|
|
|
7
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 936

....
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2010, 04:54:15 » |
|
ผมเข็ดเชิดชัยทัวร์ ห่วยมากๆ จำเป็นต้องขึ้น 5 ครั้ง เจอแต่สิ่งแย่ๆ ชอบเก็บผ้าห่มเร็ว รถสกปรก แอร์รั่ว ส้วมเหม็น พนักงานหน้าบึ้ง เบาะแข็ง แอร์ไม่เย็น โช้คไม่ดี เพื่อนผมก็ขยาดบริการของเจ๊เกียว ี่ั ส่วนตัวชอบสมบัติทัวร์ครับ ไม่ค่อยเจอปัญหา บริการดี ของกินดีกว่าเจ้าอื่นแต่หลังๆน้อยลงไปนิด VIP ก็ดีมาก เบาะใหญ่หลับสบาย
999 ผมพยายามเลี่ยงเพราะเคยเจอรถแอร์เสีย รถมีปัญหากลางทางแต่ก็ฝืนขับไป ที่ผมเจอมาเป็น ป.1 ล้วนๆครับ
ขนาดนั้นเลยเหรอครับ อืม แต่ผมนี่นั่งรถไม่ว่าคันไหน ถ้าเป็นช่วงกลางคืน ยังไงก็ไม่หลับสนิทครับ ครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอด ผมเลยไม่ค่อยชอบนั่งรถ VIP ซะเท่าไหร่ มันไม่จำเป็นครับ เจ้าอื่นผมก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นครับ เบาะมันเล็ก แต่ของสมบัติทัวร์ VIP 24 เบาะนี่เบาะใหญ่มากครับ ผมเลยหลับได้สบายๆเลย
|
|
|
|
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 14:41:54 » |
|
อ่านโพสต์พี่ฟาแลนแล้วตกใจเลยค่ะ ปกติเขาจะเปลี่ยนคนขับที่พิษณุโลกนี่นา นี่ทำไมขับยาวขนาดนี้
ค่ะเท่าที่เราๆทราบกัน และที่กฎหมายกำหนดไว้ ว่าถ้าระยะทางเกินกว่า 400 km ต้องมีคนขับ สองคน เปลี่ยนกันค่ะ แต่ในความเป็นจริงจะมีการลักไก่ค่ะ โดยเฉพาะรถร่วม (รถร่วมคือรถที่ไม่ใช่ บขส)จะลดต้นทุน หรือไงไม่ทราบนะคะ คือเคยเจอ คนหนึ่งขับมาจาก กทม อีกคนขับมาจากเชียงราย มารอเปลี่ยนกันที่ พักทานอาหารพิษโลก คนที่ขับมาจากเชียงรายก็ขับคันที่จะไปเชียงรายกลับไป ส่วนคนที่ขับมาจาก กทม ก็ขับคันที่จะไป กทม กลับไปเหมือนเดิม ก็เท่ากับว่าคนขับไม่ได้พักเลยขับยาวเกิน 400 kmแน่นอน ซึ่งถ้าเรามอง ผ่านๆจะคิดว่าเขาเปลี่ยนคนขับแล้ว ใช่เขาปลี่ยนจริงแต่เปลี่ยนรถกันขับค่ะ ที่ทราบเพราะมีครั้งหนึ่ง ไม่ลงทานอาหาร นั่งมองข้างหน้าต่างสังเกตเห็นคนขับที่ขับรถเรา แล้วไปขับอีกคันกลับเชียงราย ส่วนอีกคนก็ขับกลับ กทม ไปเราเริ่มสงสัยพักหลังพอนั่งรถและถึงพักทานอาหารอีกจะเข้าไปดูห้องทานอาหารของคนขับว่ามีกี่คน(แยกออกค่ะว่าคนขับหรือเด็กรถ)แล้วรถที่จอดมีกี่คัน จะได้แน่ใจว่าเขาลักไก่กันจริงไหม พบว่าจำนวนคนขับมีเท่ากับรถที่จอดเลย อึ้งไปเลยค่ะ
