ไปเจอมาจากเวปพันทิพย์ห้องรัชดา...พี่น้องลองพิจารณาดูกันครับDUCATI M795 ASIANMODELขออนุญาตนำความเห็นจาก stormclub มาให้ทัศนะกันครับ
http://www.stormclub.com/webboard/topic.php?idเท่ากับ00014685
ความเห็นที่ #2
เท่าที่นั่งอ่านข้อมูลของกระแสข่าวเรื่องนี้มาพักใหญ่ ผมว่ามันแปลกๆในบางเรื่องอยู่พอสมควร
ถ้า เรื่องคุณภาพงานประกอบ งานฝีมือของแรงงานไทย ก็ต้องยกนิ้วให้ครับว่าฝีมือดีอันดับต้นๆของโลก ฉะนั้นคงตัดปัญหาเรื่องความเนี๊ยบของชิ้นงานไปได้ ซึ่งเผลอๆ อาจจะเนี๊ยบกว่าที่ประกอบมาจากโรงงานในอิตาลีเสียอีก (เคยเจอรถศูนย์ ดันติดสติ๊กเกอร์บนถังน้ำมันเบี้ยว) ส่วนเรื่องราคาที่ลดลงมา (ในความรู้สึกของคนไทย) ก็เพราะอ้างอิงจากราคาเดิมซึ่งต้องบวกภาษีสารพัด รวมถึงอภิมหากำไรเพื่อเอามาเป็นฐานในการตั้งราคาขาย ซึ่งก็ยังสงสัยอยู่จนบัดนี้ ว่าราคาขายปลีกในไทย เลข 3-4 ตัวแรกของราคาขายทำไมถึงได้คล้องกับชื่อรุ่นปานนั้น
Monster 796 ราคาปลีกในเมริกาอยู่ที่ประมาณสามแสนบาท (บวกภาษีนำเข้าแล้ว) และเป็นรถที่มีอุปกรณ์เหมือนโฉมปัจจุบัน (สวิงอาร์มเดี่ยว เบรมโบ้ ฯลฯ) ซึ่งราคาขายปลีกเจ้าตัวนี้ในยุโรป (EU.) อยู่ที่สองแสนกว่าบาท (โซนเดียวกับผู้ผลิต/ภาษีต่ำ/ขนส่งต่ำ)
สองแสนกว่าบาทนั่นคือราคา ปลีก ที่เป็นฐานต้นทุนในการนำเข้ามาขายในไทย (ในเงื่อนไขของการเป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ ฐานราคาตั้งต้นจะถูกกว่าราคาปลีกครับ) ซึ่งต้องบวกสารพัดบวกอย่างที่กล่าวไปข้างต้น จนราคาปลีกในไทยเปิดมาที่ 629000 บาท (ตัวต่ำสุด)
แต่ถ้าย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย ซึ่งต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตรถต่ำกว่ายุโรป (ข้าวแกงถูกกว่าสปาเก็ตตี้) โดยถ้ามองที่ตัวเก่าเป็นออปชั่นชิ้นส่วนสูงยังสามารถเปิดราคาขายปลีกที่ ยุโรปได้สองแสนกว่าบาท แต่ตัวที่กำลังจะเปิดตัวใหม่ (ทำในไทย) มีการลดสเป็คชิ้นส่วนหลายอย่าง (Enkei Nissin Showa ฯลฯ) ในการตั้งราคาขายตามสูตรเดิม นั่นก็แสดงว่าราคาปลีกน่าจะถูกกว่าสองแสนกว่าบาท
ในขณะนี่ราคา ปลีกของเจ้าตัวนี้ สายจากผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนโรงงานแจ้งมาว่าจะเป็นเฟรม 696 แต่ยัดเครื่อง796 ปรับRiding Position ด้วยอุปกรณ์บางอย่างใหม่บนตัวรถ (ตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดเขียง) เปิดมาที่ 400000 มีบวกลบนิดหน่อยตามความใจแข็งของเซลขายรถในแต่ละสาขา
สี่แสนบาทราคา ขายปลีก โดยที่มีการลดต้นทุนชิ้นส่วน ลดต้นทุนการผลิต ลดต้นทุนเรื่องภาษี ลดต้นทุนด้านการขนส่ง แถมได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเรื่องภาษี...
