ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทยมีสูง จึงเสี่ยงปัญหารถยนต์ที่อาจจะถูกน้ำท่วมจนสร้างความเสียหายได้ โดยจะร้ายแรงที่สุดคือการท่วมจนมิดคัน ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ก็ถึงขั้นเครื่องยนต์พังและอาจต้องยกเครื่องใหม่กันเลยทีเดียว จึงทำให้ผู้ใช้รถหลายคนรู้สึกกังวลใจว่าประกันรถยนต์ที่ทำอยู่จะรับเคลมความเสียหายหรือไม่?
ถ้าคุณทำ
ประกันรถยนต์ 2+ ในบางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะรับเคลมและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ แต่จะต้องซื้อเป็นลักษณะของแพ็คเกจ เมื่อรถถูกน้ำท่วมจะตีออกเป็น 2 กรณี โดยพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะได้รับการพิจารณา จากบริษัทประกันว่ารถยนต์คันที่เสียหายคุ้มที่จะซ่อมแซมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้หรือไม่ กรณีนี้ยังรวมไปถึงเรื่องเครื่องยนต์ที่ต้องได้รับการซ่อมแซมให้ต้องกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
บริษัทประกันภัยรถยนต์จะมีการประเมินมูลค่าความเสียหายให้ที่ 70-80 % ของมูลค่ารถ เพื่อเป็นการขอซื้อเป็นซากรถ ถ้าพิจารณาจากความเสียหายในกรณีน้ำท่วมมิดคัน และสร้างความเสียหายให้ห้องโดยสาร แต่ถ้าเป็นความเสียหายบางส่วนสามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ บริษัทประกันก็จะตีความเป็นเสียหายบางส่วนที่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของประกันในการซ่อมแซมรถที่ประสบภัยให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดและทำการคืนสภาพรถ ตั้งแต่จุดของเครื่องยนต์ไปถึงเรื่องทำความสะอาดภายในรถ
ขั้นตอนของการเคลมประกัน คุณต้องรู้ชัดเจนแล้วว่าน้ำท่วมภายในรถและเครื่องยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นให้ตามบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณใช้บริการอยู่ เพื่อทำการตรวจสอบดูว่ากรมธรรม์ที่คุณเลือกไว้เป็นประเภทใด ครอบคลุมเรื่องความเสียหายจากภัยน้ำท่วมหรือไม่? จากนั้นก็เพียงแค่รอเจ้าหน้าที่มาทำการลากรถของคุณเพื่อไปประเมินและซ่อมแซมต่อไป ที่สำคัญคือควรถ่ายรูปรถในช่วงที่โดนน้ำท่วมไว้ โดยให้ถ่ายทั้งก่อนและหลังจากน้ำลดลงแล้ว
เมื่อบริษัทประกันภัย รับเคสของคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีกาตรวจสอบว่าน้ำท่วมรถนี้เป็นความจริงหรือไม่ เกิดจากน้ำท่วมจริงหรือเป็นเพียงแค่การจงใจทำ จะมีการประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมด ถ้ารถของคุณเสียหายจริงก็จะได้รับเงินจากประกัน แต่บางครั้งไฟแนนซ์จะมีการทำสัญญากู้เงินซื้อรถไว้ ส่วนการได้รับความเสียหายเพียงบางส่วนจะได้รับใบเคลม จากนั้นรถก็จะได้รับการซ่อมแซมตามที่เคลมไว้ โดยที่คุณเข้าไปตรวจสอบได้และนำกลับมาใช้ได้ทันทีเมื่อซ่อมเสร็จ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบกรมธรรม์ของคุณให้ดี
สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ คือ การตรวจดูกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ใช้งานอยู่ว่าครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติหรือน้ำท่วมด้วยหรือไม่ เมื่อรถยนต์ของคุณได้มีการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2+ ในบางบริษัท การคุ้มครองก็จะเริ่มครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 หรือชั้น 3+ จะไม่รับคุ้มครองในเรื่องนี้