เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 28 เมษายน 2024, 03:18:25
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คุยเรื่องไอที - เทคโนโลยี (ผู้ดูแล: K€nGja1, chiohoh, nuifish, NOtis)
| | |-+  อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] พิมพ์
ผู้เขียน อัปเกรดข่าว3G ข่าวสารInternet/Wifi /โทรคมนาคม ในเมืองไทย  (อ่าน 15547 ครั้ง)
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #120 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2011, 01:44:06 »



บอร์ดอนุมัติเซ็นสัญญา 3G TOT

บอร์ดทีโอทีอนุมัติเซ็นสัญญาจ้างกิจการร่วมค้าเอสแอลสร้างโครงข่ายโครงการ 3G TOT ทั่วประเทศ มูลค่า 17,440 ล้านบาท มั่นใจเคลียร์ได้ทุกปัญหาตอบข้อสงสัยได้ทุกเรื่อง
       
       นายประพันธ์ บุณยเกียรติ กรรมการบริหาร บริษัท ทีโอที กล่าวหลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า บอร์ดมีมติอนุมัติให้มีการลงนามในสัญญาจ้างผู้ชนะประมูลโครงการสร้างโครงข่ายมือถือ 3G TOT ทั่วประเทศมูลค่า 17,440 ล้านบาท ซึ่งมีการประมูลด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.54 โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า (คอนซอร์เตียม) เอสแอล ซึ่งประกอบด้วย บริษัทสามารถ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ล็อกซเล่ย์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี และบริษัท โนเกีย ซีเมนส์ ที่ชนะการประมูลด้วยราคาต่ำสุด 16,290 ล้านบาท จากนั้นคณะกรรมการดำเนินงานประมูลโครงการ 3G TOT ต่อรองราคาลงมาเหลือ 15,999 ล้านบาท
       
       แต่หลังจากได้ผู้ชนะการประมูล ได้มีการร้องเรียนจากบริษัท แซดทีอี และบริษัท อีริคสัน ที่ถูกตีตกเรื่องคุณสมบัติไม่ตรงตามทีโออาร์ โดยฟ้องศาลปกครองแต่ศาลไม่คุ้มครองตามคำร้อง รวมถึงมีข้อสงสัยจากหลายหน่วยงาน จนทำให้บอร์ดทยอยกันลาออกจนเหลือไม่ครบองค์ประชุม ทำให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องมีการตั้งบอร์ดใหม่ขึ้นมาเพื่อสานงานต่อ
       
       สำหรับการประชุมครั้งนี้บอร์ดทีโอทีได้เข้าประชุมครบทุกคน โดยมีนายบุญมาก ศิริเนาวกุล รักษาการประธานบอร์ดเป็นประธาน และที่ประชุมมีมติบอร์ดในเรื่อง 3G เป็นเอกฉันท์ ส่วนการเซ็นสัญญาเป็นเรื่องกระบวนการของทีโอทีซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดการ โดยผู้ที่จะลงนามในสัญญาคือ นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จะสามารถลงนามในสัญญาได้ หลังจากเซ็นสัญญาจ้างผู้ชนะประมูลเสร็จ เฟสแรกจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนจึงจะสามารถเปิดให้บริการได้
       
       นายประพันธ์กล่าวว่า ข้อสงสัยในทุกคำถามของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการดำเนินการประมูลโครงการ 3G สามารถตอบได้ทุกข้อสงสัย โดยการพิจารณาของบอร์ดชุดนี้มีความรอบคอบและใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้ กระบวนการดำเนินงานโครงการ 3G TOT ทั่วประทศทำกันมากว่า 3 ปี การอนุมัติของบอร์ดชุดนี้จึงไม่ใช่การเร่งทำ แต่เป็นช่วงเวลาที่เป็นจังหวะพอดี
       
       “ที่บอร์ดชุดนี้อนุมัติให้เซ็นสัญญาไม่ใช่การเร่งทำอย่างรวดเร็ว ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามวิถีที่ต้องทำ เหมือนทีมฟุตบอลลูกบอลตกลงตรงหน้าก็ต้องเตะ เพราะเป็นไทม์มิ่งพอดี”
       
       ส่วนกรณีที่จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หรือการมาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีคนใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้ากระทรวงที่ทีโอทีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลนั้น จะไม่มีผลกระทบกับโครงการดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะโครงการ 3G TOT ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของทีโอที หลังการประมูล 3G ความถี่ 2.1GHz ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ต้องล้มเลิกไป ทำให้ทีโอทีเป็นองค์กรเดียวขณะนี้ที่มีคลื่นความถี่ย่าน 1.9GHz ซึ่งเป็นความถี่ของระบบ 3G สากล
       
       สำหรับบอร์ดทีโอทีชุดใหม่ที่มีนายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี เป็นประธานบอร์ด เข้ามารับหน้าที่ได้ประมาณ 1 เดือน ก่อนลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ และที่ประชุมได้มีมติให้นายบุญมาก ศิริเนาวกุล ทำหน้าที่รักษาการประธานบอร์ด โดยบอร์ดได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาเรื่องโครงการ 3G TOT ทั่วประเทศและมีการประชุมกันรวม 4 ครั้ง ก่อนนำเข้าที่ประชุมบอร์ดเพื่อขออนุมัติในวันที่ 29 เม.ย.54
       
       “ตอนแรกจะส่งหนังสือให้สตง. แต่มีความคิดว่าหากทีโอทีมั่นใจว่าทำตามหน้าที่ที่ถูกต้องก็ไม่จำเป็นต้องส่งหนังสือไป ซึ่งสตง.ก็มีหน้าที่ของสตง. หากสตง.มีข้อสงสัยคณะกรรมการประมูล 3G ก็สามารถตอบได้” นายประพันธ์ กล่าว
       
       สำหรับโครงการจัดสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G TOT ทั่วประเทศ ทีโอทีจะใช้เงินกู้เพื่อดำเนินโครงการนี้ 80% ซึ่งประกอบด้วย การสร้างระบบโครงข่ายหลัก (คอร์ เน็ตเวิร์ก) 1 ระบบ ระบบสถานีฐาน (ยูทีอาร์เอเอ็น) 4,772 แห่ง ระบบสื่อสัญญาณ (ทรานสปอร์ต เน็ตเวิร์ก) ระบบบริการจัดการโครงข่าย (โอเอสเอส) ระบบบริการเสริมพื้นฐาน (วีเอเอส) ระบบสนับสนุนการให้บริการ (บิสิเนส ซัปพอร์ต ซิสเต็ม) และการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ อย่างละ 1 ระบบ รวมถึงอุปกรณ์สนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่ายด้วย
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #121 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2011, 01:45:51 »



ดีแทคร้องขอความเป็นธรรม

ดีแทค แจงกรณียื่นฟ้อง กสท.ต้องการความยุติธรรม และโปร่งใสจากคนกลาง ทั้งๆ ที่เป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรม พร้อมขอพบบอร์ดกสทอาทิตย์ ขออัปเกรดเครือข่ายตามสิทธิในสัมปทาน
       
       นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า การที่ดีแทคยื่นฟ้องต่อศาลปกครองถึงการทำสัญญาระหว่างบริษัท กสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท.กับบริษัทในเครือทรู คอร์ปอเรชั่นนั้น เป็นไปเพราะต้องการหาคนกลางเข้ามาช่วยให้ตรวจสอบการทำสัญญาดังกล่าว ให้มีความชัดเจนโปร่งใส และยุติธรรม ซึ่งก่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภคและประเทศไทย
       
       “ดีแทคเชื่อว่าสัญญาระหว่าง กสท กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหลักการแข่งขันทางธุรกิจ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเข้าข่ายการเลือกปฏิบัติต่อผู้ให้บริการสื่อสารรายอื่น ๆ รวมถึงดีแทค ซึ่งมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม”
       
       การยื่นฟ้องในครั้งนี้ ทางดีแทคไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ระงับการให้บริการระบบซีดีเอ็มเอ ทั้งของฮัทช์และกสท.ที่ดำเนินการอยู่แต่ประการใด โดยทางดีแทคต้องการให้ศาลเข้ามาช่วยพิจารณา ถึงความถูกต้องตามกฏหมายของสัญญา
       
       นายจอน ยังกล่าวอีกว่า ทางดีแทคยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ กสท ระงับการดำเนินการต่างๆ ภายใต้สัญญาดังกล่าวจนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะได้ทำการตรวจสอบ และรับรองการดำเนินการทางธุรกิจตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องประชาชนจากผลกระทบของการดำเนินการทางธุรกิจดังกล่าว โดยย้ำว่าที่ผ่านมา ทางดีแทคให้ความร่วมมือกับทางกสท.ด้วยดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโอนคลื่นความถี่ที่ทางกสท.ขอมา ทางดีแทคก็คืนให้ด้วยดีไม่มีข้อแม้ ซึ่งมีการต่อรองจากทางกสท.มาเรื่อยๆ ขณะเงื่อนไขการสละสิทธิค่าไอซี 2,200 ล้านบาท ดีแทคก็ยอม แต่ก็ยังมีเงื่อนไขออกมาเรื่อยๆ
       
       แม้กระทั่งเงื่อนไขการสละสิทธิ์ฟ้องร้องค่าเสียหายในส่วนที่การให้ดำเนินการ HSPA เพิ่ม ทางดีแทคก็ได้มีหนังสือยินยอมไป แต่ทางกสท ก็ยังคงปฏิเสธ
       
       “เราพยายามเจรจามาโดยตลอด แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางออก ซึ่งเราก็ไม่อยากไปศาล ไม่อยากให้เสียหายไปมากกว่านี้”
       