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 15:26:13 » |
|
ขอเล่าต่อนะคะ  พอดีเมื่อคืนเน็ตล่มค่ะ พิมพ์มือเดียวช้าหน่อยนะคะ ที่นี้ทางโรงบาลกับตำรวจก็ประสานไปยังบริษัท สมบัติทัวร์ๆก็บอกว่าติดต่อไปที่ประกันเลย รถมีประกันอยู่ ขอโทษทีมีแค่ ประกันตามพรบ และประกันชั้น สาม ซึ่งวงเงินตอนนั้นพรบ ค่ารักษาเบื้องต้น 15000 สูงสุดไม่เกิน 50000 แต่ต้องให้บ.ประกันอนุมัติก่อน อื่นค่าเสียหายส่วนๆ อีก 30000 รวมแล้ว ไม่เกิน 80000 ส่วนประกันชั้น สาม ให้ค่ารักษา 50000 ค่าเสียหายส่วนอื่นๆอีก 200000 บาท รวมค่ารักษา 100000 บาทซึ่งมันไม่พอหรอกค่ะ แค่ผ่าตัดครั้งแรก ยังไม่ทันได้นอนสักคืนก็ปาเข้าไป สองหมื่นแก่ๆแล้ว ค่ารักษาเบื้องต้นไม่พอแน่นอน ดีที่มีน้าเป็นตำรวจและแกขายประกันด้วยเลยบังคับให้ ประกันให้วงเงินสูงสุดมาเลย ถึงยอมให้มาแสนถ้วน แต่ก็ไม่พอค่ะ เสียใจแทนน้องคนที่ขาขาดค่ะไม่มีใครรู้เรื่องประกัน เลยได้วงเงินค่ารักษาแค่ 50000 เองแปลกไหมคะ ขาดเหมือนกันแต่ได้ต่างกันเห็นๆ ลืมบอกไปค่ะประกันบ.ทิพยะ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้วยนะคะไม่รู้หวงกำไรเอาไว้ให้ใคร
|
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 16:31:33 » |
|
ต่อนะคะ  หลังจากนั้นติดต่อกับตำรวจเจ้าของคดีได้ความว่า คนที่ตายในที่เกิดเหตุทั้ง สามคน ญาติๆยอมรับเงินของประกัน คนละ 280000 บาทแล้วไม่ติดใจในคดี ซึ่งเงินส่วนนี้คือ พรบ 80000 และประกันชั้นสามอีก 200000 บาท ซึ่งยังไม่เต็มวงเงินด้วยซ้ำ ก็หมายความว่าสมบัติทัวร์ไม่ต้องจ่ายสักบาทเลย ส่วนน้องผู้ชายที่ขาขาด ก็ฟ้องศาลเหมือนเรา แต่พี่ผู้หญิงแถวหน้าไม่ได้ติดต่อกัน ได้ยินว่าย้ายไปพะเยาหลังเกิดเหตุสองวัน คนนี้ก็สาหัสเหมือนกันทั้งแขน ทั้งหัวดูเหมือนว่า จะโดนผ่าสมองด้วยนะ ถึงว่าตอนนั้นนั่งเฉยเลยไม่ร้องไม่อะไรสักอย่าง น้องผู้ชายที่ขาขาดกำลังเรียนนิติรามปีหนึ่ง ฟ้องไป ห้าแสน เพราะไม่ค่อยมีเงินจ่ายค่าวางศาล จำนวน 2.5 % ของมูลฟ้อง และค่าทนายที่ต้องเทียวไปมาศาล ที่อุตรดิต ผลคือ ไกล่เกลี่ยในชั้นต้น คือศาลยังไม่พิพากษา น้องเขายอมรับที่ 250000 แล้วถอนฟ้องเลย ซึ่งก็ยังไม่เต็มวงเงินของประกันเลย ก็หมายความว่าสมบัติทัวร์ก็ไม่ต้องจ่ายสักบาทเหมือนกัน
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 17:04:45 » |
|
