oopoo
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 131

|
 |
« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 16 สิงหาคม 2011, 08:02:18 » |
|
|
|
|
|
|
|
chaiya sounde
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 16 สิงหาคม 2011, 14:18:38 » |
|
เจริญพรเทิดโอมแล้วแต่พ่อคุณจะไปซื้อที่ไหนก็ตาม
|
|
|
|
|
|
untaoran
เตรียมอนุบาล

ออฟไลน์
กระทู้: 82
|
 |
« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 16 สิงหาคม 2011, 22:50:01 » |
|
ในห้างก็น่าจะงดขายด้วย ยังงี้ก็ไปซื้อในห้างได้ แต่ของในห้างขายตามราคาชั่งตามจิงนะครับ คุณภาพมั่นใจในความสะอาด มีการตรวจคุณภาพ ฐานะผู้บริโภคก็มั่นใจได้ว่า อุดหนุนของคุณภาพ ทานไปไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา ถึงแม้กำไรจะไปอยู่ที่ใคร
บอกตรงๆนะครับในห้างนั้นเราไม่ทราบหรอกว่ามีการตรวจจริงๆ เพราะถ้าตรวจจริงกระบวนการผลิตจะช้ามาก เพราะกว่าจะผลิตชำแหละแต่ละตัวออกมาได้ต้องตรวจ เนื่องจากของห้างก็มาจากฟาร์ม เหมือนกับพ่อค้าทั่วไปครับ โรงฆ่าก็แบบเดียวกันครับ แตกต่างตรงหน้าร้านเท่านั้นเองครับเหมือนกับ การบรรจุหีบห่อของสินค้านะครับ ส่วนการชั่งตลาดตอนนี้มีการตรวจการชั่งตลอดจากพานิชจังหวัด แต่ห้างจะตรวจก็จะบอกล่วงหน้าว่าจะไปตรวจ ส่วนราคานั้นนะครับ ห้างคิดทุกบาททุกสตางค์ เศษของ 1 ขีดก็คิดเงินปัดขึ้นอีกต่างหาก ส่วนพ่อค้าแม่ค้า ส่วนมากไม่ค่อยคิดนะครับ แต่ที่ท่านพูดมานั้นยอมรับว่าอดีตตลาดสดอาจจะเป็นอย่างที่ท่านกล่าวแต่เดี่ยวนี้ถ้ายังคงทำอยู่ก็จะเจ้งอย่างแน่นอน จึงเกิดการปรับตัว ของพ่อค้าแม่ค้านะครับ อิอิ ผมไม่ได้กล่าวว่าท่านนะครับเพียงแต่อธิบายให้เข้าใจในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าครับ ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
chaiya sounde
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 08:24:14 » |
|
ขายราคา 120 บาทอยู่แถวไหนครับเอามาส่งให้ใด้มัย(ตัองการด่วน)
|
|
|
|
NORTHSIAM
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,254
|
 |
« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 09:25:25 » |
|
ในห้างก็น่าจะงดขายด้วย ยังงี้ก็ไปซื้อในห้างได้ แต่ของในห้างขายตามราคาชั่งตามจิงนะครับ คุณภาพมั่นใจในความสะอาด มีการตรวจคุณภาพ ฐานะผู้บริโภคก็มั่นใจได้ว่า อุดหนุนของคุณภาพ ทานไปไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา ถึงแม้กำไรจะไปอยู่ที่ใคร
