เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 24 กรกฎาคม 2025, 05:02:32
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  โครงการต่างๆที่ จังหวัดเชียงราย จะขอใน ครม.สัญจร เชียงใหม่
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน โครงการต่างๆที่ จังหวัดเชียงราย จะขอใน ครม.สัญจร เชียงใหม่  (อ่าน 942 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2012, 20:51:35 »

เชียงราย - นายกฯปู เตรียมขึ้นเชียงรายก่อนเข้าประชุม ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ วางกำหนดดูโครงการดอยตุงฯ ศึกษาแนวทางปลูกป่าตามแนวพระราชดำริ “สมเด็จย่า” หวังปรับใช้ฟื้นป่าไทย ขณะที่เมืองพ่อขุนฯ เล็งชงของบดัน 3 โครงการใหญ่

วันนี้ (11 ม.ค.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.เชียงราย เป็นเวลา 1 วันโดยไม่นอนพัก โดยในเวลาตั้งแต่ 13.00 น.จะเดินทางไปเยือนโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการแต่งตั้ง ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ให้เป็นประธานกรรมการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าไม้ เพื่อดูพื้นที่โครงการ ศึกษาและนำแนวทางของโครงการในการปลูกป่าตามแนวพระราชดำริของสมเด็จย่า มาปรับใช้ในการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติป่าไม้ของประเทศไทย

จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ณ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 15 ม.ค.55 ซึ่งจังหวัดเชียงราย จะเสนอแผนการพัฒนาเข้าไปยัง ครม.สัญจร 3 เรื่องใหญ่ๆ

1. คือ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบก โดยเฉพาะเส้นทางเลี่ยงเมืองเชียงราย เพื่อเชื่อมกับโครงข่ายถนนไปสู่สะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ ชายแดนไทย-สปป.ลาว เชื่อมกับถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีน และท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 2 ซึ่งแต่ละโครงการกำลังจะแล้วเสร็จ ขณะที่การคมนาคมในปัจจุบันแออัดมากขึ้นโดยเฉพาะบนถนนพหลโยธิน ดังนั้นจะใช้ถนนพหลโยธินเพื่อการคมนาคมเป็นหลักไม่ได้อีกต่อไป แต่ต้องขยายไปยังถนนเลี่ยงเมืองและพัฒนาตามทางร่วมทางแยกสำคัญๆ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้แขวงการทาง จ.เชียงราย ไปรวบรวมข้อมูลทั้งโครงการเก่าที่เคยอยู่ในแผนและยังไม่ดำเนินการ และแนวทางการพัฒนาอื่นๆ เพื่อเสนอต่อ ครม.เพื่อของบประมาณดำเนินการอย่างเร่งด่วนต่อไป นอกจากนี้ยังมี

2.โครงการพัฒนาสายน้ำวัฒนธรรมหรือ The river of art โดยจะทำการพัฒนาภูมิทัศน์และด้านอื่นๆ ของแม่น้ำกก ในเขต อ.เมือง เพื่อส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรมล้านนา ฯลฯ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 3,600 ล้านบาท และ

3.โครงการสุดท้าย คือ การพัฒนาลุ่มแม่น้ำอิงเขต อ.เทิง เพราะแม่น้ำอิงไหลมาจากกว๊านพะเยา ผ่าน อ.เทิง ก่อนไปลงแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ แต่ที่ผ่านมามักจะไหลเจิ่งนองในฤดูฝน จนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม แต่ในฤดูแล้งกลับแห้งแล้งจนทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งสองฤดู ดังนั้นจึงจะมีการพัฒนาแหล่งน้ำในเขต ต.เวียง อ.เทิง เพื่อกักเก็บเก็บน้ำป้องกันน้ำท่วมและไว้ใช้ในฤดูแล้งต่อไป ซึ่งโครงการนี้ก็ใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน

