ถ้า..เชียงรายมีนิคมอุตสาหกรรม มีความเห็นอย่างไร

[adcharee]

ไม่เอา !!!~

เพราะเชียงรายเป็นอย่างนี้ก็ดีมากอยู่แล้ว
หากจะพัฒนาเป็น "นิคมอุตสาหรรม"
อยากใ้ห้พัฒนา"สิ่งที่มีอยู่แล้ว"  >>>> "ให้ดีขึ้นไปอีก" >>>>พร้อมทั้ง ทำให้ "ยั่งยืน"
เชียงรายมีโครงการมากมายที่ "รอการพัฒนา"
เชียงรายมี "ทรัพยากรธรรมชาติ" ที่สมบูรณ์

อย่าทำลายเลยนะคะ  
 
**ความคิดเห็นส่วนตัวคะ**
BY ป้อม

[natwat]

วัสดุทุกชนิด  เราสามารถมองเห็นได้ทุกๆด้าน  นิคมอุตสาหกรรมก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพียงแต่ก่อนตั้งนิคม  ต้องมีกฎเกณฑ์ - การนำข้อดีข้อเสียของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆและการวางแผนการตั้งนิคมที่ดีมาใช้บังคับ   การว่างงานของคนในชุมชนก็ลดลง  วงล้อเศรษฐกิจต่างๆก็จะดีขึ้น  แต่สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติก็เสียไปเสมอ   พื้นที่ที่มีความพร้อมคือเชียงของ  แม่สาย   เชียงแสน เป็นต้น  ภาคเหนือเราก็มีที่ลำพูน

[Temujin]

ทรัพยากรมากมี ถ้าบริหารจัดการดีๆ รับรองไม่มีขาด นี่มีการนำเข้าน้ำ นำเข้าไข่ เดียวก็จะมีข้าวด้วย เพราะจมน้ำก็เยอะ

..................." ทรัพยากรมีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่มีไม่พอเพียงสำหรับคนโลภ ๑ คน ".....................

[มะหินฝน]

อุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อต่อยอดสินค้าเกษตรที่มีอยู่คงพอรับได้ครับ และสินค้างานฝีมือล้านนาที่มีคุณภาพ สินค้า OTOP เพื่อเสริมการท่องเที่ยวก็ดีครับ

[sung]

  อุตสาหกรรม มีหลายอย่างครับ เกษตร ปริโตรเคมี ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ถ้าบริหารจัดการกันดีๆ

ผมว่าไม่มีปัญหาหรอก กฎหมาย การบังคับใช้ เจ้าหน้าที่ ฯลฯ  แต่ก็อย่างว่า ขนาดน้ำ ประวัติศาสตร์ เป็นร้อยๆ ปี

ยังแก้ไม่ได้เลย ในคู คลองก็มีแต่ สวะ เพิ่งจะ มาลอก มาเก็บกัน ก็เพราะอย่างนี้ มันเลยไม่ไปไหน สุดท้ายถอยหลังเข้าคลอง

ต้องแยกครับ ระหว่างเขตอุตสาหกรรม และชุมชน  ไม่งั้นปัญหาไม่จบไม่สิ้น นักลงทุนไม่หนี ถ้าจัดการดีๆ

อย่าลืมว่ารัฐไทยเรามีทรัพยากร และปัจจัยการผลิต เหนือกว่าหลายๆ ประเทศแถบนี้ ทั้งแรงงาน วัตถุดิบ ฯลฯ

อย่าลืม การศึกษา เทคนิค-ไทยเยอรมัน (ราชมงคล) อาชีวะต่างๆ เค้าวางแผนกันมาหลาย 10 ปีแล้ว

จบออกมาแรงงานชั้นเลิศเลยทีเดียว ให้ผมมองอย่างเบิร์ด อาย วิวส์ ยังไงก็ฟันธงว่ารัฐนี้ "วิกฤตการจัดการ" ในหลายๆ ปัญหา..

เห็นตรงกันครับ

[boondham]

ถ้าจะทำนิคมอุตสาหกรรมประเภทไหน...

สิ่งที่ผมขอดูสิ่งแรก คือ มาตรการบำบัดน้ำเสีย..ครับ...

ไปที่ไหน เน่าทุกที่....

