เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 03 สิงหาคม 2025, 05:34:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมคนรักรถ
| | |-+  ♥♥♥♥♥SUPERMOTO CLUB CHIANGRAI♥♥♥♥♥
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 ... 225 226 227 228 229 230 231 232 233 234 [235] 236 237 238 239 240 241 242 243 244 245 ... 745 พิมพ์
ผู้เขียน ♥♥♥♥♥SUPERMOTO CLUB CHIANGRAI♥♥♥♥♥  (อ่าน 1484422 ครั้ง)
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #4680 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 15:32:58 »

หลวงพระบาง

ชาวลาวในเมืองหลวงพระบาง เป็นชนเผ่าที่เรียกว่า "กาว" เดิมเมืองนี้ชื่อ "ชวา" การที่เรียกว่า "หลวงพระบาง" นั้น เป็นเพราะเมืองดังกล่าวเป็นเมืองหลวงของลาวในยุคก่อน จึงได้ชื่อว่า"เมืองหลวง" และการที่มีพระพุทธรูปยืนชื่อ "พระบาง" เป็นสัญลักษณ์ของเมือง จึงรวมชื่อเป็น "เมืองหลวงพระบาง" ชนเผ่ากาวนี้ส่วนใหญ่ปัจจุบันอาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของลาว ได้อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตามริมแม่น้ำโขงและหลายหมู่บ้านในเขตจังหวัด เชียงราย โดยรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากที่อำเภอเชียงแสนและอำเภอเชียงของ และอพยพเข้ามาก่อนกรณีพิพาทอินโดจีนหลายสิบปี แต่เป็นจำนวนน้อย

การอพยพครั้งที่สองเมื่อกรณีพิพาทระหว่างไทย-อินโดจีน และครั้งหลังเมื่อประเทศลาวประกาศเป็นประเทศอิสระภาพและยกกำลังเข้าต่อสู้ ฝรั่งเศสแต่ปราชัยลง ชาวลาวดังกล่าวได้พากันอพยพเข้ามาเขตไทยเป็นจำนวนมาก
ถิ่นที่อยู่เดิม คือ บริเวณเมือง"ศรีสตนาคนหุต" หลวงพระบาง หรือ "แคว้นล้านช้างร่มขาว" เมืองหลวงพระบางเคยเป็นนครหลวงของลาว มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เมืองมะม่วงรู้หาว มะนาวรู้โห่" ภูมิประเทศในแคว้นลาวเหนือนี้ เป็นภูเขาล้อมรอบ หาที่ราบได้ยากแม้แต่กลางเมืองหลวงพระบางเองก็มีภูเขาชื่อพูสีอยู่กลางเมือง เพราะฉะนั้นพืชพันธุ์ธัญญาหารที่นำมาบำรุงเลี้ยงชาวหลวงพระบาง จึงได้มาจากไร่ทั้งสิ้น ในอดีตมีผืนนาอยู่แห่งเดียวเป็นของพระเจ้าแผ่นดินหลวงพระบางเรียกว่า "นาหลวง" ตามปรกติ ข้าว เกลือ เสื้อผ้า ไม้ขีดไฟ น้ำมัน เป็นสินค้าขาเข้าของเมืองนี้

ชาวเมืองหลวงพระบางขอบตั้งหมู่บ้าน อยู่ริมชายฝั่งแม่น้ำ เพราะชอบค้าขายทางน้ำ และหาสัตว์น้ำขาย เช่น ปลา เป็นพวกที่ชำนาญทางว่ายและดำน้ำทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมืองหลวงพระบางมีจำนวนหมู่บ้านและหลังคาเรือนประมาณ ๘-๙ พันหลังคาเรือน ตัวเมืองล้อมรอบไปด้วยภูเขา ที่กลางใจเมือง มีภูเขาอยู่ลูกหนึ่งชื่อพูสี บนเขาลูกนั้นมีสถูปเจดีย์และรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในศาลา
มองซิเออร์ปาวี ชาวฝรั่งเศส คลุกคลีตีสนิทกับชาวหลวงพระบางเมื่อครั้งหลวงพระบาง ขึ้นกับไทย โดยการนุ่งผ้าโจงกระเบนและกินหมากเที่ยวแจกยาควินิน จนทำให้แคว้นหลวงพระบางตกไปเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ปัจจุบันยังมีรูปอนุสาวรีย์ของ ม.ปาวี หล่อด้วยทองแดงขนาดเท่าตัวจริง ตั้งไว้ริมถนนในย่านเจริญ ชาวลาวสูบบุหรี่กันแทบทุกคน และมีคนจำนวนไม่มากนักชอบสูบฝิ่น

ตัวหนังสือเป็นแบบหนึ่งต่างกับอักษรไทยปัจจุบันเรียกว่า หนังสือไทยน้อย ใช้เหมือนกันทั่วทั้งแคว้นลาว คือ ตั้งแต่เหนือสุดจนถึงใต้สุดต่อเขตเขมร และยังมีใช้อยู่ตามวัดวาอาราม หรือบรรดาคนแก่ในภาคอีสานอีกมาก หนังสือไทยน้อยจารึกไว้บนใบลาน ได้รักษาวัฒนธรรมและ วรรณคดีไทยมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ เช่น เรื่องศรีทนนชัย ขุนลูนางอั้ว สังข์ศิลป์ชัย ฯลฯ รูปร่างตัวหนังสือใกล้ตัวหนังสือไทยมากที่สุด ผู้รู้หนังสือไทยแล้วเรียนสัก ๒-๓ วันก็จะอ่านออกเขียนได้ หนังสือของชาวแคว้นหลวงพระบางง่ายกว่ามาก บทกลอน เช่นว่า

"ทุกข์บ่มีเสื้อผ้า ฝาเรือนดี พอลื้ออยู่ ทุกข์บ่เห็นหน้าน้อง ตัวอ้ายอยู่บ่เป๋น"

