เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2025, 21:46:43
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  โครงสร้างภาษีใหม่รถยนต์....มาดูกัน
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน โครงสร้างภาษีใหม่รถยนต์....มาดูกัน  (อ่าน 1276 ครั้ง)
금정
ถ้าไปตรงๆไม่ได้ ก็จงไป 'ทางอ้อม' และถ้าไปข้างบนไม่ได้ ก็จงไปข้างล่าง อย่ายอมแพ้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,423



« เมื่อ: วันที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 14:33:57 »


นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จะเปลี่ยนจากเก็บภาษีตามความจุกระบอกสูบ มาเป็นการเก็บภาษีตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งจะส่งผลให้การเสียภาษีรถยนต์ใหม่มีทั้งลดลงเท่าเดิม และเพิ่มขึ้น โดยรถยนต์ที่จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถกระบะและรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ เฉลี่ย 8,000-2 แสนบาทเศษ
นายสมชาย ชี้แจงว่า ถ้าหากคิดจากฐานราคารถยนต์ที่ซื้อขายกันในปัจจุบัน รถกระบะปิกอัพและสเปซแค็บถ้ามีการปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. จะเสียภาษีเพิ่มจากเดิม 3% เป็น 5% หรือจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยคันละ8,000-1.5 หมื่นบาท เพราะส่วนใหญ่มีการปล่อย CO2 เกินกว่ากำหนดทั้งสิ้น.... อ่านต่อได้ที่
ขณะที่รถกระบะดับเบิ้ลแค็บนั้นน่าจะเสียภาษีเพิ่มจากเดิม 12% เป็น 15% หรือตกประมาณคันละ 2.5-3 หมื่นบาท เนื่องจากส่วนใหญ่ปล่อยก๊าซ CO2 เกินกว่ากำหนด
นอกจากนี้ กลุ่มรถยนต์กระบะดัดแปลงหรือพีพีวี ที่เคยเสียภาษีอัตรา 20% ได้มีการปรับภาษีขึ้นจากเดิมเพราะถือเป็นรถยนต์นั่งโดยสารไม่ใช่รถเพื่อใช้ในการพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะปล่อย CO2 เกินกว่ากำหนดเพราะเป็นเครื่องยนต์เดียวกับรถกระบะทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 25-30% หรือตกคันละ 7 หมื่น-1.9 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม กลุ่มรถยนต์นั่งหรือรถเก๋งขนาดเล็กและขนาดกลางจะเสียภาษีเท่าเดิม เพราะเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1800 ซีซี แต่รถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1800 ซีซี จะปล่อย CO2 เกิน 150 กรัม/กม. ทำให้เสียภาษีเพิ่มเป็น 35-40%หรือเสียภาษีเพิ่มขึ้นคันละ 6 หมื่น-2.3 แสนบาท
สำหรับรถเก๋งเครื่องยนต์ผสมไฟฟ้า หรือรถไฮบริดหากปล่อยCO2 เกินกว่ากำหนดจะเสียภาษีเพิ่มเป็น 20-25% หรือเสียภาษีเพิ่มคันละ 7 หมื่น-4.8 แสนบาท
เครดิต www.posttoday.com

IP : บันทึกการเข้า
tung 7737
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,801



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 15:32:32 »

ราคารถใหม่จะสูงขึ้นใช่ไหม  ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ทำดี ขยัน อดทน ความจนอยู่ได้ไม่นาน
คนขาย น่ะ ..ไม่รีบ แต่คนชื้อ น่ะ..รีบๆหน่อยนะ
๛หนูแหม่ม_ฮ่าๆๆ—”๏”
เรียนอยู่ระดับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,755


"ความรักไม่มีจริง...."


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 20:04:02 »

ราคารถใหม่จะสูงขึ้นใช่ไหม  ครับ

ใช่ค่ะ แต่อีโคคาร์เท่าเดิม คิดจากการปล่อย CO2 
IP : บันทึกการเข้า

"บนท้องฟ้ายังมีดวงดาว ชีวิตคนเรายังมีหวัง ยังยืนได้แม้เพียงลำพัง หัวใจยังมีฝันเรายังยิ้มได้"

Line ID : mam.88
theheroman
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 21:11:55 »

 ตกใจ ตกใจ ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า
คนกินเจ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,007



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 30 พฤศจิกายน 2015, 21:32:54 »

หมายถึงภาษีที่เจ้าของรถเสียกันทุกปี หรือ ผู้ผลิตเสียเอง แต่ราคารถใหม่อาจจะแพงขึ้น ใช่ใหมครับ ส่วนรถมือสองที่ซื้อขายกันทั่วไปจะเกี่ยวกับภาษีใหม่นี้หรือเปล่า
IP : บันทึกการเข้า
๛หนูแหม่ม_ฮ่าๆๆ—”๏”
เรียนอยู่ระดับ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,755


"ความรักไม่มีจริง...."


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 01 ธันวาคม 2015, 09:39:48 »

หมายถึงภาษีที่เจ้าของรถเสียกันทุกปี หรือ ผู้ผลิตเสียเอง แต่ราคารถใหม่อาจจะแพงขึ้น ใช่ใหมครับ ส่วนรถมือสองที่ซื้อขายกันทั่วไปจะเกี่ยวกับภาษีใหม่นี้หรือเปล่า

เข้าใจว่าเก็บเฉพาะภาษีที่เป็นรถใหม่นะคะ ทำให้รถยนต์แพงขึ้น ถ้าเป็นภาษีประจำปี ขึ้นแพงขนาดนี้ตายพอดี ปั่นรถถีบดีกว่าเจ้า
ปล.  รอผู้รู้มาชี้แจงเพิ่มเติมนะคะ
IP : บันทึกการเข้า

"บนท้องฟ้ายังมีดวงดาว ชีวิตคนเรายังมีหวัง ยังยืนได้แม้เพียงลำพัง หัวใจยังมีฝันเรายังยิ้มได้"

Line ID : mam.88
금정
ถ้าไปตรงๆไม่ได้ ก็จงไป 'ทางอ้อม' และถ้าไปข้างบนไม่ได้ ก็จงไปข้างล่าง อย่ายอมแพ้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,423



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 01 ธันวาคม 2015, 13:53:29 »

หมายถึงภาษีที่เจ้าของรถเสียกันทุกปี หรือ ผู้ผลิตเสียเอง แต่ราคารถใหม่อาจจะแพงขึ้น ใช่ใหมครับ ส่วนรถมือสองที่ซื้อขายกันทั่วไปจะเกี่ยวกับภาษีใหม่นี้หรือเปล่า

เข้าใจว่าเก็บเฉพาะภาษีที่เป็นรถใหม่นะคะ ทำให้รถยนต์แพงขึ้น ถ้าเป็นภาษีประจำปี ขึ้นแพงขนาดนี้ตายพอดี ปั่นรถถีบดีกว่าเจ้า
ปล.  รอผู้รู้มาชี้แจงเพิ่มเติมนะคะ

ใช่เเล้วภาษีรถใหม่ คือสรรพสามิตจะเก็บภาษีที่คิดกับรถยนต์ของบริษัทผู้ผลิต เช่น บ. ตยต เป็นต้น  เเล้วผู้รับเคราะห์ก็ตกอยูุ่ที่เรา คือผู้บริโภค ครับ
ขอบคุณ หนูแหม่มมากๆเลย ครับที่ช่วย ตอบ ให้กับ ลุงนะ
IP : บันทึกการเข้า
Ossy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 485



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 02 ธันวาคม 2015, 22:33:02 »

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าภาษีสรรพสามิตนั้น เป็นภาษีที่ทางโรงงานผู้ผลิตรถยนต์จะต้องจ่ายเข้ารัฐ
เป็นการเก็บภาษีรถใหม่ที่ผลิตออกมาจากโรงงาน บางทีจะเรียกว่า ภาษีหน้าโรงงาน
         
ส่วนภาษีรถยนต์ที่เราเสียทุกปีนั้น เป็นภาษีต่อป้ายทะเบียนรถ ที่เราต้องให้กับกรมขนส่ง   
      
สำหรับภาษีสรรพสามิตที่จะเรียกเก็บกับรถใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559      
กล่าวคือ รถที่ผลิตออกจากโรงงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไป
จะต้องจ่ายภาษีสรรพสามิตตามเงื่อนไขใหม่ (ส่วนรถที่ผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 ยังคงใช้ภาษีอัตราเดิม)

ภาษีสรรพสามิตใหม่นั้น ประเด็นหลัก ๆ ก็คือ ถ้ารถคันไหนปล่อยก๊าซ CO2 มาก (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)
ก็ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง ซึ่งมีการแบ่งอัตราการจ่ายภาษีป็นขั้น ๆ ตามแต่ละประเภทของรถยนต์

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้ารถยนต์ประเภทนั้น ๆ ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำ
ก็จะยังจ่ายภาษีสรรพสามิตในอัตราเดิม แต่ถ้าปล่อยเยอะขึ้น ก็จะจ่ายภาษีสรรพาสามิตสูงขึ้น

