..ป่ายัง คนอยู่..
งามดอกไม้ ใบหญ้า ยามหน้าฝน
พิรุณหล่น โปรยปราย คนคลายเหงา
แสนสดชื่น รื่นกลิ่น ถิ่นพริ้มเพรา
เสียงหยอกเย้า เหล่านกกา พากันเพลิน..
ถิ่นดินดำ น้ำชุ่ม ลุ่มน้ำกก
เหล่าวิหก ผกผิน บินหาวเหิร
ต้นไม้ใหญ่ ไพรพนา น่าจำเริญ
สาวสะเทิ้น เอียงอาย เมื่อชายมอง..
สองหนุ่มสาว คราวรุ่น เคยกรุ้มกริ่ม
แม่ยุพิน ถิ่นไกล ในไพรผอง
ดอกไม้ป่า พนาไศล ไล้ทำนอง
ชวนกู่ก้อง ร้องเรียง เคียงคู่กัน..
ธารไหลเย็น เห็นแสง สุรีย์ส่อง
สะท้อนต้อง เกล็ดระยับ รับสุขสันต์
พระพายโชย โรยกลิ่น ถิ่นไพรวัลย์
คุณค่านั้น มากรำพัน อนันต์เนือง..
ยี่สิบปี ผ่านไป ใยป่าเศร้า
ร้อนรุ่มเร้า เนาพนา ป่าใบเหลือง
ดินแห้งแยก แตกระแหง แสนแค้นเคือง
ลำเหมืองน้ำ ลำธาร พาลหายไป..
ฝนตกมา พาพัด ซัดกระหน่ำ
ธาราลำ กรากเกรี้ยว เลี้ยวไถล
เหล่าโคลนตม ถล่มซ้ำ ระกำใจ
หวนโหยไห้ ในดินแดน ที่แสนตรม..
ดอกไม้ป่า พนาครั้ง ยังสะพรั่ง
ต้องพินพัง ทั้งครา น่าขื่นขม
โลภตันหา น่าเกลียด เสนียดสังคม
ขอให้ล้ม จมตาย เจ้านายทุน..
ร่วมกันเถิด เกิดไพร ให้สะพรั่ง
จับมือตั้ง มโนจิต คิดเกื้อหนุน
ฟื้นผืนป่า ค่าสดสวย อำนวยคุณ
ให้อบอุ่น กรุ่นชื่น คืนอีกครา..
พิทักษ์ป่า ต้นน้ำ ล้ำค่าเหลือ
คอยจุนเจือ เกื้อหนุน บุญรักษา
ฟื้นฟูเถิด ให้เจิดใส ไพรพนา
ทรงคุณค่า ป่ารักษ์น้ำ ไม่ช้ำใจ..
นาย ตะเข้