ปลดปล่อยผู้ตกทุกข์ที่เขาน้อย เกี่ยวข้องกับวัดหลวงปู่สุภากับวัดเกาะสิเหร่ อย่างไร

[supakorn kaewchan]

สวัสดีครับ
       วันอาสาฬหบูชา ปี 2568 ก็จะครบรอบ 7 ปี ของกึ่งหลังพระพุทธศาสนา ของพระสมณโคดมสัมพุทธเจ้า เป็นภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย ให้ทำตามพระดำรัส เมื่อถึงกึ่งศาสนาของท่าน ให้ทำการเปลี่ยนผ่านเป็นสี่เสาหลัก อสูร มาร เทพ พรหม ค้ำยันกันคู่ศาสนา ในแดนสุวรรณภูมิ กลุ่มนี้ เป็น 1 / 12 กลุ่ม ที่ถูกเลือก
           เมื่อเราไป จ. ภูเก็ต ไปยัง ต. ฉลอง ที่ ซอยตาเอียด จะเห็นต้นไม้ใหญ่ สามนาง อยู่บนเขาหลังหมู่บ้าน Land 88 ถ้ามองเป็นปกติ จะเห็นเป็นเพียงต้นไม้ ผมไปครั้งเห็นภาพเชิงซ้อนอดีต เป็นวิหาร และ สถูป  มีงูใหญ่ 3 ตัว มากราบไหว้ผม ในนิมิต จนผู้คนเก่าคนแก่ที่นี่ เขาเล่าว่าที่นี่มีอาถรรย์ มีงูใหญ่สามตัว และ เสือหนึ่งตัว เผ้าอยู่ บางคนเจอเป็นถ้ำลับแล วิ่งหลบฝนเข้าไปในถ้ำมีพระพุทธรูป เมื่อฝนหยุดตก ถ้ำหายไปมีแต่ต้นไม้ จนเมื่อผมถูกกำหนดอ่านอ่านบทธรรมและพระเวท ใต้ต้นคูนหน้าบ้านเลขที่ 9/5 มิติกาลเวลาที่นี่ก็เปิด เชื่อม 4 ภพภูมิ มนุษย์ วิญญาณ เทวะ และ ธรรม กลางวันก็ทำงานปกติ กลางคืนก็เรียนผ่านมิติ หรือ นิมิต จะมีเทพมาสอนบ้าง มีฌานภิกษุ บ้าง เขาให้เรียนอะไรก็เรียนตามนั้น
             เมื่อสำรวจสถานที่ สิ่งที่ทำให้ผมสงสัย คือ วัดหลวงปู่สุภา ทำไมถึงมาสร้างเยื้องวัดฉลอง ท่านยังงัยถึงมาสร้างที่นี่ จนเมื่อผมครบวาระ สี่ปี ของการเรียนรู้ วันวิสาขบูชา 2559 ก็เกิดนิมิต พระพุทธรูปองค์ใหญ่เท่าตาเห็นผุดขึ้นจากดิน ความเหมือนในความต่าง เมื่อปี 2553 นิมิตพระพุทธชินราชลอยขึ้นบนฟ้า และ ที่หน้าวัด มีร้านอาหาร ชื่อ ฮวากู่ แต่การอ่านออกเสียง มันคล้ายสถานที่หนึ่งเป็นภาษากูโบส บันไดแสงสว่างสู่ลานธรรม
             จนเมื่อได้รับคำสั่งให้ช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณที่สถิตที่เขาน้อยนี้ และดวงวิญญาณ ที่ผมฝึกเรียกพวกเขามา ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่องอาถรรย์ ผมเห็นต้นไม้นี้มันน่าไปนั่ง ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าวิญญาณมันเรียกได้จริงมั๊ย