เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 03 สิงหาคม 2025, 03:22:31
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0
ห้ามประกาศซื้อขาย แลกเปลี่ยน สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิด บนเว็บไซต์แห่งนี้ เจอกระทู้ไหนประกาศ จะดำเนินการลบออก โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ตลาดกลางซื้อขายสินค้าออนไลน์
| |-+  สัตว์เลี้ยง (ผู้ดูแล: ตาต้อม, Active Oper, “๏.๎฿ @ ์ N ' K๎.๏™”)
| | |-+  แนะนำสัตว์เลี้ยงแปลกๆ ย้ำแปลกๆ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] พิมพ์
ผู้เขียน แนะนำสัตว์เลี้ยงแปลกๆ ย้ำแปลกๆ  (อ่าน 18815 ครั้ง)
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 24 เมษายน 2012, 21:12:40 »

มาถึงกิ้งก่าเปลี่ยนสีบ้างคับ คือ คาร์เมเลี่ยนเวลล์ นั้นเอง ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
คาร์เมเลี่ยนเวลล์(Veiled Chameleon Factoids) หรือ คาร์เมเลี่ยน คาลิปตราตัส (Chamaeleo calyptratus)


         สวัสดีนักท่องเว็บทุกท่านนะครับ เห็นว่าตอนนี้กระแสเวลล์มาแรงเหลือเกินก็เลยอดใจไม่ไหวที่จะกล่าวถึงมันซักหน่อย แล้วบังเอิญว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 ก.ย. 48) ผมมีโอกาสได้ไปเดินสำรวจตลาดสัตว์เลื้อยคลานแถวๆจตุจักรมา เดินอยู่ได้พักใหญ่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าเวลล์เกาะขอนชูคอโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าร้าน จึงอดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปเชยชมเสียหน่อย หลังจากที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ๆ ช่วงนี้ก็เริ่มมีเจ้าเวลล์โผล่มาให้เห็นบ้าง แล้วไอเดียก็บรรเจิดครับ ผมคิดได้ทันทีว่าบทความเรื่องต่อไปจะต้องเป็นเจ้าเวลล์นี่แหละ เพราะว่าหลังจากนี้จะต้องมีเพื่อนๆหลายคนที่กำลังเล็งๆเอาไว้เพื่อนำมาเป็นสมาชิกใหม่อีกตัว และกำลังคิดว่าจะตัดสินใจซื้อดีมั้ย เลี้ยงยากหรือเปล่า หรือคำถามอีกหลายๆข้อ หากกำลังชั่งใจอยู่ละก็ลองมาอ่านบทความนี้กันก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจนะครับ หรือบางคนอาจกำลังมีอยู่ในครอบครองแล้ว ก็สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูว่าเราเลี้ยงเจ้านี่ถูกต้องหรือเปล่า หรือเผื่อเกิดไอเดียใหม่ๆในการเลี้ยงก็เป็นได้


