supakorn kaewchan
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 804
|
 |
« เมื่อ: วันที่ 30 พฤษภาคม 2025, 16:22:54 » |
|
สวัสดีครับ วันอาสาฬหบูชา 2568 ก็เป็นวันครบรอบ 7 ปี กึ่งหลังพระพุทธศาสนา ของพระสมณโคดมสัมพุทธเจ้า ด้วยเป็นภาระกิจช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ นำเขาเข้าสู่สี่เสาหลัก อสูร มาร เทพ พรหม ค้ำยันพระสัมมาโพธิญาณ ในแดนสุวรรณภูมิ หลังจากช่วยเหลือคุณหญิงจัน คุณหญิงมุก แล้ว ก็มาคิดเรื่องดอกบัวแก้ว ที่ท่านเทพถามมาว่าผมรู้จักมั๊ย มันคืออะไร สื่อถึงอะไร เมื่อค้นหาข้อมูล ก็มีดังนี้ 1. เป็นดอกบัวทิพย์ ดอกบัวสวรรค์ สีชมพูใส มี 7 กลีบ อยู่ที่สระมรกตโบกขรณี สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 2. เป็นตราสัญลักษณ์กระทรวงการต่างประเทศ เทวดาประทับในดอกบัว 3. เป็นดอกบัวที่หลอมจากแก้ว ใช้บูชาพระ แล้วจะถามใครได้ จู่ๆก็นึกถึงคุณเมธนี ทองนวม เจ้าของ บ. ไดเอชเตอร์ คอร์ปเปอร์เรชั่น อยู่บ้านใหม่ ปากเกร็ด นนทบุรี ไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบสี่ปี จึง add line เข้าไปทัก รุ่งเช้าวันที่ 8 ต.ค 2559 เขาก็โทรมาหา ก็คุยสารทุกข์สุกดิบกัน ผมก็ถามเรื่องดอกบัวแก้วดังข้างต้น เขาก็ว่ามันก็เป็นอย่างที่ผมเข้าใจ แล้วเขาก็ส่งรูปถ่ายดอกบัวแก้ว ที่เขาพึ่งซื้อมาไว้ที่ห้องพระของเขา ก็อธิบายของในห้องพระ ก้อนหินที่อยู่ในพานพระธุดงค์จากพม่าให้มาท่านว่านี่เป็นเหล็กไหล ถัดมาเป็นพระพุทธรูปบูชามา แล้วก็เป็นดอกบัวแก้วสีชมพู แล้วคุณเมย์ก็เล่าเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง เวลาเขาไปวัด หลวงพ่อเฉลิมโชค ฉันทชาโต เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมศูนย์ดำรงค์ธรรม คลองสอง ปทุมธานี มักจะเรียกเขาว่า สุริโยทัยมาแล้ว เขาก็แปลกใจว่าทำไมหลวงพ่อถึงเรียกทุกครั้งที่เจอท่าน แล้วเมื่อปี 2555 เขาตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อใหม่ หลวงพ่อก็ยับยั้งไว้ ให้รอเปลี่ยนชื่อใหม่ จากเมธินี เป็น ตรีภัทร วันที่ 11 ต.ค 2559 เวลา 11.00 น - 13.00 น ถามหลวงพ่อ ท่านก็บอกถึงวันนั้นจะรู้เอง ตอนบ่ายผมก็ไปส่งก๊าซ ร้านอาหารห้าแยกฉลอง แวะบอกคุณสุดา เรื่องที่ให้ช่วยย่าจันกับย่ามุก ทำเสร็จแล้ว ช่วงที่สนทนากัน คุณสุดา บอกมีงานให้ทำอีกแล้ว ให้ช่วยผู้หญิงหัวขาดนอนอยู่ในห้องมืด เป็นงานของพ่อปู่ฤาษี เมื่อดูฤกษ์แล้ว ตกวันที่ 10 ต.