...ธรรมะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
...ผู้ที่เข้าใจธรรมะก็เข้าใจตนเอง
ใครเข้าใจตัวเองก็เข้าใจธรรมะ
...ทุกวันนี้ก็เหลือแต่เปลือกของธรรมะเท่านั้น
ความเป็นจริงแล้วธรรมะมีอยู่ทุกแห่งหนทุกแห่ง
ไม่จำเป็นที่จะต้องหนีไปไหน
...ถ้าจะหนีก็ให้หนีอยู่ด้วยความฉลาด
ด้วยปัญญา หนีด้วยความชำนิชำนาญ
อย่าหนีด้วยความโง่
...ถ้าเราต้องการความสงบ
ก็ให้สงบด้วยฉลาดด้วยปัญญาเท่านั้นพอ
...เมื่อใดที่เราเห็นธรรมะ นั่นก็เป็นสัมมาปฏิปทาแล้ว
กิเลสก็สักว่ากิเลส ใจก็สักแต่ว่าใจ
เมื่อใดที่เราทิ้งได้ ปล่อยวางได้ แยกได้
เมื่อนั้นมันก็เป็นเพียงสักว่า
เป็นเพียงอย่างนี้อย่างนั้นสำหรับเราเท่านั้นเอง
เมื่อเราเห็นถูกแล้ว ก็จะมีแต่ความปลอดโปร่ง
ความเป็นอิสสะตลอดเวลา
...พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านอย่ายึดมั่นในธรรม”
ธรรมะคืออะไร คือทุกสิ่งทุกอย่าง
...ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมะ
ความรักความเกลียดก็เป็นธรรมะ
ความสุขความทุกข์ก็เป็นธรรมะ
ความชอบความไม่ชอบก็เป็นธรรมะ
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหนก็เป็นธรรมะ