       นายจอน ยังกล่าวอีกว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอยู่ 3 ฉบับ เรื่องแรก มาตรา 46 พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ในเรื่องการใช้คลื่นความถี่จะโอนสิทธิแก่กันไม่ได้ เรื่องที่สอง มาตรา 5 พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานรหือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 หรือพรบ.ร่วมทุน ซึ่งสัญญานี้ดีแทคเชื่อว่าเข้าข่ายตามมาตราดังกล่าว และสุดท้ายคือเรื่องพรบ.การแข่งขันทางการค้า ซึ่งการกระทำดังกล่าวระหว่างกสทกับทรูก่อให้เกิดการผูกขาดในตลาดสื่อสาร 3G ทั้งๆ ที่ควรเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการรายอื่นเข้ามาดำเนินการด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเดือนร้อนจากราคาและคุณภาพที่ไม่เป็นธรรม ในกรณีที่มีผู้ให้บริการรายเดียวในตลาด
       
       จากผลประโยชน์ที่ได้รับจากสัญญาของกสท.กับทรู ในช่วง 14 ปีนั้นจะมีมูลค่า 30,000 ล้านบาท แต่จริงๆ แล้ว ทางดีแทคมีการจ่ายรายได้ให้กสท.ในแต่ละปีตกกว่า 12,000 ล้านบาทในกรณีที่ไม่มี 3G ซึ่งมีนักวิเคราะห์เคยประเมินรายได้จากการให้บริการ 3G ทางดีแทคจะมีรายได้ให้กสท ภายใน 2 ปี ประมาณ 30,000 ล้านบาท
       
       “แล้วอย่างนี้ทำไมถึงไม่ไห้ดีแทคทำ แค่ 2 ปีก็ส่งรายได้ให้ กสท แล้ว 30,000 ล้านบาท วันนี้ ลูกค้าดีแทคกว่า 22.3 ล้านราย ต่างรอบริการ 3G จากดีแทคเหมือนกัน”
       
       นายจอนยังกล่าวอีกว่า จริงๆ แล้ว ภายใต้สัญญาสัมปทาน ดีแทคมีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ภายใต้สัมปทานเดียวกัน โดยเฉพาะการของปรับปรุงเครือข่ายเพื่อให้บริการ 3G ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งดีแทคดำเนินการมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับอนุมัติ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะพยายามขอเข้าพบกับบอร์ดกสทเพื่อพุดคุยถึงการขออนุมัติให้ดีแทคทำการปรับปรุงเครือข่าย ส่วนเรื่องการฟ้องร้องก็จะยังคงดำเนินการต่อไป
       
       "เป็นคนละเรื่องกัน อยากให้กสท.ลดการใช้อารมณ์ลง ซึ่งดีแทคมีความสัมพันธ์และให้ความร่วมมือกับกสท.ด้วยดีมาโดยตลอด"
       
       ส่วนการที่จะฟ้องร้องเรื่องการคืนคลื่นความถี่ให้กับกสท.ไปนั้น นายจอนกล่าวว่า อาจจะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะฟ้องกลับในเรื่องนี้หรือไม่
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #122 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2011, 01:47:54 »



สบท.ชู "ทรูมูฟ-ฮัทช์" โทร.ติดยาก

สบท. เผยผลทดสอบคุณภาพทางเสียงของผู้ให้บริการมือถือในเขตกรุงเทพฯ พบทรูมูฟ-ฮัทช์ มีอัตราการโทรติดยาก แต่ยังอยู่ในมาตรฐานราชกิจจานุเบกษา พร้อมเผยผลสำรวจคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ
       
       นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. กล่าวว่า ทางสบท. ได้ร่วมมือกับทาง สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (ทริดี้) และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดทำโครงการทดสอบคุณภาพการให้บริการโทรศัพท์มือถือในเขตกรุงเทพฯ รวมถึงทำการสำรวจและทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องโทรศัพท์มือถือขึ้น การทดสอบครั้งนี้มุ่งเน้นจะเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภค เนื่องจากในการใช้งานจริง ยังมีปัจจัยอย่างเรื่องของราคาเข้ามาช่วยกำหนด ซึ่งถ้าผู้บริโภคพอใจในราคาที่รับได้กับคุณภาพตามมาตรฐาน ก็ถือเป็นทางเลือกของผู้บริโภคแต่ละราย โดยสามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของ สบท. (www.tci.or.th)
       
       "คุณภาพเป็นเรื่องที่จับต้องไม่ได้ และไม่มีความสะดวกในการเข้าไปเปรียบเทียบเองทั้ง 4 ค่าย ทำให้ สบท จึงช่วยทดสอบเพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้บริโภค และจากข้อกำหนดที่ใช้เวลาเพียง 20 วันจึงทำการทดสอบในพื้นที่กรุงเทพฯ เท่านั้น จึงไม่ได้สะท้อนถึงคุณภาพการให้บริการภาพรวมของอุตสาหกรรมทั่วประเทศได้ ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายพื้นที่ไปยังส่วนต่างๆ ทั่วประเทศให้มากขึ้น"
       
       นายเชาวน์ดิศ อัศวกุล นักวิจัยในโครงการ Centre of Excellence in Lightwave and Speed Communications คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลถึงข้อกำหนดในการทดสอบคุณภาพของบริการ (Quality of Service) แบ่งเป็น อัตราส่วนจำนวนครั้งที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครื่องปลายทางได้ (โทร.ไม่ติด) พิจารณาทั้งกรณีโทร.ภายในโครงข่ายเดียวกัน และกรณีโทร.ข้ามโครงข่าย อัตราส่วนจำนวนครั้งที่สูญเสียการติดต่อหลังจากติดต่อปลายทางได้ (สายหลุด) พิจารณาจากกรณีโทร.ภายในโครงข่ายเดียวกัน ระยะเวลาในการรอสายจนมีการตอบรับจากปลายทาง และผู้รับสายไม่สามารถโทร.กลับได้ เนื่องจากขึ้นเบอร์ผิด หรือไม่แสดง
       
       "โครงการนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้กลไกตลาดสามารถทำงานได้ ในลักษณะพยายามให้ข้อมูลที่สะท้อนถึงคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคม ที่ผู้บริโภคควรจะได้รับ เมื่อข้อมูลถึงมือผู้บริโภคแล้วจะช่วยให้สามารถเลือกเครือข่ายโทรศัพท์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค"
       
       นายเชาวน์ดิศ กล่าวอีกว่า ทีมทดสอบแบ่งออกเป็น 2 ชุด ชุดแรก ใช้เป็นเครื่องโทร.ออก โดยใช้โทรศัพท์มือถือแบบเดียวกัน ใส่ซิมของแต่ละค่าย ทั้งเอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ และฮัทช์ กับชุดที่สอง ทดสอบคุณภาพสัญญาณในการรับสายจำนวน 16 เครื่อง โดยติดตั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณที่มีคุณภาพของสัญญาณโทรศัพท์ของทุกบริษัทที่ทดสอบดีเสมอกัน
       
       ในการทดสอบ จะใช้เครื่องในชุดแรกของแต่ละค่าย โทรไปยังเครื่องปลายทางทั้ง 4 ค่าย ในระยะนาน 90 วินาทีขึ้นไป และวางสายแล้วรอ 30 วินาทีก่อนจะโทรอีกครั้ง มีการแบ่งทดสอบในช่วงเวลาเช้าและเย็น 8.00น.-11.00น. และ 16.00น.- 21.00 น. ครอบคลุมเวลารายงานค่าคุณภาพบริการของผู้ให้บริการต่อ สำนักงาน กทช. 20.00 - 21.00 น. ทดสอบทุกวันเป็นระยะเวลา 20 วัน โดยวิ่งสำรวจครอบคลุมซ้ำจุดเดิมมากกว่าหนึ่งครั้ง รวมแล้วมีการทดสอบเป็นจำนวน 31,500 ครั้ง ใน20 วัน แบ่งเป็น 10 วันแรกช่วง 15-24 มกราคม 2554 และ 10 วันหลังช่วง 26 กุมภาพันธ์- 7 มีนาคม 2554
       
       ผลการสำรวจจากการวิเคราะห์ตามหลักสถิติเปรียบเทียบกับอัตราส่วนจำนวนครั้งที่โทร.ไม่ติด ตามมาตรฐานในราชกิจจานุเบกษา ที่กำหนดไว้ว่าการโทร.ภายในเครือข่ายเดียวกันห้ามเกิน 10% ส่วนโทร.ข้ามเครือข่ายห้ามเกิน 15% พบว่า การโทร.ออกจากฮัทช์ไปหาค่ายทรูมูฟ และโทร.จากทรูมูฟไปฮัทช์ มีอัตราการโทรไม่ติดค่อนข้างมาก แต่ยังอยู่ในมาตรฐาน
       
       "เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ที่กำหนดอัตรามาตรฐานที่สามารถโทรฯข้ามโครงข่ายไม่ติดของมาเลเซียอยู่ที่ 10% แต่ของไทยอยู่ที่ 15% ซึ่งยังหย่อนกว่ามาเลเซีย"
       
       ***กระตุ้นผู้ใช้ร่วมทดสอบสปีดเทส
       
       ขณะเดียวกันได้มีการเปิดตัวแอปพลิเคชันทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้บริโภค โดยทางสบท ร่วมกับ ฟรีวิลล์ เอฟเอ็กซ์ ในการพัฒนาเพื่อเป็นเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส แบล็กเบอรี แอนดรอยด์ และฟีเจอร์โฟนที่รองรับระบบจาวา โดบทางสบท ได้ใช้งบประมาณ 650,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมทุกระบบปฏิบัติการในปัจจุบัน
       