        เวลล์ นั้นเป็นกิ้งก่าอีกชนิดหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ แสงและการเคลื่อนไหวต่างๆ มันจะเปลี่ยนเป็นสีซีดเมื่อตกใจ กลัว หรือไม่ก็อยู่ในที่มืดและเย็น แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่ออากาศร้อนและมีแสงสว่าง มันกลับเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ เช่นโมโห รมณ์บ่จอย ก็จะมีสีเข้ม ต้นไม้ ดอกไม้ที่อยู่ในตู้ก็มีผลเช่นกันนะครับ เพราะกิ้งก่าสามารถเปลี่ยนสีตามสิ่งของที่มันเกาะอยู่ เพื่อหลอกศัตรู มีนักเลี้ยงบางท่านดัดแปลงจากนิสัยข้อนี้ของมันโดยใช้ต้นไม้และดอกไม้ที่มีสีสดใสเพื่อให้กิ้งก่าที่เลี้ยงมีสีสวยสดงดงามตามต้นไม้ที่ใส่ไว้ในที่เลี้ยง ที่นิยมเห็นจะเป็น ไทรด่าง, สับปะรดสี, พลูด่าง เป็นต้น ซึ่งการเปลี่ยนสีของกิ้งก่านี้มีการถกเถียงกันมาก นอกจากนี้ตาของมันทั้งสองข้างยังสามารถกลอกไปมาได้ 360 องศา ทำให้มันสามารถทราบได้ถึงภัยก่อนที่จะถึงตัว เพราะตาของมันจะกลอกไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่พร้อมกัน ทำให้มันสามารถดูสิ่งที่อยู่รอบๆตัวทั้งซ้าย ขวา หน้าและหลังได้พร้อมๆกัน ส่วนลักษณะโดยทั่วไปนั้น เวลล์จะมีหางยาวและม้วนเข้าเป็นวงตอนปลายดูคล้ายๆกับกิ้งกือเวลาที่โดนแหย่แล้วม้วนตัวนะครับ ถ้าบางคนไม่เคยเห็นก็อาจเปรียบเทียบกับม้าน้ำก็พอไหวครับ หางม้วนๆเข้าไปครับ บางครั้งก็มีเอาหางไปม้วนกับต้นไม้ กิ่งไม้บ้างเหมือนกัน ลักษณะเด่นที่สามารถแยกมันออกจากเพื่อนๆกิ้งก่าของมันได้ง่ายๆก็คือ ส่วนหลังคอที่มีติ่งยื่นออกมา ซึ่งส่วนที่ยื่นออกไปนี้จะนูนเป็นโหนกในบริเวณหัวค่อนไปทางสันหลังอย่างชัดเจน มีแถบสีเหลืองล้อมรอบลำตัวเป็นช่วงๆตลอดทั้งลำตัว สีของลำตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับ อารมณ์ และปัจจัยอื่นๆตามที่กล่าวไปข้างต้น ตั้งแต่สีเขียวสดจนถึงสีน้ำเงินบางครั้งอาจมีสีเหลืองทอง, ส้ม และสีดำ มีลิ้นที่ใหญ่ หนาและยาวมาก ยาวกว่าตัวของตัวมันเสียอีก เนื่องจากมันใช้ในการจับอาหารกิน โดยยื่นลิ้นออกไปจับอาหารที่อยู่ไกลๆได้ ด้วยความรวดเร็ว แม้ว่าเราจะดูเหมือนมันเชื่องช้าก็ตาม ส่วนลำตัวมีความยาวโดยประมาณ 40-60 เซนติเมตร (14-24 นิ้ว) โดยเมื่อโตเต็มที่มีรายงานว่าขนาดใหญ่พอๆกับกิ้งก่าอีกัวน่าเลยทีเดียว แต่ตัวผมเองนั้นยังไม่เคยเห็นเวลล์ที่มีขนาดใหญ่ขนาดนั้เลยสักที การวัดนี้จะรวมส่วนหางด้วยแต่ไม่ได้รวมส่วนลิ้น โดยเพศผู้ จะโตกว่าเพศเมียเกือบเท่าตัวเพราะมีขนาดถึง 24 นิ้วในขณะที่เพศเมียมีขนาดเพียง 14 นิ้วเท่านั้นเอง เมื่ออายุได้ 6 เดือนสามารถเพาะพันธุ์ได้ แต่จะให้ดีควรมีอายุไม่น้อยกว่า 1 ปี เวลล์มีอายุเฉลี่ยประมาณ 5-6 ปี แต่เพศผู้จะมีอายุที่ยืนกว่าเพศเมีย ดูแล้วตัวผู้นี้ออกจะเอาเปรียบตัวเมียซะทุกอย่างเลย แต่บางทีเรื่องเหล่านี้อาจมีผลมาจากวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของมันก็เป็นได้ ในธรรมชาติอาจมีตัวผู้น้อยก็เลยทำให้มีอายุยืนกว่าเพื่อไม่ใไห้มันสูญพันธุ์ก็เป็นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาและที่ไป มีเหตุมีผลของมันเสมอแหละครับ พวกมันมีถิ่นกำเนิดจากทะเลทรายของประเทศ เยาเมนและซาอุดิอารเบีย ดังนั้นมันจึงสามารถปรับตัวกับอุณหภูมิที่ร้อนมากและแห้งแล้ง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25 - 32 องศาเซลเซียสและอากาศเย็นลงในตอกลางคืน ทำให้สามารถเลี้ยงในภูมิอากาศบ้านเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งคล้ายคลึงใน คาร์เมเลี่ยนแจ๊คสัน แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบแพร่หลายในร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วโลกไปแล้ว

         อาหารการกินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลี้ยง เวลล์กินสัตว์เป็อาหาร เช่น แมลง หนอนแว๊ก หนูแดง และกินพืชได้เล็กน้อย ดังนั้นถ้าคิดจะเลี้ยงแล้วจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ว่าการหาอาหารให้มันกินนั้นเกินความสามารถของเราหรือเปล่า เพราะกิ้งก่าเหล่านี้ไม่สามารถฝึกให้กินอาหารเม็ดได้เหมือนกับเต่า โดยส่วนใหญ่นิยมให้กินจิ้งหรีด ซึ่งในกิ้งก่าที่ตัวเล็กก็จะต้องให้กินลูกจิ้งหรีดตัวเล็กๆ แต่เมื่อโตขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นจิ้งหรีดขนาดใหญ่ขึ้น ควรคำนึงถึงว่าอาหารที่ให้จะต้องมีขนาดเหมาะสมกับกิ้งก่า ในกรณีที่เวลล์มีอาการเซื่องซึมหรือไม่ยอมกินอาหาร ควรเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้น ซึ่งสามารถวัดด้วยการติดเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในที่เลี้ยง นอกจากนี้ในการเลี้ยงควรฉีดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือใช้ระบบสเปรย์น้ำ เรื่องนี้ก็จำเป็นเช่นกัน ในธรรมชาตินั้นกิ้งก่าจะกินน้ำค้างที่เกาะตามใบไม้หรือยอดหญ้าในตอนเช้า การวางถาดน้ำจึงไม่มีความจำเป็นเพราะมันจะไม่กิน การสเปรย์น้ำต้องทำทุกวันโดยเสปรย์น้ำไปที่หญ้าหรือต้นไม้ ไม่ควรฉีดลงไปที่ตัวกิ้งก่าโดยตรง หากไม่มีเวลาก็สามารถทำเป็นที่ให้น้ำติดไว้ด้านข้างเป็นแบบน้ำหยดติ๋งๆเอาไว้ก็ได้ครับ


