เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 เมษายน 2024, 18:30:22
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  โจรในคราบพระ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน โจรในคราบพระ  (อ่าน 3149 ครั้ง)
njoy0011
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2010, 09:39:47 »

ที่ว่ามานั้น พระท่านอยู่ที่วัดอะไรครับ
อย่าพูดว่าท่านอย่างเดียว
ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับ
บอกวัดมาเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปพิสูจน์
ไปดูมารึยังคับลองไปดูกะได้นะคับ
IP : บันทึกการเข้า
nutjunior
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,131


น้องแพน แพน


« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2010, 09:45:08 »

ที่ว่ามานั้น พระท่านอยู่ที่วัดอะไรครับ
อย่าพูดว่าท่านอย่างเดียว
ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับ
บอกวัดมาเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปพิสูจน์
อยากรู้เหรอคับพระรูปนี้เขาไม่ได้อยู่ในวัดหรอก เขาพักอยู่ที่ศูยน์เรียนรู้บ้านป่ายาง  ต.เจริญเมือง  อ.พาน  ช.ร.เรานี่ละลองมาดูดวงได้นะ ถ้าไม่เชื่อว่าผมใส่ร้ายก็มาดูได้ครับ

เข้าพรรษาแต่บ่ได้จำวัด ผิดวินัยก่อหา
ผมว่าผิดชัดๆนะคับมีที่ใหนพระเข้าพรรษาแต่ไม่อยู่วัด
ผมก็ว่าผิดนะ
IP : บันทึกการเข้า

นัท 083-5752391
Line nutjuniorr
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 26 สิงหาคม 2010, 14:06:15 »

ที่ว่ามานั้น พระท่านอยู่ที่วัดอะไรครับ
อย่าพูดว่าท่านอย่างเดียว
ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับ
บอกวัดมาเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปพิสูจน์
อยากรู้เหรอคับพระรูปนี้เขาไม่ได้อยู่ในวัดหรอก เขาพักอยู่ที่ศูยน์เรียนรู้บ้านป่ายาง  ต.เจริญเมือง  อ.พาน  ช.ร.เรานี่ละลองมาดูดวงได้นะ ถ้าไม่เชื่อว่าผมใส่ร้ายก็มาดูได้ครับ

เข้าพรรษาแต่บ่ได้จำวัด ผิดวินัยก่อหา

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ 
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑



จำพรรษาในสถานที่ต่างๆ
             [๒๑๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งใคร่จำพรรษาในหมู่โคต่าง. ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
จำพรรษาในหมู่โคต่างได้.  หมู่โคต่างย้ายไป. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เดินทางไปกับหมู่โคต่างได้.
             สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งเมื่อจวนถึงวันเข้าพรรษา ใคร่จะเดินทางไปกับพวกเกวียน.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้จำพรรษาในหมู่พวกเกวียนได้.
             สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อจวนถึงวันเข้าพรรษา ใคร่จะเดินทางไปกับเรือ ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
จำพรรษาในเรือได้.

