มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ ที่เด็กตั้งครรภ์สามารถมาเรียนได้ตามปกติครับ???

[Angler]

ไม่ใช่เรื่องใหม่น๊ะ เมื่อก่อนตอนผมเป็นนักศึกษา น.ศหญิงที่แต่งงานแต่งการโดยความยินยอมของผู้ปกครองโดยนิตินัย(จดทะเบียนสมรส)ที่ท้องก็เรียนได้เพียง ส่วนใหญ่แล้วน้องๆทั้งหลายเขาจะอายและไม่สะดวกในการเดินเหินรวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ จึงไม่นิยมที่จะเรียน อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อท้องแล้วก็ใช้เวลา 7-8 เดือน คลอดแล้วอยู่เดือนอีก นับเวลาแล้วเป็นปี ส่วนใหญ่จึงDrop และพอจะกลับมาเรียนก็ตกรุ่น ส่วนใหญ่ก็เลิกเรียนเอง
ส่วนกฏหมายคุ้มครองฉบับนี้ผมว่าดาบสองคมน๊ะอาจจะดีสำหรับบางคนและอาจจะไม่ดีในอีกหลายคน

[Mr.R]

สาเหตุเพราะร่างกายของผู้หญิงพร้อมที่สืบพันธ์ดำรงเผ่าพันธ์ของมนุษย์

ถ้าหากผู้ชายตั้งท้องได้ก็คงมีวัยรุ่นนักเรียนชายตั้งท้องไปเรียนกันให้เห็นกันบ้างล่ะ   

หากจะกำหนดกฏเกณฑ์ให้นักเรียนหญิงตั้งท้องแล้วจะไม่ให้เรียนนั้น

จะกีดกันหรือไม่ เลือกปฏิบัติทางเพศหรือไม่ อาจจะเกี่ยวข้องกับกระทู้นี้นะครับ

http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=24722.0

ส่วนเรื่องการจะพร้อมมีลูกหรือไม่ เป็นภาระของสังคมหรือไม่
นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่สังคมจะต้องพิจารณาต่อไป

[~KT 2 U~]

ถ้าท้องแล้วยังมาเรียน แสดงว่าเด็กยังรักการเรียนอยู่ ควรสนับสนุนให้ได้เรียนค่ะ
ถ้าเป็นพวกไม่รักดี จะท้องหรือไม่ท้องมันก็ไม่อยากมาเรียน 

+++1000


.. เด็กสมัยนี้รู้จัก sex ตั้งแต่ระดับประถมละ  (เร็วโคตรเลย - -")

.. เด็กส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดรู้วิธีการป้องกันทำยังไงไม่ให้ท้อง  (แต่อ้างไม่มีตังค์, อาย, " กลัวคนอื่นรู้ ", ฯลฯ)

.. เพราะไม่เคยพลาด ก็เลยมั่นใจว่าไม่มีทางพลาด

(เท่่าที่เคยฟังๆ มานะ  - -")

[เพชรพลอยผ้าม่าน]

มะคิด...มะเห็น


เพราะ...มะชอบมั๊ก...มาก

[nalismenox]