จริง ๆ แล้ว ภาษีสรรพสามิตนี้ เป็นความรับผิดชอบของโรงงานผู้ผลิตรถยนต์อยู่แล้ว
แต่ถ้าจะต้องจ่ายมากขึ้น ก็คงจะต้องมาบวกเพิ่มกับราคาขายของรถยนต์อยู่ดี
เพื่อให้ได้กำไรเท่าเดิม (ไม่ยอมขาดทุนกำไร )

1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี

- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร     จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร       จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร        จัดเก็บภาษี 40% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)      
      ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถึงแม้จะปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็เพิ่มขึ้นอยู่ดี
      สรุป  ราคาขายก็จะเพิ่มขึ้น

2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร    จัดเก็บภาษี 25% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
- ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร      จัดเก็บภาษี 30% (เดิมจัดเก็บภาษี 25%)
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร        จัดเก็บภาษี 35% (เดิมจัดเก็บภาษี 30%)   
      ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถ้าปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็จ่ายเท่าเดิม
      สรุป  ราคาขายน่าจะเท่าเดิม (กรณีผู้ผลิตสามารถทำรถให้ปล่อยก๊าซได้ต่ำ)

3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 10%)
 - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร           จัดเก็บภาษี 10%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร         จัดเก็บภาษี 20%
- ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร         จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร                จัดเก็บภาษี 30%      
        ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถ้าปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็จ่ายเท่าเดิม
        สรุป  ราคาขายน่าจะเท่าเดิม (กรณีผู้ผลิตสามารถทำรถให้ปล่อยก๊าซได้ต่ำ)

4. รถยนต์ Eco Car (เดิมจัดเก็บภาษี 17%)
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และใช้น้ำมัน E85 ได้         จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร                                     จัดเก็บภาษี 14%
- ปล่อยก๊าซเกิน 100-120 กรัมต่อกิโลเมตร                                  จัดเก็บภาษี 17%
         ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถ้าปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็จะจ่ายน้อยลง
                        แต่ยังไงภาษีสรรพสามิตก็จะไม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นเงื่อนไข Eco Car
         สรุป  ราคาขายควรจะถูกลง    ( เลวร้ายสุด ก็น่าจะเท่าเดิม )            
                  
5. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ(กระบะตอนเดียว) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร          จัดเก็บภาษี 3%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร              จัดเก็บภาษี 5%
         ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถ้าปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็จ่ายเท่าเดิม
         สรุป  ราคาขายน่าจะเท่าเดิม (กรณีผู้ผลิตสามารถทำรถให้ปล่อยก๊าซได้ต่ำ)

6. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ(กระบะมีแค็ป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 3%)
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร        จัดเก็บภาษี 5%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร           จัดเก็บภาษี 7%
          ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถึงแม้ปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ แต่ภาษีสรรพสามิตก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น   
          สรุป  ราคาขายยังไงก็ต้องแพงขึ้น แพงมากแพงน้อยก็ขึ้นอยู่กับอัตราการปล่อยก๊าซ

7. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (สี่ประตู) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 12%)   
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร        จัดเก็บภาษี 12%
- ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร            จัดเก็บภาษี 15%
         ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถ้าปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ ภาษีสรรพสามิต ก็จ่ายเท่าเดิม
         สรุป  ราคาขายน่าจะเท่าเดิม (กรณีผู้ผลิตสามารถทำรถให้ปล่อยก๊าซได้ต่ำ)

8. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี (เดิมจัดเก็บภาษี 20%)
- ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร         จัดเก็บภาษี 25%
- ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร          จัดเก็บภาษี 30%
         ข้อสังเกตุ  รถกลุ่มนี้ ถึงแม้ปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ แต่ภาษีสรรพสามิตก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
         สรุป  ราคาขายยังไงก็ต้องแพงขึ้น แพงมากแพงน้อยก็ขึ้นอยู่กับอัตราการปล่อยก๊าซ

สุดท้ายแล้ว ภาพรวมของภาษีสรรพสามิตแบบใหม่นี้ ก็จะทำให้ผู้ผลิต ได้กำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
แต่ปริมาณการขายรถยนต์โดยรวม ยอดการขายน่าจะลดลง เพราะรถยนต์ราคาจะแพงขึ้น
ซึ่งรถบางรุ่นไม่น่าที่จะปรับราคาขึ้น เพราะปล่อยก๊าซในอัตราที่ต่ำ  แต่ทางผู้ผลิตก็จะมีการอ้างข้อมูล
ว่าภาษีสรรพสามิตมันเพิ่มขึ้น ก็จำเป็นต้องปรับราคา (เอาความจริงมาบอกไม่หมด)

