นักธุรกิจพม่าหวังไทยร่วมมือในธุรกิจสุขภาพ หนุนประชาคมอาเซียน
19 กย. 2554 15:14 น.
นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต กรรมการสภาหอการค้าไทย และประธานคณะอนุกรรมการความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนเองได้เดินทางไปร่วมประชุมสัมมนา “ลู่ทางการค้าและการลงทุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียร์มาร์ ” จัดขึ้นโดยนายอภิรัฐ เหวียนระวี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง สหภาพพม่า เป็นความร่วมมือที่เกิดระหว่างนักธุรกิจชาวพม่าและผู้นำภาคเอกชนไทยที่มีศักยภาพ เข้าร่วมในการหารือประมาณ 24 คน จากหลากหลายสาขา อาทิ ผู้นำภาคอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว สุขภาพ การศึกษา
ส่วนผู้นำเอกชนจากสหภาพเมียร์มาร์ มี 34 คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ การสัมมนาและการหารือเรื่องลู่ทางการค้าการลงทุน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มการค้าการลงทุนกับพม่า และ กลุ่มธุรกิจบริการ ที่มีทั้ง สุขภาพ การศึกษา การท่องเที่ยว
นายสุพจน์ กล่าวว่า ผลจากการสัมมนามีความก้าวหน้าในหลายเรื่อง นักธุรกิจชาวพม่ามีความต้องการให้นักธุรกิจชาวไทยเข้าไปร่วมมือทำการค้าให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC ในปี 2558 เพราะพม่ามีการติดต่อสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ แต่หากเป็นไปได้อยากประสานความร่วมมือกับนักธุรกิจชาวไทยมากยิ่งขึ้นในธุรกิจด้านสุขภาพ เนื่องจากทุกวันนี้ชาวพม่าต้องพึ่งพาการรักษาจากประเทศสิงคโปร์เพราะความเชื่อมั่นในบุคลากร และความพร้อมด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์
"ธุรกิจบริการด้านสุขภาพของประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพที่สูงมีบุคลากรที่มีความสามารถไม่แพ้สิงคโปร์ แต่มีอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ถูกกว่า เช่น โรงพยาบาลสมิทติเวช โรงพยาบาลบำรุงราช ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงทางด้านบริการเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติและหลายๆประเทศในอาเซียน จึงอยากให้นักธุรกิจและนักลงทุนไทยร่วมมือในธุรกิจเพื่อสุขภาพกับพม่ามากขึ้น รวมทั้งเรื่องการศึกษา ที่พม่าต้องการให้มีการแลกเปลี่ยนกันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่มีความพร้อมทุกด้าน อยู่ใกล้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย"นายสุพจน์กล่าว
ส่วนด้านการท่องเที่ยว นักธุรกิจชาวไทยที่เข้าไปร่วมในการสัมมนาครั้งนี้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับนักธุรกิจชาวพม่า เรื่องการท่องเที่ยวควรจะมี Destination ใหม่ ทั้งให้บริการในด้านการรักษา รวมถึงการบริการท่องเที่ยวที่ต่อเนื่องไปยังญาติผู้รักษาตัว อีกทั้งไทย-พม่ามีวัฒนธรรมที่คล้ายกัน มีการเสนอการขยายสายการบินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเส้นทาง เชียงใหม่- ย่างกุ้ง ที่เชื่อมต่อกับภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงเรืองระบบวีซ่าและกฎระเบียบการเข้าเมืองให้ลดขั้นตอนลงให้ง่ายกว่านี้
นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า พม่าเขาให้ความสำคัญกับด่านท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามอ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยพม่ามีนโยบายที่จะเปิดเป็นด่านการค้าสากล เนื่องจากเป็นด่านที่สามารถเชื่อมโยงไปยังนานาประเทศได้มาก ทั้งจีน ลาว เวียดนาม และไทย ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเองก็มีนักศึกษาชาวพม่ามาก แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยเอแบคก็มีนักศึกษาพม่าจำนวนมากเช่นกัน
สำหรับด้านการค้าการลงทุน นักธุรกิจพม่าอยากให้นักธุรกิจไทย เน้นหนักธุรกิจท่าเรือน้ำลึกทวาย โดยมุ่งให้ความสำคัญมาที่ด่านสิงขร กาญจนบุรี ลงไปถึงระนอง เกาะสอง เชื่อมถึงมะริด ทวาย นักธุรกิจทั้งสองประเทศ รวมทั้งการหารือเรื่องการจัดตั้งธนาคารกลางเพื่อการแลกเปลี่ยนเงินตราสำหรับธุรกิจ โดยเอกชนของทั้งสองฝ่ายควรมีการเจรจาร่วมกันบ่อยขึ้น อาจจะสามเดือนครั้ง เพื่อเอาประเด็นปัญหาการค้าระหว่างทั้งสองประเทศไปนำเสนอยังรัฐบาลตนเอง ประเด็นสำคัญ คือเรื่องปัญหาการเปิด-ปิดชายแดน ที่สร้างอุปสรรคให้แก่พ่อค้า ชายแดนทั้งสองประเทศมีการกำหนดที่ชัดเจน โดยไม่มองประเด็นอื่นที่นอกเหนือจากการค้าเท่านั้น
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=530016