำ )  ครับ เอาปลามาเลี้ยงเป็ดและให้แมวให้ได้หลายมื้อทีเดียว หากมาเช้า ๆ ก็จะเห็น ป้า ๆ ยาย ๆ มายกยอริมคันนาผมกันส่วนใหญ่จะเอาไปทำปลาร้าขายกันครับ


* 20130817_143603.jpg (59.31 KB, 700x525 - ดู 231 ครั้ง.)

* 20130817_144200.jpg (68.33 KB, 700x525 - ดู 229 ครั้ง.)

* 20130817_154459.jpg (94.91 KB, 700x525 - ดู 229 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1149 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 22:20:10 »

มอเตอร์ไซด์คันใหม่ครับ ( เก่าที่อื่น ) ซื้อมา 3 พันกว่าบาทสภาพนี้เลย เอามาเปลี่ยนยางเป็นกึ่งวิบาก  เอาไว้ไปนาเพราะถนนยังไม่ได้ลาดยางยังเป็นดินแดงอยู่  รถประหยัดน้ำมันด้วยเพราะเครื่องซีซีน้อยและเป็นเครื่องยนต์ประเภท 4 จังหวะ หากซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาลุยแบบนี้ก็เสียดายและมีโอกาสหายมากกว่าด้วย


* 20130817_134341.jpg (76.99 KB, 700x525 - ดู 228 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1150 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 22:59:50 »

 ยิ้มกว้างๆ...ตอนทำเทือกครับ...ผู้ดูแลฯห้องชมรมคนรักรถมาช่วยขับรถไถ..มี47มาช่วยอีกคัน


* bm7612.jpg (253.27 KB, 800x600 - ดู 224 ครั้ง.)

* bm7614.jpg (227.71 KB, 800x600 - ดู 225 ครั้ง.)

* bm7613.jpg (230.31 KB, 800x600 - ดู 232 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1151 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 23:08:02 »

 ยิ้มกว้างๆ...ผมทำนาดำทั้งหมด...2ภาพบนอันนี้ตอนถอนกล้าชำเตรียมจะดำแปลง10ไร่...ส่วนภาพล่างตอนดำแปลง25ไร่
...ปล.ท่านd-maxคงลืมเช็ดหน้าเลนส์กล้อง...


* 7628.jpg (191.84 KB, 800x533 - ดู 231 ครั้ง.)

* bm7626.jpg (156.88 KB, 800x446 - ดู 230 ครั้ง.)

* bm7651.jpg (260.55 KB, 800x533 - ดู 227 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 23:10:14 โดย bm+ » IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1152 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 23:15:26 »

 ยิ้มกว้างๆ...ภาพแรกแปลง22ไร่...ภาพที่2แปลง25ไร่....ถ่ายเก็บไว้เมื่อวันที่6/8/2556ครับ...ท้ายๆแปลงน้ำท่วมคันนาหมด...ดีที่ข้าวโตพ้นน้ำ...


* bm7917.jpg (212.23 KB, 800x533 - ดู 223 ครั้ง.)

* bm7920.jpg (251.2 KB, 800x600 - ดู 221 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1153 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2013, 23:18:01 »

 ยิ้มกว้างๆ..ภาพแรกแปลง13ไร่...ภาพที่2แปลง10ไร่..ภาพ2ถ่ายมุมเดียวกันกับภาพที่ถอนกล้าครับ...


* bm7940.jpg (226.72 KB, 800x533 - ดู 230 ครั้ง.)

* bm7941.jpg (228.87 KB, 800x533 - ดู 250 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1154 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:26:13 »

ภาพสวย ข้าวงาม บรรยากาศดีขนาดน้อครับ ... รถ 47 แรงบ่าติดกันทรุดแถมใส่ตัวดันดินพร้อมแสดงว่านาบ่าค่อยหล่มน้อครับ  ว่าง ๆ เอารูปมาลงฮื้อดูแหมเน้อครับ  ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1155 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:33:48 »

วันว่างวันอาทิตย์ทำที่นั่งเล่นริมนาครับ.. ใช้เศษไม้เสาไม้รั้วเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วในบ้านมาทำครับ เอาไว้นั่งเล่นตอนเย็น ๆ  ทำพอเอานั่งได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ ข้าวฝั่ง 13 ไร่นี้เสียหายจากน้ำท่วม โดนหอยเชอรี่กินอีกเลยไม่ค่อยดูแลมาก มีหญ้าเยอะพอประมาณครับ


* SAM_1546.JPG (96.19 KB, 700x525 - ดู 223 ครั้ง.)

* SAM_1553.JPG (91.44 KB, 700x525 - ดู 204 ครั้ง.)

* SAM_1554.JPG (81.57 KB, 700x525 - ดู 204 ครั้ง.)

* SAM_1556.JPG (85.24 KB, 700x525 - ดู 203 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:36:38 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1156 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:40:46 »

ต่างจากนาอีกฝั่ง 9 ไร่ที่ดำครั้งที่ 2 ที่การปลูก การปรับพื้นนาและการดูแลกำจัดหอยเชอรี่ค่อนข้างดีกว่าครับ  เดี๋ยวนาปรังก็คงดีขึ้นเพราะเริ่มคุ้นเคยกับการทำนาดำโดยรถดำนาแล้วครับ


* SAM_1571.JPG (66.14 KB, 700x525 - ดู 199 ครั้ง.)

* SAM_1587.JPG (56.34 KB, 700x525 - ดู 194 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,044



« ตอบ #1157 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 21:52:07 »

THE FARMER เกมเกษตรกร 15 สิงหาคม 2556

IP : บันทึกการเข้า
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1158 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 22:01:08 »

วันว่างวันอาทิตย์ทำที่นั่งเล่นริมนาครับ.. ใช้เศษไม้เสาไม้รั้วเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วในบ้านมาทำครับ เอาไว้นั่งเล่นตอนเย็น ๆ  ทำพอเอานั่งได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ ข้าวฝั่ง 13 ไร่นี้เสียหายจากน้ำท่วม โดนหอยเชอรี่กินอีกเลยไม่ค่อยดูแลมาก มีหญ้าเยอะพอประมาณครับ

 ยิ้มกว้างๆ...เคยคิดทำที่นั่งแบบนี้ตั้งแต่ตอนนาปรัง...จนตอนนี้ลงนาปี..ยังไม่มีโอกาสได้ทำสักทีครับ...
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,575


canon eos


« ตอบ #1159 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2013, 23:23:49 »

 ยิ้มกว้างๆ...ช่วงที่น้ำไหลนอง


* bm2606.jpg (266.27 KB, 800x602 - ดู 195 ครั้ง.)

* bm2607.jpg (269.71 KB, 800x602 - ดู 200 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
หน้า: 1 ... 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 [58] 59 60 61 62 63 64 65 66 67 68 ... 95 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!