ปรับไลฟ์สไตล์ต้านมะเร็ง (Healthplus)
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเราแปรปรวน เปลี่ยนแปลง และแตกต่างไปจากคนสมัยก่อนมาก ไหนจะชั่วโมงทำงานที่ยาวนานจนดึกดื่น ความเครียด ความเร่งรีบ ทำให้กิน-นอนไม่เป็นเวลา อาหารหลักที่กินคืออาหารสำเร็จรูป การอยู่ท่ามกลางมลพิษ และสารเคมีต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเกือบทุกกิจกรรม ทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญทำให้สุขภาพเราย่ำแย่ โรคภัยพากันถามหามากมาย
หนึ่งในนั้น คือ มะเร็งร้าย ที่เชื่อกันว่า รูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนป่วยเป็นโรคนี้มากขึ้น แม้วิทยาการทางการแพทย์จะสามารถช่วยให้สองในสามของผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกมี ชีวิตอยู่ต่ออย่างน้อยอีก 5 ปี แต่ขั้นตอนการรักษามะเร็งก็สร้างความเจ็บปวดไม่น้อยด้วยเหตุนี้ จึงมีคนจำนวนมากปฏิเสธการแพทย์สมัยใหม่ แล้วหันไปพึ่งการแพทย์ทางเลือกแทน
โดยทั่วไปผู้รอดชีวิตจากมะเร็ง จะต้องพบเจอกับปัญหาสุขภาพต่างจากคนทั่วไป มีภูมิต้านทานต่ำ หลังจากการรักษามะเร็งพวกเขามีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำอีก มากพอ ๆ กับโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน กระดูกพรุนและโรคเรื้อรังอื่น ๆ จากผลการวิจัยทำให้ทราบว่าการกินดีอยู่ดีและมีชีวิตเรียบง่ายนั้นช่วยให้ ปลอดภัยจากมะเร็งได้ โดยวิถีสีเขียวช่วยป้องกันโรคเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นได้
สมาคมมะเร็งแห่งอเมริกาและสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งอเมริกา ได้ออกคำแนะนำแก่ผู้ป่วยมะเร็งว่า ให้หมั่นสังเกตพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เหมาะสมต่อสุขภาพในระยะยาว รวมทั้งปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม หากไม่อยากเจ็บปวดจากมะเร็ง ลองนำแนวทางการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตต่อไปนี้ไปปฏิบัติดู
โภชนาการ
กินอาหารที่อุดมไปด้วยพืชผักหลากสี ทั้งผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และถั่ว อาหารทุกมื้อจะต้องมีผักมากถึงสองในสาม และโปรตีนเพียงหนึ่งในสาม (จากทั้งเนื้อ สัตว์ปีก ปลา นม และไข่)
เลือกอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและเกลือต่ำ เลือกใช้สมุนไพรและเครื่องเทศแทนเครื่องปรุงรส เช่น กระเทียม ขมิ้น และกระเพรา เลือกไขมันดีจากน้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคาร์โนลา และกรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลา วอลนัท และแฟล็กซ์สีด
กินอาหารปลอดเนื้อสัตว์สองถึงสามมื้อต่อสัปดาห์ อาจเป็นผัดเต้าหู้ ลาซานญาเห็ด ผัดมะเขือยาว ซุปเห็ดหรือซุปถั่ว
มะเขือเทศ มีไลโคปีนหรือสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง ไลโคปีนดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งจากมะเขือเทศดิบและสุกทั้งยังช่วย ป้องกันโรคหัวใจและลดระดับคอเลสเตอรอลได้
การควบคุมน้ำหนัก
รักษาน้ำหนักให้คงที่เสมอ ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังการรักษามะเร็ง ให้รีบลดน้ำหนักทันที แต่ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม ควรกินเมื่อหิว และกินแค่พอใช้พลังงานทำกิจกรรม แต่ละวัน ถ้าเบื่อหรือเหงาก็จะหันไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการกิน เช่น คุยกับเพื่อนหรือเดินเล่น ไม่อดอาหาร เพราะยิ่งจะทำให้กินจุมากขึ้นในมื้อถัดไป
การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน ก่อนจะเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายแต่ละครั้งต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์ก่อน
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดื่มแต่พอประมาณ นั่นหมายถึงตามมาตรฐานที่ว่า วันละแก้วสำหรับผู้หญิง สองแก้วสำหรับผู้ชาย
การเตรียมอาหารและความปลอดภัย
หลีกเลี่ยงอาหารขยะเท่าที่จะเลี่ยงได้เพื่อป้องกันโรคภัยที่อาจมากับการกิน เพราะผู้ป่วยมะเร็งนั้นมีความเสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนได้สูง
แยกเขียงสำหรับเนื้อสด ปลา หรือสัตว์ปีก เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิอาหารเพื่อดูว่ามันสุกดีหรือยัง
ไม่กินอาหารที่ไหม้หรือเกรียม เมื่อจะปิ้งย่างให้นำเนื้อไปหมักกับซอสเสียก่อนและไม่ให้อาหารสัมผัสกับเปลวไฟโดยตรง
การพบแพทย์
ตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อหาความเสี่ยงการกลับมาเป็นซ้ำ รวมทั้งความเสี่ยงเกิดโรคเรื้อรังอื่น ๆ
ปรึกษาแพทย์ถึงรูปแบบการดูแลตนเองที่เหมาะสม
ข้อมูลเพิ่มเติมคลิก : สมาคมมะเร็งแห่งอเมริกา
www.cancer.org