ต่อค่ะต่อ  ส่วนของเราให้ทนายเป็นคนคิดค่าเสียหายทั้งหมด ตามฐานานุรูปของเราเองไม่ได้กำหนดเอง คือ ฟ้องไป 10,04x,xxx บาทไทยค่ะ โดยมี คนขับเป็นจำเลยที่ 1 สมบัติทัวร์จำเลยที่ 2 บขส เจ้าของสัมประทานเดินรถจำเลยที่ 3 และทิพยะนายประกันจำเลยที่ 4 ซึ่งตอนเกิดเหตุเราอายุ 25 ปีค่ะยังสามารถทำงานได้อีก 35 ปี ถ้ายังปกติอยู่ ผลคือ เสนอให้ประกันจ่ายส่วนที่เหลือให้เต็มวงเงินจำนวน 250000 บาทแล้วจะถอยฟ้องเฉพาะ ประกันออก ดีค่ะ ประกันยอมจ่ายให้หมด จากนั้นรออีกหก เดือนก็เรียกเจ้าของสมบัติทัวร์มาเจรจา ซึ่งอีก 7 วันจะถึงวันศาลชั้นต้นพิพากษา เสนอไป หนึ่งล้านพร้อมแขนเทียมไฟฟ้าราคา 930,000 บาท เขาบอกขนาดสารวัตร ที่ลำปาง นอนทำอะไรไม่ได้ศาลยังจ่ายให้แค่ล้านเดียว ประมาณว่าเราแขนขาดแค่ข่างเดียวจะได้มากกว่าเขาหรือไง เราก็บอกไม่เป็นไร รอมาสองปีกว่าแล้วจะรออีก 7 วันจะเป็นไรไป อีก 7 วันต่อมาคือวันที่ 4 มีนาคม 48 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 5,4xx,xxx บาท พร้อมดอกเบี้ย7.5% ต่อปีบับแต่วันฟ้องรวมแล้ว ราวๆ 6,4xx,xxx เรากับแม่กอดกันร้องให้เลยค่ะ
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 17:29:08 » |
|
ต่อค่ะ  ทีนี้ทางสมบัติทัวร์ขออุทร บอกว่าศาลให้เรามากไปเราเสียหายไม่กี่แสน เราเลยต้องอุทรสู้ว่าเราไม่เอา 5,4xx.xxx บาท เราจะเอาตามที่เราขอ ทางนั้นก็เสนอมาว่า จะให้ สองล้าน ตามที่เคยขอ แล้วจบกัน เรามาคิดอ้าวแล้วสี่ล้านกว่าๆ ของเราหายไปไหน ไม่เอาดีกว่าระหว่างที่รอ ศาลบังคับให้จำเลย นำหลักทรัพย์ มูลค่า 8,000,000 บาทไปวางศาลเพื่อเป็นหลักประกันว่าโจทย์จะได้เงินเมื่อเสร็จคดี ดีค่ะที่เขาเอาเงินฝากประจำของเข้าของสมบัติทัวร์มาวางศาล รอศาลอุทรก็ได้ ........ 4 ปีเต็มในการรอคอย เพราะยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป จนเมื่อ กลาง มีนาคม 52 มีหมายศาลมา บอกว่า 27 เมษายน 52 ให้ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทร ผลคือ ศาลอุทรให้ เพิ่มอีกล้านกว่าบาท เป็น หกล้านกว่าๆ รวมดอกอีก สามล้านกว่าๆเป็น 9,xxx,xxx บาท ซึ่งยังเกินกว่าที่เขาวางศาลด้วยซ้ำ รอมาสี่ปี ศาลท่านอ่านแค่ที่เพิ่มไม่ถึงนาที ไม่รู้น้ำตาแห่งชัยชนะมาจากไหนไหลเป็นทางเลย เอ้อความยุติธรรมยังมีในโลกค่ะ
|
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 18:22:24 » |
|