บอกตรงๆนะครับในห้างนั้นเราไม่ทราบหรอกว่ามีการตรวจจริงๆ เพราะถ้าตรวจจริงกระบวนการผลิตจะช้ามาก เพราะกว่าจะผลิตชำแหละแต่ละตัวออกมาได้ต้องตรวจ เนื่องจากของห้างก็มาจากฟาร์ม เหมือนกับพ่อค้าทั่วไปครับ โรงฆ่าก็แบบเดียวกันครับ แตกต่างตรงหน้าร้านเท่านั้นเองครับเหมือนกับ การบรรจุหีบห่อของสินค้านะครับ ส่วนการชั่งตลาดตอนนี้มีการตรวจการชั่งตลอดจากพานิชจังหวัด แต่ห้างจะตรวจก็จะบอกล่วงหน้าว่าจะไปตรวจ ส่วนราคานั้นนะครับ ห้างคิดทุกบาททุกสตางค์ เศษของ 1 ขีดก็คิดเงินปัดขึ้นอีกต่างหาก ส่วนพ่อค้าแม่ค้า ส่วนมากไม่ค่อยคิดนะครับ แต่ที่ท่านพูดมานั้นยอมรับว่าอดีตตลาดสดอาจจะเป็นอย่างที่ท่านกล่าวแต่เดี่ยวนี้ถ้ายังคงทำอยู่ก็จะเจ้งอย่างแน่นอน จึงเกิดการปรับตัว ของพ่อค้าแม่ค้านะครับ อิอิ ผมไม่ได้กล่าวว่าท่านนะครับเพียงแต่อธิบายให้เข้าใจในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าครับ ขอบคุณครับ ครับ เหตุผลแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ แต่ญาติผมขายไก่ในตลาดบอกหมดทุกอย่าง ใอยากรู้หลังไมค์ได้ครับ อิอิ แต่ผมเลือกซื้อในห้างมากกว่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 09:28:26 โดย NORTHSIAM »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
romeo111
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 12:59:38 » |
|
กินแมวกันเถอะ
+100 ครับ 
|
|
|
|
|
stradaracing
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 333
ชีวิตต้องก้าวต่อไป
|
 |
« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 18:24:45 » |
|
ปัญหาเนื้อหมูแพง สาเหตุหลักๆ มาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเกษตร ปั่นราคาสินค้าครับ
โดยไม่ยอมขายหมูในราคาทุนเดิม อ้างว่า ต้นทุนค่าอาหารสัตว์สูงขึ้นบ้าง(ทั้งๆที่ผลิตอาหารสัตว์
เอง) หมูเกิดโรคระบาดบ้าง(ซึ่งเลี้ยงในโรงเรือนปิด EVAP) ทำให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มราคาสูง
ขึ้น(เนื้อหมูเป็น 1 ใน 41 สินค้าควบคุมครับ) ผู้ค้าส่ง,โรงฆ่าสัตว์ ก็ต้องขึ้นราคาเพื่อให้ได้กำไร
เท่าเดิม เรื่อยๆจนกระทั่ง พ่อค้าหมูสดตามตลาดสด ก็เลยอดใจไม่ได้ต้องขึ้นราคาเช่นกัน ในเมื่อ
ราคาหมูสูง คนกินจึงกินน้อยลง พ่อค้าจึงกำไรน้อยลง กำไรเป็นกอบเป็นกำที่เคยได้หายไป ก็
เลยปิดเขียงประท้วงซะเลย ผลของการกระทำจึงตกมาที่คนกินหมูอย่างเราๆครับ
ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ กลับได้ผลประโยชน์จากราคาหมูที่สูงขึ้น เพราะจากอำนาจต่อ
