มฟล.ดึงภาครัฐ-เอกชน-นักวิชาการ ถกผลกระทบแผ่นดินไหว
3 พค. 2554 20:30 น.
ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง(มฟล.) จ.เชียงราย ได้มีการจัดการเสวนาเรื่อง "ทิศทางเศรษฐกิจเชียงรายและภาคเหนือตอนบน-ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว" โดยมีนายสัตวแพทย์ ดร.เทอด เทศประทีม รักษาการแทนอธิการบดี มฟล.เป็นประธาน และมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านแผ่นดินไหว การปกครองและเศรษฐกิจเข้าร่วมครบครัน โดยมีผู้เข้ารับฟังประมาณ 200 คน ซึ่งนายสัตวแพทย์ ดร.เทอด ให้เหตุผลว่าสาเหตุที่มีการจัดเสวนาเพราะเชียงรายตั้งอยู่บนรอยเลื่อนที่มีพลังมากถึง 4 รอย คือรอยเลื่อนเชียงแสน รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่อิง และรอยเลื่อนมูลาว
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ ประธานกรรมการอำนวยการ มฟล. กล่าวว่า ผลของการเกิดแผ่นดินไหววัดความแรงตามมาตราวัดริคเตอร์ได้ 6.7 ริกเตอร์ ในประเทศพม่าห่างจาก อ.แม่สาย ประมาณ 56 กิโลเมตรเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้สร้างผลกระทบหลายเรื่อง ทั้งความวิตกกังวล รวมไปถึงด้านการท่องเที่ยว โดยหลังเหตุการณ์นักท่องเที่ยวก็เริ่มเดินทางออกจากจังหวัด ผู้จะเดินทางไปใหม่ก็มักถามข้อมูลเรื่องความมั่นคงของอาคาร สถานการณ์แผ่นดินไหว ฯลฯ ขณะที่ จ.เชียงรายมีความอ่อนไหวหลายด้านจึงจัดเสวนาเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว
ด้านนายสุวิทย์ โคสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนวิจัยรอยเลื่อนมีพลัง กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า รอยเลื่อนขนาดใหญ่บริเวณ สปป.ลาว-พม่า ใกล้กับภาคเหนือของไทยคือฝั่งพม่ามีรอยเลื่อน "สะแก" ซึ่งเป็นรอยใหญ่ตัดผ่ากลางเมืองปิ่นมะนาเมืองหลวงใหม่ของพม่าโดยเคยไหวแรงถึง 7 ริกเตอร์ ส่วนฝั่งตะวันออกเป็นรอยเลื่อนไม่ใหญ่ แต่มีลักษณะแตกแขนงเป็นหลายรอย โดยรอยเลื่อนใหญ่ที่สุดคือรอยเลื่อน "น้ำมา" ในพม่า ซึ่งสร้างผลกระทบไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ดังกล่าว และมีรอยเลื่อนย่อยอื่นๆเป็นแขนง เช่น รอยเลื่อนแม่จัน แม่อิง ฯลฯ
สำหรับรอยเลื่อนแม่จันเป็นรอยเลื่อนที่ยาวที่สุด และอาจส่งผลกระทบ โดยมีความยาวประมาณ 150 กิโลเมตร ตั้งแต่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ทอดยาวผ่านบ้านกิ่วสะไต-บ่อน้ำพุร้อนป่าตึง-แม่จัน-เชียงแสน-สปป.ลาว โดยสันนิฐานว่าเคยไหวแรงจนทำให้เกิดตำนานเวียงหนองหล่มหรือเมืองในอาณาจักรโยนกนครล่มลงเมื่อนับพันปีก่อน ทั้งนี้สำหรับภาพรวมของเชียงรายหรือภาคเหนือของไทยถือว่าอยู่ในเขตแผ่นดินไหวระดับปานกลาง ไม่รุนแรงเหมือนในพม่า กระนั้นก็ไม่ควรประมาทเพราะแผ่นดินไหวพยากรณ์ล่วงหน้าไม่ได้ จึงขอให้ทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชนทั่วไปได้ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคารซึ่งกำหนดให้ 10 จังหวัดภาคเหนือสร้างให้รองรับแผ่นดินไหว ดูแลโดยกรมโยธาะการและผังเมืองซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2540อย่างเข้มงวดด้วย สำหรับรอยเลื่อนต่างๆ มีการพยากรณ์รอบของการสั่นไหวแตกต่างกันไป เช่น รอยเลื่อนสะแกในพม่ามีรอบการไหว 100 ปี ส่วนรอยเลื่อนแม่จันประมาณ 1,000 ปี
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากนั้นมีการเสวนาทิศทางเศรษฐกิจเชียงรายและภาคเหนือตอนบน โดยมีวิทยากรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวครบครัน ซึ่งนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้ให้รายงานถึงความพร้อมของภาครัฐในการระดมพลหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ส่วน ดร.ปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่นครั้งล่าสุด ทำให้การเจริญเติบโตของญี่ปุ่นลดลงเพียง 0.2-0.5% ดังนั้นผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อม
ด้านนายศุกรีย์ สิทธิวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า เชียงรายควรโหมประชาสัมพันธ์ 750 ปีเมืองเชียงราย เพื่อสร้างกระแสด้านการท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้เกิดความวิตกมากเกินไปเพราะยังมีสิ่งดีๆ มากมาย
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=508138