การเลี้ยงผีนั้น ให้เลี้ยงที่หลังบ้าน เพราะศาลผีหรือหิ้งผีสร้างอยู่หลังบ้าน บนหิ้งผีมีรูปปั้นด้วยดินเหนียวเป็นรูปช้างและสัตว์ต่าง ๆ ส่วนหิ้งพระอยู่ในบ้านมีพระพุทธรูปแล้วแต่จะหาได้ไว้เพื่อสักการะบูชา พร้อมทั้งมีกระถามธูป เทียน แจกัน ดอกไม้ นอกจากหิ้งพระและหิ้งผีแล้ว หมู่ชาวบ้านหลวงพระบางยังมีการเคารพและสักการะบูชาศาลพระภูมิเจ้าที่อีกด้วย ศาลพระภูมินี้ตั้งตรงหน้าบ้านหันหน้าศาลไปทางทิศตะวันออก บนศาลมีดอกไม้ธูปเทียนบูชาอยู่เสมอ ถ้าไม่มีศาลพระภูมิตั้งตรงหน้าบ้าน ก็ใช้ธูปเทียนและดอกไม้ปักตามเสาหน้าบ้านหรือตามฝาไม้ขัดแตะตามแต่ต้องการ แต่ก็ต้องมีการเคารพกันทุกหลังคาเรือน ไม่มีการเลี้ยงผีหมู่บ้าน นอกจากผู้ที่ตั้งตนเป็นครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์มากหรือเป็นหมอผีจะนัดแนะ บรรดาลูกศิษย์หรือผู้ที่ตนเคยรักษาพยาบาลให้มาทำการเลี้ยงยังเรือนของตน โดยนำข้าวปลาอาหารพร้อมสุรามาทำพิธีเลี้ยงผีกัน หรือจะเรียกว่า "ไหว้ครู" หรือ "ยกครู" การเลี้ยงผีนี้ ทำกันในราวเดือนเจ็ดใต้ ผีป่า ผีไร่ ผีสวน ไม่มี คงมีแต่ผีหลวงหรือเรียกกันว่า ผีหลักมั่น ผีหลักมั่นนับถือว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญของชาวเมืองหลวงพระบาง

ประวัติของผีหลักมั่น แรกเริ่มเดิมที เจ้าฟ้าหรือเจ้าแผ่นดินของเมืองหลวง มีพระราชประสงค์ทำหลักศิลาประจำเมืองซึ่งต้องใช้ผู้หญิงกำลังตั้งครรภ์ฝัง ไว้ใต้หลักนั้น จึงประกาศหาคนในเมืองหลวงที่มีความสมัครใจจะสละชีวิตอยู่กับหลักศิลาประจำ เมือง ถ้าใครสมัครเป็นหลักศิลาจะให้เงินทองแก่สามีบุตรและตัวนาง อีกทั้งหลักศิลาจะได้ประดับด้วยอาภรณ์อันมีค่ายิ่ง เช่นสร้อยคอเพ็ชร์ กำไลเพ็ชร์ เป็นต้น มีหญิงงามผู้หนึ่งสมัครเป็นหลักประจำเมือง เขาจึงให้นางดังกล่าวประดับกายด้วยเครื่องอาภรณ์อันล้นค่าแล้วเชิญขึ้นนั่ง บนเสลี่ยงแล้วแห่ไปรอบตัวเมือง พร้อมทั้งประกาศให้ผู้คนพลเมืองทราบทั่วไปว่า นางจะเป็นเสาหลักมั่นประจำเมือง ก่อนที่จะนำนางไปลงหลุมนั้นก็มีการละเล่นหลายอย่างพร้อมทั้งมีพิธีเลี้ยงนาง ผู้ที่ยอมเป็นเสาหลักมั่นนั้นด้วยอาหารดีต่าง ๆ พอได้ฤกษ์ก็นำตัวนางนั้นลงยืนไปในหลุมซึ่งลึกประมาณบั้นเอว แล้วเอาแท่งศิลาหนึ่งกระทุ้งทับตัวนางนั้นให้จมลงไปอยู่ก้นหลุมแล้วจึงก่อ ทับด้วยเสาปูน ผู้ที่ไปต้องนำเครื่องบูชาไปสักการะหลักมั่นนี้ พร้อมทั้งพูดว่า "หญ้าช้างหญ้าม้า" หมายความว่า เอาใบไม้หรือหญ้ากองไว้สำหรับเลี้ยงช้างม้าของเจ้าแม่หลักมั่นนั้น มีความศักดิ์สิทธิ์ในการบนบาลขอให้ร่ำรวยทางค้าขาย หรือทางเจ็บไข้ได้ป่วย
หลักเสาหลักมั่นนี้ ปลูกศาลไว้ขนาดย่อม ๆ สำหรับตั้งเครื่องสักการะบูชาและดอกไม้ธูปเทียน พร้อมทั้งรูปปั้นด้วยดินเป็นรูปช้าง ม้า วัว ควาย เดือนเจ็ดใต้เป็นเดือนทำพิธีเส้นไหว้ประจำปี คือ นำอาหารทั้งสุกและดิบไปพร้อมกันยังศาลหลักมั่น ถ้าเป็นอาหารดิบก็ลงมือแกง ผัด หรือทอดกัน นำไปตั้งไว้ยังศาลนี้ พร้อมทั้งตั้งสัตย์อธิษฐานขอให้อายุมั่นขวัญยืน หรือแล้วแต่คำอ้อนวอนของผู้ใด การเซ่นไหว้ผ่านไปแล้ว ผู้ที่ไปร่วมงานลงมือเลี้ยงกันภายหลัง การเซ่นไหว้ทำกันหมู่บ้านละวัน มี ๗ หมู่บ้านก็เซ่นไหว้กัน ๗ วัน แต่ต้องทำการเซ่นและไหว้ให้เสร็จภายในเดือน ๗ นั้น

ประเพณี

งานขึ้นปีใหม่เป็นงานที่สนุกสนานของหนุ่มสาวทั้งหลาย มีงานเลี้ยงผีหลวงหรือผีหลักมั่นเดือน ๑๒ ใต้ มีงานประจำปีเรียกว่างานแห่ธาตุ คือ แห่พระเจ้าแผ่นดินเมืองหลวงไปไว้ยังธาตุหลวงจากพระราชวัง เวลา ๙ โมงเช้า ขบวนทหารแต่งตัวเต็มยศนำหน้าสองฟากทาง ถัดจากทหารมีคนสวมหัวโขนหัวหนุมานเป็นพวกตีกลองโครม คือมีหัวหน้าหนึ่งคนตีไม้เป็นจังหวะดัง "ก๊อก ๆ " ๒ ครั้ง แล้วพวกที่มีกลองก็ตีกลองพร้อมกันดังโครม ผู้ตามหลังตีกลองโครมเป็นทหารรักษาพระองค์ แต่งกายด้วยเสื้อปิดอกสีขาวกระดุม ๖ เม็ด นุ่งผ้าสีม่วงสวมถุงเท้ายาวสีขาว รองเท้าผ้าใบสีขาว มือถือหอก ง้าว ทวน มีด กำไว้ ๒ มือ เอาทางคมอาวุธลง ถัดจากทหารรักษาพระองค์เป็นพระราชอาสน์ของพระเจ้าแผ่นดินใช้คนหาม ๘ คน มีกลดกั้นกันแดด(ฉัตร) ตามหลังเสลี่ยงโดยหมู่ข้าราชการและข่ามุ เรียกว่า "พวกตำกิ่ง" โดยเอากระบอกไม้ซางทะลุปล้องใช้กระทุ้งกับหินขณะที่เดินเป็นจังหวะมีเสียง ต่าง ๆ สลับกันเรียกว่า "ข่าทั่งบั้ง" หรือ "ข่ากระทุ้งบอก" ฟังดูคล้ายเสียงเพลง แห่กันจนถึงธาตุหลวงหรือปราสาทหลวงพอถึงให้เจ้าเมือง หรือพระเจ้าแผ่นดินพักผ่อนบนธาตุนั้น
พอบ่าย ๓ โมงมีการชกมวย และการละเล่นต่างๆ หน้าปราสาทหลวงนั้น เช่น ปีนเสาน้ำมันซึ่งเป็นไม้ซางทาด้วยน้ำมันหมู มีเสื้อแขวนอยู่ปลายเสานั้น ถ้าใครปีนขึ้นได้ก็ได้เสื้อเป็นรางวัล แย่งมะพร้าวห้าวทาน้ำมันหมูแล้วนำเอาไปใส่เข่งได้ก็จะได้เสื้อผ้าเป็นรางวัล ตีหม้อขี่ควายเอาเหรียญเงิน คือเอาหม้อดินใส่น้ำผสมด้วยขี้ควายแขวนไว้ผู้จะตีหม้อเอาผ้าผูกตาเสียก่อน แล้วจึงเข้าตีหม้อด้วยท่อนไม้ ถ้าตีถูกหม้อแตกขี้ควายจะกระเด็นถูกหน้าตาและตามร่างกายผู้ตีแล้วเงินซึ่ง ใส่อยู่ในหม้อจะตกลงสู่พื้นดิน มีการตัดมีดแซม(กรรไกร) คือให้เด็ก ๆ เอาผ้าผูกตาแล้วหมุนหลาย ๆ รอบ แล้วให้เอากรรไกรตรงเข้าตัดผ้า ถ้าตัดถูกและเป็นรอยขาดจะเปลี่ยนให้ใหม่

