กำลังเห็นข่าวเหมือนกันครับ เลยเอาประวัติมาฝาก
นายฮอสนี มูบารัค ประธานาธิบดีแห่งอียิปต์ มีชื่อเต็มว่า มูฮัมหมัด ฮอสนี ซายอิด มูบารัค เกิดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2471 ที่เมืองคาฟร์ เอล เมสเซลาห์ ในแคว้นโมนูเฟียของอียิปต์ โดยเขาเกิดมาในครอบครัวผู้มีอันจะกิน และได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่เยาว์วัย โดยเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยแห่งอียิปต์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์การทหาร
ในปี 2492 มูบารัคเข้ารับราชการในกองทัพอากาศอียิปต์ และได้ทำหน้าที่นักบินประจำการ ซึ่งหน้าที่การงานในกองทัพของเขาก้าวหน้าเป็นลำดับ จนในที่สุดเขาก็ได้รับยศจอมพลอากาศ และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพอากาศในช่วงสงครามอาหรับ - อิสราเอล ครั้งที่ 2 ในปี 2516
มูบารัค ลาออกจากตำแหน่งในกองทัพ และก้าวเข้าสู่วงการเมืองในปี 2518 เขาเข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในรัฐบาลของประธานาธิบดี อัลวา ซาดัด ซึ่งในฐานะรองประธานาธิบดี เขามีผลงานในการเจรจาทางการทูตกับชาติตะวันตกหลายครั้ง จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอียิปต์กับชาติตะวันตก เป็นไปอย่างราบรื่น ต่างจากชาติอาหรับอื่นๆ
ต่อจากนั้นไม่นาน เส้นทางผู้นำประเทศก็เปิดกว้าง โดยปี 2524 หลังการถึงแก่อสัญกรรมของประธานาธิบดีซาดัด ที่ถูกลอบสังหารโดยกลุ่มหัวรุนแรง ที่ไม่พอใจการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล ศัตรูตลอดกาลของชนชาติอาหรับ ชื่อเสียงและผลงานที่โดดเด่นของฮอสนีย์ มูบารัค ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 4 ของสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ แบบไร้ปัญหา และปกครองประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในช่วงแรกของการเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง ด้วยภาพลักษณ์การเป็นคนมีวาทะศิลป์ ภาวะความเป็นผู้นำสูงและความสามารถในการเจรจาแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างชาญฉลาด ทำให้เขาไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมในชาวอียิปต์เท่านั้น แต่ในเวทีนานาชาติ ประธานาธิบดีผู้นี้ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเช่นกัน ทำให้อียิปต์ภายใต้การนำของเขานั้น มีความสัมพันธ์อันดีกับชาติมหาอำนาจหลายๆชาติ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกันความสัมพันธ์กับชาติเพื่อนบ้านในแอฟริกาเหนือและชาติมุสลิมอื่นๆ ทั้งที่เป็นมิตรและเป็นศัตรูกับชาติตะวันตกก็เป็นไปอย่างดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง ที่ทำให้ตัวเขานั้นได้รับความไว้วางใจจากชาวอียิปต์ ที่เลือกให้เขาดำรงตำแหน่งต่อเนื่องยาวนานมากว่า 30 ปี ถือเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในประวัติศาสตรืการเมืองของอียิปต์ แม้ว่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรมของระบบการเลือกตั้งของอียิปต์ ที่ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ให้กับมูบารัคก็ตาม
ตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาถูกลอบสังหารถึง 6 ครั้ง ด้วยวิธีการต่างๆทั้งการลอบยิง ลอบวางระเบิด บุกจู่โจมด้วยมีด หรือแม้แต่ใช้แก๊สพิษ แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง จนทำให้เขาได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า ประธานาธิบดีกระดูกเหล็กและเป็นที่คาดการณ์กันว่า เขาคงจะดำรงตำแหน่งประธานานธิบดีอียิปต์ไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
แต่แล้วเก้าอี้ประธานาธิบดีที่ดูเหมือนจะยืนยงคงกระพันของเขาก็ต้องสั่นคลอน เมื่อการปฏิวัติดอกมะลิ ในตูนิเซียปะทุขึ้น และบานปลายกลายเป็นการจลาจลวุ่นวายขับไล่ประธานาธิบดีไซน์ เอล-อบิดีน เบน อาลี ผู้ผูกขาดอำนาจยาวนาน ซึ่งเหตุการณ์ในทำนองใกล้เคียงกัน ได้ส่งผลมาถึงอียิปต์ ซึ่งเป็นชาติเพื่อนบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ที่ ที่ไม่พอใจการผูกขาดอำนาจของเขา ได้ใช้การประท้วงในตูนิเซียเป็นตัวอย่าง ในปลุกระดมให้ผู้คนลุกฮือขึ้นต่อต้านเขา และลุกลามกลายเป็นการจลาจลครั้งใหญ่ทั้วประเทศ ซึ่งนับเป็นการต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดนับจากการขึ้นดำรงตำแหน่งของฮอสนีย์ มูบารัค เลยทีเดียว
news.voicetv.co.th/