       นายสงกรานต์ จารุสิริสวัสดิ์ ผู้ชำนาญการ บริษัท ฟรีวิลล์ เอฟเอ็กซ์ ให้ข้อมูลถึงการเก็บข้อมูลในเบื้องต้นจากการเข้าไปประชาสัมพันธ์ตามเว็บไซต์เครือข่ายสังคมและเว็บบอร์ดต่างๆ พบว่า มีการเข้าไปดาวน์โหลดใช้งานถึง 1,500 ครั้ง 11 ยี่ห้อ 85 รุ่น มีการกดทดสอบไปกว่า 10,00 ครั้งจาก 41 จังหวัด จากสถิติการทดสอบที่แบ่งเป็นไอโอเอส 79.29% แอนดรอยด์ 9.11% แบล็กเบอร์รี 5.36% ซิมเบียน 5.18% และวินโดวส์โมบาย 1.06% แบ่งเป็นสถิติผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไว-ไฟ 32.99% ขณะที่ผู้ใช้งานโอเปอเรเตอร์ประกอบไปด้วย ดีแทค 21.06% เอไอเอส 11.88% ทรูมูฟ 15.70% ทีโอที 13.73% และอื่นๆ 4.66% โดยเทคโนโลยีที่ใช้ทดสอบผ่านไว-ไฟ 32.99% 2G 18.82% 3G 17.09% และอื่นๆ 1.08% ขณะที่จังหวัดที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ คิดเป็น 65.58% นนทบุรี 5.56% และเชียงใหม่ 4.24%
       
       สำหรับความเร็วที่ทดสอบเฉลี่ยเบื้องต้นแต่ละค่ายได้แก่ เอไอเอส บนระบบ 2G อัตราดาวน์โหลด/อัปโหลด 111.54 kbps/63.95 kbps และ 3G ความเร็ว 577.26 kbps/183.94 kbps ส่วน ดีแทค 2G 121.25 kbps/60.69kbps ทรูมูฟ 2G 106.83kbps/59.57kbps และ 3G 1162.22kbps/269.98kbps ทีโอที 3G 1026.65kbps/522.83kbps สุดท้ายคือผ่านการให้บริการไว-ไฟ 1560.01kbps/920.33kbps
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #123 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 23:16:38 »


19 บริษัทชิงดำ MVNO 3G TOT

บอร์ดอนุมัติ ทีโอทีเซ็นสัญญากู้เงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารยูโอบีในการสร้างโครงข่าย 3G ทั่วประเทศ มูลค่า 14,707.39 ล้านบาท พร้อมประกาศเชิญชวน 19 บริษัทเอกชนที่ได้ใบอนุญาต MVNO ยื่นข้อเสนอในการร่วมทำธุรกิจกับทีโอที แบบเซ็นสัญญาระยะยาว 6 ปี
       
       นายประพันธ์ บุณยเกียรติ กรรมการบอร์ด บริษัท ทีโอที กล่าวหลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ว่าบอร์ดอนุมัติให้ทีโอทีเซ็นสัญญากู้เงินดำเนินการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 3G จากกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารยูโอบี จำนวน 14,707.39 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของมูลค่าโครงการที่ได้จากการประมูล 15,999 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปี
       
       การกู้ครั้งนี้ถ้าทีโอทีเลิกสัญญาหรือผิดสัญญาธนาคารจะได้สิทธิ์ที่ทีโอทีจะได้รายได้จากการทำตลาดของการขายต่อบริการ ( MVNO) ไปแทน โดยเงื่อนไขจะต้องชำระทุก 6 เดือน รวม 16 งวด และจะมีการเซ็นสัญญากับสถาบันการเงินในวันที่ 24 พ.ค.นี้
       
       นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา บอร์ดได้รับทราบผลการศึกษาของบริษัท บอสตัน คอนเซ้าท์ติ้ง กรุ๊ป (บีซีจี) เกี่ยวกับแนวทาง MVNO 3G ซึ่งมี 3 แนวทางหลักคือ1.MVNO รายใหญ่ 2.MVNO รายเล็กและ 3.ทีโอทีทำการตลาดเองบางส่วน
       
       'รูปแบบ MVNO อาจเป็น1. 40-40-10-10 คือมี MVNO รายใหญ่ 2 รายทำการขายต่อบริการด้วยความจุ 40% และมีรายย่อย 1 รายขายต่อบริการ 10% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นทีโอทีทำตลาดเอง หรืออาจจะเป็น 2. 25-25-25-15-10 คือ MVNO 3 รายใหญ่ได้ความจุไปขายต่อรายละ 25% มี MVNO รายเล็ก 1 รายได้ความจุ 15% และทีโอทีขายเอง 10% หรือ แบบที่3.MVNO ทุกรายได้ความจุเท่ากันหมดรายละ 10% ซึ่งในการประชุมคณะทำงาน 3G ในวันที่ 26 พ.ค.นี้จะมีการถกรายละเอียดอีกครั้ง'
       
       ทั้งนี้ทีโอทีจะเชิญชวนบริษัทเอกชน 19 รายที่ได้รับใบอนุญาต MVNO จากกทช. ให้ยื่นข้อเสนอในการให้บริการ MVNO เพื่อคัดเลือกข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับทีโอทีมากที่สุด ซึ่งรวมถึง MVNO 5 รายเดิม (ไออีซี, สามารถ ไอ-โมบาย, ล็อกซเล่ย์, 365 คอมมูนิเคชั่น และเอ็ม คอนซัลท์) ที่มีอยู่ด้วยเพราะ MVNO ทั้ง 5 รายเดิมเป็นแค่การเซ็นเอ็มโอยูเท่านั้น แต่ MVNO ที่คัดเลือกใหม่นี้จะเป็นการเซ็นสัญญาระยะยาวอย่างน้อย 6 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่โครงการ 3G TOT จะคุ้มทุนพอดี
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #124 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 23:18:14 »


กสท มั่นใจกสทช.ไฟเขียวนำเข้าอุปกรณ์ HSPA

 “จิรายุทธ” เตรียมเข้าพบ กสทช. สัปดาห์หน้า มั่นใจไฟเขียวให้นำเข้าอุปกรณ์ HSPA และติดตั้งสถานีฐาน 3G ส่วนการให้บริการ HSPA เชิงพาณิชย์ของดีแทคเรื่องยังอยู่ที่อัยการสูงสุด
       
       นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวหลังการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ว่า บอร์ดได้มีมติแต่งตั้งกรรมการบอร์ดแทนกรรมการที่หมดวาระไป 4 คนคือนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ และนายวีระชัย คล้ายทอง โดยแต่งตั้งกลับมา 2 คนคือ นายธานีรัตน์ และนายวีระชัย นอกจากนี้กระทรวงการคลังได้มีการแต่งตั้งเพิ่มคือ นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และนายสุนทรสิงห์ วิทยปิยานนท์ พนักงานองค์การของรัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ และที่ประชุมได้เสนอชื่อนายอำนวย ปรีมนวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแทนนายวิสุทธิ์ และมีมติเป็นเอกฉันท์
       
       นอกจากนี้ บอร์ดยังได้อนุมัติให้มีการปรับเงินเดือนให้กับพนักงานลูกจ้างจำนวน 5% ตามมติคณะรัฐมนตรีสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งบุคลากรกลุ่มนี้มีจำนวน 4 พันคนซึ่งจะทำให้ กสท มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 6 ล้านบาท
       
       ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการให้บริการ 3G HSPA นั้นยังเดินหน้าตามแผนเดิมหลังมีการลงนามในสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบใหม่กับกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 54 และยืนยันว่าจะให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และ 10 จังหวัดสำคัญ เพราะบอร์ดได้เห็นชอบเกี่ยวกับแผนการลงทุนและแผนการตลาดไปแล้ว และคาดว่าจะให้บริการได้ทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้
       
       ส่วนการนำเข้าอุปกรณ์ HSPA และการขออนุญาตติดตั้งสถานีฐานจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ปฎิบัติหน้าที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นั้ยนายจิรายุทธมั่นใจว่า กสทช.จะขออนุมัติให้สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะได้ยืนยันเอกสารทุกอย่างตามที่ กสทช. ต้องการและในสัปดาห์หน้าจะเข้าพบคณะกรรมการ กสทช. เพื่อยืนยันกับ กสทช.อีกครั้ง
       
       “การขออนุญาตนำเข้าอุปกรณ์และติดตั้งสถานีฐานไม่เกี่ยวกับการที่ กสท ฟ้อง กสทช. กรณีจัดสรรความถี่ใหม่ เพราะการอนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์เป็นอำนาจของ กสทช. อยู่แล้ว”
       
       นายจิรายุทธกล่าวถึงแผนการลงทุน 3G ว่า กสท ได้ส่งแผนการลงทุนจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาลงทุน 5 ปี ตลอดอายุสัญญา 14 ปี 6 เดือน ซึ่งการลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อ ระบบสื่อสัญญาณ และโครงข่ายหลัก เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานของลูกค้าได้ 30 ล้านเลขหมาย กับสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว
       
       ทั้งนี้ จากแผนการลงทุนและแผนการตลาดที่ทำแบบขายส่งขายต่อบริการ (โฮเซลเลอร์-รีเซลเลอร์) จากการให้บริการ 3G HSPA ภายในปี 2555 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท ปี 2556 ประมาณ 8 พันล้านบาท ปี 2557 ประมาณหมื่นล้านบาท ส่วนกำไรก่อนหักค่าเสื่อม ดอกเบี้ย และภาษี (EBITDA) ในปี 2555 คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 1.4 พันล้านบาท ปี 2556 ประมาณ 4.2 พันล้านบาท ปี 2557 ประมาณ 9 พันล้านบาท รวม 3 ปีประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท
       
