ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:43:06 » |
|
อาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาก็ผ่านไปหลายวันแล้วเพิ่งนำมาโพสต้องขอโทษด้วยนะครับ...
ช่วงวันวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาได้ถือโอกาสไปเที่ยวชมการแห่งเทียนพรรษาทางน้ำที่ ตลาด100ปี"ตลาดลาดชะโด"
การเดินทางในครั้งนี้เป็นเส้นทางที่ต้องผ่านวัดโบสถ์ ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ทราบว่ามี รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒา จารย์ (โต พรหมรังสี) เทศนาธรรมองค์ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยประดิษฐานอยู่ เพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหารวมถึงพุทธศานิกชนผู้ใจบุญมาร่วมทำบุญกราบไหว้กัน..
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:45:16 » |
|
วัดโบสถ์ ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ตั้งอยู่ทางฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเป็นวัดเก่าโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเหลือ ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองปทุมธานี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ตั้งบนคุ้งน้ำท้องมังกรของแม่น้ำเจ้าพระยา ได้จัดพิธีสมโภชเถลิงศกไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2551 การเดินทางไปวัดโบสถ์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้า พระยาใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาถนนวงแหวนตะวันตก ลงทางด่วนบางปะอิน เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 5 กิโลเมตร พอขึ้นสะพานก็จะเห็นรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เทศนาธรรมองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:46:55 » |
|
ไปต่อกันตามหัวข้อกระทู้ คือการไปเที่ยวชมการแห่งเทียนพรรษาทางน้ำที่ตลอดลาดชะโด ไปถึงตลาดก็ต้องพาเดินชมตลาดกันเล็กน้อยเป็นการรอให้ถึงที่เขาจะเริ่มขบวนแห่มาทางน้ำ จากตัวอำเภอผักไห่ กว่าจะมาถึงยังมีเวลาอีกนานครับ ชุมชนลาดชะโดมีอายุเก่าแก่ราวสมัยหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 หรือ ราวปีพ.ศ. 2310 ก่อตั้งขึ้นโดยชาวกรุงเก่าที่อพยพหนีศึกสงครามมาในครั้งนั้น พื้นที่บริเวณที่ตั้งชุมชนแต่เดิมเรียกว่า “บ้านจักราช” แต่การที่หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า “บ้านลาดชะโด” น่าจะมีที่มาจากสภาพพื้นที่ ที่เป็นที่ลาดริมน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ของคูคลองที่มีอยู่มากมายและอุดมไปด้วยปลาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะปลาชะโด ถึงขนาดมีคำเตือนกันว่าเวลาพายเรือให้ระวังไม้พายจะไปโดนปลาชะโดเข้า
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:51:34 » |
|
บรรยากาศตลาดน้ำลาดชะโด เนื่องจากเป็นงานที่บริษัทกล้องยี่ห้อหนึ่งกับร้านขายแห่งหนึ่งร่วมกับทางเทศบาลลาดชะโด ได้ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น ทำให้มีตากล้องที่ตามมาเก็บภาพงานนี้มากมายเป็นพิเศษ อีกอย่างเขามีการแข่งขันให้จัดส่งภาพเข้าประกวดกันด้วยนั้นเอง ชาวบ้านลาดชะโดแต่เดิมคงมีการปะปนกันหลายเชื้อชาติ ที่มีมากคือไทยและมอญ การตั้งบ้านเรือนนิยมทำเลริมน้ำ อาชีพหลักของชาวบ้านคือทำนา เพราะหมู่บ้านอยู่ใกล้ทุ่งลาดชะโด ซึ่งเป็นพื้นที่ดินตะกอนปากแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีคลองลาดชะโดซึ่งเชื่อมต่อกับจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นทางน้ำสำคัญ นับว่าเป็นหมู่บ้านที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำในแถบนี้ ปัจจุบัน บ้านลาดชะโดได้พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ดี ชุมชนนี้ยังมีลักษณะของชุมชนเก่าแก่ที่มีองค์ประกอบของชุมชนอย่างครบถ้วน สถานที่น่าสนใจของชุมชนได้แก่ ตลาดลาดชะโด ก่อตั้งมาแล้วเป็นเวลานับ 100 ปีโดยพัฒนามาจากตลาดน้ำ ชุมชนเดิมในตลาดมาจากชุมชนเรือนแพค้าขาย เกิดเป็นรูปแบบของตลาดน้ำ ต่อมาวัดลาดชะโดได้ยอมยกพื้นที่ริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ของวัดให้ชุมชนได้ทำมาค้าขาย ในช่วงแรกมีการจับฉลากในการให้สิทธิ์พื้นที่ในตลาด ชุมชนค้าขายของชาวเรือนแพจึงได้อพยพจากน้ำขึ้นสู่บก โดยในการก่อสร้างตลาดนั้นเริ่มตรงพื้นที่ที่ติดคลองลาดชะโดแล้วขยายเข้าไปสู่ฝั่งเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างนั้นใช้ระบบเรือนค้าของผู้ใดผู้นั้นก็ออกเงินในการก่อสร้างเอง ส่วนที่เป็นสาธารณประโยชน์ อาทิ ท่าขนส่งสินค้า หรือหลังคารวมในตลาดสมาชิกผู้อาศัยในตลาดจะออกเงินเป็นกองกลางในการก่อสร้าง ตลาดลาดชะโดจึงได้ดำเนินการตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และเป็นตลาดที่คึกคักรุ่งเรืองมากในสมัยนั้น ในปี พ.ศ. 2526 – 2527 ได้มีการถมที่บางส่วนที่เป็นลำคลองเพื่อสร้างเป็นถนนเชื่อมจากทางหลัก ทำให้การคมนาคมทางบกเข้ามาประชิดตัวตลาดลาดชะโด ทำให้ตลาดลาดชะโดซบเซาลง นอกจากนี้ยังมีการเปิดตลาดนัดซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงมีผลกระทบต่อตลาดลาดชะโด จนทำให้เรือนค้าในตลาดเริ่มร้างไร้ผู้คน หลายคนอพยพออกจากชุมชนตลาดเข้าสู่เมือง เรือนค้าจึงเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจและเสน่ห์ของตลาดเก่าแก่แห่งนี้ ยังดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนเป็นระยะๆ อีกทั้งยังได้ใช้เป็นฉากในการถ่ายทำละครย้อนยุคหลายเรื่อง อาทิ “บุญชู” “รักข้ามคลอง” “สตางค์” “ชื่อชอบชวนหาเรื่อง” “ดงดอกเหมย” “ความสุขของกะทิ” เป็นต้น
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:54:27 » |
|
คงเป็นเพราะผมเห่อมากไปกลัวไปไม่ทันไม่ได้เห็น ต้องไปเสียเวลารอขบวนเขา2-3ชั่วโมง กว่าขบวนแห่งเที่ยงทางน้ำจะเคลื่อนมาถึง หน้าตลาดลาดชะโด
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:56:40 » |
|
สำหรับผมก็ต้องนับว่าตื่นตาติ่นใจพอสมควรเพราะเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เห็น การแห่เที่ยวพรรษาทางน้ำแบบนี้นั้นเอง ไม่กล้าไปยืนเก็บภาพบนสะพานไม้ที่ ขบวนเรือจะลอดผ่านเพราะเพราะมันโยกเหลือเกินกลัวมันพังลงมานั้นเอง
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 15:58:33 » |
|
ขบวนเรือเข้าใจว่ามีเกือบ100ลำค่อยเคลื่อนขบวนผ่านหน้าตลาดน้ำลาดชะโด ที่นักท่องเที่ยวรอชมกันอยู่เต็มพื้นที่ทั้ง2ฝั่งน้ำ
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 16:02:18 » |
|
เป็นของคู่กันไปแล้วกับงานประเพณีต่างๆของบ้านเรา ที่จะต้องมีเทพีหรือสาวงามนั้งมาในขบวนแห่นั้นด้วย ที่นี่ก็ไม่ต่างกัน มีสาวงามประจำหมู่บ้านนั้งเป็นสีสันกับขบวนแห่เทียนพรรษา สาวงามบางคนมาเต็มยศในชุดลิเก กันเลยครับ สวยด้วยสิครับ
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 16:04:18 » |
|
ในประเทศไทยมีประเพณีมากมายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าจำพรรษาของพระสงฆ์ไทยมาช้านาน การแห่เทียนแต่ละแห่งก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ตลาดลาดชะโด เป็นตลาดเก่าริมน้ำ ก็ใช้ประโยชน์ของแม่น้ำจัดให้มีง่านครั้งนี้ขึ้นมาก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 03 สิงหาคม 2010, 16:08:15 » |
|