ขนาด รถขนถ่านหินจากพม่าจะวิ่งผ่าน เข้าไทย..ยังประท้วง..

ถ้าจะมีนิคมอุตสาหกรรม...รับรองว่าน่าจะกระแสต้าน มากพอควร..นะครับ...

อันนี้มุมมองผม...

[wudhiwong]

ถ้าเชียงรายมีนิคมอุตสาหกรรมจะเกิดอะไรขึ้น
มีทั้งบวกและลบ เช่น
1.ประชาชนมีงานทำ เกิดการหลั่งไหลเข้ามาใช้แรงงานจากเขตชนบท
2.พื้นที่การเกษตรกรรม อู่ข้าวอู่น้ำของเชียงรายจะลดลง
3.แรงงานต่างชาติที่จะมีมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่าง
4.เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งขยะ มลพิษ การคมนาคมขนส่ง
5.แรงงานภาคเกษตรกรรมลดลง เนื่องจากการเข้ามาขายแรงงานในเขตอุตสาหกรรม
6.สังคมเมืองขยายใหญ่ขึ้น และเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วจนคนเชียงรายปรับตัวไม่ทัน
7.ค่าครองชีพสูงขึ้น สินค้าราคาแพงโดยเฉพาะสินค้าการเกษตร
8.คนเชียงรายจะได้ไม่ต้องอพยพย้ายถิ่นไปทำงานที่อื่น แต่จะมีคนอพยพมาที่เชียงรายแทน
ว่าแต่พื้นที่ตรงไหนล่ะ ที่เหมาะสมจะสร้างนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดเชียงราย ในเมื่อ
1.ข้าวหอมมะลิแม่จัน มีชื่อเสียงในระดับโลก
2.เวียงชัยเป็นเขตพื้นที่เกษตรกรรมที่มีระบบชลประทานกระจายอยู่ทั่วไป
3.เชียงแสน เขตเมืองโบราณ และการขนส่งสินค้าชายแดน เชื่อมโยงด้วยถนน R3A
4.แม่สาย ตลาดการค้าชายแดนที่มีมูลค่ามหาศาล และพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญ
5.อำเภอเมือง ศูนย์กลางความเจริญของจังหวัด
6.เชียงของ เมืองการค้าชายแดนไทย ลาว ที่สามารถเชื่อมโยงกับเวียดนามได้ ด้วยสะพานเชียงของ

เห็นด้วยครับ ภาคเหนือ(ด้านทิศเหนือของเรา)จะได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่าปัจจุบัน

[Temujin]

ถ้าจะทำนิคมอุตสาหกรรมประเภทไหน...

สิ่งที่ผมขอดูสิ่งแรก คือ มาตรการบำบัดน้ำเสีย..ครับ...

ไปที่ไหน เน่าทุกที่....

ขนาด รถขนถ่านหินจากพม่าจะวิ่งผ่าน เข้าไทย..ยังประท้วง..

ถ้าจะมีนิคมอุตสาหกรรม...รับรองว่าน่าจะกระแสต้าน มากพอควร..นะครับ...

อันนี้มุมมองผม...

  หน่วยงานต่างๆ มีมากครับที่จะดูแล ตั้งแต่ระดับประเทศ ภูมิภาค ท้องถิ่น  แต่จะจริงจังขนาดไหน เรื่องน้ำเสียผมทำงานอยู่กับสิ่งนี้

ตอนนี้เทคโนโลยีสูงแล้ว แต่ก็ต้องแลกด้วยเงินลงทุนที่สูง SMEs คงลำบาก แต่ถ้าบริษัทใหญ่ๆ เค้าก็ยอมเพื่อให้ผ่านและดำเนินธุระกิจอย่างราบรื่น

ส่วนเรื่องประท้วงนั้น ผมว่าถ้าให้ความรู้ชาวบ้าน รวมทั้งไม่แหกตา เค้าก็คงเข้าใจ ถ่านหินถือว่าเป็นพลังงานที่ถูกนะถ้าเทียบกับพลังงานอื่น.


ปล.น้ำเสียบางที่เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วย เช่นทำเป็น Bio gas แทน LPG หรือร่วมกันทำให้ประหยัดพลังงานได้ด้วย

[boondham]

ถ้าจะทำนิคมอุตสาหกรรมประเภทไหน...