อนุกรมวิธาน
          Class Reptilia
              Order Squamata (Lizards and snakes)
                   Family Chamaeleontidae (chameleons)
                        Genus Chamaeleo
                              Species calyptorarus
การเลี้ยง อ้างอิงจาก ร้าน Kassinba Hut (โดยคุณหนุ่ม)
1. อาหารที่ให้ก็เป็นแมลงและหนอนทุกชนิดการให้อาหารควรให้ตอนที่มีแสงแดด ซึ่งจะกระตุ้นการกินอาหารของคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้เป็นอย่างดี
2. การเสริมวิตามินในแมลงและหนอนควรคลุกเคล้าวิตามิน และให้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ วิตามินที่ควรเสริมได้แก่ วิตามิน เอ ดี และแคลเซี่ยม
3. อุณหภูมิในการเลี้ยงลูกที่มีอายุระหว่าง 1 เดือนถึง 3 เดือน อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 24 – 28 องศาเซลเซียส, อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี อยู่ระหว่าง 27 – 32 องศาเซลเซียส ส่วนตัวเต็มวัยอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปอยู่อุณหภูมิระหว่าง 28 – 35 องศาเซลเซียส
4. ความชื้นที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วง 50 – 65 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามีความชื้นมากเกินไปอาจเป็นผลเสียต่อคาร์เมเลี่ยนชนิดนี้ได้
5. สำหรับตัวเมียที่ตั้งท้องพร้อมที่ผสมพันธุ์ควรอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และจะอยู่อุณหภูมิที่เหมาะสมที่อุณหภูมิเฉลี่ย 28 – 35 องศาเซลเซียส และความชื้น 55 – 60 เปอร์เซ็นต์
6. การให้น้ำควรสเปรย์น้ำ 1 ครั้งตอนเช้า เป็นเวลา 30 นาที
7. แสงสว่างควรให้อย่างน้อยเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ภายใน 1 วัน
การเพาะพันธุ์

           ขั้นแรก หลังจากที่กิ้งก่ามีอายุได้ 1 ปี แล้ว มันจะเริ่มส่งเสียงร้อง(ประมาณปีละ 3 ครั้ง) โดยช่วงที่ไม่ได้เพาะพันธุ์ควรเลี้ยงแยกเพศ ไม่ควรเลี้ยงเพศผู้กับเพศเมียร่วมกัน เมื่อพร้อมแล้วจึงนำมารวมกันเพื่อให้กิ้งก่าผสมพันธุ์กัน เมื่อเพศผู้เจอกับเพศเมียจะแสดงสีสันที่สดใส มีการส่ายลำตัวไปมา และส่งสัญญาณกับเพศเมียว่าต้องการผสมพันธุ์ หลังจากที่ส่งสัญญาณแล้วเพศเมียจะตอบรับหรือไม่ก็จะแสดงอาการออกมา หากเพศเมียที่ไม่เต็มใจจะเปลี่ยนสีให้เข้มขึ้น และพยายามถอยหนี ส่วนเพศเมียที่พร้อมจะผสมพันธุ์จะมีสีสันสดใสเป็นพิเศษเพื่อเรียกร้องความสนใจ เมื่อผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้วทำการแยกออกจากกัน โดยเลี้ยงไว้คนละกรงเช่นเดิม เพศเมียที่ได้รับเชื้อจากเพศผู้ก็จะมีไข่อยู่ในท้อง แล้วรอประมาณ 25-30 วัน เพศเมียจะวางไข่ประมาณ 50 ฟอง ไข่ที่ได้นี้จะแยกไปฟัก โดยนำไข่ไปไว้ในภาชนะขนาดประมาณ 5 แกลลอน ที่ปูพื้นด้วยทรายเปียกหมาดๆ หรือกากมะพร้าว เรียงไข่ไว้ในภาชนะเกือบมิดฟอง แล้วนำไปบ่มหรือฟักที่อุณหภูมิ 30-32 องศาเซลเซียส ประมาณ 6 เดือน เมื่อไข่ฟักเป็นตัวให้อาหารลูกกิ้งก่าด้วยหนอนผลไม้ หรือจิ้งหรีดตัวเล็กๆ ซึ่งลูกกิ้งก่าจะโตเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ

          สุดท้ายนี้ฝากไว้นิดนึงนะครับ ว่าควรสัมผัสกิ้งก่าของท่านอย่างทะนุถนอมเพราะมันค่อนข้างบอบบาง ไม่ควรเลี้ยงในบริเวณที่มีเด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเพราะอาจทำให้กิ้งก่าเครียดได้ และเลี้ยงดูมันด้วยความรัก ขอบคุณครับ


* pan.jpg (41.81 KB, 500x375 - ดู 21468 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 20:47:14 »

วันนี้มีแปดขามาแนะนำอีกหนึ่งคับ คือ Curly Hair ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Brachypelma albopilosum
ชื่อสามัญ : Curly Hair
===========================
ถิ่นอาศัย คอสตาริก้า ฮอนดูรัส
ชนิด อาศัยบนพื้นดินหรือในโพรง
ขนาดโตเต็มวัย 5-6 นิ้ว
อัตราการเติบโต เร็ว
อุณหภูมิ 21-29 C
ความชื้นสัมพัทธ์ 75 -80%
=================
curly hair เป็นแมงมุมที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งถึงมันจะมีสีสันไม่ค่อยสวยงามแบบญาติพีน้องของมัน ( curly hair เป็นแมงมุมในสกุล Brachypelma) แต่เจ้าแมงมุมตัวนี้ก็มีเอกลักษณ์ คือ ขนที่ยาวหยิก และปลายขนเป็นสีขาวอมชมพูซีดๆ และมีนิสัยที่ไม่ค่อยเตะขนเหมือนกับญาติๆ ของมัน เป็นแมงมุมที่ไม่ก้าวร้าว ถิ่นอาศัยอยู่ที่ป่าฝนทางแถบอเมริกาใต้ ซึ่งในขณะเดียวกันพี่น้องของมันบางตัวมีถิ่นอาศัยในที่แห้งแล้งอย่างทะเลทราย ดูจากลำตัวที่อ้วนกลมนั้นเนื่องจากเป็นแมงมุมที่กินจุ กินเก่งมาก

curly hair เป็นแมงมุมที่เหมาะกับการเริ่มต้นสำหรับนักเลี้ยงแมงมุมมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง และอีกทั้งราคาในตลาดถือว่าถูกทีเดียว ยิ่งถ้าได้เลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กๆ อยู่ แล้วเฝ้าดูพัฒนาการในการเติบโต เป็นสิ่งที่ท้าทายเหล่านักเลี้ยงแมงมุมมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง แล้วคุณจะรู้ว่ามันน่ารักเพียงใด