       “ประมาณปีที่ 5 EBITDA จะต้องถึง 2 หมื่นล้านบาท แผนล่าสุดที่เราเสนอสภาพัฒน์ฯถือว่าใกล้เคียงความจริงมาก เพราะเรามีการคำนวณและปรับตัวเลขที่ลงรายละเอียดมากขึ้น แต่ถ้ามีรีเซลเลอร์เพิ่มขึ้นก็น่าจะมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นด้วย”
       
       สำหรับการให้บริการ 3G HSPA นั้นกลุ่มทรูจะเป็นผู้ขายต่อบริการรายใหญ่ และขณะนี้มีกลุ่มแอร์เอเชียที่ต้องการทำตลาดและได้มีการเจรจากันไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น และล็อกซเล่ย์ที่เสนอตัวในการเป็นผู้ทำตลาดเพิ่ม
       
       ดีแทคถามความคืบหน้า HSPA เชิงพาณิชย์
       
       เวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 24 พ.ค. นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ได้เข้าพบนายจิรายุทธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท แต่ใช้เวลาในการหารือประมาณ 15 นาที จากนั้นนายจิรายุทธกล่าวว่า การเข้าพบของผู้บริการดีแทคเป็นการถามถึงความคืบหน้าการให้บริการ 3G HSPA เชิงพาณิชย์ของดีแทค แต่เรื่องนี้บอร์ด กสทได้อนุมัติไปประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว แต่เรื่องได้มีการนำเข้าสู่กระบวนของคณะกรรมการมาตรา 22 ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) และเรื่องดังกล่าวได้ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา และยังไม่มีการส่งกลับมายัง กสท
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #125 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 23:11:38 »


ทีโอทียันอีก 3 เดือนได้ใช้ 3G ทั่วประเทศ

นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที 
 
 
       ทีโอทียันอีก 3 เดือนคนไทยได้ใช้ 3G ทั่วประเทศ หลังทีโอทีเซ็นสัญญากู้เงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา และยูโอบี
       
       วานนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 08.09 น. นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และนายคิม ชุง หว่อง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ร่วมลงนามในสัญญาสินเชื่อโครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถือระบบ 3G ทั่วประเทศ
       
       ในเบื้องต้นงบประมาณรวมของโครงการ 3G นั้นอยู่ที่ 19,980 ล้านบาทโดยเป็นส่วนของการประมูลงานสร้างโครงข่าย 3G ที่ตั้งราคากลางไว้ที่ 17,440 ล้านบาท และมีสัดส่วนเงินกู้อยู่ที่ 15,850 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังจากทีโอทีเปิดประมูลแบบ e-auction ผลปรากฏว่าราคาที่ชนะจากการประมูลต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ เหลือ 15,999.50 บาท ส่งผลให้วงเงินลงทุนรวมทั้งหมดมีมูลค่าลดลงเหลือ 18,539.50 ล้านบาท และมีสัดส่วนเงินกู้ที่ 14,707 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกู้เงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา 9,900 ล้านบาท ธนาคารยูโอบี 5,5000 ล้านบาท สินเชื่อในครั้งนี้มีระยะเวลา 10 ปี โดยมีระยะเวลาปลอดหนี้ 2 ปีแรก และระยะเวลาผ่อนชำระคืนหนี้ 8 ปี ซึ่งต้องชำระคืนเงินต้นทุก 6 เดือน รวมทั้งหมด 16 งวด
       
       นายกำธร ไวทยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทีโอที กล่าวว่า ตามแผนงานทีโอทีจะใช้เวลา 45 วันนับจากนี้นำเข้าอุปกรณ์และจะเริ่มติดตั้งโครงข่าย คาดในอีก 3 เดือนข้างหน้าคนไทยจะได้ใช้ 3G TOT ทั่วประเทศ
       
       ทั้งนี้โครงข่าย 3G TOT จะทยอยติดตั้งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 5,000 สถานีฐาน สามารถรองรับลูกค้าได้กว่า 7 ล้านเลขหมาย โดยตั้งเป้า 6 เดือนหลังจากนี้จะติดตั้งโครงข่ายได้ 3,000 สถานีรวมการใช้สถานีฐานร่วมกับบริษัท โทรคมนาคม และ เอไอเอส เพื่อลดต้นทุนการติดตั้ง โดยปัจจุบัน TOT 3G มีผู้ใช้บริการประมาณ 2 แสนเลขหมาย โดยตั้งเป้าไว้ว่าปี 2554 จะมีลูกค้าประมาณ 1.3 ล้านเลขหมาย และเพิ่มเป็น 7 ล้านเลขหมายในปี 2558 มีส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยกว่า 8%
       
       ด้านนายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การปล่อยกู้ให้แก่ทีโอทีมั่นใจว่าจะไม่เป็นหนี้สูญ เนื่องจากมีรายได้จากการขายต่อบริการ (MVNO) เป็นหลักประกัน
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #126 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 23:14:00 »


อนุญาโตฯชี้ทีโอทีแพ้คดีภาษีสรรพสามิตเอไอเอส

 อนุญาโตฯ ชี้ทีโอทีแพ้ข้อพิพาทที่ให้เอไอเอสจ่ายค่าภาษีสรรพสามิตเพิ่มอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท หลังทีโอทีอ้างคำพิพกาษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่น ฟ้องโดยอนุญาโตฯให้เหตุผลว่าทั้งสองไม่ใช่คู่คดีความอาญาและทีโอทีไม่ได้เสียหายแต่อย่างใด
       
       รายงานข่าวจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการทั้งหมด 5 คนมีการวินิจฉัยกรณีบริษัท ทีโอที ยื่นคำเสนอข้อพิพาทให้เอไอเอสชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มรวมเป็นเงิน 31,462.51 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 12.5% ต่อเดือนของเงินดังกล่าวตั้งแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น จากการที่เอไอเอสหักภาษีสรรพสามิตออกจากส่วนแบ่งรายได้ตามมติครม.วันที่ 11 ก.พ.2546
       
       คณะ อนุญาโตฯ มีมติให้ยกคำเสนอข้อพิพาททั้งหมด กล่าวคือเอไอเอสไม่ต้องชำระเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มเติมใดๆให้แก่ทีโอ ที เพราะเอไอเอสไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ด้วยเหตุผลดังนี้ 1.การ ที่ทีโอทีอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ วินิจฉัยว่าการออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แก่เอกชนทำให้รัฐเสีย หายนั้นไม่สามารถนำมาผูกพันกับเอไอเอสได้เพราะผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญาของศาล ฎีกาเป็นคนละคนกับเอไอเอส ,ข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงเป็นคนละเรื่องกันและทั้งทีโอทีกับเอไอเอสต่างไม่ ใช่คู่ความในคดีอาญาดังกล่าว
       
       2.แม้ส่วนแบ่งรายได้จะถูกหักเป็นภาษีสรรพสามิตไปเสียส่วนหนึ่งแต่ทีโอทียังคงได้ รับส่วนแบ่งรายได้หลังถูกหักภาษีสรรพสามิตแล้ว เนื่องจากส่วนที่ได้รับก็ต้องนำเข้ากระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นทั้ง หมดอยู่แล้วจึงมิอาจฟังได้ว่าพรก.แก้ไขเพิ่มเติมพรบ.พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิ ตพ.ศ.2527 (ฉบับที่4)พ.ศ.2546 และพรก.แก้ไขเพิ่มเติมพรบ.ภาษีสรรพสามิตพ.ศ.2527(ฉบับที่4)พ.ศ.2546 และมติครม.วันที่ 11 ก.พ. 2546 ที่ มีมติให้คู่สัญญาภาคเอกชนมีสิทธินำเงินค่าภาษีสรรพสามิตที่ได้ชำระแล้ว มาหักออกจากจำนวนเงินผลประโยชน์ตอบแทนที่จะต้องจ่ายให้คู่สัญญาภาครัฐเมื่อสิ้นปีดำเนินการได้นั้นเป็นความเสียหายแก่ทีโอที
       
       3.การที่ทีโอทียอมรับชำระหนี้จากส่วนแบ่งรายได้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว ถือว่าเอไอเอสชำระหนี้โดยชอบด้วยกม. หนี้ระงับแล้วจึงไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา ทีโอทีจะกลับมาเรียกร้องให้ชำระหนี้ที่ถูกระงับไปแล้วใหม่อีกจึงเป็นการไม่ชอบทีโอทีไม่มีสิทธิเรียกชำระหนี้ซ้ำอีก
       
       4.การที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 23 ม.ค.2550 ให้ยกเลิกมติครม. 28 ม.ค.2546 ในประเด็นให้คู่สัญญาในประเด็นให้คู่สัญญานำภาษีสรรพสามิตหักจากส่วนแบ่งรายได้และยกเลิกมติครม. 11 ก.พ. 2546 นั้นก็มีผลเพียงยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตเท่านั้น ไม่มีผลย้อนหลังต่อการปฏิบัติตามกม.และมติครม.ก่อนหน้านั้นซึ่งชอบด้วยกม. แล้ว การยกเลิกดังกล่าวจึงไม่มีผลต่อการชำระหนี้อันถูกต้อง
       
       ทั้งนี้ หากทีโอทีไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตฯ ได้ภายใน 90 วัน


IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #127 เมื่อ: วันที่ 06 มิถุนายน 2011, 21:53:31 »