นายธานินทร์บอกว่า โครงการต่างๆ นี้ถือว่าอยู่ในแผนการพัฒนาของจังหวัดอยู่แล้ว และที่ผ่านๆ มาหลายผู้บริหารก็พยายามแก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ก้าวหน้า แต่การรอการจัดสรรงบประมาณตามปกติอาจจะทำให้การดำเนินการล่าช้าไม่ทันต่อเหตุการณ์ ดังนั้นจึงจะมีการนำเสนอเข้าไปยังการประชุม ครม.สัญจร เพื่อผลักดันให้มีการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนายุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และท้องที่แต่ละจังหวัดได้อย่างรวดเร็วต่อไป

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9550000004260
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
banta
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 319



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2012, 23:11:09 »

โครงการ ขยายถนน เชียงราย เชียงของ ล่ะ เมื่อไรจะเริ่ม สะพานจะเสร็จปีหน้าแล้วถนนยังไม่ถึงไหนเลย ถนนในไทยน่าจะต้องเสร็จก่อนสะพานนะ แขกต่างประเทศเข้าไทยจะได้เห็นถนนสวยๆเลย ถึงตอนนั้นเขาคงเข้ามาเจอถนนฝุ่นในไทยแน่ๆ  ตอนนี้วางแผนกันแบบไหน  แลบลิ้น

กรมการทางที่1ที่2 เร่งด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 มกราคม 2012, 23:13:48 โดย banta » IP : บันทึกการเข้า

มาอำเภอขุนตาล เชียงราย มาพักที่ต้นพร้าวรีสอร์ท
ตรงข้าม อบต.ต้า ติดต่อสอบถาม 084-1752845
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 10:49:50 »

'ยิ่งลักษณ์' สั่งฟื้นเมกะโปรเจกต์ ใช้งบล้านล้านบาทปูพรมทั่วประเทศ!

รัฐบาล“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เดินตามรอย “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” ทั้งงัดสารพัดโปรเจกต์เก่า ผุดโปรเจกต์ใหม่ ลุยโครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้า-รถไฟรางคู่-ไฮสปีดเทรน มั่นใจฉุดเศรษฐกิจฟื้น
       
       การโหมลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยมีเป้าหมายเป็นฟันเฟืองฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจให้เฟื่องฟู เป็นงานถนัดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีก็ใช้การลงทุนเมกะโปรเจกต์เป็นตัวกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ จนทำให้ภาวะเศรษฐกิจในประเทศในขณะนั้นกลับมาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
       
       มาครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นผู้นำประเทศ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า เป็นกุนซือตัวจริงในการบริหารจัดการประเทศให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลชุดนี้ จะใช้วิธีการเร่งลงทุนสารพัดโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวให้พลิกฟื้นขึ้นมาเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่รัฐบาลทักษิณ ทำสำเร็จมาแล้ว
       
       โครงการเมกะโปรเจกต์อันดับต้น ๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก นั่นคือการลงทุนก่อสร้างโครงข่ายคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด เทรน) โครงการรถไฟทางคู่ ถนนวงแหวน ถนนสายหลักและสายรอง เพื่อเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งอย่างสมบูรณ์
       
       “การลงทุนโครงการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว เพราะจะช่วยให้ธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องเติบโตไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง มีการจ้างงานจำนวนมากทั่วประเทศ ที่สำคัญจะมีการเปิดพื้นที่ใหม่ ๆด้วย”
       
       ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเมกะโปรเจกต์ที่สมัยรัฐบาล ทักษิณ ต้องการให้เกิดการลงทุน แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามความต้องการ เพราะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อนจนทำให้ต้องเปลี่ยนรัฐบาล
       
       การลงทุนเมกะโปรเจกต์ไม่เพียงแค่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจเติบโต แต่ยังช่วยให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาประเทศ และยังเป็นการช่วยลดต้นทุนระบบโลจิส ติกส์อีกมาก โดยตั้งเป้าลดต้นทุนลงจากปัจจุบัน 17.9% เหลือ 15% ภายในปี 2561 หรือคิดเป็นมูลค่าที่ลดลงได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันในระดับประเทศได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าต้นทุนการขนส่งสินค้าเป็นต้นทุนหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ที่สำคัญยังเป็นการเพิ่มฐานเสียงให้รัฐบาลได้อีกด้วย เพราะหากภาวะเศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดี กินดี ก็ต้องชื่นชอบรัฐบาลซึ่งเท่ากับว่า ช่วยยืดอายุรัฐบาลให้อยู่ครบเทอม
       
