**หำยนต์กับกาแล ไม่ใช่ของล้านนา ***
บางที่สิ่งที่เราภูมิใจว่าเป็นของเรา มันอาจไม่ใช่ของเราก็ได้
รอยเท้าบนรอยทาง : หำยนต์กับกาแล
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริงที่น้อยคนนักจะรู้ หากว่าวันก่อนไม่มีโอกาสได้แวะไปเที่ยว ชมหอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา
เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มีการขุดค้นพบและได้รับการบริจาคมาจากภายในจังหวัด โดยจัดเรียงไว้ตามลำดับการเกิดของยุคสมัยได้อย่างน่าชื่นชมเท่านั้น
แต่ที่หอวัฒนธรรมนิทัศน์แห่งนี้ยังมีคำอธิบายโบราณวัตถุบางชิ้นที่อ่านจบแล้วถึงกับอึ้งไปกับที่มาที่ไป
หนึ่งในนั้นคือ "หำยนต์" หรือ "หำโยน" หนึ่งในสัญลักษณ์การเป็นเมืองขึ้นของพม่า ที่ถูกนำมาใช้เพื่อข่มชาวเชียงใหม่ไม่ให้มีโอกาสได้ดิ้นรนต่อสู้กับพวกพม่าต่อไป
ไม่น่าเชื่อว่าไม้กระดานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ด้านหนึ่งเรียบ ขณะที่อีกด้านหนึ่งฉลุเป็นรูปเสี้ยววงกลมสองรูปมาชนกัน ตรงกลางทำเป็นส่วนย้อยแหลมออกมาทางช่องประตู จะกลายเป็นเครื่องมือทางไสยศาสตร์ไปได้
เนื่องเพราะคำว่า "หำ" แปลว่าอัณฑะ ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งของสัตว์หรือคนเพศผู้ ส่วนคำว่า "ยนต์" น่าจะมีความหมายถึงศาสตร์อันลี้ลับแขนงหนึ่ง เพราะคนโบราณมักจะมีคำคำนี้ปะปนอยู่ในเครื่องมือที่ทำไว้ในสถานที่ต้องห้ามอย่างในอุโมงค์เก็บสมบัติ เมื่อมีผู้บุกรุกยนต์ต่าง ๆ ก็จะทำหน้าที่ทันที
หำยนต์ที่ว่าถูกนำมาใช้เมื่อคราวที่นครเชียงใหม่เสียเอกราชให้กับพม่า เนื่องจากพม่ามีความเกรงกลัวว่าต่อไปจะมีผู้มีบุญญาธิการมาจุติเพื่อกอบกู้เอกราช การที่เอาของต่ำไปไว้ในที่สูงให้ผู้คนชาวเชียงใหม่ลอดผ่านไปนั้นก็เท่ากับเป็นการสะกดให้อยู่เป็นเบี้ยล่างตลอดไป
เช่นเดียวกับการที่บังคับให้ทุกบ้านมีการสร้าง "กาแล" ไม้รูร่างคล้ายกับตัววี (V) ยื่นออกมาจากจั่วของหลังคาบ้าน
ความหมายของกาแลก็คืออีกาชำเลือง ซึ่งบางแห่งอาจเรียกว่าก๋าแลซึ่งหมายถึงนกพิราบชำเลือง ซึ่งตามปกติการทำไม้ไขว้กันในลักษณะนี้จะพบ เห็นในการปักไขว้กันบนหลุมฝังศพเด็กที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามขวบ โดยการกระทำเช่นนี้เป็นการสะกดวิญญาณเอาไว้
นอกจากกาแลและหำยนต์แล้วพม่ายังบังคับด้วยว่าหากมีทารกคนใดเกิดในนครเชียงใหม่ ให้นำรกไปฝังไว้ใต้บันไดทางขึ้นบ้าน ซึ่งมีผู้คนทั้งหญิงและชายเดินเหยียบย่ำผ่านไปผ่านมา เพื่อข่มบุญบารมีให้หมดสิ้นไป
คำอธิบายพิมพ์แบบง่าย ๆ ที่ติดไว้ที่หำยนต์ยังบอกด้วยว่า "คนรุ่นต่อ ๆ มาของเชียงใหม่ไม่รู้คิดว่านี่เป็นของดี เป็นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ต่างหามาประดับบ้าน โดยหารู้ไม่ว่านี่คือ เครื่องหมายของความเป็นทาสของชนชาติต่างเผ่าพันธุ์ที่เข้ามากดขี่ข่มเหงมาก่อนนั่นเอง"
คนเชียงใหม่ที่ไปด้วยอ่านแล้วถึงกับอึ้งกับความจริงที่ได้รับรู้
นี่เป็นความลุ่มลึกของประเทศที่เคยมีอิทธิพลเหนือเชียงใหม่อย่างพม่า ซึ่งไม่ใช่ว่าจะมีเพียง 2 สิ่งนี้เท่านั้น เพราะหงส์ที่เห็นอยู่ตามวัดที่มีศิลปะแบบพม่าผสมผสานอยู่นั้น ก็เป็นความแยบยลของพม่าอีกอย่าง
เมื่อพระเจ้าหงสาวดีต้องการให้ไทยซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นในสมัยนั้นให้ความเคารพยำเกรง จึงสั่งให้คนในบัญชาไปคิดหากลวิธีมา ซึ่งในที่สุดพม่าซึ่งรู้ว่าเมืองพุทธอย่างไทยนั้น นิยมสร้างวัดไว้ตามทางสามแพร่ง จึงมีคำสั่งให้สร้างวัดโดยให้มีหงส์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญรวมอยู่ด้วย
เวลาที่คนไทยไปวัดแล้วยกมือไหว้จึงเสมือนกับเป็นการกราบไหว้พระเจ้าหงสาวดีไปในตัวด้วยนั่นเอง
หอวัฒนธรรมนิทัศน์ วัดศรีโคมคำแห่งนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินการโดยท้องถิ่นขนาดย่อม ที่มีการจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับ จ.พะเยา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจแห่งหนึ่งทีเดียว.
อธิชา ชื่นใจ
จาก
http://www.dailynews.co.th/each.asp?newsid=30271ที่มา :
http://www.lannaworld.com/cgi/lannaboard/reply_topic.php?id=6540