รองสูง เผลอๆ ฮั้วกันด้วยซ้ำ และระบบการจัดการที่ดี จึงสามารถขายได้ครับ บอกกันตรงๆที่บ้านผมขายหมูครับ ซื้อจากโรงฆ่าท้องถิ่น รับมากิโลกรัมละ 120 บาท ขายโลละ 140 เองครับ
+1คนนี้ด้วยครับ
|
|
|
|
|
sang_na_ja
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 261
|
 |
« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 17 สิงหาคม 2011, 22:20:49 » |
|
ในห้างก็น่าจะงดขายด้วย ยังงี้ก็ไปซื้อในห้างได้ แต่ของในห้างขายตามราคาชั่งตามจิงนะครับ คุณภาพมั่นใจในความสะอาด มีการตรวจคุณภาพ ฐานะผู้บริโภคก็มั่นใจได้ว่า อุดหนุนของคุณภาพ ทานไปไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา ถึงแม้กำไรจะไปอยู่ที่ใคร
บอกตรงๆนะครับในห้างนั้นเราไม่ทราบหรอกว่ามีการตรวจจริงๆ เพราะถ้าตรวจจริงกระบวนการผลิตจะช้ามาก เพราะกว่าจะผลิตชำแหละแต่ละตัวออกมาได้ต้องตรวจ เนื่องจากของห้างก็มาจากฟาร์ม เหมือนกับพ่อค้าทั่วไปครับ โรงฆ่าก็แบบเดียวกันครับ แตกต่างตรงหน้าร้านเท่านั้นเองครับเหมือนกับ การบรรจุหีบห่อของสินค้านะครับ ส่วนการชั่งตลาดตอนนี้มีการตรวจการชั่งตลอดจากพานิชจังหวัด แต่ห้างจะตรวจก็จะบอกล่วงหน้าว่าจะไปตรวจ ส่วนราคานั้นนะครับ ห้างคิดทุกบาททุกสตางค์ เศษของ 1 ขีดก็คิดเงินปัดขึ้นอีกต่างหาก ส่วนพ่อค้าแม่ค้า ส่วนมากไม่ค่อยคิดนะครับ แต่ที่ท่านพูดมานั้นยอมรับว่าอดีตตลาดสดอาจจะเป็นอย่างที่ท่านกล่าวแต่เดี่ยวนี้ถ้ายังคงทำอยู่ก็จะเจ้งอย่างแน่นอน จึงเกิดการปรับตัว ของพ่อค้าแม่ค้านะครับ อิอิ ผมไม่ได้กล่าวว่าท่านนะครับเพียงแต่อธิบายให้เข้าใจในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าครับ ขอบคุณครับ ตอบได้เลยว่าทางห้างเค้าตรวจจริงๆเมื่อก่อนเคยส่งอาหารทะเลเข้า ห้างต้องตรวจเยอะเลยกว่าจะได้ส่ง
|
|
|
|
|
|
Blacky
—————————
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,160

—‘ ฅ น ติ ด ดิ น ’—
|
 |
« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 18 สิงหาคม 2011, 02:11:13 » |
|
ผมขอเป็นตัวแทนพ่อค้าแม่ค้าขายหมูนะครับ ที่ทางพวกเราหยุดขายไม่ได้ทำเพื่อเราเองอย่างเดียว แต่ทำเพื่อผู้บริโภคด้วยนะครับ ตัวอย่างนะครับ ทางรัฐกำหนดราคาเนื้อแดงที่กิโลกรัมละ 157 บาท แต่ส่วนใหญ่พวกเราส่งให้กับร้านค้าเช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ในราคา140-150 บาท แต่ถ้าพวกเราขายให้ในราคาที่รัฐกำหนดให้จริงๆ ร้านค้าต้องปรับราคาขายแน่นอน ก๋วยเตี๋ยวชามละ25 บาท ก็จะเป็น 30 บาท และ จากก๋วยเตี๋ยวที่เคยใส่หมู 3 ชิ้นต่อชาม ก็ต้องเป็น 2 ชิ้นต่อชาม(ลองสังเกตุดูนะครับ) ซึ้งจะส่งผลกระทบทั้งสองฝ่ายคือ ผู้บริโภคจะได้ทานหมูน้อยลง