การเดินทางไปยังตลาดลาดชะโด จากกรุงเทพฯ หากขับรถมาเอง จริงๆ มาได้หลายทาง มาให้ถึงตัวอำเภอผักไห่ก่อน จากตลาดผักไห่ มุ่งหน้าไปยังอำเภอวิเศษชัยชาญ มาประมาณ 500 เมตรจะถึงทางแยกเข้าลาดชะโดซ้ายมือ สังเกตด้านซ้ายจะมีหมู่บ้านอยุธยาคันทรีโฮมและร้าน Coffe Today ข้ามคลองไปมีร้านเปรี้ยวปาก และเจอทางเลี้ยวซ้ายไปลาดชะโด จากปากทางเข้าไปอีกประมาณ 4-5 กิโลเมตร ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง หรือหากมาจากถนนสายเอเชียผ่านอยุธยา บางปะหัน จะมีทางแยกไป อ.ป่าโมก ให้เลี้ยวซ้ายขับมาเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกไฟแดงอำเภอป่าโมก ให้ตรงไป ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ ซ้ายมือจะเป็นอำเภอป่าโมก ขับมาเรื่อยๆ เจอสะพานข้ามแม่น้ำน้อย ข้ามมาเจอสี่แยกไฟแดง สามารถเลี้ยวซ้ายหรือตรงไปก็ได้ ตรงไปสุพรรณ เลี้ยวซ้ายไปผักไห่ ถ้าเลี้ยวขวาไปวิเศษชัยชาญ หากตรงไป ขับไปเรื่อยๆ จะมีแยกทางด้านซ้ายมีป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเข้าและไปตามป้ายบอกทาง หากไม่มีรถส่วนตัว ก็ขึ้นรถทัวร์กรุงเทพฯ-ผักไห่ ที่หมอชิต แล้วลงสุดสายที่ตลาดผักไห่ ข้ามมาขึ้นสามล้อรับจ้าง ราคา 50 บาท ขาออกก็ขอเบอร์โทรคนขับไว้ พอจะกลับก็โทรตามแล้วเขาจะเข้ามารับ 50 บาทเช่นกัน ตลาดลาดชะโดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของการมาสัมผัสวิถีชาวบ้านริมคลอง สถาปัตยกรรมเก่าๆ ที่อนุรักษ์ไว้ เป็นตลาดที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ไทยหลายๆ เรื่อง มีของกินขายพอสมควร ของกินอาจจะมีไม่มากอย่างตลาดน้ำอื่นๆ แต่เด่นตรงที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศริมคลอง เชื่อว่าถ้ามีคนไปเที่ยวกันมากขึ้น การขยายตัวและการขายของกินต่างๆ ก็น่าจะมีมากขึ้นและน่าจะคึกคักมากกว่านี้ ช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตลาดลาดชะโด ตลาดเก่าแก่ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้
|
|
|
|
|
|
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 4,466
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2010, 06:08:11 » |
|
คนสวยในงานบุญ ดูแม่เจ้าราววาดสะอาดเอี่ยม โฉมเสงี่ยมงามมาแต่ฟ้าไหน นั่งบังเสาศาลาประหม่าใจ แบ่งงามใส่บาตรบ้างเถิดบังอร บังเอิญให้มานั่งบังเอิญพบ บังเอิญสบสายตาอุตส่าห์ซ่อน บังอาจเอื้อมเหลื่อมศีลวิ่นนิวรณ์ บังอบายฝ่ายฟ้อนระรอนทรวง (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
|
panu
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2010, 09:46:29 » |
|
|
|
|
|
|
|
ch_doi
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 04 สิงหาคม 2010, 13:51:04 » |
|
สวยจังเลยค่ะ ทั้งภาพ ทั้งบรรยากาศ สุดยอดมาก
ขอบคุณมากครับ สวยจังเลยค่ะ ทั้งภาพ ทั้งบรรยากาศ สุดยอดมาก
+100 สวยจริง ๆ ครับ ขอบคุณมากครับ คนสวยในงานบุญ ดูแม่เจ้าราววาดสะอาดเอี่ยม โฉมเสงี่ยมงามมาแต่ฟ้าไหน นั่งบังเสาศาลาประหม่าใจ แบ่งงามใส่บาตรบ้างเถิดบังอร บังเอิญให้มานั่งบังเอิญพบ บังเอิญสบสายตาอุตส่าห์ซ่อน บังอาจเอื้อมเหลื่อมศีลวิ่นนิวรณ์ บังอบายฝ่ายฟ้อนระรอนทรวง (เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์) ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับท่านพานุ เที่ยวให้สนุกนะครับ สวยงามค่ะ ทำให้คิดถึงสมัยอดีตทางโน้นเขาคงแห่เทียนทางน้ำคงน่าสนุกมากเลยนะคะ
ก็อย่างที่คุณยูริว่าไว้สมัยยังไม่มีถนนตัดผ่านมากนัก ในอดีตบ้านเมืองเราคงมีงานประเพณีทางน้ำกันเยอะมาก ขอบคุณมากนะครับ ภาพก็งงาม ข้อมูลก็ครบ นี่ล่ะครับลุงเชิงดอยของจริง
ขอบคุณมากครับท่านap.41
|
|
|
|
|
|