สิ่งที่ผมขอดูสิ่งแรก คือ มาตรการบำบัดน้ำเสีย..ครับ...

ไปที่ไหน เน่าทุกที่....

ขนาด รถขนถ่านหินจากพม่าจะวิ่งผ่าน เข้าไทย..ยังประท้วง..

ถ้าจะมีนิคมอุตสาหกรรม...รับรองว่าน่าจะกระแสต้าน มากพอควร..นะครับ...

อันนี้มุมมองผม...

  หน่วยงานต่างๆ มีมากครับที่จะดูแล ตั้งแต่ระดับประเทศ ภูมิภาค ท้องถิ่น  แต่จะจริงจังขนาดไหน เรื่องน้ำเสียผมทำงานอยู่กับสิ่งนี้

ตอนนี้เทคโนโลยีสูงแล้ว แต่ก็ต้องแลกด้วยเงินลงทุนที่สูง SMEs คงลำบาก แต่ถ้าบริษัทใหญ่ๆ เค้าก็ยอมเพื่อให้ผ่านและดำเนินธุระกิจอย่างราบรื่น

ส่วนเรื่องประท้วงนั้น ผมว่าถ้าให้ความรู้ชาวบ้าน รวมทั้งไม่แหกตา เค้าก็คงเข้าใจ ถ่านหินถือว่าเป็นพลังงานที่ถูกนะถ้าเทียบกับพลังงานอื่น.

อันนี้ ความเห็นส่วนตัวนะครับ..  

ผมว่ามองได้หลายแบบ.. จากกรณีที่เกิดขึ้นอุตสาหกรรมใหญ่ใน ภาคตะวันออก ก็มีปัญหาเรื่องการจัดการ อยู่ มีแต่บริษัทใหญ่ๆ...ยังแก้ปัญหาไม่ได้และส่งผลกระทบต่อประชาชน...คนพื้นที่ลุกมาต่อต้าน เช่น ที่ ระยอง

คงต้องมีเวที ประชาพิจารณ์ ที่เปิดเวที ให้การมีส่วนรวมภาคประชาชนและนักลงทุนอย่างแท้จริง...ยังอีกยาวกว่าจะมี...

ต้องประชาสัมพันธ์ผลดีผลเสีย..ประโยชน์ทั้งฝั่งนายทุน และชาวบ้าน...เพราะเราจะอยู่กับมัน จะยกเลิกก็ไม่ได้ เมื่อส่งผลกระทบ เหมือนระยอง..ให้หยุดผลิต หรือย้ายออก...ตามคำสั่งศาลปกครอง...



ส่วนตัว ผมเห็นว่าเราอาจต้องกลับมาถาม ว่าเราจะวางจังหวัดเป็นแบบไหน..เมืองอุตสาหกรรม ประเภทไหน... จริงๆแล้วๆผมเคยเห็น จังหวัดทำๆกันอยู่....ยิ่งประชาคมอาเซียน ปี 58 ผมไม่รู้ เชียงรายเราเตรียมตัวยังไงบ้าง เพราะ การเคลื่อนย้ายทุน คน เทคโนโลยี เสรีมากขึ้น...

ผมยังไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนเลย...

ส่วนตัวผมสนับสนุนนโยบาย  ด้านบริการ ท่องเที่ยว และการขนส่งครับ...

แต่ด้านเกษตร...ถ้ามีกลิ่นเหม็นๆ  ผมก็ไม่เอาครับ...เพราะอยู่ไม่ได้จริง....

[boondham]

ของเชียงใหม่ เขาวาง แนวทางปฏิบัติเชียงใหม่ 4 ปี (2555-2558) สู่ประชาคมอาเซียน

ของเชียงรายเราเมืองชายแดน ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ประตูที่ใหญ่มาก...โดยเฉพาะจีน

ผมไม่รู้ว่าเตรียมการกันไปถึงไหน...อยากเห็นแผนเร็วๆครับ....