* 301064_238129069575157_217802914941106_568361_19738580_n.jpg (57.51 KB, 599x438 - ดู 3788 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 20:50:11 »

มาถึงแงป่องบ้านๆบ้างคับ เป็นสันญาลักของแม่สายด้วย คือ แมงป่องช้างนั้นเอง
ชื่อไทย: แมงป่องช้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heterometrus sejnai (Kavarik, 2004)
ลักษณะทั่วไป : พบได้บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย ตัวผู้ขนาดความยาวของลำตัว 78 mm แต่ส่วนรวมขนาดความยาวของลำตัว 95-117 mm ลำตัวมีสีดำ หาง ขาและปล้องพิษมีสีออกน้ำตาล จำนวนเพ็คไทน์ 13 – 14 ทั้งสองเพศ ในการแยกเพศนั้นเป็นเรื่องที่มีความยากเพราะมีความไม่ชัดเจนมากนัก ในช่วงของการเจริญเติบโตที่มีอัตราส่วนความกว้างของกล้ามอยู่ในระหว่าง 2.2 ทั้งสองเพศ ลักษณะของกล้ามใหญ่มีตุ่มเล็กๆ บริเวณขอบ ส่วนหัวมีตุ่มเล็กๆ และมีช่วงลำตัวที่สั้นกว่าชนิดอื่น มีขนที่กระเปาะพิษและเข็มพิษยาว
ส่วนใหญ่ชนิดนี้จะมีความคล้ายกับชนิด H. Cimrmani เพราะว่ามีความคล้ายกันในเรื่องของลักษณะของลำตัว แต่ต่างกันที่สีของช่วงหางและขาที่มีสีน้ำตาล
แหล่งกระจายพันธุ์ : ประเทศที่มีรายงานการพบได้แก่ประเทศ ไทย พบที่ทะเลบัน จังหวัดสตูล


* 385576_334537126606634_217979788262369_926247_1007192186_n.jpg (232.06 KB, 958x743 - ดู 3836 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
Be fish aqua shop
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,617


คิดถึง มฟล จัง


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 21:21:56 »

ร้านพี่กอล์ฟ กับพี่เจตน์  มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกก
IP : บันทึกการเข้า

Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 21:27:16 »

ร้านพี่กอล์ฟ กับพี่เจตน์  มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกก
ร้านพี่เค้าอยู่แถวไหนหรอคับ ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
Be fish aqua shop
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,617


คิดถึง มฟล จัง


« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 21:32:38 »

ร้านพี่กอล์ฟ กับพี่เจตน์  มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกก
ร้านพี่เค้าอยู่แถวไหนหรอคับ ฮืม

กรุงเทพคะ  พี่สั่งของกับสองร้านนี้ให้ลูกค้าประจำ  ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 21:40:13 »

ร้านพี่กอล์ฟ กับพี่เจตน์  มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกก
ร้านพี่เค้าอยู่แถวไหนหรอคับ ฮืม

กรุงเทพคะ  พี่สั่งของกับสองร้านนี้ให้ลูกค้าประจำ  ยิ้ม
อ่อคับผม  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
thaba
ตู้ปลาทุกรูปแบบ ทุกขนาด ราคาสำหรับผู้ที่อยากเลี้ยง
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,845


ถ้าสนใจจริง ยินดี ให้คำปรึกษา เรื่องราคาค่อยว่าเตื่อลูน


« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2012, 22:49:26 »

เดียมครับ
IP : บันทึกการเข้า

ตู้ปลาทุกรูปแบบ ทุกขนาด ราคาสำหรับผู้ที่อยากเลี้ยงปลาแต่งบน้อย เราช่วยท่านได้
สนใจก็โทรก่าครับ 08-6196-8970
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 27 เมษายน 2012, 00:32:55 »

เดียมครับ
บอมคับ
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
nice by pro team thailand
Bird Control
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 424



« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2012, 21:57:01 »

ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ ^^ น่าสนแหะ
IP : บันทึกการเข้า

Nice by Pro team Thailand

Bird Control
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2012, 22:13:13 »