ถึงแม้ว่าราคาหมูจะลดลงก็ตาม ร้านก็จะไม่ใส่หมูเพิ่มโดยแน่นอน และผลกระทบอีกฝ่ายก็คือคนขายหมูเองยอดขายก็จะตกลงซึ่งถ้าราคาที่ยังแพงแบบนี้ทางเดียวที่คนขายหมูจะมีกำไรก็คือทำมากๆเพื่อให้ได้กำไร แต่นี่มันไม่ใช่ทางออกที่ดี พวกเราเลยคิดว่าจะทำยังไงถึงจะหยุดราคาสุกรมีชีวิตที่สูงขึ้นได้ ก็ต้องทำให้รัฐบาลเข้ามาสนใจแล้วรีบเข้ามาแก้ไขปัญหาด่วน เพราะ แค่ถ้าเรายื่นหนังสือผ่านผู้ว่า ก็ไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ จึงมีมติหยุดขายเพื่อสะท้อนปัญหาต่อผู้เกี่ยวข้อง ซึ้งในขนะนี้ ก็ได้การตอบรับจากภาครัฐซึ้งราคาอาจจะหยุดขึ้น หรืออาจจะลงได้ อีกอย่างนะครับเท่าที่รู้มา(ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่นะครับ)ก็คือ หมูที่แพงก็เกิดจากการที่หมูเป็นโรคตายกันมาก และที่สำคัญมันตายมานานแล้วประมาณปลายปี 53 นั้นแล้ว แต่ทางรัฐไม่ได้แถลงข่าวเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบ ซึ่งส่งผลทำให้ราคาหมูมีชีวิตไม่ได้เป็นไปตามกลไกลการตลาดคือโดยความเป็นจริง โดยถ้าผู้บริโภคทราบว่าหมูเป็นโรคระบาดตายก็จะหลีกเลี่ยงการกินหมู เหมือนกับไก่ที่เป็นไข้หวัดนก ซึ่งถ้าหมูตายก็ตายไป ผู้บริโภคก็ตระหนกก็ลดการกินลง หมูในตลาดก็ไม่ขาดตลาด นี่กับกันเมื่อผู้บริโภคไม่ทราบ ก็กินปรกติ หมูที่ตายก็ตายไป บวกกับการบริโภคที่ยังคงที่กินกันเป็นปกติ ก็เลยทำให้หมูมีชีวิตในระบบขาดไป พอของในตลาดขาดบวกกับการกักเพื่อทำกำไรของผู้เลี้ยง คนที่ไปซื้อหมูที่หน้าฟาร์มเมื่อไปถึงที่แล้วก็ต้องซื้อมาให้ได้เพราะมีคำสั่งซื้อมาแล้ว จะแพงเท่าไหร่ก็ต้องซื้อ ราคาเลยถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ้งจริงๆแล้วตอนนี้หมูก็ไม่ได้ขาดตลาดแล้วเพราะรัฐบาลกำหนดโควต้าการส่งออกแล้ว และรัฐก็กำหนดเพดานราคาหมูมีชีวิตแล้วแต่เกิด การกระทำที่ว่า ราคาที่รัฐกำหนดไม่มีขาย แต่ถ้าจะเอาก็ต้องเป็นราคาที่หลังบิลล์เช่น รัฐกำหนดให้81 บาท ผู้ขายก็บอกว่าไม่มี แต่ถ้าจ่ายในราคา82 บาทก็มีของ พอตกลงซื้อขายก็ออกบิลล์มาเป็น 81 บาท ส่วนอีก 1บาทก็จ่ายอีกที เขาเรียกว่าราคาหลังบิลล์ ซึ้งถ้าเราไม่ซื้อก็ไม่ได้เพราะไปถึงที่ฟาร์มแล้ว ถึงแม้เราจะไม่เอาเขาเขาก็ไม่เดือดร้อนเพราะอาหารหมูตกต้นทุนตอนนี้ราคาไม่ถึง20 บาทต่อวัน แต่ถ้ากักหมูไว้ 1 วันน้ำหนักหมูก็จะขึ้น 1กิโลกรัม เทียบกับราคาที่ได้ต่อกิโลแล้วยังไงก็กำไรเห็นๆ มีคนเคยบอกผมไว้ว่าบางฟาร์ม ขายหมูทีเดียวพร้อมกัน 1 คอก สามารถซื้อรถสปอร์ต เฟอรารี่ได้ 1คนเลยทีเดียว