เพิ่มเติมอีกนิดครับ ต่อไปภาษี Vat ก็จะปรับจาก 7% ขึ้นไปอีกน่ะครับ แต่ยังไม่ทราบครับว่าเท่าไหร่
เพราะในเมื่อค่าแรงเพิ่มจาก 215 บาท เป็น 300 บาทต่อวัน ฐานเงินเดือนปรับขึ้น ของใช้ต่างๆ ก็จะปรับขึ้นตามกระบวนการของมันครับ เตรียมตัวรับมือกันได้เลย
ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่
1.ต้นทุนค่าแรงงานเป็น ต้นทุนส่วนน้อยมากที่เกี่ยวข้องกับการตั้งราคาสินค้านะค่ะ
2.รัฐบาลมีนโยบายลดต้นทุนให้หลาย นโยบาย เช่น ลดภาษีนิติบุคคล การหยุดชั่คราวของกองทุนน้ำมัน ทำให้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มากกว่า เนื่องจาก ค่าน้ำมันและภาษี เป็นตัวที่มีผลต่อการตั้งราคาสูงกว่าค่าแรงของแรงงานอีก
3.ราคาของที่สูงขึ้นเหมือนไม่ได้ปรับราคาค่าแรง (อันนี้ไม่จริงค่ะ)
ค่าแรงเฉลี่ยสูงขึ้น 60-85% แต่การออกข่าวบอกค่าอาหารพุ่งขึ้นไป 60-80 ขึ้นไป 100%+ มันเวอร์ไป
ปล.ด้านราคาสินค้าแพงขึ้น ถ้าวิเคราห์เป็นจริงๆ จะรู้เลยว่า ขึ้นได้ไม่ถึง 5 บาทหรอก เพราะ สินค้าอุปโภคจะขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลมีนโยบาลในการลดภาษีและน้ำมัน ดังนั้นต้นทุนจะถูกลงด้วยซ้ำ ถ้าใครขึ้นก็จะโดนรัฐบาลจับตามอง ซึ่งอาจจะทำให้ คนที่ขี้โกงหาโอกาสขึ้นราคาโดนคดีได้ง่ายๆ
4.เมื่อมีเงินมากขึ้น การใช้จ่ายก็จะจ่ายกันมากขึ้น ดังนั้น เงินก็จะสะพัดในระบบ ทำให้เกิดการแข่งขันกันสูง ดังนั้น ราคาใครตั้งสูงขึ้นก็จะแพ้คนที่ตั้งราคาเท่าเดิม (ในสินค้าที่เป็น mass product ไม่รวม customise หรือ Unique)
5.บริษัทใหญ่ๆที่ทำการผลิตสินค้าอุปโภค สินค้าครัวเรือนที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น cp unilever ปกติ ค่าแรงขั้นต่ำบริษัทมากกว่า 300 กันอยู่แล้ว ดังนั้น ต้นทุนเค้ามีแต่จะถูกลงเนื่องจาก ภาษีนิติลดลง + ค่าใช้จ่าย รวมถึงประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น
6.ส่วนเรื่องตกงาน ทำให้แรงงานบางกลุ่มตกงาน >> สิ่งนี้แหละค่ะ ที่จะทำให้แรงงานมีการพัฒนาฝีมือ เนื่องจาก การแข่งขันกันสูงในการสมัครงาน ดังนั้นต่อไปบริษัทก็จะพิจารณาเลือกคนที่เหมาะสมกับเงินเดือนที่สูงขึ้น ดังนั้น หากแรงงานคนไหนไม่คิดจะปรับตัวใหเ้มีทักษะที่ดีขึ้น ก็จะลำบาก
ปริญญาไม่ตกงานค่ะ7.จากข้อข้างบน ดีแล้วค่ะที่ขึ้นตอนนี้ แรงงานเราจะได้มีเวลาพัฒนาทักษะแข่งกับประชาคมอาเซียน
8.ปัจจุบันค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเราถูกมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในอาเซียน ทั้งที่เป็นประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่า ประเทศอื่นๆ
9.ปัจจุบันความห่างกันของคนรวยคนจนในไทยสูงมากติดระดับท๊อปของโลก ดังนั้น การขึ้นค่าแรงอาจจะไม่ได้ช่วยมาก แต่ก็ดีกว่าไม่ลดความเลื่อมล้ำนี้ค่ะ
แต่ในความเป็นจริง ค่าแรง 300 พอเป็นไปได้ในเร็ววันนี้ค่ะ ในเชียงรายช้าหน่อย ส่วนปริญญาตรี 15000 ในภาคเอกชนต่างจังหวัดคงอีกนาน(อย่างต่ำคงอีก4-5นู่นค่ะ) อย่าตื่นตูมกันไปค่ะ ส่วน sme ที่คิดว่าสู้ค่าแรง(ถ้าจะจ่ายกันตามนั้นจริงๆนะ ไม่มีบาลี)ไม่ได้นั้น ถึงตอนนั้นต้องมีมาตรการของรัฐบาลมารองรับอีกอย่างแน่นอน
ปล.ถ้าไม่เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ไปเสียก่อน