ค 2559 ให้เวลาไม่ถึง 3 วัน ผมคิดในใจจะต้องเกี่ยวข้องกับ วิชาคงกระพันชาตรีแน่ๆ บอกกับคุณสุดา ถ้านับรวมหมดก็เป็นงานที่ 7 เมื่อสิ้นสุดงานนี้ ในหลวง ร. 9 จะสวรรคต ตามสาส์นที่แจ้ง ไม่รู้ว่าจะวันไหน เรื่องเกี่ยวกับอะไร ดูว่าจะจริงมั๊ย ตกกลางคืนกระใช้พระขรรค์ค้นหา หอกพุ่งตรงไปยังหมู่บ้านโคกตะโหนด ไปยังบ้านเลขที่ 398 รุ่งเช้าก็ตรงไปยังบ้านหลังนั้น เรียกหาเจ้าของบ้าน ก็เป็นป้าวิ ออกมา ซึ่งผมกับป้าวิ เคยเจอกันมาก่อน ตอนนั้นผมรับอาคมสี่อย่างเข้าตัว ธาตุแปรปรวน ปวดเนื้อปวดกระดูก แกนวดผมได้เฉพาะซีกขวา ที่แปลกขณะนวด แกจับบ่าผมไว้ แล้วให้ผมแกว่งแขน แกบอกผมดูดพลังในร่างแก เหมือนโดนไฟดูด แกหมดแรง แล้วแกก็เล่าเรื่องราวแปลกๆของแก แต่ก่อนแกมีอาชีพเป็นนักมายากล ดูหมอ แต่พออายุได้ 30 กว่าปี ก็เกิดอาการแปลก พอพระอาทิตย์ขึ้นร่างกายอ่อนแรง จะกลับมาเป็นปกติเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ไปรักษา หมดเงินเป็นหมื่น เป็นแสนก็ไม่หาย ว่าอยู่เมืองไทยไม่ได้ ไปอยู่สวีเดน เดนมาร์ก ก็เป็นอาการเดียวกัน ก็เลยบอกแกอาจจะมีอะไรบางอย่าง ผมจะหาคำตอบให้ อาจจะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงหัวขาด เขาให้ผมมาตามหาร่างผู้หญิงหัวขาด เขาแฝงอยู่กับป้า ขอให้ป้าวิช่วย ผมขอน้ำ 3 ขวด ดิน 1 กำ ที่อยู่ในบ้านของป้า ให้ป้าจุดธูป 108 ดอก วางใบโพธิ์ และดอกบัว ตอนบ่ายผมจะมาเอา พิธีการจะเริ่มคืนวันที่ 10 ต.ค นี้ ตอนนี้ผมยังต้องตามหาหัวผู้หญิงคนนี้ก่อนว่าเป็นใคร ป้าจะเชื่อผมมั๊ย ป้าไม่ต้องทำอะไร ผมขอแค่นี้ ไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไร ทีแรกป้าแกก็ลังเลใจ ว่าผมไม่น่าจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ หน้าตาไม่ให้เลย แล้วที่แกยอมเชื่อเพราะผมพูดภาษาไสยศาสตร์ใส่แก หลังจากที่เจอตัวแล้ว ก็หาหัวทั่วเกาะภูเก็ต ก็ไม่เจอ เข้าสู่วันที่ 9 ต.ค แล้ว เริ่มเครียด แวะไปคุยกับคุณสุดา เห็นที่หน้าร้านมีตลับใส่เม็ดหลากสี ถามว่ามันคืออะไร เขาว่าเพชรพญานาค ส่วนสีดำเป็นเหล็กไหลนาคราช เขาเอามาเพื่อจะเอาสีม่วง ให้เด็กเก็บขยะหน้าร้าน เขาชะตาขาด ถ้าให้เม็ดสีม่วงก็จะต่ออายุเขาได้ สุดาบอก เด็กนั้นเป็นยมทูตจำแลง เขาต้องการให้เอาตลับนี้มาให้ผม เขาบอกเหล็กไหลนี้มีวิญญาณ เขาต้องการสร้างบารมีร่วมกับผม