ไม่ควรนะครับ
เพราะว่า
1. เรื่องนี้จะกลายเป็นแฟชั่นทันที เพราะทุกวันเรื่องเซ็กก่อนวัยเรียนก็เป็นแฟชั่นไปแล้วด้วยซ้ำไป
2. เรื่องนี้ควรจะจบที่ตัวบุคคลมากกว่าในที่นี้หมายถึง ควรไปเตรียมตัวเป็นคุณแม่อยู่ที่้บ้าน
    ศึกษาวิธีการที่จะเลี้ยงลูกให้ถูกต้องไว้น่าจะดีกว่า แล้วเตรียมตัวชีวิตว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
    เมื่อลูกเกิดมาแล้วตนต้องเรียนต่อถึงระดับไหนแล้วค่อยว่ากันต่อไปโดยคิดเป็นส่วนๆ และควร
   มีอาจารย์หรือผู้ใหญ่ที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดเพราะจะมีปัญหาเรื่องนิติภาวะทางอารมณ์
3. ควรเลี่ยงลงไปเรียนภาคสมทบหรือภาคบ่ายน่าจะควรกว่าในกรณีเรียนสายอาชีพ
   เพราะนั่นหมายถึงยังได้เรียนปกติและในขณะเดียวกันก็รักษาเด็กไว้ด้วยไม่ได้ทำลาย
4. ผู้ปกครองและอาจารย์ทุกคนคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับนักเรียน นักศึกษากลุ่มนี้ ควรให้กำลังใจ
   และให้คำปรึกษา "ด้วยจิตวิญญาณ" ตักเตือน แนะนำและชี้แนะสิ่งที่ควรปฏิบัติต่อไปและ
   ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

"ชีวิตคือสิ่งมีคุณค่า ไม่ควรเอามาล้อเล่น
เด็กน้อยไม่ใช่ของเล่น นึกจะมีก็มี นึกจะทิ้งก็ทิ้งในถังขยะ ในโถส้วม ริมทางเท้า
เพราะสิ่งที่ทำให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์คือคำว่า "คุณธรรมและจริยธรรม" "

[۰•ฮักแม่จัน©®]

“การให้โอกาสคนคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

[۰•ฮักแม่จัน©®]

ขณะนี้ นักวิชาการ ได้เอาเรื่องนี้มาพูด ในรายการ ตอบโจทย์  ช่องทีวีไทย

ใครสนใจเรื่องนี้  เชิญมาดู แล้วแสดงความคิดเห็นกันได้ครับ  


ด่วนนะครับ

[a-talacom]

เอาแบบอย่างที่ไหนมาใช้คับแก้ที่ปลายเหตุ แล้วต่อไปข้างหน้าจะเป็นอย่างรัย  ส่งเสริมกันจัง สงสารบ้านเมืองเหลือเกินคับแกัอย่างอื่นดีกว่าไหมครับ

[nalismenox]

“การให้โอกาสคนคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

อันนี้ไม่เถียงนะครับ แต่ควรแยกแยะเป็นกรณีๆ ไปบางครั้งการให้โอกาสก็ไม่ใ่ช่สิ่งที่ดีที่สุดหรอกครับ

[acmilan777]

กลัวจะเครียดจน เด็กออกมาไม่สมบูรณ์อ่าดิ
อยากให้ แม่และเด็ก ดูแลกันมากๆงะ
ไหนๆก็มีแระ ก็ อยากให้เค้าเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด
ในฐานะ ถ้าเกิดได้เป็นพ่อเด็กน่ะครับ
ปล.แต่ยังไม่มีแฟนเน้อ 55

[GOLDEN RIVER]

ตั้งท้องแลัวยังให้มานั่งเรียนอยู่กับเพื่อนได้ตามปกติ  ผมว่าไม่ดีแน่  จะพากันเลียนแบบทำให้เด็กที่ไม่มีปัญหาพลอยมีปัญหาไปด้วย   ถ้าจะให้เรียนได้ ก็ต้องแยกกลุ่ม หรือไม่ก็ให้รอคลอดลูกเสร็จแล้วค่อยกลับมาเรียนก็ได้  เป็นการให้โอกาสสำหรับเด็ก ไม่แน่ว่าเขาอาจกลายเป็นคนที่จะเป็นสร้างสรรค์สังคมได้ดีอีกคนหนึ่งในอนาคตก็ได้นะครับ 

[SemBe]