มีการฟ้อนสิงโตกับเทวดาหลวงเรียกว่า"ปู่เยอย่าเยอ" ตอนกลางคืนมีรำโคม โดยถือโคมจุดไฟตรงกลางร่ายรำไปตามทำนองเพลง มีการเลี้ยงข้าวปลาอาหารโดยทั่วถึงกัน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกินข้าวแล้วมีการชกมวยหน้าพระที่นั่งอีกครั้งหนึ่ง ตกตะวันบ่าย ๓ โมง จึงแห่พระเจ้าแผ่นดินคืนพระราชวังเดิม

นอกจากนี้ จะมีงานไหว้พระพุทธบาทตามเทศกาลอย่างไทยเรา มีงานที่ออกหน้าออกตาอีกอย่างหนึ่ง คือการแข่งเรือในเทศกาลออกพรรษา แต่ละวัดมักจะมีเรือแข่งงาม ๆ ลงรักปิดทองล่องชาดอยู่เสมอ ครั้นถึงเวลาแข่ง ชาวบ้านแถบวัดนั้นที่หนุ่ม ๆ จะพร้อมใจกันมาเป็นฝีพายโดยพร้อมเพรียงราว ๓๐-๔๐ คน นำเรือลงซ้อมพายก่อนถึงวันงานประมาณ ๔-๕ วัน โดยมีผู้เฒ่า ๑ คนเป็นคนถือท้าย เขาเหล่านี้จะพยายามแข่งนำเกียรติ์มาให้แก่วัดหมู่บ้านของตน ครั้นถึงวันแข่งจริง ประชาชนแต่งตัวสีต่าง ๆ สวยงามเต็มฝั่งแม่น้ำโขง เรือแข่งเตรียมพร้อมและยังมีเรือกรรมการตัดสินเรือชนะ เรือบรรดาเจ้านายข้าราชการจอดชมเป็นขนัด งานแข่งเรือเป็นงานที่ครึกครื้นยิ่งในรอบปีหนึ่ง ๆ นอกจากนี้ มีงานวัดตามเทศกาลทางพุทธศาสนา เพราะชาวหลวงพระบางนับถือศาสนาพุทธ โดยเฉพาะเคยส่งพระสงฆ์เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมในกรุงเทพมหานครการบวชนาค ไม่ผิดกับชาวเหนือเดือนยี่เป็ง(เพ็ญเดือนสิบสอง) มีการลอยกระทงในแม่น้ำโขงโดยแห่จากวัดลงมาสู่แม่น้ำ มีการประกวดทำกันเป็นรูป ต่าง ๆ งานขึ้นปีใหม่ หยุดงาน ๓ วันเหมือนกันหมด

วิถีชีวิต

ผู้หญิงชาวหลวงพระบางโดยมาก มีผิวขาว รูปร่างเพรียวระหง ในจำนวนหญิง ๘๐ % เป็นหญิงสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองนางเมรี ตามนิยายเรื่องพระรถนางเมรี ปัจจุบันยังมีสิ่งประกอบเรื่องนี้อยู่หลายอย่าง เช่น สวนพระรถ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ป่า มีผลไม้นานาชนิด ภูท้าว ภูนาง ถ้ำนางเมรี ฯลฯ ชาวหลวงพระบางรักความสนุกรื่นเริงอยู่เป็นนิตย์ จะได้ยินเสียงฆ้องดังไม่ขาดระยะจากเมืองหลวงพระบางในบางวัน ผู้หญิงทุกคนสวยงามตามธรรมชาติ มีความอิสระในเรื่องรักใคร่ ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวเมืองหลวงพระบางแล้วไม่อยากกลับบ้าน ที่เป็นพ่อค้าเร่ร่อนมีภรรยาตามรายทางก็มีอยู่หลายคน การเที่ยวสาวเที่ยวบนบ้านที่ระเบียง โดยมากชอบไปหาสาวเวลากลางคืน ถ้าพอใจกันทั้งสองฝ่ายก็ได้เสียกันก่อนแต่งงาน ถ้าสาวไม่พอใจหนุ่มมาเที่ยวบ้านจะหลบเข้าห้องโดยไม่โผล่หน้าออกมาให้หนุ่ม เห็น แต่หากชอบพอก็จะออกมานั่งสนทนาด้วย
การสู่ขอเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่ไปเจรจาขอผู้หญิงจากพ่อแม่ สินสอดทองหมั้นไม่มีอัตราแน่นอนแล้วแต่ฐานะของฝ่ายชาย ถ้าหมั้นกันเสร็จ หญิงไม่ตกลงใจแต่งงานด้วย ฝ่ายหญิงต้องคืนเงินสินสอดทองหมั้น เมื่อนัดกำหนดแต่งงานแล้ว เจ้าภาพทั้งสองฝ่ายก็ป่าวประกาศให้หมู่ญาติพี่น้องทราบทั่วกัน ของที่ที่จะนำมาช่วยส่วนมากเป็นเงิน แต่งงานกันที่บ้านเจ้าสาว
ให้เลี้ยงแขกของเจ้าสาว แขกที่มาช่วยแต่งงาน ถ้าฝ่ายไหนเชิญก็กินเลี้ยงฝ่ายนั้นก่อนเมื่อถึงฤกษ์ดีทางเจ้าสาวให้ผู้เฒ่า คนแก่มานำเจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวมีการมัดมือและลงขัน(พาน)ด้วยเงินทอง เจ้าบ่าวจะแบ่งไข่ต้มให้เจ้าสาวรับประทานครึ่งซีกเหมือนกับว่า รักกันมีจนก็จะอยู่ร่วมกัน มีเกลือกินเกลือตลอดไป เสร็จพิธีมัดมือแล้วก็กินเลี้ยงเซิ้งลาวร้องรำทำเพลงกัน ผู้ชายต้องอยู่บ้านหญิง เมื่อมีบุตรแล้วจึงไปอยู่ที่อื่นได้ ถ้าเกิดหย่าร้างต้องแบ่งทรัพย์สินเงินทองที่ทั้งสองได้มีขึ้นภายหลังแต่งงาน การมีภรรยาน้อยไม่มีการห้าม บางคนภรรยาหลวงอยู่ร่วมเรือนเดียวกันกับภรรยาน้อยก็มี