       เร่งรถไฟฟ้า 10 สายทาง
       มั่นใจปี 58 ใช้ระบบตั๋วร่วม
       
       พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้า 10 สายทางให้ดำเนินการรวดเร็วขึ้นจากเดิมที่วางเป้าหมายไว้ปี 2562 ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 370,000 ล้านบาท โดย 6 สายทางแรก จะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2558 จะเริ่มใช้ระบบตั๋วร่วมและค่าโดยสารรถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย ได้ในปี 2558 รวมถึงจะเสนอให้รัฐบาลลงทุนระบบรถไฟฟ้าและจ้างเอกชนมาเดินรถในสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ)
       
       โครงการรถไฟความเร็วสูง 4 สายทาง จากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา กรุงเทพฯ-หัวหิน และต่อขยายเส้นทางโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต ลิงก์) ไปยังจังหวัดระยอง รวมเงินลงทุน 780,000ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ ระยะทาง767 กิโลเมตร ถนนมอเตอร์เวย์ 5 สาย ระยะทาง707 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 179,000 ล้านบาท โดยในปี 2556 จะดำเนินการสายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะ199 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 60,000ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนในรูปแบบ PPP
       
       ทางด่วนสายใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ระยะทาง 17 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 27,000ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2555 โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนรอบที่ 3 พร้อมเส้นทางน้ำหรือฟลัดเวย์ ระยะทาง100 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 160,000ล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเพื่อบรรจุในแผนแก้น้ำท่วมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศไทย (กยอ.) และกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.)
       
       ขณะเดียวกัน มีแผนจะขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะ 2 ภายในปี 2560เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะเร่งเปิดใช้ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 ภายในปี 2555และอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุนโครงการก่อสร้างท่าเรือปากบารา เชื่อมท่าเรือทวาย เขื่อนยกระดับแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานีขนส่งสินค้าชายแดน และจัดหารถเมล์ NGV 4,000 คัน ด้วยเสนอวิธีซื้อ 3,000 คัน วงเงินกว่า 10,000ล้านบาท
       
       สำหรับโครงการที่กระทรวงคมนาคมเปิดดำเนินการแล้ว ในช่วง 4 เดือน ที่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการ ได้แก่ โครงการสะพานข้ามโขงแห่ง ที่ 3 นครพนม-คำม่วน เปิดใช้วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 และโครงการรถไฟทางคู่สายฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง เปิดใช้ 12 มกราคมนี้



       เล็งบาร์เตอร์เทรดไทย - จีน
       นำร่อง“ไฮสปีด เทรน”
       
       พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอให้ใช้วิธีการลงทุนแบบการค้าแลกเปลี่ยนหรือ BARTER TRADE (บาร์เตอร์เทรด) เพื่อประหยัดเงินลงทุนในการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด เทรน) โดยเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีบาร์เตอร์เทรดในโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย เนื่องจากเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่า 100,000ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ การเจรจารายละเอียดเกี่ยวกับความร่วมมือรถไฟไทย-จีน จะเสนอแนวทางดังกล่าวด้วยเพื่อให้ไทยและจีนหารือร่วมกัน เบื้องต้นต้องการใช้วิธีบาร์เตอร์เทรดอย่างน้อย 50% แต่หากสามารถเจรจาโดยใช้วิธีบาร์เตอร์เทรดทั้งหมด 100% ก็จะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวม ซึ่งการเจรจานั้นจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องทำหน้าที่ในการดูแลสินค้าที่จะใช้แลกเปลี่ยน
       
       หากใช้วิธีการลงทุนแบบบาร์เตอร์เทรดได้ก็จะช่วยลดการลงทุนได้มาก ส่วนการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงนั้น น่าจะทยอยดำเนินการก่อสร้างทีละสายทาง เพราะแต่ละสายทางใช้เงินลงทุนมาก หากต้องลงทุนพร้อมกันทั้งหมดอาจส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศได้
       