ไม่ใช่เรื่องใหม่น๊ะ เมื่อก่อนตอนผมเป็นนักศึกษา น.ศหญิงที่แต่งงานแต่งการโดยความยินยอมของผู้ปกครองโดยนิตินัย(จดทะเบียนสมรส)ที่ท้องก็เรียนได้เพียง ส่วนใหญ่แล้วน้องๆทั้งหลายเขาจะอายและไม่สะดวกในการเดินเหินรวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ จึงไม่นิยมที่จะเรียน อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อท้องแล้วก็ใช้เวลา 7-8 เดือน คลอดแล้วอยู่เดือนอีก นับเวลาแล้วเป็นปี ส่วนใหญ่จึงDrop และพอจะกลับมาเรียนก็ตกรุ่น ส่วนใหญ่ก็เลิกเรียนเอง
ส่วนกฏหมายคุ้มครองฉบับนี้ผมว่าดาบสองคมน๊ะอาจจะดีสำหรับบางคนและอาจจะไม่ดีในอีกหลายคน

เห็นด้วยครับ  ไม่ได้กีดกัน หรือไม่ให้โอกาส แต่ไม่มีใครแก่เกินเรียน ถ้าตั้งใจที่จะเรียนจริงๆ ท้องโย้มานั่งเรียน เกิดแม่เครียด เรียนไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ลูกในท้องไม่เครียดด้วยเหรอ ไปทั้งแม่และเด็ก อยู่ดูแล บำรุงครรภ์ ทนุถนอมลูกในท้องอยุ่ที่บ้านดีกว่า ท้องไปเรียนดูก็ไม่งามในสายตา แล้วก็บอกว่าไทยเป็นเมืองพุทธ ดังไปทั่วโลกแน่ หลายมุมมองหน๊อะ

[Teenoi&Ploysai]

ไม่ใช่เรื่องใหม่น๊ะ เมื่อก่อนตอนผมเป็นนักศึกษา น.ศหญิงที่แต่งงานแต่งการโดยความยินยอมของผู้ปกครองโดยนิตินัย(จดทะเบียนสมรส)ที่ท้องก็เรียนได้เพียง ส่วนใหญ่แล้วน้องๆทั้งหลายเขาจะอายและไม่สะดวกในการเดินเหินรวมถึงทำกิจกรรมต่างๆ จึงไม่นิยมที่จะเรียน อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อท้องแล้วก็ใช้เวลา 7-8 เดือน คลอดแล้วอยู่เดือนอีก นับเวลาแล้วเป็นปี ส่วนใหญ่จึงDrop และพอจะกลับมาเรียนก็ตกรุ่น ส่วนใหญ่ก็เลิกเรียนเอง
ส่วนกฏหมายคุ้มครองฉบับนี้ผมว่าดาบสองคมน๊ะอาจจะดีสำหรับบางคนและอาจจะไม่ดีในอีกหลายคน

เห็นด้วยครับ  ไม่ได้กีดกัน หรือไม่ให้โอกาส แต่ไม่มีใครแก่เกินเรียน ถ้าตั้งใจที่จะเรียนจริงๆ ท้องโย้มานั่งเรียน เกิดแม่เครียด เรียนไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ลูกในท้องไม่เครียดด้วยเหรอ ไปทั้งแม่และเด็ก อยู่ดูแล บำรุงครรภ์ ทนุถนอมลูกในท้องอยุ่ที่บ้านดีกว่า ท้องไปเรียนดูก็ไม่งามในสายตา แล้วก็บอกว่าไทยเป็นเมืองพุทธ ดังไปทั่วโลกแน่ หลายมุมมองหน๊อะ

+1

[P-RAPA]

เหตุผลเยอะแยะมากมาย

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ

คลอดออกมาค่อยไปเรียนต่อก้อได้

[นายเหตุผล]

เหตุผลมีมากมาย  แต่เอาแบบรวบรัด แบบคั้นกะทิเลยละกัน
ืคือ ให้คลอดก่อน  แล้วค่อยไปเรียนต่อ จะดีกว่า
(เหตุผลอื่น มันยาว พิมพ์ไม่ไหว... สงสารคนอ่านด้วย)

[ChitChat]

เคยเห็นข่าวที่มียายคนหนึ่งอายุุมากแล้วที่เชียงใหม่ก็ยังเรียนได้เลย