จำพรรษาในสถานที่ไม่สมควร
             [๒๑๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาในโพรงไม้. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ
ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกปิศาจ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค  ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในโพรงไม้ รูปใดจำ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
             สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาบนค่าคบไม้.  คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ  ติเตียน
โพนทะนาว่า เหมือนพรานเนื้อ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาบนค่าคบไม้ รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
             [๒๑๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในที่แจ้ง. เมื่อฝนตกก็พากันวิ่งเข้าไป
สู่โพรงไม้บ้าง สู่ชายคาบ้าง. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในที่แจ้ง รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
             สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายหาเสนาสนะไม่ได้ จำพรรษา เดือดร้อนด้วยความหนาวบ้าง
ด้วยความร้อนบ้าง  จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่มีเสนาสนะไม่พึงจำพรรษา รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
             สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในกระท่อมผี. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า  เหมือนพวกสัปเหร่อ.  ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค  ตรัสห้ามว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในกระท่อมผี รูปใดจำ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
             สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในร่ม. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกคนเลี้ยงวัว.  ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในร่ม รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
             สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในตุ่ม. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกเดียรถีย์.  ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในตุ่ม รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ตั้งกติกาไม่เป็นธรรมในระหว่างพรรษา
             [๒๒๐] ก็โดยสมัยนั้นแล พระสงฆ์ในพระนครสาวัตถีได้ตั้งกติกาไว้ว่า ในระหว่างพรรษา
ห้ามไม่ให้บรรพชา.
             หลานชายของนางวิสาขา  มิคารมาตา  ได้เข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา.
ภิกษุทั้งหลายบอกอย่างนี้ว่า คุณ พระสงฆ์ได้ตั้งกติกาไว้แล้วว่า ในระหว่างพรรษาห้ามไม่ให้บรรพชา
คุณ จงรออยู่จนกว่าภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาเสร็จแล้ว จึงจะบวชให้. ครั้นภิกษุเหล่านั้นจำพรรษา
แล้ว ได้บอกหลานชายของนางวิสาขา มิคารมาตาว่า อาวุโส บัดนี้ ท่านจงมาบวชเถิด.
เขาจึงเรียนอย่างนี้ว่า ท่านขอรับ ถ้ากระผมจักได้บวชแล้วไซร้ จะพึงยินดียิ่ง แต่เดี๋ยวนี้กระผม
ยังไม่บวชละ
             นางวิสาขา มิคารมาตาจึงได้เพ่งโทษ ติเตียน  โพนทะนาว่า ไฉนพระคุณเจ้าทั้งหลาย
จึงได้ตั้งกติกาไว้เช่นนี้ว่า  ในระหว่างพรรษาห้ามไม่ให้บรรพชา กาลเช่นไรเล่า จึงไม่ควร
ประพฤติธรรม.
             ภิกษุทั้งหลายได้ยินนางเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่  จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่
พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงตั้งกติกา
เช่นนี้ว่า ในระหว่างพรรษา ห้ามไม่ให้บรรพชา รูปใดตั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ.

จำพรรษาในอาวาส ๒ แห่ง
             [๒๒๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระอุปนนทศากยบุตร ถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิ-
*โกศลว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น. ท่านไปสู่อาวาสนั้น ในระหว่างทาง ได้พบอาวาส ๒ แห่ง
มีจีวรมาก จึงคิดว่า ไฉนหนอ เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้   เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวร
เป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้ เราจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น.  พระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงเพ่งโทษ ติเตียน  โพนทะนาว่า พระคุณเจ้าอุปนนทศากยบุตร ให้ปฏิญาณแก่เราว่าจะจำพรรษา
ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้น
จากการพูดเท็จ  โดยอเนกปริยายมิใช่หรือ?  ภิกษุทั้งหลายได้ยินท้าวเธอทรงเพ่งโทษ  ติเตียน
โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ท่านพระอุปนนท-
*ศากยบุตรถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า จะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้นจากการพูดเท็จ  โดยอเนกปริยาย
มิใช่หรือ? ดังนี้  จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
             ลำดับนั้น   พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์.  ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
แล้วทรงสอบถามท่านพระอุปนนทศากยบุตรว่า ดูกรอุปนนท์ ข่าวว่าเธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่า จะอยู่จำพรรษา แล้วทำให้คลาดจริงหรือ?
             ท่านอุปนนทศากยบุตรทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
             พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ  เธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่าจะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า? เราติเตียนการพูดเท็จ  สรรเสริญกิริยา
ที่เว้นจากการพูดเท็จ โดยอเนกปริยายแล้วมิใช่หรือ?  การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า  จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น.
เธอไปสู่อาวาสนั้น  พบอาวาส ๒ แห่งมีจีวรมาก  ในระหว่างทางจึงคิดอย่างนี้ว่า  ไฉนหนอ
เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวรเป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้.
เธอจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น.  ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ
และเธอต้องอาบัติทุกกฏ. เพราะรับคำ


อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prawinai/4.10.html
IP : บันทึกการเข้า

..............
ghastgogo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 31 สิงหาคม 2010, 13:16:27 »

เข้ามาอ่านเล่นๆ เดี่ยวก็ไปล่ะ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
njoy0011
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 04 กันยายน 2010, 16:15:11 »

ที่ว่ามานั้น พระท่านอยู่ที่วัดอะไรครับ
อย่าพูดว่าท่านอย่างเดียว
ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับ
บอกวัดมาเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปพิสูจน์
คุณไปดูมายังคับถ้าไปแล้วช่วยบอกต่อๆไปด้วยนะคับ
IP : บันทึกการเข้า
njoy0011
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 10 พฤศจิกายน 2010, 09:53:49 »