ชาวหลวงพระบางนับถือศาสนาพุทธ ในระหว่างเข้าพรรษาทุกวันพระมีการไปวัดตักบาตร ตอนบ่ายฟังเทศน์ ถ้าคนเฒ่าคนแก่ที่ศรัทธาทางศาสนามาก ก็มีการนอนวัดด้วยกัน ขนบธรรมเนียมไม่ผิดทางไทยในเรื่องศาสนา เมืองหลวงพระบาง เป็นเมืองที่รักษาวัฒนธรรมของตนไวได้อย่างดียิ่ง ถ้าเราไปถึงถิ่นจะเห็นวัดวาอารามและขนบธรรมเนียมยังอยู่ในเมืองนี้อย่าง พร้อมมูล การศาสนาก็เคร่งครัด ผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาทางพุทธศาสนามากไม่มีวัดหรือโบสถ์ศาสนาอื่น ทั้งนี้ มีชาวต่างประเทศเข้าไปเผยแพร่ศาสนาด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็หามีผู้นิยมนับถือศาสนาอื่นไม่

อาหารการกิน
เมืองหลวงพระบางมีร้านอาหารมากมายหลายชาติ แล้วแล้วแต่น่านั่งโดยเฉพาะพวกร้านเบเกอรี่ ร้านอาหารเจ้าประจำของทัวร์คือร้านวิชุน ตั้งอยู่หน้าวัดวิชุนนะลาด เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.30-22.00 น.
ถ้าชอบอาหารพื้นเมืองจำพวกแจ่วบอง เอาะหลาม ตำหมากทุ่ง ข้าวเปียก เฝอ มีขายที่ตลาดเช้าและตามร้านข้างถนนทั่วไป ร้านเฝอเจ้าอร่อยอยู่ตรงข้ามสำนักงานสายการบินลาว
สลัดผักน้ำที่ใหม่สดไร้สารพิษ ร้านที่ขึ้นชื่อคือร้านอาหารแคมคานที่ให้บรรยากาศของแม่น้ำคานที่งดงาม สลัดผักน้ำที่หลวงพระบางนั้นอร่อยเกือบทุกร้าน และนับเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์ของหลวงพระบางที่ห้ามพลาด
ร้านขายข้ายเปียกที่ขึ้นชื่อคือร้านป้าจุง ขายข้าวเปียก หรือข้าวต้มกระดูกหมู เป็นร้านเล็กๆ ตรงข้ามมะโนเกสต์เฮาส์ และร้านริมถนนข้างวัดใหม่สุวันนะพูมาฮาม
ร้านมาลี ตั้งอยู่บนถนนพูว่าว เยื้องกับไชยชนะเกสต์เฮาส์ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารพื้นเมือง เช่น เอาะหลามไก่ ซุปผักหลวงพระบาง ก้อยปลา ฯลฯ
ถ้าหากอยากทานอาหารที่หรูขึ้นมาอีก ต้องไปกินที่โรงแรมวิลล่าสันติซึ่งมีอาหารตำรับชาววังหลวงพระบาง พร้อมการแสดงรำและโขนให้ชม
หากต้องการชมบรรยากาศริมน้ำแถบเลียบริมโขง มีร้านกาแฟขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือร้านประชานิยม เหมาะสำหรับการนั่งพูดคุยและทานกาแฟ หรือโอวัลตินในตอนเช้า มีข้าวจี่และข้าวเหนียวสังขยาไว้ให้กินเล่นกับกาแฟ หรือจะเลือกสั่งเฝอจากร้านข้างๆ มาทานก็ได้
กาแฟปากเซ หรือโบโลเวนคอฟฟี่ เป็นกาแฟขึ้นชื่อของลาว ปลูกบนที่ราบสูงโบโลเวน หรือบ่อละเวน ซึ่งอยู่ทางเหนือของปากเซ บริเวณตอนใต้ของประเทศลาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย และมีดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์มาก โดยเดิมชาวฝรั่งเศสเป็นผู้นำเข้ามาปลูก หากมีโอกาสไม่ควรพลาดการลองชิมกาแฟที่รสชาติเข้มข้นและหอมกรุ่น
แซนด์วิชลาวแบบดั้งเดิม ใช้ขนมปังฝรั่งเศสฝ่าครึ่ง ทาแจ่วมอง แล้วใส่หมูยอหั่นชิ้น หรือหมูสับคั่วกรอบลงไป บางครั้งอาจจะโรยซอสพริกหรือซอสภูเขาทองลงไปด้วย มีขายทั่วไปที่ตลาดเช้า หรือโต๊ะริมทาง ราคาอันละ 2,000-3,000 กีบ แต่แซนด์วิชลาวเจ้าอร่อยคือร้าน Lao Sandwich ของป้าสุมน เป็นบ้านที่มีโต๊ะให้นั่งคุยกันได้  อยู่ตรงข้ามวัดใหม่สุวันนะพูมาฮามมีทั้งแซนด์วิชแบบลาวแท้และแบบดัดแปลง ทาปาเต้ ตับบด ใส่หมูลับคั่ว หรือไขเค็ม ผักสลัด แยม น้ำผึ้ง กล้วย หรือน้ำตาล หลากหลายแบบให้เลือก โดยราคาจะเแพงกว่าที่วางขายริมถนนเล็กน้อย
ด้านริมโขงมีอาคารชั้นเดียวหลายแห่งเปิดเป็นห้องอาหารแบนานาชาติ และร้านอาหารเล็กๆ แบบสวนอาหารอยู่หลายแห่ง รับทำอาหารตามสั่งทั้งอาหารไทยและลาว รสชาติดีแต่ราคาอาจสูงไปบ้าง บริเวณริมแม่น้ำโขงนี้ในเวลาค่ำเป็นสถานที่นิยมนั่งดื่มเบียร์ลาวแกล้มด้วยปลาทอดหรือจะเลือกจิบไวน์พื้นเมืองของหลวงพระบางที่เรียกว่า เหล้าข้าวก่ำ ซึ่งทำมาจากข้าวเหนียวตำของบ้านช่างไห หรือบ้านช่างไหที่มีชื่อเสียงก็ได้
ยามค่ำคืนหากหิวขึ้นมาที่ถนนเจ้าพระยาคังมีตลาดโต้รุ่งเล็กๆ ให้เดินชมและหาของอร่อยๆ ทานด้วย


* laodata13.jpg (92.97 KB, 600x401 - ดู 512 ครั้ง.)