และ ถ้าเอาเจ้าตัวนี้ไปวางเคียงคู่ 796 ที่ยุโรป ( อ้าว ก็เขาบอกแล้วว่าทำขายเฉพาะเอเชีย) ซึ่งอาจจะยังมีการผลิตสเป็คเดิมจำหน่าสยในโซนอื่นนอกเหนือจากไทย ก็จะกลายเป็นว่ารถที่มีสเป็คชิ้นส่วนสูงกว่า ดันขายราคาต่ำกว่ารถที่มีสเป็คชิ้นส่วนต่ำกว่า (สองแสนกว่า-ยุโรป / สามแสน-อเมริกา / แต่สี่แสน - ที่เมืองไทย)
มันก็เลยเป็นตรรกะแปลกๆ ที่ผมสงสัยในสูตรการคิดราคาขาย เพราะในเมื่อตัวสเป็คสูงซึ่งสามารถทำราคาปลีกที่ยุโรปได้สองแสนกว่า แต่พอมาลดสเป็คที่เมืองไทยกลับขายราคาแพงกว่าเกือบสองเท่า เพราะในความเป็นจริงที่มีการย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักก็คือเรื่องต้นทุน ที่ต่ำกว่าจนง่ายต่อการตัดสินใจย้ายโรงงาน แต่กลับกลายเป็นว่าพอย้ายมาผลิตในพื้นที่ๆต้นทุนต่ำกว่า กลับกลายเป็นว่าดันขายราคาแพงกว่าโรงงานที่มีต้นทุนสูงกว่าในยุโรป
ตลาด กลุ่ม Naked Bike / Middle weight class ที่ฟัดกันอยู่ในโลกปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นฝั่งญี่ปุ่น Kawasaki ER6N / Honda CB600F / Yamaha FZ6 และฝั่งยุโรป Ducati Monster 796 ซึ่งทุกตัวที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่มีราคาขายที่ใกล้เคียงกัน แต่ในเมืองไทยมี ER6N ที่ย้ายโรงงานมาผลิตที่ระยองก่อนใครอื่น และวางตลาดกินรอบวงไปก่อนด้วยราคาสองแสนกว่า ตามมาด้วย Ducati Monster ตัวใหม่นี้ที่กำลังจะมาฟักไข่ที่เมืองไทย ด้วยราคาสี่แสนบาท ทั้งๆที่เป็นรถตลาดกลุ่มเดียวกัน สเป็คชิ้นส่วนหรือ Performance ของตัวรถไม่ต่างกัน แต่ราคาดันห่างกันเกือบเท่าตัว ซึ่งถ้าถามว่าราคาที่ห่างกันมากขนาดนั้นเกิดจากอะไร บางคนอาจตอบว่า เป็นค่าแบรนด์ยุโรป ซึ่งยังเป็นค่านิยมที่"ขายได้" ในมุมมองของคนเล่นรถชาวเอเชีย ซึ่งในความเป็นจริงจะมีใครเฉลียวใจคิดในตรงประเด็นนี้กันบ้างไหม ว่าเงินที่เป็นช่องว่างตรงนั้นมันจ่ายไปเพื่ออะไร ในเมื่อได้สินค้าที่มีคุณภาพไม่ต่างกัน เพราะในมุมมองของผม ตามความเป็นจริงแล้ว Ducati Monster ตัวใหม่น่าจะเปิดราคามาที่สองแสนกว่าบาทเท่านั้นพ่อเจ้าประคุณ (สี่แสนบาท กำไรบานเบอะเกินไป)