คืนพระจันทร์เต็มดวงก็เลยไปลองดู จากท้องฟ้าปกติ ก็มีลมพัดแรง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฝนตกลงมา ก้มลงมองด้านล่าง มีวิญญาณนั่งอยู่เต็มไปหมด เชื่อแล้วว่าจริง จนมีผู้รู้ ว่าผมไปลองของ ท่านก็เตือนอย่าทำอย่างนั้นอีก มันอันตราย ก็ทำตามท่านสอน เผาตำราทิ้ง เมื่อกำหนดฤกษ์การปลดปล่อย ก็ขอรู้เรื่องราวของที่นี่ให้คนที่นี่ยืนยันเรื่องราว คนแรกคือย่าแมว เจ้าของร้านชำ ก็ถามแกว่า ที่บนเขานี้มีใครมาทำอะไรไว้บ้างไหม แกก็เล่าให้ฟัง เมื่อประมาณ 70 กว่าปีที่ผ่านมา มีพระธุดงค์มาปักกลดบำเพ็ญเพียร ที่ต้นไม้สามนางนี้ ท่านให้ปริศนาไว้ว่า อ้อย ช้างคลาน ทองสามพาน อยู่กลางเขาน้อย คนที่สองที่ผมไปถามคือลุงมนัส คนทรงศาลเจ้าตาเอียด แกก็ตอบเช่นเดียวกัน พระท่านบอกว่าภายหน้า ผู้มีบารมีเขาจะมาที่นี่ เขาจะมาแก้ปริศนานี้ แล้วท่านบอกว่า ท่านเป็นเจ้าคุณ มาแสวงธรรม เดินทางมาจากกรุงเทพ ผมก็บอกลุงมนัส ท่านบอกใบ้ชื่อท่านไว้ ท่านชื่อเจ้าคุณธรรมเทพ หรือ หลวงปู่เทพโลกอุดร แล้วดวงวิญญาณผู้ตกทุกข์เหล่านี้ เปลี่ยนเป็นจิตแบบโอปปาติกะ ก็มองไปที่วัดหลวงปู่สุภา ก็ไปขอฝากพวกเขาไว้ในวิหารแห่งนี้  เมื่อภาระกิจลุล่วงไปแล้ว เข้าสู่ ปลายเดือน ส.ค 2560 นิมิตแจ้งมาให้ไปทำสัตยาอธิษฐาน ที่สัญลักษณ พระพุทธไสยาส อยู่ที่วัดเกาะสิเหร่ ที่หลวงปู่สุภาท่านก็สร้างไว้ ก็ได้ว่าจ้างแท็คซี่ คุณอภิเชษฐ์ ขวัญเทพ ณฌ 1988 ไปส่ง ก่อนออกเดินทาง ผมก็บอกแกว่า เดี๋ยวเราจะถูกสกัดด้วยน้ำ เขาจะเอาน้ำมาปิดทางไม่ให้เราผ่านไปง่ายๆ เขาจะให้เราไปถึงสถานที่ ไม่เกิน5 นาที แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมพูดไว้ ถนนถูกน้ำท่วมเป็นแห่งๆผ่านไปได้บ้าง ผ่านไปไม่ได้บ้างหาใช้ทางอื่น จนไปถึงวัด ก่อนพิธีการไม่ถึง 5 นาที ก็ฟังธรรมเทศนา ว่าหลวงพ่อท่านจะเทศเรื่องอะไร ท่านก็ว่าด้วยเรื่องนางวิสาขา ผมเข้าใจแล้วให้ผู้ตกทุกข์ สร้างบุญ บารมี ด้วยการทำกิจกรรมทางศาสนา และ ด้วยความหมายของพระพุทธไสยาส ให้ลดอคติ ทิฐิ ในธรรม การสร้าง บุญ บารมี พวกเขา เมื่อหมดอายุขัยไม่มีที่ไป จึงมารอทางเข้าสู่วิหารธรรม ให้ช่วยเหลือ และเพื่อให้ครบองค์ประกอบของสี่เสาหลัก จึงจัดกลุ่มนี้เข้าไปสู่เสามาร