 คอนสติ๊กเตอร์(boa constrictor) เป็นงูที่ได้รับความนิยมจากผู้เลี้ยงทั่วโลก และในบ้านเรามากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีความสวยงาม ในรูปลักษณ์ลำตัว ลาย และสีสรร โดยเฉพาะบริเวณส่วนหาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ constrictor ที่จะมีสีตั้งแต่ สีน้ำตาลไหม้ จนถึงแดงเลือดนก ขึ้นอยู่กับสายพันธ์ ลักษณะอีกอย่างคือการรัด หรือการใช้หางเกาะเกี่ยว อย่างแน่นเหนี่ยว ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของมัน ในธรรมชาติมันเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยม ใช้การกัดและรัดเหยื่อจนขาดอากาศหายใจตาย แล้วจึงกิน อาศัยอยู่ในป่าบริเวณทวีปอเมริกากลางและใต้ ตั้งแต่ประเทศเมกซิโก จนถึงตอนเหนือของประเทศอาเจนติน่า ออกหากินในเวลากลางคืน ปีนต้นไม้เก่ง ออกลูกเป็นตัว มีอยู่หลายสายพันธ์ แต่ที่นิยมในบ้านเราจะเป็น โคลัมเบีย โบลิเวีย และสุรินัม งูสายพันธ์โคลัมเบียจะมีความก้าวร้าวน้อยกว่า สายพันธ์จากเกาะสุรินัม แต่จะมีความสวยงามน้อยกว่า สามารถฝึกให้เชื่องได้ และกินอาหารตายหรือน่องไก่ได้ แต่ผู้เลี้ยงควรมีสถานที่และงบประมาณมาก เพราะว่าเป็นงูที่มีขนาดใหญ่
ข้อมูลเฉพาะตัว
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Boa constrictor 
ตระกูล :  Boidae (boas)
ถิ่นกำเนิด :  ทวีปอเมริกากลาง/ใต้ จากเมกซิโกจนถึงทางเหนือของอาเจนติน่า 
การขยายพันธุ์ :  โตเต็มที่ 3-5 ปี
ออกลูกเป็นตัว ครั้งละ 50 ตัวขึ้นไป 
อาหาร :  สัตว์ฟันแทะ นก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
 
พบยาวที่สุด 5 เมตร แต่โดยทั่วไปมีความยาวเฉลี่ย 3 เมตร
 
 


* 267876_10150300932310803_503335802_9632126_3947707_n.jpg (77.43 KB, 720x480 - ดู 3906 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2012, 22:32:14 »

     ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ในกลุ่ม Gekkonidae หรือ Gecko family ซึ่งเป็นสัตว์กลุ่มกิ้งก่าที่มีจำนวนมากมาย มันสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่ แห้งแล้งของอาฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย คำว่า Eublepharis ก็คือเปลือกตาแท้ๆที่ปิดเปิดได้ และ Macularius ก็ประมาณ ลายจุด ตามตัวมันแหละครับ แต่จุดที่แตกต่างกับจิ้งจกตุ๊กแกตามผนังก็คือที่เท้ามันจะไม่ได้เหมือน ตุ๊กแก จิ้งจกที่เกาะผนังตามบ้านเรานะครับ ที่จะมีปุ่มดูดได้ แต่ตุ๊กแกเราจะมีเล็บเท้าแบบกิ้งก่าเอาไว้เกาะเกี่ยว เดินตามพื้นหิน ที่ขรุขระ เพราะฉะนั้นตุ๊กแกเราจึงอาศัยอยู่บนพื้นดินซะเป็นส่วนมาก มันไม่ขึ้นไปบนต้นไม้หรือที่สูงๆมากนักตามลักษณะร่างกายที่มันออกแบบมาแหละ ครับ จะมีปีนก้อนหินกิ่งไม้ในที่เลี้ยงบ้างก็ไม่มากนัก และมันเป็นสัตว์ที่หากินเวลากลางคืนไม่ได้หากินเวลากลางวัน เพระาฉะนั้นเวลากลางวันหรือเวลาที่แสงสว่างมากๆมันจะเข้าไปหลบนอนในโพรงไม้ ซอกหิน หรือกล่อง hide box ของเรานั่นเอง แต่พอเวลากลางคืนมาเยือนเท่านั้นมันก็จะตาลุกตาวาวออกมาหากินอย่างสนุกสนาน แต่ในลูกตุ๊กแกที่เราเลี้ยงไว้จนโตนั้น อาจจะจำเวลาที่เราเอาอาหารมาให้ได้ บางครั้งเวลากลางวันมันก็ออกมารอกินจิ้งหรีดที่เราใส่ให้มันเวลาเดิมๆทุกๆ วันจนเป็นปกติ (น่าร๊ากกกกก~~~)

             LPG ของเราจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 7-8 เดือนขึ้นไปครับ แล้วแต่ความสมบูรณ์ของตุ๊กแกเราด้วย และอายุเต็มที่บางเว็บไซด์ก็บอกไว้ว่าหลายสิบปีเลย (แต่ผมเพิ่งเคยเลี้ยงมาไม่ถึง 2 ปีเอง แหะๆ เลยไม่รู้ข้อมูลอันนี้เลยนะครับ ถ้าผิดไปโทษคนอื่นผมไม่เกี่ยว อิอิ)

            ขนาดตัวโตเต็มที่ของมันก็ประมาณ 7-8 นิ้ว รวมหางแต่เท่าที่รู้มาหลังๆนี้มีการเพราะผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหญ่ กว่าปกติขึ้นมาที่เรียกว่า Giant และ Supergiant นั่นเอง ซึ่งโตเต็มที่ได้ใหญ่เกินกว่า 1 ฟุตอีกครับ เหอๆ

            เท่าที่ลองเลี้ยงมาไม่นานนักก็ประมวลความคิดออกมาได้ว่าตุ๊กแก เสือดาวนี้เป็นสัตว์กลุ่มกิ้งก่าที่เลี้ยงง่ายมากๆ แต่ก็ไม่ถึงกับง่ายจนไม่ต้องดูแลอะไรเลย การเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดอย่างน้อยๆวันนึงคุณก็ควรจะมีเวลาให้มันซัก 1-2 ชั่วโมงเพื่อจัดการให้อาหาร เปลี่ยนน้ำ ดูแลเกี่ยวกับสุขภาพต่างๆมันอยู่แล้ว มิฉะนั้นก็อย่าเลี้ยงเลยจะดีกว่า เพราะมันจะสร้างความคิดที่ผิดๆเกี่ยวกับสัตว์ที่เราเอามาเลี้ยง และจะกลายเป็นแค่การสร้างกระแส สีสัน เห่อตามๆกันไปเท่านั้น
และเนื่องจากการเพาะเลี้ยงที่ง่าย และอัตราการฟักไข่ที่สูงมากพอดู ใช้สถานที่ในการเลี้ยงไม่มากนัก จึงทำให้ตุ๊กแกเสือดาวน่าจะเป็นกิ้งก่าอีกตระกูลนึงที่เพื่อนๆห้อง Lizard and Gecko น่าจะสนใจกับมันไม่มากก็น้อยนะครับ (ช่วงนี้ก็เห็นมีลูกๆเล็กๆออกมาขายกันบ้างแล้ว )