ก็เลยถามความเป็นมา ว่าเหล่าแม่ชี คณะบวชชีพราหมณ์ วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย เชียงราย เขาไปบำเพ็ญภาวนา ในถ้ำ แล้วได้ก้อนหินมา ทุบเอาแก้วข้างใน แล้วมันเหลือสองก้อนสุดท้าย เหล็กไหลนี้มันก็เรียกคุณสุดา แต่คุณสุดาไม่ได้ร่วมกับเขา เย็บผ้าอยู่ที่วัด คุณสุดาบอก ให้คนที่เขาเอามาเลือกก่อน พี่เขาเลือกอีกก้อน ก้อนเหล็กไหลนี้จึงมาอยู่กับสุดา ก็ถามเขาใช้ยังงัย วางบนฝ่ามือแล้วอธิษฐาน ผมจึงอธิฐาน ขอให้ได้รู้ว่า ผู้หญิงหัวขาดนี้เป็นใคร หัวอยู่ที่ไหน รอทั้งคืนก็ไม่มีอะไรแจ้งกลับ รุ่งเช้าวันที่ 10 ต.ค ศาลเจ้ากวนอู บ้านนาบอน โทรมาให้ผมไปเปลี่ยนก๊าซเป็นงานกินเจ เมื่อเปลี่ยนก๊าซเสร็จ ก็เดินมาข้างนอก แสงอาทิตย์ส่องตัว ก็เกิดภาพขึ้นมา เหล็กไหลที่ผมถือเมื่อคืน วิ่งไปหาเหล็กไหลห้องพระบ้านคุณเมธินี ก็เข้าใจแล้วผู้หญิงหัวขาดคนนี้คือ สมเด็จพระสุริโยทัย ในความหมาย แสงอรุณยามเช้า ก็ติดต่อคุณเมธินีไป ผมได้คำตอบแล้วว่าทำไมหลวงพ่อท่านเรียกคุณเมย์ว่า สุริโยทัย แล้วทำไมให้เปลี่ยนชื่อ วันที่ 11 ต.ค ขอให้คุณเมย์อุทิศพระเศียรของท่าน มาให้คืนวันที่ 10 ผมจะทำการล้างอาคมให้พระองค์ท่าน รวมพระเศียรกับพระวรกายเข้าด้วยกัน แล้วก็ไปหาป้าวิ บอกแกเจอแล้ว ร่างนี้คือ สมเด็จพระสุริโยทัย เมื่อท่านอายุได้ 30 กว่าปี ท่านต้องอาคมจากพระแสงของ้าวของพระเจ้าแปร หัวขาดสมัยเสียกรุงศรี อยุทธยาครั้งที่ 1 อาการจากอาคมจึงสำแดงออกมา ให้ป้าเตรียมตัวสะเดาะเคาะห์ คืนนี้จะเริ่ม จึงไปยังวัดฉลอง บอกเจ้าที่ เทพเทวา ขอฝากโอปปาติกะสมเด็จพระสุริโยทัย ไว้ในวิหารนี้ เมื่อเริ่มพิธี ก็เกิดอาการปวดตั้งแต่ฝ่าเท้า ขึ้นไปทะลุหัว ปวดเนื้อปวดตัว วิงเวียนจะอาเจียร ตัวเอนไปเอนมา ต้องบอกตัวเอง อดทนกัดฟันทนไว้ 3 ชั่วโมง พระองค์ท่านทนทุกข์ มา 468 ปี โอกาสนี้ เป็นแค่โอกาสเดียว แล้วก็ลุล่วงไปได้ ก็เกิดภาพฉายผลลัพท์ออกมา อาคมคงกระพันชาตรีนี้ เป็นของท่านบรมครูนันสินทู หรือ มังสินทู พระอาจารย์ของพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ และ พระเจ้าบุเรงนอง ก็รอผลโอปปาติกะ ไม่ปรากฎขึ้น แต่เป็นภิกษุอยู่หน้าวิหารวัดฉลอง จึงไปที่วัดเข้าไปไหว้พระ เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู ก็มีเสียงมา ว่าผมเคยเป็นพระอยู่ที่นี่มาก่อน แล้วก่อนรุ่งสางวันที่ 12 ต.