ต่อค่ะ  ทางสมบัติทัวร์ขอเจรจา คงเห็นว่าสู้อีกศาลเสียมากกว่านี้แน่ ขอลดลงหน่อยได้ไหม แล้วจบกัน นั่นแน่นึกว่าซื้อของหรือคะ ต่อกันไปต่อกันมา ระหว่างนั้นก็ยื่นศาลสูงด้วย จนราวกลางเดือน ก.ค. 52 ก็นัดเจรจาอีกรอบ และวันนั้นมีเหตุให้ต้องพาลูกสาว ที่ปกปิดไม่ให้ ทางนั้นรู้ว่าเรามีลูก ระหว่างสู้คดีกันซึ่งเราแอบไปคลอดลูกไกลถึงอเมริกาเลย ซึ่งเรากลัวว่าจะมีผลทางคดี และความปลอดภัยของลูกด้วย เพราะมูลค่าของเงินที่เป็นคดีกันไม่น้อยเลย รวมทั้งอยากให้เขามีอนาคตที่ดีในเมื่อเราก็ไม่ปกติแล้ว(เพราะว่าทางสมบัติทัวร์มาแอบตรวจเช็คเกี่ยวกับเราทุกอย่าง ที่ทราบเพราะพี่ที่อำเภอเขาบอก) เรามองหน้าลูก และหน้าทนายเขาสลับไปมา จนเขาเสนอให้ 7 ล้านบาทรวมกับที่ศาลสั่งคืนค่าต่างๆที่จ่ายไปราวๆ สามแสน ทางเขาอยากให้ รับแล้วเอาไปต่อยอดเอาอาจจะได้มากกว่านี้ เราคิดว่าอยากให้แม่ที่อยู่อเมกาได้หยุดพักซะทีทำงานเลี้ยงเราหลังเกิดเหตุไม่ได้พักเลย ลูกก็จะได้สบายด้วย เจ้าหนี้ก็บีบเหลือเกิน รอศาลอุทร ยัง สี่ปีแล้วศาลสูงจะอีกกี่ปีละ เอ้อเอาก็เอา แต่ต้องได้ในเดือนนี้นะถ้าเกินกว่านี้จะเอาเท่าที่ศาลสั่งเลย ตกลงเขารีบเอามาให้เลยค่ะ รวมทั้งหมดที่ได้มาราว 7,6xx,xxx บาท วันสองวันแรกๆยังงงๆ ทำตัวปกติเอ้เราได้เงินแล้วหรือไม่อยากเชื่อ จริงหรือฝันไปนี่
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 19:06:40 » |
|
ต่ออีกนิดค่ะ  นับจากวันเกิดเหตุ คืน 28 พ.ค 45 จนถึงจบคดีได้รับเงินที่ควรจะได้ ก.ค. 52 เวลา 7 ปีกว่าๆ กับเงิน 7 ล้านกว่าๆ ถ้าถามว่าคุ้มไหม ตอบได้เลยว่าไม่คุ้มเลยสักนิดเดียว ถ้าเรายังปกติเราสามารถหาเงินได้มากกว่านี้อีก ไม่ได้โม้นะคะ เงินเดือนกุ๊กร้านอาหารไทยในต่างประเทศเป็นแสนค่ะ ปีเป็นล้าน และเรายังมีโครงการจะเปิดร้านเองด้วย ถึงบอกว่าไม่คุ้มไงคะ เพราะเราไม่ได้เสียแค่แขน เราเสียทุกอย่าง ไม่ว่างานที่เรารัก กิจกรรมที่เราชอบทำ แม้กระทั้งคนรักที่คบหากันมา 5-6 ปี รวมทั้งเพื่อนที่เคยลั่นล้ามาด้วยกัน จะมีก็แต่ครอบครัวเราเองที่อยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา โดยเฉพาะแม่(พ่อเสียไปตอนปี 41 ) ที่ทำทุกอย่างให้เราเหมือนท่านกลับมามีลูกเล็กๆอีกครั้ง เราเลยต้องสู้ และสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อคนที่รักและเห็นคุณค่าในตัวเรา ขอบคุณสำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องราวมาจนถึงบัดนี้ นี่เป็นการเปิดเผยเรื่องราวสู่สาธาระณะชนครั้งแรกของเรา ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างสำหรับใครหลายๆคน ไม่ทางไดก็ทางหนึ่งค่ะ และเรายินดีตอบข้อซักถาม หรือสงสัยจากทุกท่านค่ะ รวมทั้งใครที่พบเจอผู้ประสบชะตากรรมคล้ายๆเรา อยากให้ช่วยเหลือด้านใด บอกได้คะถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงยินดีช่วยคะ คิดซะว่าร่วมกันทำบุญค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
|
|
|
|
|
ฟาแลน
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 391
|
 |
« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2010, 20:04:14 » |
|
มาเข้าประเดนของเจ้าของกระทู้กันค่ะ  เท่าที่จำได้แทบจะไม่ได้ยินว่านครชัยแอร์ประสบเหตุเลยนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่ารถเขาชั้นเดียว จุดสูนถ่วงต่ำกว่ารถสองชั้น โอกาศเกิดเหตุก็น้อยกว่า(ตามหลักฟิสิกค่ะ) และเขาวางระบบด้านความปรอดภัยดี เช่นมีระบบตรวจเช็คความเร็วทางดาวเทียมด้วยค่ะ ส่วนคนขับไม่แน่ใจว่ามีสองคนจริงไหม แต่มั่นใจของ บขส ค่ะว่ามี คนขับสองแน่ๆเพราะพี่สาวเคยขายตั๋วให้ บขส เห็นลงมาทั้งสองคนตลอดส่วนคุณภาพของรถ สู้นครชัยแอร์ไม่ได้เช่นเข็มขัดนิรภัย ของบขสเสียเป็นส่วนใหญ่และแอร์เย็นมากบ้างน้อยบ้าง ถ้าจัดอันดับในด้านความปลอดภัย นครชัยแอร์ที่ หนึ่ง บขส ที่สอง ส่วนในด้านบริการก็ นครชัยแอร์อีกเช่นเคย เหมือนนั่งเครื่องบินเลยค่ะ ใจจริงอยากให้มองเรื่องความปลอดภัยเป็นหลักมากกว่า อีกอันที่อยากแนะนำ คือนั่งตรงไหน อย่างไรจึงจะปลอดภัยที่สุดค่ะ 1.ขอรถชั้นเดียวเท่านั้น 2. ต้องนั่งด้านเดียวกับคนขับด้วย(ตามปกติของคนขับจะหักพวงมาลัยเอาด้านตัวเองหลบเสมอ) 3.นั่งริมทางเดินไม่นั่งติดหน้าต่าง(เมื่อเกิดเหตุกระจกจะแตกและรวมกับความเร็วของรถมันจะคมยิ่งกว่ามีดอีก สามคนที่เสียข้างต้น กระจกตัดหัวหนึ่งคน ตัดคอหนึ่งคน และกลางลำตัวอีกคน ทั้งสามนั่งติดหน้าต่างแถว3- 4 - 5 เราแถว 2 คนละด้านกับคนขับ) 4.นั่งแถว กลางๆ(เพราะแรงปะทะจะลดลงไม่ว่าจะเกิดด้านหน้าหรือหลัง)5.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่นั่งรถ(รถเราตอนนั้นไม่มีเข็มขัดกฏหมายยังไม่บังคับน้องที่ขาขาดนั่งด้านคนขับยังกลิ้งมาด้านเราเอาเท้ามาให้กระจกตัดเสียได้ เราเองถ้ามีเข็มขัดก็คงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้
|
|
|
|
|