การเลือกซื้อ Leopard gecko

             แหล่งที่เราสามารถหาซื้อได้ก็มีหลากหลายทาง หลากหลายที่ อาจจะจากอินเตอร์เน็ต ตามเว็บไซด์ต่างๆ สวนจตุจักร สั่งมาเองจากต่างประเทศ หรือว่าฝากเพื่อนหิ้ว(แอบ)เอาเข้ามาเองจากต่างประเทศก็ได้ อย่างน้อยสถานที่ที่เราไปเลือกซื้อตุ๊กแกก็พยายามเอาที่เชื่อใจได้ ไม่หลอกลวง และราคาก็ไม่สูงจนเกินไปนัก เพราะบางช่วงกระแสมันมาแรง บางทีพ่อค้าเค้าก็อาศัยช่วงเวลาจังหวะนั้นขึ้นราคาซะดื้อๆทั้งที่เมื่อก่อน ตัวนึงไม่เท่าไหร ่(เรื่องราคาเช็คดูเทียบกับเว็บไซด์ต่างประเทศบางเว็บก็ได้ครับ เช่น http://www.kingsnake.com เอาราคาของเค้ามาลบออกนิดหน่อยก็จะประมาณราคาบ้านเราแหละครับ แต่ก็ดูเป็นตัวๆไปด้วยนะครับ) และเลือกร้านที่เก็บตุ๊กแกไว้อย่างสะอาด เปลี่ยนที่รองพื้นบ่อยๆ น้ำที่ให้ตุ๊กแกสะอาดไม่มีจิ้งหรีดลงไปนอนตาย ไม่รวมลูกตุ๊กแกไว้ในตู้เดียวหลายๆตัว ....

             มาถึงตัวของ LP ของเราล่ะครับ ข้อแรกสุดเลยที่เราควรดู คือดูที่สภาพโดยรวมภายนอก พยายามเลือกตัวที่อ้วน ไม่ผอม (ผอมๆเอามาเลี้ยงให้อ้วนยากครับ ส่วนอ้วนๆเอามาเลี้ยงให้ผอมง่ายนิดเดียว อิอิ) ที่บอกให้ไม่เลือกตัวที่ผอมนั้นเพราะว่าตุ๊กแกพวกนี้ติดโรคท้องร่วงง่ายมากๆ ครับ อาจจะแค่อากาศเปลี่ยน ความเครียด จากอาหารที่สกปรก หรือจากจิ้งหรีดหรือหนอนนกที่กินขี้ตุ๊กแกเข้าไปมันก็สามารถเป็นโรคท้องร่วง ได้ง่าย และการรักษาก็ยากมาก แทบจะถึงขั้นต้องทำใจเลยทีเดียว (ตอนนี้ยังหายาที่แก้โรคนี้ไม่ได้แบบตรงจุดซะทีเดียวครับ สัตวแพทย์ที่จัดการด้านนี้ได้ก็น้อยมาก)เพระาฉะนั้นพยายามเลือกตัวที่ไม่ผอม ไว้ก่อนดีที่สุด ต่อมาก็ดูตุ๊กแกที่เราสนใจ เลือกตัวที่เล็บครบ นิ้วเท้าครบ (4 นิ้ว) หางไม่ขาด หรือมีรอยขาดมาก่อน ที่ตัวไม่มีแผล ไม่มีรอยถลอก ที่รูจมูกไม่มีคราบน้ำมูก ดวงตาไม่ปูดโปดหรือบอด ขากรรไกรไม่บิดเบี้ยว ปากสบกันสนิท ไม่มีคราบติดที่ตัวที่ยังลอกไม่ออกซักที ไม่ซึม นิ่งอยู่กับที่ ซึ่งบ่งบอกถึงอาการไม่สบายหรือความเครียดของมันนั่นเองครับ ซึ่งตุ๊กแกแบบนี้ให้สวยแทบตายก็ไม่น่าเอามาเลี้ยงครับ เพราะอาจจะเอาโรคต่างๆมาติดตุ๊กแกที่เราเลี้ยงอยู่ได้ ต่อมาก็ดูสีสันความงดงามของมันต่อไปที่พิจารณาให้มันตรงตามชื่อเสียงเรียง นามที่คนขายเค้าบอกมา ไม่มั่ว เอาสีแบบนึงไปตีราคาให้มันเวอร์ๆเป็นอีกแบบนึง