อีกอย่างหนึ่ง ใครอยากรู้ว่ารถที่เราจะซื้อนั้น มันปล่อยก๊าซ CO2  เท่าไหร่
เดี๋ยวนี้มันจะมีป้ายบอกรายละเอียดติดไว้ที่ตัวรถให้เราได้ดูกันแล้ว เรียกว่า ECO Sticker
ซึ่งเป็นกฏหมายใหม่ รถทุกคันต้องติด ECO Sticker ให้ลูกค้าได้ทราบข้อมูล
ข้อมูลที่มันจะโชว์ที่ ECO Sticker นั้น เช่น  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน , อัตราการปล่อยก๊าซ CO2
, Option ต่าง ๆ ของรถ , รายละเอียดผู้ผลิต , ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยอะไรบ้าง ฯ

ซึ่งมันจะเป็นการดีสำหรับผู้ที่คิดจะซื้อรถใหม่ ที่จะได้รู้ข้อมูลของรถเพื่อสามารถเปรียบเทียบ
ข้อดี ข้อเด่น ของรถแต่ละยี่ห้อ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 02 ธันวาคม 2015, 22:40:20 โดย Ossy » IP : บันทึกการเข้า

จุดยืนของทุกคนคือ ส้นตีนตัวเองครับ
pom_9963
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,742


โปรแกรมสำเร็จรูปให้เช่า Line >> itsmypoodle


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 03 ธันวาคม 2015, 09:05:30 »

รถออกใหม่ก็ปรับราคากันทุกปีอยู่แล้ว ทั้งๆที่ลดคุณภาพวัสดุประกอบ
IP : บันทึกการเข้า
jesa
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 03 ธันวาคม 2015, 10:16:07 »

รถที่ซื้อวันนี้ ถึงสิ้นปี ซื้อไปได้ราคาเดิม ศูนย์รถเร่งเชียร์เพื่อระบายสต๊อกให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องแก้ไข..
รถคันเดิมนี้ที่ใครไปซื้อปีหน้า ก็ต้องเพิ่มตามราคาภาษีใหม่....

ในทางปฏิบัติจริง   รถเก่าในสต๊อกทั้งหมด หากทุกอย่างเหมือนเดิม ก็จะไม่มีใครซื้อ ยอมรอซื้อรุ่นใหม่แบบใหม่ไปเลย   รถรุ่นเก่าจึงเป็นปัญหาของแต่ละบริษัท เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงสารพัดวิธีแล้วออกมาขายให้ได้ และต้องดูวิธีด้วยว่าเปลี่ยนแล้วจะคุ้มค่ามั๊ย? ถ้าไม่คุ้มคงไม่ทำ ถ้าคุ้มคงทำแล้วราคาเพิ่มก็ตามมา....
(ตอนนี้แผนกระตุ้นเดือนสุดท้ายเห็นเชียร์มั่วไปหมดทั้งป้ายแดงและมือสอง.. อย่าไปหลงเชื่อมากนัก)

แผนจัดเก็บใหม่นี้ ไปยกอ้างอิงตาม มาเลเซีย เวียดนาม สิงค์โปร์เพื่อนบ้าน ที่ร่ำรวยหรือไม่ก็มีรถยี่ห้อประจำชาติของตัว แล้วปรับเอาใกล้เคียงตามเค้า     ทั้งๆที่เราเองจนกรอบและภาพลักษณ์ไม่ได้ดีใน AEC ถึงจะเรียกเก็บจากบริษัทผลิตรถต่างประเทศได้เงินเพิ่มมาก็ตาม   แต่ผมว่าภาระสุดท้ายมันก็กลับวนมาตกที่ประชาชนคนตาดำๆที่ต้องซื้อจากเค้าอยู่เหมือนเดิม  คิดว่าบริษัทพวกนั้นจะโง่ขาดทุนเองเหรอ?

นึกๆก็ขำ...เมื่อก่อนน้ำมันรถยนต์ ที่ไหนเติมสารโซเวน แอลกอฮอล์ บอกว่าน้ำมันปลอมๆๆๆ บลาๆๆๆ   วันนี้พอทำเองน้ำมันเติมแอลกอฮอล์ เรียกชื่อสวยหรู บอกดีๆๆๆ , ติดแก๊สรถบอกจะระเบิดตายยกคัน วันนี้เป็นล่ำเป็นสันติดกันเต็มเมือง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา..
** แล้ววันไหน? จะเปลี่ยนใจกลับมาเก็บตามกระบอกสูบแบบเดิมมั๊ยหนอ?

IP : บันทึกการเข้า
nutjunior
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,131


น้องแพน แพน


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 04 ธันวาคม 2015, 05:58:41 »

รถมือสองราคาน่าจะปรับขึ้นด้วยแน่นอน
IP : บันทึกการเข้า

นัท 083-5752391
Line nutjuniorr
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!