* laodata09.jpg (73.75 KB, 600x400 - ดู 522 ครั้ง.)

* laodata12.jpg (64.96 KB, 600x400 - ดู 510 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #4681 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 15:42:41 »

"ผู้หญิงชาวหลวงพระบางโดยมาก มีผิวขาว รูปร่างเพรียวระหง ในจำนวนหญิง ๘๐ % เป็นหญิงสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองนางเมรี ตามนิยายเรื่องพระรถนางเมรี ปัจจุบันยังมีสิ่งประกอบเรื่องนี้อยู่หลายอย่าง เช่น สวนพระรถ ซึ่งเป็นสวนผลไม้ป่า มีผลไม้นานาชนิด ภูท้าว ภูนาง ถ้ำนางเมรี ฯลฯ ชาวหลวงพระบางรักความสนุกรื่นเริงอยู่เป็นนิตย์ จะได้ยินเสียงฆ้องดังไม่ขาดระยะจากเมืองหลวงพระบางในบางวัน ผู้หญิงทุกคนสวยงามตามธรรมชาติ มีความอิสระในเรื่องรักใคร่ ด้วยเหตุนี้ จึงมีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเที่ยวเมืองหลวงพระบางแล้วไม่อยากกลับบ้าน ที่เป็นพ่อค้าเร่ร่อนมีภรรยาตามรายทางก็มีอยู่หลายคน การเที่ยวสาวเที่ยวบนบ้านที่ระเบียง โดยมากชอบไปหาสาวเวลากลางคืน ถ้าพอใจกันทั้งสองฝ่ายก็ได้เสียกันก่อนแต่งงาน ถ้าสาวไม่พอใจหนุ่มมาเที่ยวบ้านจะหลบเข้าห้องโดยไม่โผล่หน้าออกมาให้หนุ่ม เห็น แต่หากชอบพอก็จะออกมานั่งสนทนาด้วย
การสู่ขอเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย โดยมีผู้เฒ่าผู้แก่ไปเจรจาขอผู้หญิงจากพ่อแม่ สินสอดทองหมั้นไม่มีอัตราแน่นอนแล้วแต่ฐานะของฝ่ายชาย ถ้าหมั้นกันเสร็จ หญิงไม่ตกลงใจแต่งงานด้วย ฝ่ายหญิงต้องคืนเงินสินสอดทองหมั้น เมื่อนัดกำหนดแต่งงานแล้ว เจ้าภาพทั้งสองฝ่ายก็ป่าวประกาศให้หมู่ญาติพี่น้องทราบทั่วกัน ของที่ที่จะนำมาช่วยส่วนมากเป็นเงิน แต่งงานกันที่บ้านเจ้าสาว "

ครูชาติ  ป๋าเอ  บ่าดีลักขึ้นระเบียงบ้านเปิ้นเน้อ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ninja250
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30,624



« ตอบ #4682 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 15:58:24 »