สถานที่เลี้ยง

            เอาง่ายๆเลยสถานที่เลี้ยงมันจะเป็นที่ไหนก็ได้ที่สามารถเก็บมัน ไม่ให้หนีออกไปไหนได้ มีฝาปิดมิดชิด เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากสุนัข แมว หนู ฯลฯ ที่จะมาทำอันตรายกับมันได้ ผมใช้กล่องอคริลิคและกล่องพลาสติกตามซูปเปอร์มาเก็ตเอามาเจาะรูประบายอากาศ ก็ใช้ได้ดีครับ รองพื้นด้วยทราย (ในตุ๊กแกเล็กๆฝรั่งเค้าแนะนำว่าไม่ควรใช้ทรายเพราะว่าเมื่อตุ๊กแกกินอาหาร จะมีทรายติดไปด้วยและอาจจะทำให้ลำไส้อุดตันได้) กระดาษหนังสือพิมพ์ (ผมว่าดีที่สุดแล้วนะเพราะว่าทำความสะอาดง่าย ดูแลง่าย ไม่มีสิ่งหมักหมม) ดิน ซังข้าวโพด ฯลฯ ~~~ และก็ใส่ hide box ไว้ให้มันเข้าไปหลบนอนได้ในเวลากลางวัน ใส่ถาดน้ำที่ก้นไม่ลึกนักไว้และพยายามเปลี่ยนน้ำทุกๆวันจะช่วยให้ตุ๊กแกเรา มีสุขภาพดีไม่ติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย อีกอย่างที่น่าจะต้องมีอยู่แล้วคือถาดอาหารผมเอาไว้ใส่หนอนนกคลุกวิตามินและ แคลเซียมผง (กระดองปลาหมึกอันละ 10 บาทมาขูดเป็นผงๆง่ายที่ซู๊ดดด~~!~~~! ไม่ต้องไปซื้อยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ให้เปลือง)ใส่ให้มันลงไปกินได้เมื่อหิว เท่าที่ลองดูการจัดตู้สวยๆงามๆมักจะดูแลยากและก่อให้เกิดการติดเชื้อโรคตาม มาได้อย่างง่ายดายครับ ซึ่งตรงนี้บางท่านอาจจะเถียงว่า "ทำไมตุ๊กแกตามธรรมชาติมันก็อยู่แบบนั้นไม่เห็นติดโรคตายเลย" ก็ต้องขอบอกว่าตุ๊กแกเสือดาวที่เราเอามาเลี้ยงกันตอนนี้เป็นตุ๊กแกเพาะ เลี้ยง ในสถานที่เลี้ยงทั้งนั้น (Captive breeding:CB) เพระาฉะนั้นเรื่องภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆก็ต้องน้อยกว่าอย่างแน่นอน การดูแลก็ควรต้องมากกว่าแน่ๆ และตามธรรมชาติมันมีระบบต่างๆคอยจัดการกับของเสียต่างๆของตุ๊กแกเราอยู่แล้ว ไม่เหมือนระบบปิดของเรา ที่มีแต่ตัวตุ๊กแกเท่านั้น

              และในที่เลี้ยงถ้าต้องการให้ตุ๊กแกเราสีสันสวย เหลืองเป็นเหลือง ส้มเป็นส้มสดๆก็อาจจะติดหลอดเซรามิกเพิ่มความร้อนภายในตู้เลี้ยงให้อุณหภูมิ สูงซักประมาณ 32-35 องศาตลอดเวลา (แต่ต้องเลี้ยงแบบนี้ตั้งแต่เล็กๆนะครับ ถ้าใหญ่แล้ว สีทึบๆแล้วเอามาเลี้ยงแบบนี้ก็ไม่ช่วยซักเท่าไหร่) ซึ่งอันนี้ไม่ได้เขียนบอกมาลอยๆ แหะๆ พอดีเจอในเว็บไซด์นี้มาครับ http://www.leopardgecko.com/color.html ตามนั้นครับ เค้าบอกว่าการเลี้ยงลูกตุ๊กแกที่อุณหภูมิสูงนั้นจะได้ลูกตุ๊กแกที่สีสันสวย งามมากกว่าเยอะครับ ก็ลองตามไปดูละกันครับ

น้ำและอาหาร

             ตุ๊กแกเสือดาวถึงแม้จะมาจากเขตทะเลทรายหรือพื้นที่แห้งแล้ง แต่มันก็ต้องการน้ำที่สะอาดกินทุกวัน ในที่เลี้ยงเราก็ควรใส่ถ้วยน้ำถ้วยเล็กๆไว้ให้มันดื่มกินทุกวัน และพยายามเปลี่ยนบ่อยๆจะดีกับสุขภาพมันครับ โดยเฉพาะในลูกตุ๊กแกน้ำต้องมีไว้ตลอดห้ามขาดเลย ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ประเภทกินเนื้อ กินสัตว์เล็กๆอื่นๆเป็นอาหารไม่ว่าจะเป็น หนอน แมลง สัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆ ฯลฯ อาหารที่นิยมใช้กันก็เป็นอาหารประเภทที่สามารถหาซื้อกันได้ง่ายๆตามสวนจตุ จักรนี่แหละ อย่างหนอนนก แว๊กซ์เวิร์ม ซูปเปอร์เวิร์ม จิ้งหรีด หนูแดง ฯลฯ

**ก่อนให้พวกจิ้งหรีดหรือหนอนนกก็ควร gudload อาหารพวกผลไม้ต่างๆ ผักต่างๆให้มันกินด้วยนะครับ

             การให้อาหารควรระวังเรื่องการติดเชื้อโรคจากแบคทีเรีย โปรโตซัวด้วย โดยเฉพาะเมื่อตุ๊กแกเราขี้ออกมาต้องรีบกำจัดโดยเร็ว ก่อนที่พวกหนอนนกหรือจิ้งหรีดที่เราให้มันกินจะเข้าไปกินขี้มันและทำให้ ตุ๊กแกเราติดเชื้อได้ง่าย เพราะฉะนั้นถ้วยน้ำและอาหารของมันจึงควรเป็นอุปกรณ์ประเภทเซรามิกที่พื้นผิว เรียบ ลื่นไม่ขรุขระแบบกระถางดินเผา เพราะอาจจะทำให้เชื้อโรคฝังตัวได้ง่าย