///////////////
 

ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN ECONOMIC COMMUNITY : AEC) คือ การรวมตัวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเซียนตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ ลาว พม่า เวียดนามและกัมพูชา เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสู่การเป็น “ตลาดเดียวและฐานการผลิตสินค้า : Single Market and Production Base 2015” ที่สามารถแลกเปลี่ยนอย่างเสรีใน 5 ด้าน ได้แก่ 1)สินค้า 2)บริการ 3)ธุรกิจ 4)การลงทุน และ 5)แรงงาน โดยจะเริ่มมีผลสมบูรณ์ภายในปี พ.ศ. 2558

สำหรับด้านการท่องเที่ยว การก้าวสู่ประชาคมอาเซียนถือเป็นการสร้างโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวภาคเหนือของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยถูกกำหนดให้เป็นแกนกลางในการกำหนดแผนพัฒนาการท่องเที่ยว (Road Map) ของอาเซียน เนื่องจากเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ตั้งอยู่ศูนย์กลางของอาเซียน มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติและมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง

อย่างไรก็ตามการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนนั้น นอกจากส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัด แต่ก็ยังมีภาคส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบด้านลบภายใต้ภาวะดังกล่าว เช่น การแข่งขันกับทุนข้ามชาติซึ่งมีแนวโน้มว่าเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือหุ่นในธุรกิจท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนได้ถึงร้อยละ 70 การแข่งขันแรงงานภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มอาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์ ซึ่งเป็นอาชีพสงวนของไทยในปัจจุบัน แต่เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเชื่อว่าไทยจะต้องถูกบีบบังคับให้เป็นเสรี ผลกระทบต่อธุรกิจ SML ที่ไม่สามารถต่อสู่กับธุรกิจขนาดใหญ่ที่เกิดการร่วมตัวของกลุ่มทุนข้ามชาติ และปัญหาอาชญากรข้ามชาติซึ่งคาดการณ์ในอนาคตอาเซียนจะส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้นโยบายซิงเกิลวีซ่า เป็นต้น

ดังนั้นเพื่อเตรียมการรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จังหวัดเชียงใหม่จึงมีแนวทางการปฏิบัติพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อใช้โอกาสทางการแข่งขันและเสริมนำอาเซียน ดังนี้

1.ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางการพัฒนา (Hubs) ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1)ศูนย์กลางการพักผ่อนและสันทนาการ 2)ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวธรรมชาติเชิงนิเวศ ตามนโยบาย “เชียงใหม่ : นครที่เป็นที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม” (Chiang Mai : The Most Splendid City of Culture) 3)ศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ โดยกำหนดเชียงใหม่เป็น “นครแห่งไมซ์ (MICE City) 4)ศูนย์กลางธุรกิจสุขภาพ (Medical Hub) และ ศูนย์กลางคมนาคมในภูมิภาค (Aviation Hub)

2.พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพเพื่อยกระดับแรงงานสู่แรงงานทักษะฝีมือ (Skill Labour) ที่มีมาตรฐานหรือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ (Traders) ที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค

3.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญให้มีคุณภาพ เช่น การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง สถานที่พักหรือพำนัก สถานที่ท่องเที่ยวและระบบโทรคมนาคมสื่อสาร เป็นต้น

4.เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีบทบาทในการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม โดยกระบวนการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดการกระจายการพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

5.ส่งเสริมการศึกษา วิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้มแข็งด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

6.สร้างศักยภาพการบริหารงานราชการให้มีประสิทธิภาพกระฉับกระเฉง สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่เปิดกว้าง เพื่อจัดระเบียบสังคม สร้างความปลอดภัยและความมั่นคง ให้จังหวัดเป็นเมืองน่าอยู่น่าเที่ยว ตามนโยบายเชียงใหม่โมเดลของจังหวัด (Chiang Mai Model)

ทั้งนี้การดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าว จะส่งผลจังหวัดเป็นเมืองน่าอยู่ น่าเที่ยวและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาที่สมดุล ยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สามารถส่งเสริมให้ภูมิภาคอาเซียนเกิดความเข้มแข็งในการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สู่วิสัยทัศน์ของจังหวัดที่กำหนดไว้ว่า “เชียงใหม่ นครแห่งชีวิต โอกาส และความมั่งคั่ง” (Chiang Mai : City of life, Opportunity & Prosperity)

////////////