       สนข.เด้งรับลูก
       เร่งศึกษา 4 สายทาง
       
       ปัจจุบันสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบโครงการรถไฟความเร็วสูงใน 4 สายทาง ได้แก่ 1. กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ วงเงินประมาณ 220,000ล้านบาท 2.กรุงเทพฯ-หัวหิน วงเงินประมาณ 82,100 ล้านบาท 3. กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย วงเงินประมาณ 96,800 ล้านบาท และ 4. กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา-อู่ตะเภา-ระยอง วงเงินประมาณ 72,200 ล้านบาท ทั้งนี้ ตามแผนงานของกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะสามารถลงนามก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ภายในปี 2557 และจะเปิดให้บริการได้ในปี 2560
       
       ขณะที่วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย กล่าวว่า จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่พิจารณา เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ -เชียงใหม่ รวมถึงการขนส่งสินค้าภาคเหนือให้มีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย เพราะปัจจุบันระยะทาง 180 กิโลเมตรแต่ต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่า 4 ชั่วโมง เชื่อว่าการสร้างมอเตอร์เวย์จะช่วยร่นระยะทางและประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้าและอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น และสุดท้ายในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน คือ รถไฟรางคู่ ตามแผนของการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งนานเกินไปจะมีการเสนอให้ก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560

http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9550000004668
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 10:58:47 »

ทล.จ่อชงรบ.3,000ล้าน สร้างถนนโครงข่าย เตรียมรองรับR3A


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม โดยสำนักสำรวจและออกแบบร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา จัดการประชุม สัมมนาครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกรูปแบบที่เหมาะสม งานสำรวจและออกแบบรายละเอียด โครงการก่อสร้างทางหลวง เพื่อพัฒนาโครงข่ายระหว่างประเทศ ทางหลวงหมายเลข 1021 ตอน อ.เทิง-อ.ดอกคำใต้ ตอน 1 และ ตอน 2 โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธาน มีผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่โครงการเข้าร่วมประชุมกว่า 400 คน

นายสมคเน เสมทัพพระ วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง กล่าวว่า ขณะนี้การสำรวจออกแบบโครงการดังกล่าว ได้มาถึงขั้นตอนการเลือกรูปแบบที่เหมาะสม หลังจากที่คณะทำงานได้ลงไปศึกษาข้อมูลและเก็บรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทุกด้าน รวมถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ชี้แจงให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและมีส่วนได้ส่วนเสียรับทราบ ทั้งการประชุมกลุ่มย่อยตามพื้นที่ซึ่งโครงการมีเส้นทางผ่าน ซึ่งโครงการดังกล่าวทั้งสองตอนมีระยะทาง 90 กิโลเมตรประมาณการเบื้องต้นของงบประมาณในการก่อสร้าง 2,700-3,000 ล้านบาท ระยะเวลาในการดำเนินการหากการสำรวจและออกแบบเสร็จสิ้น นำเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาเห็นชอบในความสำคัญเร่งด่วน คาดว่าจะได้ดำเนินการก่อสร้างภายใน 4-5 ปี นับจากนี้

โดยเส้นทางนี้วัตถุประสงค์หนึ่งที่สำคัญนอกจากการเป็นเส้นทางเครือข่ายเชื่อมเพื่อประโยชน์ด้านการคมนาคมขนส่งแล้ว ยังสามารถเป็นเส้นทางโครงข่ายเชื่อมกับถนน R3A ซึ่งหากเมื่อสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เสร็จสิ้นและเปิดใช้ เมื่อนั้นถนนเส้นทางเชื่อมต่างๆ จะต้องมีความพร้อม ดังนั้นโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตของประชาชนที่จะได้รับการยกระดับที่ดียิ่งๆ ขึ้น


http://www.naewna.com/news.asp?ID=296041
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2012, 11:05:53 »