กสทย้ำยังลุย 3G แม้สภาพัฒน์ไม่พิจารณาแผน

กสท ชี้แจงกรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ไม่พิจารณาแผนการดำเนินธุรกิจ 3G ว่า กสทจะยังเดินหน้า 3G ตามแผนงานเดิม โดยหากได้รับการอนุมัติภายในปีหน้า (2554) กสทก็จะทยอยดำเนินการก่อสร้าง ติดตั้ง และใช้งานระบบสื่อสัญญาณภายในปี 2555
       
       "ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนต่าง ๆ ว่า สภาพัฒน์ยังไม่พิจารณาแผนการดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รูปแบบใหม่ HSPA ระหว่าง กสท กับกลุ่มทรู นั้น นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม ชี้แจงว่า แผนงาน/โครงการดังกล่าว เป็นการขออนุมัติงบลงทุนระยะเวลา 15 ปี วงเงิน 12,000 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างเสาสูงเพิ่มเติมสำหรับติดตั้งสายสัญญาณ 3G ในพื้นที่ที่ยังไม่มีเสาสูงเดิมของ กสท หรือไม่มีผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ให้เช่า และเพื่อจัดสร้างระบบสื่อสัญญาณรองรับบริการ 3G ที่จะต้องใช้แบนวิดหรือช่องสัญญาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยตั้งเป้าว่า หากได้รับการอนุมัติภายในปี 2554 กสท ก็จะสามารถเริ่มทยอยดำเนินการก่อสร้าง/ติดตั้งและใช้งานเสาสูงและระบบสื่อสัญญาณดังกล่าวภายในปี 2555" เนื้อความในจดหมายชี้แจงระบุ
       
       กสท ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดให้บริการ 3G ของ กสท เนื่องจากการเปิดให้บริการ 3G ในช่วงนี้ จะเป็นการใช้เสาสูงและระบบสื่อสัญญาณที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งมีความพร้อมอยู่แล้ว และในกรณีที่ตลาดมีการตอบรับที่ดี ทำให้ต้องใช้โครงข่ายเชื่อมโยงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
       
       "กสท ก็ยังมีโครงข่ายระบบสื่อสัญญาณสำหรับบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์มารองรับได้ หรืออาจเช่าใช้จาก บมจ.ทีโอที หรือผู้ได้รับอนุญาตรายอื่น ๆ ได้ ดังนั้นแผนการเปิดให้บริการ 3G ประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2554 ของ กสท จึงยังเป็นไปตามกำหนดเดิม"
       
       การชี้แจงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังสภาพัฒน์ตีกลับโครงการ 3G ของ กสท และทรู โดยมีหนังสือมายังกระทรวงไอซีทีแจ้งว่าสภาพัฒน์ยังไม่สามารถพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการลงทุนดังกล่าวได้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวเข้าข่ายเสนอข้ามขั้นตอน เพราะโครงการยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากไอซีที ขัดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งต้องขอความเห็นกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ก่อน
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #128 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 00:07:30 »



‘นที’ ปลดล็อกนำเข้าอุปกรณ์ 3G
 
กสท ทีโอที โล่งอก ปฏิบัติหน้าที่กสทช. มีทีท่ายอมอนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์ 3G ‘พ.อ.นที’ ย้ำเพื่อให้อุตสาหกรรมเดินหน้า และกสทช.ส่วนใหญ่เห็นด้วย เพียงแต่ต้องมีเงื่อนไขกำกับการนำเข้า เพื่อป้องกันตัวเองในอนาคต
      
       พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ปฎิบัติหน้าที่กสทช.กล่าวว่าบอร์ดกสทช.พร้อมจะพิจารณาการนำเข้าอุปกรณ์ 3G เพราะเห็นว่ามีความจำเป็นและเป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งหากรอนานต่อไปอาจไม่เป็นผลดีต่ออุตสาหกรรม
      
       ทั้งนี้ผู้ที่รอการพิจารณาคือบริษัท กสท โทรคมนาคม ที่ต้องการที่จะนำเข้าอุปกรณ์ HSPA เพื่อนำไปบริการ 3G ความถี่ 850MHz ของตัวเอง และเพื่อขายความจุ (คาปาซิตี้) ให้กับ Real Move บริษัทลูกของกลุ่มทรูซึ่งมีแผนให้บริการในชื่อแบรนด์ True Move H เร็วๆนี้ และบริษัท ทีโอที ซึ่งกำลังเร่งติดตั้งโครงข่าย 3G TOT
      
       ‘เราจะพิจารณาให้เป็นกรณีๆไป โดยเป็นมติของรักษาการกสทช. เพราะเราไม่อยากให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป ในขณะที่ยังไม่มีกสทช.ตัวจริง’
      
       ทั้งนี้การอนุมัตินำเข้าอุปกรณ์ 3G ดังกล่าวจะเป็นไปโดยมีเงื่อนไขกำกับทุกครั้งว่าหากในอนาคตมีคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น เพราะการปฎิบัติหน้าที่แทนกสทช.ยังมีความกังวลในเรื่องอำนาจหน้าที่ว่าจะมีปัญหาในอนาคตหรือไม่เพราะคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อเดือนก.ย.2553 สั่งให้กทช.ชะลอการเปิดประมูลใบอนุญาต 3Gความถี่ 2100เมกะเฮิรตซ์ ตามที่กสทร้องขอความคุ้มครอง ด้วยเหตุผลว่ากทช.ไม่อำนาจจัดประมูลเพราะไม่มีกสช.มาทำการจัดสรรความถี่ ซึ่งทีโอทีก็ได้ฟ้องสมทบด้วยทำให้กระบวนการอนุมัติให้นำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคม ที่เกี่ยวกับการนำไปใช้กับย่านความถี่ ก็ชะลอตัวลงไปนับตั้งแต่วันนั้นมา
      
       โดยเฉพาะหากเป็นการยื่นขอนำเข้าอุปกรณ์ของกสทและทีโอที เพราะทั้ง 2 หน่วยงานเป็นคนร้องว่ากทช.ไม่มีอำนาจ ซึ่งหากกทช.ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่แทนกสทช. มาอนุมัติให้นำเข้าอุปกรณ์ได้ ก็อาจเกิดความขัดแย้งกันเองขึ้น
      
       ‘ถึงเราเข้าใจว่าการที่กสทกับทีโอที ร้องศาลปกครอง กับการอนุมัตินำเข้าอุปกรณ์เป็นคนละเรื่องกัน แต่เราก็ยังมีความกังวลอยู่มาก’
      
       นอกจากนี้นายสุธรรม อยู่ในธรรม ปฎบัติหน้าที่แทนกสทช. ได้ให้ความเห็นว่า การอนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความถี่นั้น ควรที่จะรอความชัดเจนจากการพิจารณาอำนาจหน้าที่โดยศาลก่อน เพื่อความชัดเจนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนจะสามารถอ้างอิงได้ รวมทั้งยังได้มีท่าทีชัดเจนว่าสงวนสิทธิ คือไม่ร่วมพิจารณาอนุมัติการนำเข้าอุปกรณ์ HSPA ด้วย
      
       ‘ความเห็นของท่านสุธรรม เป็นเรื่องที่รักษาการกสทช.ที่เหลือ ยังให้น้ำหนักอยู่ ดังนั้นหากจะมีการอนุมัตินำเข้า HSPA ในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะเป็นการอนุมัติโดยมีการแนบข้องสังเกตของท่านสุธรรม และเงื่อนไขว่าหากมีคำสั่งศาลออกมาในอนาคตและมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องปฏิบัติตามนั้น เงื่อนไขนี้พื่อให้เราทำงานได้ และผู้อนุมัติจะมีข้อป้องกันจากถูกเรียกร้องให้เกิดการชดใช้จากผู้อื่นที่ได้รับผลกระทบในอนาคต หรือข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหรือกระทำการมิชอบ’
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #129 เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2011, 00:09:19 »



ดีแทคฝันไทยลุย 4G พร้อม 3G

ซีอีโอดีแทคปิ๊งไอเดียสางปม "3G ประเทศไทยเต่าล้านปี" เผยแผนเตรียมเจรจา กสทช.-โอเปอเรเตอร์ไทยเทรวมคลื่น 1800 MHz แล้วจัดสรรใหม่อย่างเท่าเทียม เชื่อหากทำได้ไทยจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถพัฒนาเครือข่าย 4G ไปพร้อมกับ 3G ย้ำกสทช.ควรพิจารณาแผนนี้เพราะมีโอกาส-ความเป็นไปได้-ความเหมาะสมเรื่องช่วงเวลาสูง ปัดการเสนอตัวคืนคลื่น 1800 MHz ครั้งนี้ไม่ใช่การสร้างภาพแม้ดีแทคมีแววต้องคืนคลื่นอยู่แล้ว ย้ำต้องการผลักดันให้กสทช. สามารถดำเนินการจัดสรรคลื่นความถี่ในประเทศไทยบนมาตรฐานเดียว
       
       นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ยกกรณีความสำเร็จของเทเลนอร์ นอร์เวย์ บริษัทแม่ของดีแทคที่สามารถพัฒนาโครงข่ายข้อมูลไร้สายความเร็วสูง LTE (4G) ซึ่งสามารถรองรับการทำงานมาตรฐาน 3G และ 2G ได้ในเครือข่ายเดียวแล้วที่ประเทศนอร์เวย์ โดยระบุว่าดีแทคสามารถนำความพร้อมด้าน LTE ของบริษัทแม่มาปรับใช้ในประเทศไทยได้ทันทีที่กสทช.เปิดไฟเขียว
       
