(6 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พลอากาศเอก ธเรศ ปุณศรี ประธานกสทช. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ว่า กสทช. ได้จัดทำร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม เพื่อให้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการทีทัศน์ กิจการวิทยุคมนาคม และกิจการโทรคมนาคมของประเทศ ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 49 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553
“เมื่อรับฟังความคิดเห็นของทั้ง 3 แผนแม่บทแล้ว คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้” ประธานกสทช. กล่าว สำหรับสาระสำคัญของร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่(พ.ศ.2555) ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการบริหารคลื่นความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น โดยคำนึกถึงการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และให้มีการกระจายการใช้ประโยชน์โดยทั่วถึง ทั้งในด้านการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะอื่น โดยมียุทธศาสตร์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ จำนวน 6 ยุทธศาสตร์ คือ 1.การดำเนินการเกี่ยวกับคลื่นความถี่ระหว่างประเทศ 2.การคืนคลื่นความถี่เพื่อนำไปจัดสรรใหม่หรือปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ 3.การใช้คลื่นความถี่ด้านความมั่นคงของรัฐตามความจำเป็น 4.การใช้งานคลื่นความถี่ด้านภารกิจเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงเพื่อประโยชน์สาธารณะ 5.การเปลี่ยนไปสู่ระบบการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล 6.การจัดให้ภาคประชาชนได้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียวและกิจการทีทัศน์
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.ในฐานะประธานกสทช.ด้านกิจการกระจายเสียง กล่าวว่า ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นวันที่ 10 ก.พ.นี้ ถือเป็นร่างแผนแม่บทด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโททัศน์ฉบับแรกของประเทศไทย
สำหรับสาระสำคัญของ ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่1 มีกำหนดเวลา 5 ปี ให้ความสำคัญกับหลักการพื้นฐานที่กำหนดใน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 ได้แก่ 1. การพัฒนาและส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม 2.การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และการอนุญาตให้ประกอบกิจการที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการคลื่นอย่างมีประสิทธิภาพฯ และ 3.การจัดสรรและส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการบริการชุมชนไม่น้อยกว่าร้อยละ20 ของคลื่นความถี่ในแต่ละพื้นที่ของการอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 7 ด้าน
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกสทช. ในฐานะประธานกสทช.ด้านกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ในการประมูลคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ตซ สำหรับให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จีต้องอ้างอิงทั้ง 3แผนแม่บทนี้ โดยวางเป้าหมายการประมูลคลื่นความถี่2100 เมกะเฮิร์ตซ ภายในไตรมาสสามของปีนี้ ซึ่งการประมูลคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิร์ตซจะไม่กำหนดเทคโนโลยีที่ใช้แบบตายตัวเพื่อทำให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลก
สำหรับสาระสำคัญของ ร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม (พ.ศ.2555-2559) ได้กำหนดทิศทางการพัฒนากิจการโทรคมนาคมในระยะ 5 ปี โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนได้ใช้บริการโทรคมนาคมที่มีคุณภพ หลากหลายผ่านโรงข่ายโทรคมนาคมที่ทันสมัย เท่าเทียม ทั่วถึง ซึ่งประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ 1.การพัฒนาและส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรม 2.การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และการอนุญาตให้ประกอบกิจการ 3.การใช้ทรัพยากรโทรคมนาคมอย่างมีประสิทธิภาพ 4.การบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง 5.การคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม และ6.การเตรียมความพร้อมและการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและความร่วมมือระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ กสทช.จะเปิดประชาพิจารณ์พร้อมกันทั่วประเทศใน 3 แผนแม่บท ประกอบด้วย แผนแม่บทคลื่นความถี่ แผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคม ซึ่งเป็นแผนแม่บทสำคัญในการดำเนินงานของ กสทช. ตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ระหว่างเวลา 09.30-17.00 น.โดยการประชุมรับความคิดเห็นเป็นการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในครั้งนี้เป็นการจัดพร้อมกันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งการประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้จะรับฟังเฉพาะร่างแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่และร่างแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมก่อน ส่วนร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จะมีการจัดขึ้นในวันที่ 14 ก.พ.2555 โดยส่วนภาคกลางและปริมณฑล จัดที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค จ.นนทบุรี ,ภาคเหนือ จัดที่โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ต จ.เชียงราย, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่อาคารเฉลิมพระเกียรติมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี จ.อุดรธานี และภาคใต้ จัดที่โรงแรมเมโทรโปล จ.ภูเก็ต
http://www.dailynews.co.th/technology/11150