ค ก็มีนิมิตรแจ้งมา โอปปาติกะ สมเด็จพระสุริโยทัย นั่งในวิหาร แจ้งให้ผมเข้าไปในเจดีย์ ก็ไปตาม ก็ปรากฎภาพในหลวง ร.9 สิ้นสุดอายุขัย ดวงวิญญาณกำลังออกจากร่าง เรื่องนี้คล้ายดังชาดก สุวรรณสาม ดวงจิตหนึ่งเกิด ดวงจิตหนึ่งดับ เป็นพันธสัญญาในอดีต ที่ผมเคยให้ไว้กับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่พระองค์ทรงเห็นในความทุกข์ของสมเด็จยาย หากชีวิตเป็นได้ดั่งสุวรรณสาม พระองค์ก็จะทำเช่นเดียวกัน ( ในหลวง ร.9 อดีตชาติ ก็คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ) ก็รับสนองพระราชปรารภของพระองค์ หากช่วยอะไรพระองค์ได้ก็จะช่วย ไม่ว่าจะเป็นชาติภพไหน แล้วก็มาดูว่าในหลวง ร.9 พระองค์ สวรรคตแล้วไปไหน ดูตามดอกบัวแก้ว และ สถานที่ประทับของพระองค์ ในกรุงเทพ ชื่อแต่ละที่ เหมือนสถานที่ ในดาวดึงส์ พระองค์เป็นปุเรนทร ประจำดอกบัวแก้ว กอที่ 7 สระมรกตโบกขรณี สวนจิตรลดาวัน ในสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสร็จภาระกิจไปหลายวัน ก็เจอป้าวิ ขายสับปะรด สี่แยกศาลเจ้ากวนอู ก็ถามแกวันนั้นเป็นยังงัยบ้าง ป้าแกบอกว่าร้อนไปหมด ร้อนอยู่สามวัน จนนอนอยู่ในห้อง คิดว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ ถ้าจะตายก็ขอให้มีคนเห็น แกออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก คนข้างบ้านเห็นผีหัวขาดเดินตามแก ป้าแกก็ถามผมเขายังอยู่กับฉันมั๊ย ผมก็บอก เขาไปแล้ว ที่เขาแสดงตัวตนให้คนเห็น ว่าผมพูดจริง ให้มีคนเป็นพยาน ก็ขอให้ป้าปล่อยวาง ฟังธรรมควบคุมจิตใจไว้ ผมเข้าใจว่าป้าหลอนมาเกือบสามสิบปี ก็ได้สอบถามคุณเมย์ วันเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกไม่เป็นอะไร ปกติดี ซึ่งคุณเมย์ เขาเป็นสายบุญ หล่อพระ สร้างอุโบสถ วิหาร กฐิน ผ้าป่า เขาทำตลอด เป็นการสร้างกุศล บารมี ให้กับ พระสุริโยทัย ที่แฝงอยู่กับเขาไปในตัว รูปลักษณ์ พระสุริโยทัย ในอดีต ก็ดูคนเมธินี ในปัจจุบัน เมื่ออาคมของท่านนันสินทู ได้ถูกถอดถอน ดวงวิญญาณผู้ตกทุกข์ทั้งหมด ที่ต้องอาคมของท่าน ก็ได้รับการปลดปล่อยทั้งหมด และเมื่อถึงฤกษ์ยามที่จะต้องส่งพวกเข้าสู่สี่เสาหลัก สถานที่กำหนดมา คือ สำนักสงฆ์แหลมพรหมเทพ ก็ฟังธรรมเทศนาจากหลวงพ่อก่อน วันนั้นท่านพูดเรื่องการสร้างบารมีด้วยความเพียร ไปสู่กัปป์ที่ 5 ศรีอาริยะเมตตรัย ผมก็จัดให้พวกเขาไปตามชื่อสถานที่ ไปสู่ เสาเทพ และ เสาพรหม เริ่มต้นสร้างบารมีด้วยความเพียร
|