ดังที่ผมกล่าวมามากขนาดนี้คืออยากให้ทุกคนทราบว่าการที่หยุดจำหน่ายครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวคนขายอย่างเดียวแต่เราคำนึงถึงผู้บริโภค ไม่เหมือนห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่อยากจะขายราคาเท่าไหร่ก็ขายได้ วันนี้อยากจะขายถูกก็ประกาศออกมาขายถูกแต่พอไปอีกวันของหมดบ้าง หรือบางที่ราคาก็กระโดดสูงชนเพดาน แต่ถ้าเป็นพวกเราแล้วถ้าลูกค้าสั่งมาก็ต้องหามาให้ลูกค้าให้ได้ และก็ต้องเป็นราคาที่ตกลงกันไว้ ง่ายๆครับเรื่องของหมู ที่มันไม่หมูอย่างที่คิดกัน ถ้าจะอธิบายมันมากกว่านี่ ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจพวกพ่อค้าแม่ค้า
+ ล้านเลยครับ ข่าวบอกราคาหมูหน้าฟาร์ม 79 - 80 บาท ที่จริงแล้ว มันมากกว่านั้นครับ แล้วก็อย่างที่น้าท่านได้บอกมาว่า ทางรัฐกำหนดราคาเนื้อแดงที่กิโลกรัมละ 157 บาท แต่ส่วนใหญ่พวกเราส่งให้กับร้านค้าเช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ในราคา140-150 บาท แต่ถ้าพวกเราขายให้ในราคาที่รัฐกำหนดให้จริงๆ ร้านค้าต้องปรับราคาขายแน่นอนอีกอย่างนะครับเท่าที่รู้มา(ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่นะครับ)ก็คือ หมูที่แพงก็เกิดจากการที่หมูเป็นโรคตายกันมาก และที่สำคัญมันตายมานานแล้วประมาณปลายปี 53 นั้นแล้ว แต่ทางรัฐไม่ได้แถลงข่าวเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบอันนี้ผมก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันครับ ดังที่ผมกล่าวมามากขนาดนี้คืออยากให้ทุกคนทราบว่าการที่หยุดจำหน่ายครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวคนขายอย่างเดียวแต่เราคำนึงถึงผู้บริโภค ไม่เหมือนห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่อยากจะขายราคาเท่าไหร่ก็ขายได้ วันนี้อยากจะขายถูกก็ประกาศออกมาขายถูกแต่พอไปอีกวันของหมดบ้าง หรือบางที่ราคาก็กระโดดสูงชนเพดาน แต่ถ้าเป็นพวกเราแล้วถ้าลูกค้าสั่งมาก็ต้องหามาให้ลูกค้าให้ได้ และก็ต้องเป็นราคาที่ตกลงกันไว้ ง่ายๆครับเรื่องของหมู ที่มันไม่หมูอย่างที่คิดกัน ถ้าจะอธิบายมันมากกว่านี่ถูกต้องครับ จรรยาบรรของผู้ประกอบอาชีพค้าขาย ต้องคำนึงถึงผู้บริโภคอยู่แล้วครับ เหตุที่ต้องหยุดขาย เพราะเราไม่สามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนได้ จะขายได้ก็ต่อเมื่อขายหมูที่ตายเพราะโรคระบาดนั่นแหละครับ(แล้วมันก็มีแล้วด้วย หากท่านเจอเคสที่พ่อค้าหมูขายหมูในราคาที่ต่ำกว่าทางภาครัฐกำหนด ท่านควรระมัดระวังไว้ก็ดีนะครับ) ปล. ไม่ได้ตั้งใจกล่าวหาพาดพิงถึงผู้ใด แต่อยากให้ผู้บริโภคได้รับรู้เท่านั้นครับ 
|
|
|
|