แฮ๋มน้อยเฮาจะแอ๋วลาวง่ายขึ้น...บ้านเมืองแถวชายแดนเริ่มมีก๋านตื่นตั๋วพัฒนาขึ้นแฮ๋มนัก...เข้าได้หลายตางครับ...ฮ่าฮ่า...กำลังฮู้นี่นะ....อิอิเส้นทางจากเมืองเงินไปจนถึงเมืองไชยตามแผนโครงข่ายทางหลวงในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าเส้นทางสาย R2 หากนับระยะทางจากจุดเริ่มต้นที่ตัว อ.เมืองน่าน ไปตามเส้นทาง R2 จนกระทั่งถึงหลวงพระบางมีความยาวทั้งสิ้น 289 กิโลเมตรอย่างไรก็ตาม เส้นทางสาย R2 ไปยังหลวงพระบางยังมีจุดที่ต้องนั่งเรือบั๊กข้ามแม่น้ำโขง ช่วงระหว่างเมืองปากห้วยแคนกับเมืองปากแบ่ง ซึ่ง สพพ.ได้เคยอนุมัติกรอบความช่วยเหลือทางการเงินกับรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงบริเวณนี้ไว้แล้ว ในวงเงินรวม 800 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2554"เส้นทางสายนี้จะเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ เพราะเดิมคนลาวจากแขวงไชยะบุรีกับอุดมไชย จะไปมาหาสู่กันได้ทางเรืออย่างเดียวเพราะไม่มีเส้นทางเลย แต่ปัจจุบันจากบ่อเต็น บ่อหาน ลงมาเมืองไชยถึงเมืองปากแบ่ง รัฐบาลจีนให้ลาวกู้เงินมาก่อสร้างเป็น
ถนนลาดยางแล้ว" วรศักดิ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากนี้ คณะกรรมการความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (คพพ.) ได้อนุมัติกรอบความช่วยเหลือกับรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม ซึ่งจะเป็นการเปิดเส้นทางเชื่อมทางบกระหว่างประเทศไทยกับเมืองหลวงพระบางเพิ่มอีก 3 เส้นทางด้วยกัน ทั้ง 3 เส้นทางยังเป็นการเปิดช่องทางใหม่ให้อีก 2 จังหวัดคือ อุตรดิตถ์ และ พะเยาสามารถใช้เป็นประตูเปิดเข้าสู่หลวงพระบาง นอกเหนือจากช่องทางผ่าน จ.น่าน ที่กำลังจะเปิดใช้กลางปีนี้ (2553)
เส้นทางแรกยังคงเป็นช่องทางผ่านทาง จ.น่าน ที่จะมีการสร้างถนนเพิ่มขึ้นอีก 1 เส้น โดยสร้างจากด่านห้วยโก๋น-เมืองเงินไปยังเมืองหงสา ผ่านเมืองเชียงแมน ไปจน ถึงหลวงพระบาง ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 4 ปี "ก่อนหน้านี้ ความฝันของคนน่านถูกตัดขาดเพราะจากน่านไปห้วยโก๋น หงสา หลวงพระบาง ต้องวิ่งกว่า 300 กิโลเมตร เพราะต้องวกกลับลงมาที่แขวงไชยะบุรีก่อนขึ้นไป
หลวงพระบาง แล้วเส้นทางหน้าด่านห้วยโก๋นไปถึงไชยะบุรี ยาวประมาณ 150 กิโลเมตรนั้น ถ้าฝนตกไปไม่ได้เลยบางวันถ้าโชคดีฝนไม่ตกไปโดยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง" วรศักดิ์ให้ข้อมูลและเสริมอีกว่า"เส้นทางนี้หากสร้างเสร็จจะทำให้ความฝันของคนน่าน ที่จะออกจากน่านตอนเช้าข้ามด่านประมาณ 10 โมงเช้าสามารถไปรับประทานอาหารกลางวันที่หลวงพระบางได้เลย มีความเป็นจริงขึ้นมาทันที"
เส้นทางสายที่ 2 เป็นการเปิดช่องทางเข้าหลวงพระบางได้จากจ.พะเยา ทางสายนี้ใช้ชื่อว่าเส้นทางบ้านฮวก-เมืองเงิน แล้วต่อไปหลวงพระบาง โดยการก่อสร้างจะเริ่มจากหน้าด่านบ้านฮวกอ.ภูซาง จ.พะเยา เข้ามายังเมืองคอก ผ่านเมือง เชียงฮ่อน มาถึงเมืองเงิน เพื่อบรรจบกับเส้นทางสายเมืองเงิน หงสาหลวงพระบาง ระยะทางการก่อสร้างประมาณเกือบ 200 กิโลเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาทเมื่อสร้างเสร็จสามารถเดินทางจากพะเยาไปถึงหลวงพระบางได้ โดยออกจากพะเยาตอนเช้า เพื่อไปถึงหลวงพระบางในตอนเย็น จากการสำรวจของผู้จัดการ 360 ํ หากเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11ผ่านพิษณุโลก แพร่ และต่อในเส้นทางสาย 102 ไปจนถึงพะเยาแล้ว จากตัว อ.เมือง พะเยา ใช้เส้นทางหมายเลข 1021ผ่านจนไปถึง อ.เชียงคำ ใช้ระยะทางทั้งสิ้น 82 กิโลเมตร จาก อ.เชียงคำ ไปอีก 6 กิโลเมตร จะถึงแยกโรงเรียนภูซางซึ่งเมื่อเลี้ยวขวาจากแยกภูซาง เข้าไปตามเส้นทางสาย 1093 อีกเพียง 19 กิโลเมตร ก็จะถึงด่านชายแดนบ้านฮวก
เส้นทางสายสาย 1093 ภูซาง-ด่านบ้านฮวกนี้ ยังเชื่อมกับเส้นทางที่สามารถขึ้นไปถึงภูชี้ฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ อ.เชียงของ จ.เชียงรายได้อีกด้วย
เส้นทางสายที่ 3 เป็นการเปิดช่องทางเข้าหลวงพระบางได้จากจ.อุตรดิตถ์ทางสายนี้ใช้ชื่อว่าเส้นทางด่านภูดู่-ปากลาย โดยจะก่อสร้างถนนจากหน้าด่าน ภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ไปถึงเมืองปากลาย
แขวงไชยะบุรี ระยะทางรวม 30 กิโลเมตร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 520 ล้านบาท ทางสายนี้จะไปบรรจบกับถนนที่รัฐบาล สปป.ลาวได้รับเงินกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเซีย (ADB) สำหรับสร้างถนนจากหลวงพระบาง ผ่านไชยะบุรี ลงมาถึงเมืองปากลายใช้งบประมาณทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ จากการสำรวจพบว่าเส้นทางสายนี้เป็นทางออกสู่
หลวงพระบางทางภาคเหนือที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด เมื่อเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 11 จาก จ.พิษณุโลกจะใช้ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ก็จะถึงแยกทางเข้า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ จ.เลย จากแยกดังกล่าวไปตามถนนสายเดิมอีก 7 กิโลเมตรก็จะถึงแยกทางเข้าเขื่อนสิริกิติ์ ตามเส้นทางหมายเลข 1045 จากเขื่อนสิริกิติ์จะใช้ระยะทางอีกประมาณ 100 กิโลเมตรเศษเท่านั้น
ก็จะถึงหน้าด่านภูดู่ ปัจจุบันเมื่อเลี้ยวขวามาตามทางหมายเลข 1045 ที่จะไปเขื่อนสิริกิติ์ขับรถไปประมาณ 1 กิโลเมตรจะพบป้ายบอกทางซึ่งระบุปลายทางไว้ชัดเจนว่าถนนเส้นนี้สามารถไปถึงปากลาย และหลวงพระบางติดตั้งรอเอาไว้แล้ว
เส้นทางใหม่ทั้ง 3 เส้นถือเป็นกรอบการให้ความสนับสนุนทางการเงินจาก สพพ.กับรัฐบาล สปป.ลาวที่จะดำเนินการระหว่างปี 2552-2554 ขั้นตอนถัดจากนี้ เป็นเรื่องของการเจรจาในรายละเอียดระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศว่าจะดำเนินการกับเงินกู้ก้อนนี้และการก่อสร้างที่จะมีขึ้นอย่างไร "ทุกอย่างคงเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป"วรศักดิ์คาดการณ์ เขาบอกว่าแพร่ธำรงวิทย์ก็ให้ความสนใจจะเสนอตัวเข้าประมูลงานก่อสร้างเส้นทางสายใหม่ทั้ง 3 เส้นโดยเฉพาะเส้นทางสายห้วยโก๋น-เมืองเงิน-หงสา-เชียงแมน-หลวงพระบาง มูลค่า 2,500 ล้านบาท หวังเพียงว่าเมื่อเส้นทาง
ทุกสายสร้างเสร็จ กระแสความนิยมท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบาง คงจะไม่ซาลงไปเสียก่อน
ปี๋หน้าถ้าจะไปแอ่วหลวงพระบาง...เข้าตางภูซาง เจียงคำนี้กะได้


* 1.jpg (123.2 KB, 800x839 - ดู 501 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 16:09:39 โดย ninja250 » IP : บันทึกการเข้า

"ท้าลมร้อนกับ7แขวงแห่งสปป.ลาว"เมษายน58
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.26200
"อุดมไชย-วังเวียง"ต.ค.57
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.22240
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #4683 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 16:15:47 »

เส้นทางจากเมืองเงินถึงเมืองปากแบ่ง...ข่าวว่ามีสะพานข้ามแม่น้ำโขงสร้างมาหลายปีแล้ว...ตอนนี้ไม่รู้ว่าเสร็จหรือยัง...