            ซึ่งในลูกตุ๊กแกจะเห็นได้ว่ามันกินอาหารและขี้ออกมาทุกวัน ก็หมายความว่ามันกินอาหารเข้าไปทุกๆวันนั่นเองแต่ ในการเคลื่อนย้ายลูกตุ๊กแกหรือตุ๊กแกขนาดใหญ่แล้วมาสถานที่เลี้ยงใหม่มันอาจ จะหยุดไม่กินอาหารเพื่อปรับตัวได้ 3-5 วัน โดยไม่ต้องตกใจครับ ตุ๊กแกพวกนี้สามารถอดอาหารได้นานกว่านี้อยู่แล้ว โดยจะใช้อาหารที่สะสมอยู่ที่หางมันแทนนั่นเองครับ

แสงสว่าง

           ตุ๊กแกเสือดาวเป็นสัตว์ที่ไม่ต้องการแสง UV ช่วงต่างๆในการเจริญเติบโต มันเพียงแต่ต้องการแสงสว่างเป็นช่วงๆตามปกติเพื่อปรับชีวิตความเป็นอยู่ของ มันเท่านั้น เช่นเวลานอนในเวลากลางวันและ เวลาหากินในเวลากลางคืนเท่านั้น และแสงไฟยังช่วยเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นเพื่อขบวนการย่อยอาหาร metabolism ต่างๆของสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้อีกด้วย และข้อสำคัญอีกอย่างการเลี้ยงตุ๊กแกเสือดาวกลางแจ้งควรจะมีที่ให้มันหลบแดด และเป็นที่ๆใหญ่พอสมควร มิฉะนั้นมันอาจจะร้อนตายได้ง่ายๆเลยล่ะครับ อย่างน้อยการเลี้ยงในที่ร่มก็ตัดปัญหานี้ไปได้เยอะเลยล่ะครับ



การลอกคราบ

           ตุ๊กเสือดาวจะลอกคราบเพื่อการเจริญเติบโตเหมือนกันกับสัตว์เลื้อยคลาน อื่นๆแหละครับ
ก่อนลอกคราบมันจะสีคล้ำลงๆ และซีดลงซัก 3-5 วันหลังจากนั้นคราบเก่าก็จะเริ่มปริออก แล้วตุ๊กแกเราก็จะค่อยๆถูมันกับวัสดุพื้นผิวหยาบต่างๆในที่เลี้ยงเพื่อให้ คราบหลุดออกมาแล้วมันก็จะกินเข้าไปจนหมดเลยครับ ถ้ากินไม่หมดหรือยังเหลือติดที่หัวอยู่ก็น่ากลัวว่ามันจะติดโรคแล้วล่ะซิ เหอๆ ซึ่งช่วงที่มันกำลังจะลอกคราบนั้นมันก็อาจจะกินอาหารเหมือนเดิมหรืออาจจะ หยุดกินอาหารก็ตามแต่ละตัวครับ ในช่วงนี้พยายามอย่าให้ตุ๊กแกของเราขาดน้ำเลยครับ เพราะอาจจะทำให้มันลอกคราบติดที่เล็บ ที่นิ้ว ขา ซึ่งอาจจะพันกันจนทำให้เล็บ นิ้วขาดได้ครับ แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดเอาไปเก็บไว้ในที่ๆชื้นมากๆเลี้ยงเป็นกบฮอร์นฟร๊อกเพระ ากลัวตุ๊กแกจะลอกคราบไม่ออก นั่นก็เกินไป เอาไว้เวลาที่มันลอกคราบไม่ออกจริงๆเราค่อยเอาคีมฟอร์เซ็ป หรือมือเราช่วยดึงมันบ้าง หรือการเอาไปแช่น้ำอุ่นก็ไม่เลวเลยครับ แต่อย่านานไปนะ ไม่งั้นจะได้เลี้ยงจรเข้แทนตุ๊กแก
            อายุของตุ๊กแกเสือดาวที่เรานำมาเพาะพันธุ์ได้ก็เริ่มตั้งแต่ 7-8 เดือนแต่ถ้าจะเอาดีๆ ให้พ่อแม่มันมีความสมบูรณ์สุดๆ ควรรอซัก 10-12 เดือนจะดีกว่าครับ
โดยตุ๊กแกเสือดาวจะมีช่วงฤดูการผสมพันธุ์เป็นช่วงๆของปี เริ่มตั้งแต่เดือน มกราคมถึงสิงหาคมของทุกปี และมันจะหยุดพักเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายเพื่อรอผสมพันธุ์ออก ไข่อีกต่อไปในฤดูกาลต่อไป



* 389248_1912029620108_1822936562_1242514_1221586449_n.jpg (52.08 KB, 640x480 - ดู 7817 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
tumm77
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54



« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 03 พฤษภาคม 2012, 20:18:57 »

ผมเลี้ยงเวลอยู่ สนใจลูกมันก่ครับ ออกประมาณสิงหา-กันยา สอบถามได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
Reptile
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 732



« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 03 พฤษภาคม 2012, 20:42:53 »

ผมเลี้ยงเวลอยู่ สนใจลูกมันก่ครับ ออกประมาณสิงหา-กันยา สอบถามได้ครับ
อยู่แถวไหนละคับ
IP : บันทึกการเข้า

เลี้ยงด้วยใจ ใช่กระแส
      exotic pets
หน้า: 1 [2] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!