ที่ว่ามานั้น พระท่านอยู่ที่วัดอะไรครับ
อย่าพูดว่าท่านอย่างเดียว
ต้องดูที่เจตนาด้วยนะครับ
บอกวัดมาเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเข้าไปพิสูจน์
อยากรู้เหรอคับพระรูปนี้เขาไม่ได้อยู่ในวัดหรอก เขาพักอยู่ที่ศูยน์เรียนรู้บ้านป่ายาง ต.เจริญเมือง อ.พาน ช.ร.เรานี่ละลองมาดูดวงได้นะ ถ้าไม่เชื่อว่าผมใส่ร้ายก็มาดูได้ครับ
เข้าพรรษาแต่บ่ได้จำวัด ผิดวินัยก่อหา
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑จำพรรษาในสถานที่ต่างๆ [๒๑๗] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งใคร่จำพรรษาในหมู่โคต่าง. ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
จำพรรษาในหมู่โคต่างได้. หมู่โคต่างย้ายไป. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เดินทางไปกับหมู่โคต่างได้.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งเมื่อจวนถึงวันเข้าพรรษา ใคร่จะเดินทางไปกับพวกเกวียน.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้จำพรรษาในหมู่พวกเกวียนได้.
สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อจวนถึงวันเข้าพรรษา ใคร่จะเดินทางไปกับเรือ ภิกษุทั้งหลาย
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค รับสั่งว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้
จำพรรษาในเรือได้.
จำพรรษาในสถานที่ไม่สมควร [๒๑๘] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งจำพรรษาในโพรงไม้. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ
ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกปิศาจ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในโพรงไม้ รูปใดจำ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาบนค่าคบไม้. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า เหมือนพรานเนื้อ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาบนค่าคบไม้ รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๒๑๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในที่แจ้ง. เมื่อฝนตกก็พากันวิ่งเข้าไป
สู่โพรงไม้บ้าง สู่ชายคาบ้าง. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในที่แจ้ง รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายหาเสนาสนะไม่ได้ จำพรรษา เดือดร้อนด้วยความหนาวบ้าง
ด้วยความร้อนบ้าง จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่มีเสนาสนะไม่พึงจำพรรษา รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในกระท่อมผี. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาว่า เหมือนพวกสัปเหร่อ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในกระท่อมผี รูปใดจำ
ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในร่ม. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกคนเลี้ยงวัว. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในร่ม รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายจำพรรษาในตุ่ม. คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
เหมือนพวกเดียรถีย์. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค
ตรัสห้ามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงจำพรรษาในตุ่ม รูปใดจำ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ตั้งกติกาไม่เป็นธรรมในระหว่างพรรษา [๒๒๐] ก็โดยสมัยนั้นแล พระสงฆ์ในพระนครสาวัตถีได้ตั้งกติกาไว้ว่า ในระหว่างพรรษา
ห้ามไม่ให้บรรพชา.
หลานชายของนางวิสาขา มิคารมาตา ได้เข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา.
ภิกษุทั้งหลายบอกอย่างนี้ว่า คุณ พระสงฆ์ได้ตั้งกติกาไว้แล้วว่า ในระหว่างพรรษาห้ามไม่ให้บรรพชา
คุณ จงรออยู่จนกว่าภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาเสร็จแล้ว จึงจะบวชให้. ครั้นภิกษุเหล่านั้นจำพรรษา
แล้ว ได้บอกหลานชายของนางวิสาขา มิคารมาตาว่า อาวุโส บัดนี้ ท่านจงมาบวชเถิด.
เขาจึงเรียนอย่างนี้ว่า ท่านขอรับ ถ้ากระผมจักได้บวชแล้วไซร้ จะพึงยินดียิ่ง แต่เดี๋ยวนี้กระผม
ยังไม่บวชละ
นางวิสาขา มิคารมาตาจึงได้เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระคุณเจ้าทั้งหลาย
จึงได้ตั้งกติกาไว้เช่นนี้ว่า ในระหว่างพรรษาห้ามไม่ให้บรรพชา กาลเช่นไรเล่า จึงไม่ควร
ประพฤติธรรม.
ภิกษุทั้งหลายได้ยินนางเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่
พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ตรัสห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงตั้งกติกา
เช่นนี้ว่า ในระหว่างพรรษา ห้ามไม่ให้บรรพชา รูปใดตั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ.
จำพรรษาในอาวาส ๒ แห่ง [๒๒๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระอุปนนทศากยบุตร ถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิ-
*โกศลว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น. ท่านไปสู่อาวาสนั้น ในระหว่างทาง ได้พบอาวาส ๒ แห่ง
มีจีวรมาก จึงคิดว่า ไฉนหนอ เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวร
เป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้ เราจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น. พระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระคุณเจ้าอุปนนทศากยบุตร ให้ปฏิญาณแก่เราว่าจะจำพรรษา
ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้น
จากการพูดเท็จ โดยอเนกปริยายมิใช่หรือ? ภิกษุทั้งหลายได้ยินท้าวเธอทรงเพ่งโทษ ติเตียน
โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ท่านพระอุปนนท-
*ศากยบุตรถวายปฏิญาณแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า จะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า
พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนการพูดเท็จ ทรงสรรเสริญกิริยาที่เว้นจากการพูดเท็จ โดยอเนกปริยาย
มิใช่หรือ? ดังนี้ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์. ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น
แล้วทรงสอบถามท่านพระอุปนนทศากยบุตรว่า ดูกรอุปนนท์ ข่าวว่าเธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่า จะอยู่จำพรรษา แล้วทำให้คลาดจริงหรือ?
ท่านอุปนนทศากยบุตรทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอถวายปฏิญาณแก่พระเจ้า
ปเสนทิโกศลว่าจะจำพรรษา ไฉนจึงได้ทำให้คลาดเสียเล่า? เราติเตียนการพูดเท็จ สรรเสริญกิริยา
ที่เว้นจากการพูดเท็จ โดยอเนกปริยายแล้วมิใช่หรือ? การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ
เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ให้ปฏิญาณไว้ว่า จะจำพรรษาในวันเข้าพรรษาต้น.
เธอไปสู่อาวาสนั้น พบอาวาส ๒ แห่งมีจีวรมาก ในระหว่างทางจึงคิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ
เราจะพึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จีวรเป็นอันมากก็จักบังเกิดแก่เรา ดังนี้.
เธอจึงจำพรรษาในอาวาส ๒ แห่งนั้น. ดูกรภิกษุทั้งหลาย วันจำพรรษาต้นของภิกษุนั้นไม่ปรากฏ
และเธอต้องอาบัติทุกกฏ. เพราะรับคำ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prawinai/4.10.html