ดูเหมือนว่ายังบ่เสร็จหนาครับ โครงการ 2010  แต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก็กำลังก่อสร้างอยู่ครับ กำหนดก่อสร้างดูเหมือน 5  ปี อิอิ 
ลาว
รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่รัฐบาลลาวเป็นเงิน 100 ล้านหยวน (ประมาณ 550 ล้านบาท) ระหว่างการเดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ของสีจิ่นผิง (Xi Jinping) รองประธานาธิบดีจีน เมื่อกลางเดือนมิถุนายน เงินกู้ก้อนนี้จะช่วยลาวดำเนินโครงการพัฒนาจำนวนหนึ่ง ขณะที่ 2 ฝ่ายยังได้ร่วมกันลงนามเอกสารสัญญาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการลงทุน รวม 18 ฉบับ โดยรัฐบาลจีนจะช่วยเหลือลาวพัฒนาและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานอีกนับ 10 โครงการตลอด 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงในเขตเมืองปากแบง แขวงอุดมไชย มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ พัฒนายกระดับและก่อสร้างทางหลวงอีก 2 สายในแขวงภาคเหนือที่คาดว่าจะใช้เงินนับ 100 ล้านดอลลาร์ และสร้างพนังกันน้ำกัดเซาะชายฝั่งแม่น้ำโขงในแขวงบอลิคำไซอีกกว่า 85 ล้านดอลลาร์

สองหนุ่มไปมาตอนต้นปีก็ได้ข้ามแบบนี้ครับ




* 271255590712.jpg (107.31 KB, 800x600 - ดู 500 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ninja250
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30,624



« ตอบ #4684 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 17:40:07 »

ช่วงนี้งานเข้าที่โรงเรียน....เจ็บหัวขนาดปี่น้อง....ฮ่าฮ่า


* rnp2scgswvm.gif (498.31 KB, 267x206 - ดู 494 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

"ท้าลมร้อนกับ7แขวงแห่งสปป.ลาว"เมษายน58
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.26200
"อุดมไชย-วังเวียง"ต.ค.57
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.22240
Tokio
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,791



« ตอบ #4685 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 18:11:05 »

[quote author=smileluckyhappy link=topic=133871.msg2820341#msg2820341 ขออนุญาต..แอบเข้ามาดู CLUM นี้หน่อยน่ะค่ะ ทริปเยอะน่ะค่ะ  ทริปนี้กำลังจะไปลาว  ทริปต่อไปก็น่าสนใจน่ะค่ะ ต้องการรับสมัครสาวสวยน้ำหนักไม่เกิน 100 โล นั่งซ้อนท้ายมอไชค์เปล่าค่ะ 555

อยากจะบอกว่ายินดีแทนหนุ่มๆในCLUBนี้มากครับ...ฮ่าฮ่า....เลือกซ้อนได้เลยครับผมจะเรียงตามลำดับความหล่อให้ก็แล้วกัน....อิอิ
1.ป๋าเอ คนนิสัยดีไม่เจ้าชู้
2.เฮียต่อ..หน้าตาดี...มีเวลาให้
3.เฮียจุ๊ก...ถึงโสดก็เร้าใจ
4.เฮียอู๋...มาดนิ่มๆถ้าลองชิมแล้วจะรู้ว่าอร่อย
5.ป๋าเฟริส์...หนุ่มมาดนุ่ม...ไม่จุ้นกับใคร
6.เฮียโก้...หนุ่มผมยาว...ไม่แคร์สื่อ
7.เฮียย้ง...อาจปลงแล้วกับชีวิต...แต่ยอมนิดๆเพื่อสาวๆ..
หมดแล้วครับสำหรับคนดีๆ...นอกนั้นเจ้าชู้ครับ...ไว้ใจไม่ได้...รวมทั้งผมด้วย...ฮ่าฮ่า

[/quote]
555555+
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #4686 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 19:28:10 »

ยืนยันรายชื่อแล้วคือ11ท่านครับ...ใครที่ยังไม่ได้ยืนยันโปรดแจ้งรายชื่อด้วยครับ

1.ป๋าเอ D-TRACKER250
2.ครูชาติ D-TRACKER250
3.เฮียวิท KLX250
4.ลุงจง KLX250
5.เฮียต่อ D-TRACKER 250
6.เฮียอู๋  KLX125
7.เฮียตี้  KLX125
8.ป๋าทองยอด KLX250
9.ป๋าสมศักดิ์ KLX250
10.ลุงเล็ก KLX250
11.ป๋าแจ็ค  klx125





..."ทริปคิดถึงหลวงพระบาง...ป๋าเอครางถึงเมืองงอย"....รายละเอียดดังนี้ครับ.....อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมเน้อ...อิอิ(วันที่2มิถุนา55ประชุมสรุปเส้นทางกันอีกครั้งหนึ่ง)
วันแรก....นอนที่น่าน(ใครจะมาตอนเช้าก็ได้ผ่านเชียงคำ/สองแคว/เชียงกลาง/ทุ่งช้าง/ห้วยโกร๋น)
วันที่สอง....ออกทางด่านห้วนโกร๋น/เมืองเงิน/ปากแบ่ง/นอนเมืองอุดมไชย
วันที่สาม....ออกจากอุดมไชย/ดูฝรั่งอาบน้ำที่เมืองงอย/นอนที่หลวงพระบาง
วันที่สี่....ออกจากหลวงพระบาง/มาดูลื้อที่หลวงน้ำทา/ข้ามฝากที่เมืองห้วยทรายกลับฝั่งไทยที่เชียงของ...


เริ่มเดินทางกัน 1-2-3-4-5 มิถุนายน 2555....พี่น้องงงงง

วันที่ 1 มิ.ย.  ทีม DTX ออกจากเชียงราย  (เวลาออกยังไม่แน่นอน ) แวะรับครูชาติหน้าโรงเรียน เพื่อไป
                 น่าน 1 คืน ( ทีม เชียงรายเอ็นดูโร่ออกเดินทางช่วงเช้าไปพักที่เมืองเงิน )
วันที่ 2 มิ.ย.  ออกจากน่านไปด่านห้วยโกร๋น ถึงประมาณ 8 โมงเช้าก่อนด่านเปิด และออกเดินทางไป 
                 ลาว ค้างคืนที่ลาว
วันที่ 3 มิ.ย.  อยู่ในลาว
วันที่ 4 มิ.ย.  น่าจะนอนที่น่าน หรือ ลาว
วันที่ 5 มิ.ย.  เดินทางกลับ

รายละเอียดปรึกษาหารือกันอีกทีครับอาจเปลี่ยนแปลงได้

เหลืออีก 4  วันนะครับพี่น้อง....พร้อมกันหรือยัง [/size]
IP : บันทึกการเข้า
ubuntuthaith
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,046



« ตอบ #4687 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 20:16:01 »

ทริปปลายปี ครับ ซาปา  ฮานอย ฮาลองเบย์ ( เวียดนามเหนือ )
ใครพลาดทริปลาว เตรียมตัวเก็บตังค์ ขอวีซ่าที่บ้านไว้เลย  นำทีมเชียงรายโดย ป๋าเอ ครูชาติ เจ้าเดิมครับ  จะได้เรียนรู้วัฒนธรรม  ภูมิประเทศ บ้านเมืองที่เปลี่ยนไป  รวมไปถึงเชื้อชาติ รูปร่างหน้าตาและภาษาครับ


มีคนไปเหมือนกันครับ ข้อมูลสำหรับศึกษาการเตรียมพร้อมล่วงหน้าครับ  คนละทริปกับที่เราจะไปครับ
อ้างถึง http://www.dtrackerthailand.com/board/index.php?topic=36351.0



* halong_map.gif (321.41 KB, 878x553 - ดู 473 ครั้ง.)