       ทั้งหมดนี้ดีแทคยินดีคืนความถี่ 1800 MHz ที่ตัวเองไม่ได้ใช้จำนวน 25 MHz เพื่อรวมกับทรูและดีพีซี (บริษัทในเครือเอไอเอส) ที่มีรายละ 12.5 MHz และจะหมดสัมปทานช่วง 2 ปีข้างหน้าพอดี ทำให้กสทช.สามารถจัดสรรคลื่นย่าน 1800 ทั้ง 50MHz ซึ่งสามารถรองรับ 4G ได้ ผลคือชาวไทยก็จะมี 4G ใช้งานภายใน 2 ปีนับจากนี้
       
       "นี่คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศไทย การสร้างโครงข่าย 4G พร้อมกับ 3G เป็นสิ่งที่ทำได้จริง ช่วงเวลา 2 ปีนับจากนี้ถือว่าเหมาะสมเพราะถึงตอนนั้นเทคโนโลยีและอุปกรณ์ 4G ก็จะถูกพัฒนาเต็มที่ รัฐบาลไทยควรพิจารณาเรื่องนี้จริงจังเพราะเป็นทางออกเดียวที่ทำให้ไทยก้าวล้ำเกินประเทศอื่น และไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับโอกาสเช่นนี้ เพราะมันเป็นอะไรที่ประเทศอื่นไม่มี"
       
       เครือข่าย LTE หรือ Long Term Evaluation หนึ่งในมาตรฐานเทคโนโลยี 4G นั้นจะทำให้ชาวออนไลน์สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ได้เร็ว 1.2Gbps หรือ 1,200Mbps เทเลนอร์เริ่มติดตั้งเครือข่าย LTE ของหัวเว่ยในนอร์เวย์ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2010 เพื่อให้บริการจริงในไตรมาส 1 ปีหน้า (2012) โดยกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ แต่เป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์พกพาที่ต้องการดองเกิลความเร็วสูงในการต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อโหลดภาพยนตร์ความละเอียดสูงในเวลาเสี้ยววินาที
       
       ตามข้อมูลจาก Rolv-Erik Spilling ประธานฝ่ายเทคโนโลยีหรือซีทีโอ เทเลนอร์นอร์เวย์ พบว่าเครือข่าย LTE สามารถรองรับได้ทุกแบนด์วิธบนความกว้างสัญญาณ 20MHz การติดตั้งนั้นใช้ไซต์กระจายสัญญาณที่น้อยกว่าแต่สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ไกลกว่าเมื่อครั้งติดตั้งโครงข่าย 3G ปกติ นี่เป็นอีกเหตุผลสนับสนุนที่ไทยซึ่งยังไม่ตั้งไข่ 3G ควรจะก้าวกระโดดไปสู่เทคโนโลยี LTE ในเวลาพร้อมกันกับการสร้างโครงข่าย 4G
       
       สำหรับความถี่ย่าน 1800MHz ในประเทศไทย ปัจจุบันถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนโดยดีแทคถือครองอยู่ 50MHz แต่ใช้งานได้เพียง 25MHz อีกส่วนถือโดยทรู 12.5MHz และดีพีซีของเอไอเอส 12.5MHz ทั้งทรูและดีพีซีจะหมดอายุสัมปทานก่อนดีแทคในช่วง 2 ปีนับจากนี้ จุดนี้ซีอีโอดีแทคระบุว่าจะเดินหน้าเจรจาโอเปอเรเตอร์ทั้งคู่ให้คืนความถี่ เพื่อให้กสทช.เปิดประมูลไลเซนส์ 4G พร้อมกับ 3G ในช่วงก่อนการพิจารณาแผนจัดสรรความถี่ครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไม่เปิดเผยแผน 2 หากการเจรจาไม่สำเร็จ
       
       อย่างไรก็ตาม การเสนอแนวทางให้กสทช.ประมูลไลเซนส์ 4G พร้อม 3G ของดีแทคในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างภาพเนื่องจากความถี่ 1800 จำนวน 25MHz ที่ดีแทคถือโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้นสามารถถูกกสทช.เรียกคืนได้อยู่แล้ว และโครงการเปลี่ยนโครงข่าย (Network Swap) มูลค่า 1,200 ล้านบาทที่ดีแทคประกาศไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็รองรับ 4G เช่นกัน จุดนี้ดีแทคยืนยันว่าเรียกคืนไม่ได้และดีแทคไม่มีข้อได้เปรียบใดๆจากการเสนอตัวคืนคลื่นความถี่ เนื่องจากอายุสัมปทานของทรูและเอไอเอสนั้นหมดลงก่อนดีแทค และยืนยันว่า ประเทศไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากการมีโครงข่ายเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่น
       
       "การเจรจาครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเปลี่ยนโครงข่ายเพราะนั่นเป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องทำ แต่ประเด็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีต่อประเทศไทย"
       
       ซีอีโอดีแทคระบุว่าสิ่งที่จะเห็นจากดีแทคในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คือการลุยต่อยอดเพื่อทดสอบบริการ 3G โดยมีแผนจะนำหนึ่งในนวัตกรรมจากเทเลนอร์สำนักงานใหญ่เช่น บริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์นาม "WIMP" ซึ่งให้บริการลูกค้าบรอดแบนด์ทั้งโมบายล์และฟิกซ์ไลน์สามารถฟังเพลงมากกว่า 10 ล้านเพลงได้แบบไม่อั้นมาต่อยอดในเมืองไทย ซึ่งปัจจุบัน ค่ายเพลงไทยจำนวนหนึ่งได้เป็นพันธมิตรกับบริการดังกล่าวแล้วเรียบร้อย
       
       ไม่เพียงบริการเพลง ศูนย์วิจัยของเทเลนอร์นอร์เวย์ยังพัฒนาโซลูชั่นอื่นเพื่อให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้มากขึ้น โดยพันธมิตรผู้ผลิตสินค้าทั่วไปที่สนใจติดซิมการ์ดของเทเลนอร์ไว้ภายในเพื่อนำไปสร้างเป็นโซลูชั่นหรือโปรแกรมรับส่งข้อมูลทางไกล มีทั้งผู้ผลิตรถยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ ระบบสื่อสารระหว่างพีซีและโทรศัพท์แบบไร้รอยต่อ (Unified Communication) และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ล้วนอำนวยความสะดวก ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารระยะไกลได้ดีขึ้น
       
       "เหตุผลที่เทเลนอร์พัฒนาโซลูชั่นเหล่านี้คือนโยบายบริษัทที่มองว่าเทเลนอร์จะไม่เติบโตในฐานะโอเปอเรเตอร์อย่างเดียว แต่จะขยายเข้ามาเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์ด้วย" ซึ่งจะเป็นนโยบายหลักที่บริษัทลูกในเครือเทเลนอร์จะเริ่มเดินตามในยุคที่รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) ลดลงต่อเนื่อง
       
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #130 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2011, 22:29:21 »


ทีโอทีชงแผน MVNO 3G เข้าบอร์ด 22 มิ.ย.นี้

ทีโอทีเตรียมส่งรายชื่อ MVNO 7 ราย ผ่านคุณสมบัติเข้าบอร์ด 22 มิ.ย.นี้ ‘อานนท์’ เผยความเป็นไปได้ต้องการ MVNO รายใหญ่เพียง 2 รายได้ความจุไม่เกิน 40% และมีรายเล็ก 5 รายขึ้นไปเพื่อป้องกันการครอบงำทีโอที
       
       นายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทีโอทีวันที่ 22 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จะมีการพิจารณาการปรับโครงสร้างองค์กร และแผนการให้บริการ 3G ในรูปแบบผู้ขายต่อบริการ หรือ Mobile Virtual Network Operator (MVNO) หลังจากที่บริษัท บอสตัน คอนเซ้าท์ติ้ง กรุ๊ป (บีซีจี) ได้ศึกษาแนวทางในการทำตลาด 3G ทั้งหมดของ ทีโอที และที่ผ่านมา ทีโอทีได้ส่งคำเชิญไปยังผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจในลักษณะ MVNO จำนวน 21 ราย เพื่อให้ยื่นข้อเสนอและข้อแลกเปลี่ยนในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน
       
       ล่าสุด ทีโอที ได้พิจาณาบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 7 ราย ซึ่งรวมทั้ง MVNO ที่ร่วมเป็นพันธมิตรอยู่ก่อนแล้วโดยอยากให้มีทั้งรายใหญ่และรายเล็ก
       
       ทั้งนี้ทีโอทีจะเน้นการทำตลาดผ่าน MVNO ใน 3 รูปแบบ คือ 1. MVNO รายใหญ่ โดยควรมีการเช่าใช้ความจุโครงข่ายไม่เกิน 40% ต่อราย เพื่อไม่ให้ MVNO ครอบงำทีโอที 2. MVNO รายย่อยที่จะเข้ามาช่วยการทำตลาด และ 3.ทีโอทีควรทำตลาดเองประมาณ 10%
       
       'ผมเห็นว่าควรมี MVNO รายใหญ่ไม่น่าจะเกิน 2 ราย และควรมีคาปาซิตี้ไม่เกิน 40% ในขณะที่ MVNO รายเล็กน่าจะมีซัก 5-6 ราย ซึ่งในการประชุมบอร์ดครั้งจะมีการเสนอรายชื่อ MVNO ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 7 ราย แต่ก็อาจจะไม่ใช่ MVNO 3G กับทีโอทีทั้งหมด ซึ่งต้องว่ากันไปในขั้นตอนของคุณสมบัติ และการเจรจาว่าจะตกลงกันได้อย่างไร แต่ทีโอทีจะเลือกบริษัทที่ให้ผลประโยชน์กับทีโอทีมากที่สุด'
       