มีใครจะคุยเรื่องนี้อีกใหม
IP : บันทึกการเข้า
tongchai29
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 20 ธันวาคม 2010, 12:00:36 »

มีใครจะคุยเรื่องนี้อีกใหม


ถ้าเอามาพูดอย่างเดียว แล้วมาแตกความคิดเห็นกันให้เกิดความรู้มันก็ดี

แต่ถ้าไม่รู้จริงแล้วมาวิจารณ์ เราจะบาปไหมก็น่าคิด

แนะให้เลยถ้าคุณ จขกท เห็นว่ามันผิด ก็ไปแจ้งความเลยดีกว่า

ถ้าเจตนาเราบริสุทธิ์ต่อพระศาสนาจริงๆแล้วก็ไม่มีใครจะไปว่าอะไร

ถ้าพระท่านผิดจริงตำรวจคงดำเนินคดีตามกฏหมาย


IP : บันทึกการเข้า
nazha
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156


เหนือกว่ากฏหมาย คือ กฏแห่งกรรม


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 03 มกราคม 2011, 21:18:32 »

อ้างถึง
ถ้าเอามาพูดอย่างเดียว แล้วมาแตกความคิดเห็นกันให้เกิดความรู้มันก็ดี

แต่ถ้าไม่รู้จริงแล้วมาวิจารณ์ เราจะบาปไหมก็น่าคิด

แนะให้เลยถ้าคุณ จขกท เห็นว่ามันผิด ก็ไปแจ้งความเลยดีกว่า

ถ้าเจตนาเราบริสุทธิ์ต่อพระศาสนาจริงๆแล้วก็ไม่มีใครจะไปว่าอะไร

ถ้าพระท่านผิดจริงตำรวจคงดำเนินคดีตามกฏหมาย
[/size]

ผมก็ว่างั้นแหละ อ่านมาคั้งนานหาหลักฐานอะไรไม่ได้ แล้วเล่นคอมเป็น โทระสับมือถือถ่ายรูปมาซิว่าท่านผิดอะไร(ถ้ามีจริง มาปั่นให้คนเกลียดชังพระสงฆ์นะมันถึงขั้นตาลยอดด้วนนะครับ
ขอดูรูปหน่อย ไหนก็อ่านมาจนหมดแต่หาสาระอะไรไม่ได้เลย
เมารึป่าว
IP : บันทึกการเข้า

ณชารีย์  ชินวรสิริวัชร (เพื่อนคอม)
240 หมู่18 ต.อ่างทอง อ.เมือง กำแพงเพชร 62000 T.0815308963 /บัญชี ธ.กรุงไทย 6200080178
โรงหล่อพระพุทธปฎิมา
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


รับปั้นหล่อ งานปติมากรรมทองเหลืองทุกชนิด


« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2011, 19:04:46 »

ผมว่าการดูดวงของพระถือว่าเป็นการอวดคุณวิเศษครับตามวินัยของพระห้ามครับผิดเต็มๆแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นให้ดูที่เจตนาครับ เจตนาดีหมายถึงการใช้การดูดวงมาเป็นเทคนิคดึงคนเข้าวัดสอนธรรมะ ขัดเกลาจิตใจ นำปัจจัยที่ได้จากการทำบุญสร้างและบำรุงถาวรวัตถุ อันนี้ถือว่าเจตนาดี แต่ถ้าเป็นโจรในคราบผ้าเหลืองอย่างคุณว่าก็คือ สะสมทรัพย์ที่ได้จากการทำบุญของชาวบ้าน มาบำรุงกิเลสของตัวเอง แบบนี้เค้าเรียกว่ามารผ้าเหลืองครับ "ตกนรกหมกไหม้"
IP : บันทึกการเข้า

รับออกแบบ จัดสร้างวัตถุมงคล เหรียญ รูปหล่อ พระบูชา พระเนื้อผง ล็อคเก๊ต ผ้ายันต์ กล่องใส่พระ ปั้นหุ่น งานรูปเหมือน พระประธาน งานเททองหล่อ ทุกชนิด ทุกแบบ ราคาย่อมเยาว์ 081-1112789
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!