คมนาคมยื่นการบ้านนายกฯ ประกัน8โปรเจ็กต์


วันอังคารที่ 10 มกราคม 2012 เวลา 14:17 น.    กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ    อสังหา REAL ESTATE   
คมนาคมคัด 8 โครงการให้สัญญา"ยิ่งลักษณ์"ว่าจะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ในโอกาสตรวจการบ้านกระทรวงคมนาคม เผยมีทั้งโครงการระบบราง จัดหารถเมล์คันใหม่ เปิดท่าเรือ  ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 จนถึงลดต้นทุนโลจิสติกส์  ด้าน "บิ๊กโอ๋"การันตีได้นั่งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย  โดยไม่ต้องรอให้สร้างเสร็จครบ 10 สายในปี 2562

 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในโอกาสที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจราชการกระทรวงคมนาคมเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอโครงการต่างๆ เพื่อรายงานให้ทราบ โดยได้คัดเลือกจำนวน 8 โครงการที่สำคัญๆ เพื่อเป็นการสัญญาว่ากระทรวงคมนาคมจะเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้ง 8  โครงการได้แก่ 1.โครงการท่าเรือเชียงแสน 2 จังหวัดเชียงราย จะเริ่มให้บริการในเดือนเมษายนศกนี้
 2. เร่งผลักดันโครงการจัดหารถเมล์คันใหม่ในปี 2556   3.รถไฟฟ้าจะเร่งให้มีการลงนามสัญญาในปี 2557   4.รถไฟฟ้าก่อสร้างเสร็จเพิ่มอีก 6 สาย ในปี 2558 พร้อมให้บริการค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย 5.ขยายรถไฟทางคู่ได้เพิ่มกว่า 400 กิโลเมตร ในปี 2559  6.เปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง ในปี 2560  7. ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 แล้วเสร็จในปี 2560  และ8. ลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ 2% ในปี 2561
 ส่วนความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 10 สายที่เป็นนโยบายที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ว่า คาดว่าจะสามารถสร้างแล้วเสร็จครบทั้ง 10 สายภายในปี 2562 ในส่วนของความคืบหน้าของระบบตั๋วร่วมนั้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2557  ซึ่งในปี 2558 โครงข่ายรถไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีเส้นทางการให้บริการที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้สามารถดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ โดยไม่ต้องรอให้รถไฟฟ้าต้องสร้างเสร็จทั้ง 10 สาย และรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณชดเชย ซึ่งนโยบายของนายกรัฐมนตรีต้องการให้ดำเนินการโครงการดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดโดยไม่ต้องรอให้รถไฟฟ้าทั้ง 10 สายแล้วเสร็จเรียบร้อย
"นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้หาแนวทางลดต้นทุนค่าขนส่ง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้  ต้นทุนค่าขนส่งที่ถูกลงนั้นจะช่วยให้ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น

 โดยไทยจะต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN. Economic Community: AEC) ในปี2558 จึงต้องเร่งดำเนินการพัฒนาการขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งระบบรางที่ต้องแบ่งเป็น 2ส่วน คือ1. การขนส่งสินค้า จะต้องเร่งก่อสร้างทางรถไฟทางคู่เพื่อเข้ามาช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้ารวมไปถึงพัฒนาระบบการเชื่อมกับระบบการขนส่งชนิดอื่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากรถไฟทางคู่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้ประมาณ 2% หรือประมาณ 2 แสนล้านบาทและจะทำให้ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน  2.การขนส่งคนจะเร่งเดินโครงการรถไฟความเร็วสูงทั้ง 4 เส้นทางคือกรุงเทพฯ-เชียงใหม่,กรุงเทพฯ-โคราช, กรุงเทพฯ-หัวหิน และกรุงเทพฯ-ระยอง ได้ตั้งเป้าหมายให้รถไฟที่จะดำเนินการก่อสร้างเป็นรถไฟความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกเว้นเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ที่จะดำเนินการขยายเส้นทางจากโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ที่จะใช้ความเร็วสูงสุดที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง"พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=101592:-8&catid=129:2009-02-08-11-47-38&Itemid=479
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!