       ส่วนการเจรจาเกี่ยวกับการใช้และเชื่อมต่อโครงข่ายกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส เพื่อเปิดโรมมิ่งวอยซ์ (เชื่อมต่อบริการเสียง) ให้กับลูกค้า 3G ของ ทีโอทีนั้นขณะนี้ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการเจรจากับเอไอเอส ซึ่งแนวทางการเจรจาเป็นไปได้ดีและใกล้ที่จะได้ข้อสรุปแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #131 เมื่อ: วันที่ 08 กรกฎาคม 2011, 23:13:25 »


'เอไอเอส' ลุย 3G 900MHz

ความร่วมมือล่าสุดระหว่างเอไอเอส และเมเจอร์ฯ ให้ลูกค้าเอไอเอสสัมผัส 4DX ราคาพิเศษ
 
 
       เอไอเอสพร้อมลุย 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz หลังได้รับอนุมัติ 1,884 สถานีฐาน ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ เชื่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมครึ่งปีหลัง รายได้ดาต้าโตเกิน 100% จากปัจจัยบวกด้านเครือข่าย ล่าสุดจับมือเมเจอร์ เปิดโรงภาพยนตร์ 'AIS 4DX' ที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
       
       นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) กล่าวว่าเอไอเอสเตรียมพร้อมเปิดให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ตามที่ได้อนุมัติเพิ่มเติมเป็น 1,884 สถานีฐานอย่างเป็นทางการในระยะเวลาอันใกล้นี้
       
       'เวลานี้ทั้งอุปกรณ์ คอนเทนต์ บริการต่างๆ พร้อมให้บริการบนเครือข่าย 3G แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ใช้บนคลื่นความถี่มาตรฐาน 2.1 GHz ที่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมกว่า แต่เชื่อว่าบนคลื่น 900 MHz ที่เอไอเอสมีจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน 3G ที่ครอบคลุมในพื้นที่ 1,884 สถานีฐานได้'
       
       ทั้งนี้เอไอเอสแบ่งสถานีฐานออกเป็นพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 1,340 สถานีฐาน ส่วนต่างจังหวัดอาทิ ประจวบคีรีขันธ์ 7 สถานีฐาน ชลบุรี 152 สถานีฐาน เชียงใหม่ 148 สถานีฐาน เชียงราย 48 สถานีฐาน ลำปาง 10 สถานีฐาน ภูเก็ต 78 สถานีฐาน นครราชสีมา 30 สถานีฐาน และขอนแก่น 25 สถานีฐาน
       
       แม้ว่าช่วงคลื่นความถี่ 900 MHz ที่เอไอเอสครอบครองทั้งหมด 17.5 MHz แต่จะแบ่งมาให้บริการเครือข่าย 3G แก่ประชาชนเพียง 5 MHz เท่านั้น แต่ยืนยันว่าประสิทธิภาพของการให้บริการที่ได้นั้นอยู่ในระดับมาตรฐาน
       
       'ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ช่วยทำให้ผู้ให้บริการสามารถบริหารคลื่นความถี่ที่มีเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีฐาน แต่แน่นอนว่าถ้าต้องการให้ครอบคลุมทั่วประเทศนั้น คงต้องมีไม่ต่ำกว่า 1.7 หมื่นสถานีฐานทั่วประเทศ ตามจำนวนสถานีฐานบนระบบ 2G เดิม'
       
       โดยการเข้ามาของ 3G ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตามจะช่วยให้ปริมาณการใช้งานข้อมูล (ดาต้า) เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีว่าจะมีอัตราการเติบโตราว 100% แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นได้มากกว่านั้น ซึ่งปัจจุบันดาต้าถือเป็นสัดส่วนรายได้ราว 17% ของรายได้รวม และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
       
       ทั้งนี้ นายสมชัย ยังฝากถึงรัฐบาลใหม่ และผู้ที่จะเข้ามากำกับดูแลกระทรวงไอซีทีให้กำหนดนโยบายเพื่อประชาชนส่วนรวม ก่อนผลักดันให้องค์กรอิสระอย่างกสทช. เข้ามาควบคุมดูแลผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคม
       
       'อุตสาหกรรมไอซีที จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน ให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี วางโครงสร้างการให้บริการเพื่อประชาชน อย่างบรอดแบนด์แห่งชาติ และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้บริการประชาชน'
       
       ล่าสุดเอไอเอสร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็ก ในการเป็นผู้สนับสนุนหลักเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ 4มิติ ภายใต้ชื่อ AIS 4DX ที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป และบริษัท โฟว์ดีเพล็กซ์ บริษัทในเครือ ซีเจ กรุ๊ป ประเทศเกาหลี โดยลูกค้าเอไอเอส จะรับส่วนลดค่าบัตรโรงภาพยนตร์ AIS 4DX 50 บาท 1 ที่นั่งสำหรับลูกค้าทั่วไป และ 2 ที่นั่งสำหรับลูกค้าเซเรเนด โดยราคาตั๋วภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ AIS 4DX เริ่มต้นที่ 300 - 500 บาท ตามช่วงวันที่ฉาย
       
       'การร่วมมือกับเมเจอร์ ถือเป็นหนึ่งในอีโคซิสเตมส์ ในฐานะพาร์ทเนอร์หลักมา 8 ปีแล้ว ดังนั้นการสนับสนุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่เอไอเอสเลือกมาสร้างประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์รูปแบบใหม่ให้แก่คนไทย'
 
 
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
หนอนน้อย
กระดื๊บ กระดื๊บ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,400


รักในสิ่งที่ทำ แล้วอะไรก็จะดี


« ตอบ #132 เมื่อ: วันที่ 24 กรกฎาคม 2011, 20:20:29 »

ดีแทคไม่สนอินทร์พรหม เปิด “3G HSPA” สิงหาคมนี้

ดีแทคเดิน หน้าเปิดบริการ 3G HSPA ความถี่ 850 MHz เชิงพาณิชย์กลางเดือน ส.ค.นี้ ไม่สน กสท ที่บอกให้รอความเห็นอัยการสุงสุด ยัน กสทช.ออกใบอนุญาตให้บริการ HSPA ภายใต้สัญญาสัมปทานแล้ว พร้อมลงทุนเพิ่มปีหน้า 750 ล้านบาทเพื่อให้ได้สถานีฐาน 3G จำนวน 2,000 ไซต์ทั่วประเทศ
       
       นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่าดีแทคเตรียมเปิดบริการเชิงพาณิชย์ 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA ความถี่ 850 MHz ในราวกลางเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้ หลังจากที่บอร์ดได้อนุมัติเงินลงทุนอีกประมาณ 850 ล้านบาท เพื่อติดตั้ง สถานีฐานอีก 800 ไซต์ เพื่อให้ครบตามแผนที่จะลงทุน 1,200 ล้านบาท ครอบคลุมสถานีฐาน 1,220 ไซต์ในปีนี้
       
       “ใน ขณะนี้การปรับปรุงเครือข่ายระยะแรกสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยจะเปิดให้พนักงานดีแทค 6,200 คนได้ทดลองใช้บริการ 3G ในวันที่ 25 ก.ค.ที่จะถึงนี้ก่อนจะเปิดให้บริการ เชิงพาณิชย์ต่อไป”
       
       ดีแทคยังมีแผนที่จะลงทุนเพิ่มอีก 750 ล้านบาทหรืออีก 780 ไซต์ในปีหน้า เพื่อให้ได้จำนวนสถานีฐานครบ 2,000 ไซต์ครอบคลุม 40 จังหวัด สำคัญของประเทศไทย
       
       สิ่งที่ทำให้ดีแทคตัดสินใจเดินหน้าให้บริการ 3G HSPA ความถี่ 850 MHz โดยไม่ต้องรอให้บริษัท กสท โทรคมนาคมอนุมัติ ตาม ที่นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าบริการเชิงพาณิชย์ของ 3G HSPA ดีแทคจำเป็นต้องรอความเห็นของอัยการสุงสุดก่อนเป็นเพราะว่าดี แทคได้รับใบอนุญาตให้ใช้วิทยุคมนาคมจากกสทช.ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นใบ อนุญาต วิทยุคมนาคมเพื่อให้บริการ HSPA ภายใต้สัญญาสัมปทานและเชื่อว่าใบ อนุญาตดังกล่าวก็เหมือนกับใบอนุญาตที่ให้ดีแทคนำเข้าและให้บริการอุปกรณ์ บนความถี่ 1800 MHz ในปัจจุบัน
       
       ‘ผม ยังไม่ได้คุยกับคุณจิรายุทธ แต่ดีแทคก็จะเดินหน้าต่อเพื่อให้บริการ 3G ที่สามารถเก็บค่าบริการได้ในเดือนส.ค.เพราะสิ่งที่ดีแทคทำเป็นประโยชน์กับ ทุกฝ่าย ทั้งลูกค้าที่ใช้บริการและกสทในฐานะเจ้าของสัมปทานที่ดีแทคจะต้องจ่ายส่วน แบ่งรายได้ในปีนี้ประมาณ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาทรวมทั้งต้องยกโครงข่าย ให้เป็นสมบัติของกสทด้วย’

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
จอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)
   
นอกจากนี้ ดีแทคจะเปิดแคมเปญ Life network โดย มองการใช้ชีวิต ประจำวันของลูกค้าเป็นที่ตั้งและหาบริการมาตอบสนองความต้องการไม่ว่าจะ เป็น 2G หรือ 3G ก็ตาม โดยดีแทคมองว่า 3G ไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของบริการ โดยคำว่า Life จะเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่าง คนกับเทคโนโลยี ซึ่ง Life Network จะสื่อให้เห็นถึงคุณค่าหลัก ของผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดของดีแทค โดยรายละเอียดของแคมเปญ จะทยอยปรากฏในช่องทางสื่อสารการตลาดต่างๆที่หลากหลายในเร็วๆนี้
       