* 41945-10.jpg (68.5 KB, 600x450 - ดู 471 ครั้ง.)

* 41945-16.jpg (47.36 KB, 600x450 - ดู 457 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 พฤษภาคม 2012, 09:53:52 โดย ubuntuthaith » IP : บันทึกการเข้า
แม็คป่วงส์
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 390


ไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก


« ตอบ #4688 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 20:52:09 »

แวะมาใส่การ์ดแฮนด์ร้านสันทน์  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

โชว์รูปด่วน!.......ค่ายหัน...อิอิ
ถูกๆครับ ไม่รู้จะอดหรือป่าว  ฮืม ฮืม
ใส่ไปทริปลาว  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
การ์ดแฮนด์ 800
แฮนด์ 550
ปลอกแฮนด์ 290
ค่าแรงอีก 150
รวม 1790 บาท

การ์ดแฮนด์แข็งแรงทนทานดีครับ ผมล้มมาละ แข็งแรงดีครับ

แต่ผมซื้อมา 700 อั้นเน้อ ฮ่าๆ อ้ายต่อโดนต้มเหียละก๊า
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4689 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:07:59 »

แม้วันที่เราจะไป..ฝนตก..มันก็แค่ฝนที่ทำให้เราชุ่มช่ำและเย็นสบายเวลาขับรถ


* DSC04526.JPG (61.39 KB, 800x600 - ดู 433 ครั้ง.)

* DSC04532.JPG (47.55 KB, 800x600 - ดู 438 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4690 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:17:16 »

สำหรับความสุข..มันคือทุกอย่างที่อยู่บนมอเตอร์ไซด์..มีเป้าหมายและจุดหมายปลายทาง


* DSC04495.JPG (81.92 KB, 800x600 - ดู 426 ครั้ง.)

* DSC04476.JPG (74.91 KB, 800x600 - ดู 442 ครั้ง.)

* DSC04478.JPG (73.69 KB, 800x600 - ดู 418 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4691 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:22:29 »

อีก 3 วันการเดินทางก็จะเริ่มต้น...


* DSC04898 (Medium).JPG (90.48 KB, 800x600 - ดู 427 ครั้ง.)

* DSC04899 (Medium).JPG (93.38 KB, 800x600 - ดู 430 ครั้ง.)

* DSC04936 (Medium).JPG (77.52 KB, 800x600 - ดู 414 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4692 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:30:26 »

ลาวรอต้อนรับเราอยู่...


* DSC04933 (Medium).JPG (84.37 KB, 800x600 - ดู 422 ครั้ง.)

* DSC04939 (Medium).JPG (67.26 KB, 800x600 - ดู 483 ครั้ง.)

* DSC04942 (Medium).JPG (51.56 KB, 800x600 - ดู 419 ครั้ง.)

* DSC04949 (Medium).JPG (75.19 KB, 800x600 - ดู 412 ครั้ง.)

* DSC04950 (Medium).JPG (73.8 KB, 800x600 - ดู 414 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4693 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:35:32 »

พร้อมกันรึยังครับ..ผมเตรียมพร้อมแล้วนะ


* DSC04994 (Medium).JPG (100.56 KB, 800x600 - ดู 411 ครั้ง.)

* DSC04991 (Medium).JPG (54.29 KB, 800x600 - ดู 413 ครั้ง.)

* DSC05001 (Medium).JPG (108.87 KB, 800x600 - ดู 415 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4694 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:42:59 »

บางทีอากาศเป็นใจ..ท้องฟ้าอาจสดใสอย่างนี้ก็ได้


* DSC05526.JPG (127.13 KB, 800x600 - ดู 416 ครั้ง.)

* DSC05535.JPG (111.2 KB, 800x600 - ดู 413 ครั้ง.)

* DSC05539.JPG (131.99 KB, 800x600 - ดู 407 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4695 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:47:52 »

นั่นไง สปป.ลาว


* DSC05558.JPG (102.85 KB, 800x600 - ดู 397 ครั้ง.)

* DSC05573.JPG (100.54 KB, 800x600 - ดู 408 ครั้ง.)

* DSC05577.JPG (108 KB, 800x600 - ดู 402 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
RAYICE
i love you
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 717



« ตอบ #4696 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:53:47 »

อยากไปด้วยครับ

 
IP : บันทึกการเข้า

ชั่งหัวมัน
kokokung
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 658



« ตอบ #4697 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 22:59:30 »

                                                  ประกาศด่วน      
ใครพบเห็นบุคคลในภาพกรุณาแจ้ง ไปยังครูชาติด่วน เพราะชายคนดังกล่าวได้ทำการปล้นสวาทสาวเชียร์เบียร์มาแล้วหลายร้าน ขณะนี้ครูชาติต้องการตัวด่วนเพราะว่าไปนังกินเบียร์แล้วไม่มีสาวเหลืออยู่เลย....... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  
                         
IP : บันทึกการเข้า
A1
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,949



« ตอบ #4698 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 23:05:54 »

ใครน่ะปิดหน้าปิดตามองไม่เห็นชัด..เจอแล้วจะบอกนะครับหน้าคุ้นๆ555
IP : บันทึกการเข้า
ninja250
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 30,624



« ตอบ #4699 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2012, 23:34:47 »

ทริปสิ้นปี...ซาปาเวียดนามเหนือคนละทริปกันครับ...ฮ่าฮ่า...ของเราออกทางเชียงของ/หลวงน้ำทา/เดียนเบียนฟู...ไป-กลับคิดว่าไม่น่าเกิน6วันครับ...อิอิ....ทริปเราไปกันเองครับไม่ได้ผ่านบริษัททัวร์....ลำบากหน่อยแต่ก็คงมันส์กันน่าดูแหละงานนี้...ค่าใช้จ่ายคงไม่มากเท่าไหร่...เดี๋ยวจะสอบถามจากคนที่เคยไปลุยมาว่าหมดเท่าไหร่...ฮ่าฮ่า..


* 528042674.gif (146.81 KB, 294x179 - ดู 393 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

"ท้าลมร้อนกับ7แขวงแห่งสปป.ลาว"เมษายน58
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.26200
"อุดมไชย-วังเวียง"ต.ค.57
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=311897.22240
หน้า: 1 ... 225 226 227 228 229 230 231 232 233 234 [235] 236 237 238 239 240 241 242 243 244 245 ... 745 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!