ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่ศึกลูกหนังสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก 2010 ขับเคี่ยวกันมายาวนานตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กว่าที่ชัยชนะในบั้นปลายตกเป็นของ เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด พร้อมกับการป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ขณะที่ทีมอย่าง "ปราสาทสายฟ้า"บุรีรัมย์ พีอีเอ กลายเป็นม้ามืดที่พัฒนาโดดเด่นจนแซงหน้า ชลบุรี คว้าที่ 2 ไปครอง โดยตลอดระยะเวลา 8 เดือนแห่งการแข่งขันนั้นมีภาพรวมที่น่าสนใจในหลายด้านด้วยกัน
โควตาแชมเปียนส์ลีก
ผลจากการคว้าแชมป์ไทยลีก 2010 ส่งให้ทีม "กิเลนผยอง" คว้าโควตาศึกลูกหนังเอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2011 ไปครองโดยอัตโนมัติ ขณะที่ บุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าอันดับ 2 พร้อมกับมีแนวโน้มที่จะหยิบโควตาลุยศึกลูกหนังเอเชียรายการเดียวกัน หากทางสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี เห็นชอบให้ไทยพรีเมียร์ลีกได้โควตา 2 ที่นั่งสำหรับศึกใหญ่ของเอเชียในฤดูกาลหน้า
ทีมตกชั้น
ขณะที่ทีมโซนตกชั้นสำหรับไทยพรีเมียร์ลีก ที่ขับเคี่ยวหนีตายกันจนถึงนัดโค้งสุดท้าย ประกอบด้วย อันดับ 14 ศรีสะเกษ เอฟซี มี 26 คะแนน อันดับ 15 แบงค็อก ยูไนเต็ด มี 24 คะแนน และ อันดับ 16 ทหารบก มี 22 คะแนน กอดคอกันลงไปเริ่มต้นใหม่ในศึกดิวิชั่น 1
น้องใหม่ไทยลีก 2011
ในส่วนของ 3 ทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดฤดูกาล 2011 มีทีม ศรีราชา เอฟซี น้องใหม่หน้าเก่าที่เพิ่งคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ด้วยคะแนนนำโด่ง 62 แต้ม ตามด้วย "ไดโนเสาร์พิฆาต" ขอนแก่น เอฟซี รองแชมป์ที่มี 54 คะแนน และ อันดับ 3 เชียงราย ยูไนเต็ด ที่มี 53 คะแนน เบียด สงขลา เอฟซี และ นครปฐม เอฟซี เข้าป้ายด้วยคะแนนมากกว่าเพียง 2 แต้มเท่านั้น
ยิงประตูเยอะที่สุด - ยิงประตูน้อยที่สุด
สำหรับสโมสรที่ยิงประตูได้มากที่สุดในศึกสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก 2010 หนีไม่พ้นทีมแชมป์เก่าอย่าง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่ซัดไปถึง 64 ประตู ขณะที่ทีม ชลบุรี เอฟซี ที่เป้าป้ายเพียงอันดับ 3 ซัดตามมาเป็นลำดับที่ 2 สอยไป 57 ประตู แม้ว่าทีม ทีโอที แคท เอฟซี จะจบฤดูกาลด้วยอันดับ 12 รอดการตกชั้นไปได้ แต่ผลงานการทำประตูก็มีน้อยจนน่าใจหาย จาก 30 นัด ซัดได้เพียง 23 ประตูเท่านั้น
เสียประตูมากที่สุด - เสียประตูน้อยที่สุด
นอกจากจะจบที่ตำแหน่งบ๊วยของตารางแล้ว ทีมทหารบกยังเป็นทีมที่เสียประตูมากที่สุดในฤดูกาลนี้ จากผลงานลงแข่งขัน 30 นัด โดยยิงไปถึง 54 ประตู เท่ากับทีม ศรีสะเกษ เอฟซี อย่างไรก็ตามทีมกูปรีที่ตกชั้นไปด้วยกันยังมีผลงานการยิงประตูที่ดีกว่า โดยยิงได้ 36 ประตู ส่วนทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดฤดูกาลนี้มีด้วยกัน 2 ทีม คือทีมเมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่เสียไปเพียง 19 ประตูเท่านั้น
เก่งในบ้าน-เก่งนอกบ้าน
ฤดูกาล 2010 มีสโมสรที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้ในถิ่นตัวเองถึง 3 ทีม ประกอบด้วย เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ พีอีเอ และ ชลบุรี เอฟซี ทว่าทีมที่มีสถิติชนะในบ้านสูงสุดเป็นทีม "กิเลนผยอง" แข่ง 15 นัดในรังยามาฮ่า สเตเดียม กวาดชัยชนะไปได้ถึง 12 นัด และเสมออีกเพียง 3 นัดเท่านั้น ด้านทีมแกร่งอย่างชลบุรี เอฟซี แม้ในบ้านจะเก็บชัยชนะได้เพียง 8 นัด และเสมอไปถึง 7 เกมด้วยกัน แต่ผลงานยามลงเล่นเป็นทีมเยือนน่าเกรงขามไม่น้อย เมื่อโชว์ศักยภาพคว้าชัยไปได้ถึง 9 นัด เสมอ 2 และแพ้ไป 4 เกม
น่าผิดหวังที่สุด
ทีมดังอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี แม้จะมีการลงทุนในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการทุ่มทุนถึง 50 ล้านบาท เพื่อซื้อดาวเตะนามกระเดื่องอย่าง สุธี สุขสมกิจ, ไมเคิล เบิร์น, พอล อีโคโล หวังลุ้นแชมป์ลีก แต่กลับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่เหลือเชื่อจบอันดับที่ 5 เก็บชัยชนะไปเพียง 12 นัด เสมอ 9 นัด และ แพ้ 9 นัด แถมยังโดนคู่แข่งซัดไปถึง 38 ประตู และยิงได้ 48 ประตูเท่านั้น
ผลงานก้าวกระโดด
ในฤดูกาล 2010 หลายสโมสรต่างมีผลงานที่น่าจับตาไม่ว่าจะเป็นทีม "โลมาฟ้าขาว" พัทยา ยูไนเต็ด ที่ยกระดับตัวเองจากทีมหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลก่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ 6 เมื่อจบฤดูกาลนี้ ทว่าทีมที่มีพัฒนาการเหนือคู่แข่งต้องยกให้กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ จากเมื่อฤดูกาล 2009 ภายใต้ชื่อสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่จบฤดูกาลด้วยอันดับ 9 แต่เมื่อมาอยู่ในมือของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรคนดัง พร้อมกับปรับเปลี่ยนการจัดการในทีม และย้ายสนามเหย้าไปยังแดนอิสาน อีกทั้งยังดึงดูดดาวเตะบิ๊กเนมมากมาย อาทิ สุเชาว์ นุชนุ่ม, กีรติ เขียวสมบัติ แถมยังดึงแข้งต่างชาติฝีเท้าดี จึงก้าวมามีลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล แม้จะไม่ถึงดวงดาวในฤดูกาล 2010 ทว่า บุรีรัมย์ฯ มีเป้าหมายส่งตัวเองสู่ตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลหน้า พร้อมงบประมาณสนับสนุนร่วม 100 ล้านบาท
ดาวยิงสูงสุด
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงของ ลูโดวิค ตาคาม ดาวยิงชาวคาเมรูน ที่ย้ายมาจาก โฮม ยูไนเต็ด ในสิงคโปร์ ร่วมทีมพัทยา ยูไนเต็ด อดีตทีมหนีตายในฤดูกาล 2009 พร้อมระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรง ซัดไปถึง 17 ประตู พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไทยลีก 2010 มาครอง และยังพาทีมต้นสังกัดกลับมารั้งอันดับ 6 ในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปด้วย
กองเชียร์จอมโหด
ตำแหน่งนี้ทุกคนในแวดวงลูกหนังต่างพร้อมใจกันยกให้กับกองเชียร์ การท่าเรือไทย เอฟซี จากผลงานสร้างชื่อเสียด้วยการประเดิมฤดูกาล 2010 ในถ้วยพระราชทาน ก ที่นำแชมป์ไทยลีก 2009 เมืองทองฯ ยูไนเต็ด มาดวลกับ แชมป์เอฟเอ คัพ 2009 "สิงห์เจ้าท่า" เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553 ณ สนามศุภชลาศัย โดยทีมดังย่านคลองเตยมีประตูตามหลังแชมป์ลูกหนังไทยลีกอยู่ 2-0 ในช่วงท้ายเกมครึ่งหลัง จนเกมการแข่งขันต้องหยุดลงชั่วคราว จากกองเชียร์ "สิงห์เจ้าท่า" ที่จุดพลุไฟโยนลงสนาม ก่อนขว้างปาสิ่งของลงมา ตามติดด้วยการไล่ตะลุมบอนแฟนทีมคู่แข่ง ก่อนที่ฝ่าจัดการแข่งขันจะยุติเกมดังกล่าว พร้อมยกแชมป์ให้กับ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จนทีมแชมป์เอฟเอ คัพ 2009 ถูกตัดสินห้ามแข่งขันในสนามเหย้า 3 นัด พร้อมกับปรับเงิน 131,750 บาท และศาลมีการตัดสินลงโทษแฟนบอลทีมดังถิ่นคลองเตยถึง 10 ราย ที่เป็นผู้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ผู้บริหารการท่าเรือไทย เอฟซี ควบคุมพฤติกรรมแฟนลูกหนังของทีมมาได้จนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุสลดอีกครั้งที่สนามลีโอ สเตเดียม คลอง 3 หลังแฟนบอล บางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดฉากตะลุมบอนกับกองเชียร์ "สิงห์เจ้าท่า" ในเกมลีกที่ทั้ง 2 ทีมเสมอกัน 0-0 สร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของสโมสร "บีจี" ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงการทำลายรถยนต์ในลานจอดรถซ้ำรอยอัปยศอีกครั้ง
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9530000150386