       ส่วน กรณีปัญหาดีแทคถูกกล่าวหาว่าเป็นบริษัทต่างด้าวนั้น ในขณะนี้ รู้สึกดีที่กระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง และดีแทคพร้อมให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นในบอร์ด ดีแทคก็ให้การสนับสนุนดีแทคในการรับมือกับปัญหาดังกล่าวกับแถลงการณ์ต่างๆ ที่ออกไปก่อนหน้านี้ แต่ข้อมูลที่เหนือไปกว่านั้น เป็นเรื่องของผู้ถือหุ้น
IP : บันทึกการเข้า

Tel.087-7268139
น้าวัยทองฯ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,912



« ตอบ #133 เมื่อ: วันที่ 24 กรกฎาคม 2011, 20:44:31 »

ขอสอบถามหน่อยครับ

อยากทราบว่า บริษัทไหนได้เริ่มทำ 3G เป็นรายแรกของประเทศไทยครับ

ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า

Temujin
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,998


** แบ่งปัน ไม่แบ่งแยก..แตกต่าง ไม่แตกแยก แตกหัก **


« ตอบ #134 เมื่อ: วันที่ 25 กรกฎาคม 2011, 01:10:01 »

ขอสอบถามหน่อยครับ

อยากทราบว่า บริษัทไหนได้เริ่มทำ 3G เป็นรายแรกของประเทศไทยครับ

ขอบคุณครับ

ขออนุญาตตอบแทนครับ CAT กับ ฮัทเช่ย..ครับเจ้าแรก แต่ตอนนี้เป็นไข้หวัดเลยเป็น True แทน

แล้วก็ AIS ที่เชียงใหม่ในระบบ 900 ตามด้วย TOT ระบบ 2100 (กทม.ปริฯ อยุธยา)และก็เจ้าแรกก็จะทำรบบบใหม่เป็น HSPA+ คลื่นเดิม 1900

แต่ต่อไปเค้าเรียกว่า 3.9G นะ รวมทั่ง DTAC ด้วยในระบบ 1800  เท่าที่ดู ก็เกือบทุกค่ายแหละ ตอนนี้

เพียงแต่ไม่ใช่ระบบเดียว ดีจะได้แข่งกันไม่ต้องแย่งคลื่นกันวิ่ง แต่หาอุปกรณ์ ที่รองรับหลายๆ ระบบหน่อยแล้วกัน

ระบบ 1900 กะ 2100 จะมาคู่กันครับ แต่ระบบ 900 กะ 1800 นี้ยังไม่มาคู่กัน ไม่รู้เพราะอะไร..



ปล. CAT & True =1900 (HSPA+) ,TOT = 2100 (HSPA), AIS = 900 (....), DTAC =1800 (...)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 กรกฎาคม 2011, 01:12:27 โดย Temujin » IP : บันทึกการเข้า

สัตว์มีสัญชาตญาณ   มนุษย์มีวิตจารณญาณ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (หลัก กาลามสูตร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #135 เมื่อ: วันที่ 29 กรกฎาคม 2011, 10:04:10 »

เอไอเอส 3G บนคลื่น 900 MHzรองรับเฉพาะอุปกรณ์รุ่นใหม่อ​ย่างไอโฟน 4 และไอแพด 2 รวมถึงนานาแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน​แบรนด์แกแลกซี่จากซัมซุงเท่านั้​น ทำให้ไอโฟนรุ่นเก่าอย่าง 3GS และ iPad 1 หมดสิทธิ์ใช้ 3G จากเอไอเอสไปโดยปริยาย ระบุขอชิมลาง 3G ในกรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดก่อนจะ"ส่งมอบบริการ 3G ที่แท้จริง" บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz


http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000093392

Edited - เอไอเอสเปิดซิงแพคเกจ 3G ประเดิมราคาเริ่มต้น 3G-Wifi-EDGE ราคาเริ่มที่ 150 บาทต่อเดือน ยืดหัวหาด 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ให้ชาวเอไอเอสใช้อินเทอร์เน็ตขณะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น แต่น่าเสียดายที่ 3G บนคลื่น 900 MHz นั้นรองรับเฉพาะอุปกรณ์รุ่นใหม่อย่างไอโฟน 4 และไอแพด 2 รวมถึงนานาแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนแบรนด์แกแลกซี่จากซัมซุงเท่านั้น ทำให้ไอโฟนรุ่นเก่าอย่าง 3GS และ iPad 1 หมดสิทธิ์ใช้ 3G จากเอไอเอสไปโดยปริยาย ระบุขอชิมลาง 3G ในกรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดก่อนจะ"ส่งมอบบริการ 3G ที่แท้จริง" บนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ต่อไป
       
       เอไอเอสระบุว่า ลูกค้าที่มีโทรศัพท์รองรับระบบ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz จะได้รับการ upgrade ความเร็วสูงสุดพื้นฐานไปถึง 384 Kpbs. โดยลูกค้าที่ต้องการความเร็ว 3G อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานอินเทอร์เน็ตตามเวลาไปจนถึงการใช้งานที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลาอย่างสมาร์ทโฟน สามารถสมัครแพ็กเกจ 3G - Wifi - EDGE+ ในราคาเริ่มต้นเดือนละ 150 บาท
       
       "สำหรับลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ iPhone , Blackberry 300 บาท และ 799 บาท รวมถึงลูกค้าที่อยู่ในแพ็กเกจการใช้งาน unlimited 799 บาท จะได้รับการ upgrade ใช้ 3G อัตโนมัติ ภายในรอบบิลถัดไป โดยไม่ต้องสมัคร” เอไอเอสระบุ
       
       แพคเกจบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ของเอไอเอสนี้เกิดขึ้นระหว่างที่บริษัทรอความชัดเจนของการเปิดประมูล 3G ของภาครัฐ เอไอเอสจึงตัดสินใจเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งาน Data บนเครือข่ายความเร็วสูงหรือ Hi Speed คือ 3G, Wifi, EDGE+ ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่โลก online ได้อย่างต่อเนื่อง สะดวกสบาย ทุกที่ ทุกเวลา
       
       เอไอเอสระบุว่า บริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz ของเอไอเอสจะขยายเพิ่มเติมในพื้นที่กรุงเทพและอีก 7 จังหวัด (จะเป็น 9 จังหวัดในสิ้นปี ’54) ประกอบด้วย กรุงเทพ, เชียงใหม่ ,ชลบุรี, หาดใหญ่-สงขลา, ภูเก็ต, ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี และนครราชสีมา รองรับมาตรฐานความเร็วสูงสุดถึง 21.6 Mbps , Wifi มากกว่า 30,000 จุด (จะเป็น 50,000 จุดภายในสิ้นปี’54) และ EDGE+ ครอบคลุมทั่วไทย ให้ผู้ใช้อัปโหลดข้อมูลสูงสุดถึง 236 Kbps. (เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ) และดาวน์โหลดข้อมูลสูงสุดถึง 296 Kbps. (เพิ่มขึ้นเป็น 25%) พร้อมโทรออก-รับสายได้แม้ขณะท่องโลกออนไลน์ จึงไม่พลาดทุกการติดต่อ
       
       นอกจากแพคเกจ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz เอไอเอสยังเปิดตัว 3 Application เอาใจลูกค้า ได้แก่ AIS Bookstore, AIS Music Store และ AIS App Store
       
       AIS Bookstore จะเป็นบริการ E-Book Store จำหน่ายหนังสือบนโลก online ที่ใหญ่ที่เอไอเอสได้ร่วมมือกับสำนักพิมพ์ชั้นนำในประเทศไทย เปิดให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดนิตยสารและพ็อคเก็ตบุ๊คชั้นนำกว่า 200 หัว จากกว่า 40 สำนักพิมพ์ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งบน iOS และ Android ขณะที่ AIS Music Store โดยเอไอเอสได้ร่วมกับค่ายเพลงในเมืองไทย เปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลด ฟัง และแชร์เพลงได้ไม่อั้นกว่า 60,000 เพลงในราคาสุดคุ้มแบบเหมาจ่าย ที่รวมค่าบริการ Data ไว้ด้วย
       
       และ AIS App Store ประตูสู่โลก Application ที่เอไอเอสการันตีว่าดีที่สุดทั้งไทยและต่างประเทศ รองรับทุกระบบปฏิบัติการ อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึง application ง่ายขึ้น
       
       สำหรับภาพรวมธุรกิจ เอไอเอสระบุว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถครองส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่ 54.5% ท่ามกลางปริมาณลูกค้าที่ใช้โมบาย อินเตอร์เน็ต ที่สูงถึง 7.5 ล้านคน ยอดการดาวน์โหลดคอนเท็นต์มากกว่า 48 ล้านครั้งต่อปี
       
       ***ดีแทคพร้อมรบ 3G กลางเดือนสิงหาคม 54
       
       ในขณะที่เอไอเอสเปิดบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 900 MHz อย่างเป็นทางการ ดีแทค (DTAC) ก็ประกาศความพร้อมให้บริการ 3G HSPA บนคลื่น 850 MHz เพื่อเปิดให้บริการกลางเดือนสิงหาคม 2554 นี้ โดยดีแทคการันตีว่า 3G ของดีแทคจะทำให้ลูกค้าจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากประสบการณ์และโซลูชันบริการใหม่ซึ่งจะเกิดขึ้นตามมา
       
       Company Related Link :
       AIS
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!