supakorn kaewchan
มัธยม
 
ออฟไลน์
กระทู้: 804
|
 |
« เมื่อ: วันที่ 23 พฤษภาคม 2025, 06:24:08 » |
|
สวัสดีครับ วันอาสาฬหบูชา 2568 เป็นครบรอบปีที่ 7 กึ่งหลังพุทธศาสนา ของพระโคดมสัมพุทธเจ้า สี่เสาหลัก อสูร มาร เทพ พรหม ค้ำยันพระสัมมาโพธิญาณ แดนสุวรรณภูมิ ดวงวิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อยช่วยเหลือสู่การเป็น สี่เสาหลัก เริ่มการบำเพ็ญเพียร จาก จิต มาวิญญาณ สู่การรวมธาตุสี่ เป็นมนุษย์ ภาระกิจที่ 3 นี้ เป็นการช่วยเหลือดวงวิญญาณพระศรีถมอรัตน์ ทหารเอกสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต้องโทษประหารถูกตัดคอ ที่ตะนาวศรี ในอดีต ความเป็นมาดังนี้ วันนั้นรู้สึกว่าเลือดลมในกายมีความร้อน จากทุกส่วน วิ่งมารวมกันที่กลางหลัง แล้วพุ่งออกจากไฝกลางหลัง ก็รู้สึกแปลก จึงให้คุณสุดา ที่ถูกส่งมาช่วย ให้ดูดูว่าเป็นอะไร คำตอบที่ได้คือ ไฝผูกดวง จึงขอครูอาจารย์ของเขาเปิดตาทิพย์ ดูความเป็นมา มีพระธุดงค์ทำพิธีผูกดวงให้ชายสองคนอยู่ริมธารน้ำ ให้มีความเป็นพี่ เป็นน้อง อยู่ในคนเดียวกัน ไม่รู้ที่ไหน บอกได้แค่นี้ ให้ค้นหาเอง คืนนั้นจึงออกตามหาเริ่มจากหลังตนเอง ไปตามลมร้อนร้อนที่พุ่งออก ไปยังตำแหน่งในอดีต ที่พระธุดงค์ทำพิธี จิตมุ่งตรงไปยังน้ำตกวังก้านเหลือง อ.ชัยบาดาล ลพบุรีพระธุดงค์มีนามว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร ส่วน ชายสองคน มีนามว่า เดช กับ ฤทธิ์ หรือ พระชัยบุรี กับ พระศรีถมอรัตน์ จึงสงสัยว่าทำไมคนหนึ่งรุ่ง อีกคนหนึ่งร่วง ดูการกระทำของฤทธิ์ ด้วยเป็นคนที่ ใจร้อน วู่วาม ไม่รอบคอบ ลงอักขระทับเส้นมรณะ ดวงชะตาจึงพลิกผัน ต้องโทษประหาร ด้วยเป็นอาญาแผ่นดิน ทุกคนได้แต่เสียใจ ช่วยเหลือไม่ได้ เมื่อมีโอกาศในมิติโลกวิญาณ จึงกลับไปแก้ไขให้ เริ่มต้นใหม่ในร่มกาสาวพักต์ จึงย้อนไปดูชีวิตหลังความตาย เมื่อถูกโทษประหารตัดคอ วิญญาณก็พเนจร เป็นสัมภเวสี ต้องอาศัยตามศาลจ้างมาง มีผู้ร่วมเดินทาง มีนางโหงพราย กุมาร จนมารอที่น้ำตกวังก้านเหลือง ดวงวิญญาณ ได้รับโอกาศให้มาเกิดในภพชาตินี้ เป็นลูกพี่ ลูกน้องกัน ชื่อ นาย สวิน บุผา อยู่บ้านราษฎร์ดำรงค์ ต.ธารทอง อ.พาน เชียงราย ก็ถกลอบฆ่าตัดคอ ที่ถนนโรงฆ่าสัตว์ ห้าแยกพ่อขุนเม็งราย เมื่อปี 2544 ด้วยเป็นชะตา ไม่ว่าจะเกิดภพชาติไหน ก็ต้องตายถูกตัดคอ จึงเล่าให้คุณสุดาฟัง คำว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง ในคนเดียวกัน เขาเป็นคนที่ 3 ที่พูดอย่างนี้ แต่ผมไม่เข้าใจตอนนั้น คนแรก เมื่อปี 2539 ตอนนั้นผมเล่นบอล แล้วล้ม กระดูกแขนซ้ายแตก แขนบวมจับอะไรไม่ได้ ไปรักษาที่โรงพยาบาลไม่หาย จึงไปรักษาทางพระ ที่วัดน้ำวน ปทุมธานี ขณะนั่งรอ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาคุยด้วย เขาบอกเป็นหมอดู ขอจับมือ แล้วเขาพูดว่า ผมเป็นคนสองบุคคลิก สองวิญญาณ อยู่ในคนเดียวกัน ถ้าเป็นคนโหด ก็โหดอำมหิต ถ้าเป็นคนดีก็ดีเสียเหลือเกิน เขาถามผมว่าชอบไสยศาสตร์มั๊ย ผมก็ตอบไปว่าไม่ชอบ เขาว่าดีแล้ว ชะตายังงัยก็หนีไม่พ้น ไสยศาสตร์มันจะมาหาตัวผมเอง เตรียมตัวไว้ก็ดี เลือกให้ดี ไสยดำเป็นได้มากกว่าไสยขาว คนที่ 2 เมื่อปี 2553 ที่เทพไททอง มาแจ้งให้ช่วยภาระกิจ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ ด้วยมีเรื่องคาใจ ว่าวันที่สวิน ถูกฆ่าตัดคอ ทำไมผมปวดคอยังกับมีดบาดคอ รู้สึกหนักคอเหมือนมีคนนั่งทับ ท่านก็ว่า มีชะตา เป็นพี่ เป็นน้อง ในคนเดียวกัน ให้ค้นหาเอง แก้ไขเอง คนที่ 3 คุณสุดา กระจ่างชัดขึ้นถึงความเป็นมา ที่ ว่า เป็นพี่ เป็นน้องในคนเดียวกัน เมื่อรู้สถานที่ ฤกษ์ยามที่ต้องแก้ไข จึงติดต่อไปยังคุณฟ้า คนที่ตามหาผม เขามาจากบ้านน้ำตกวังก้านเหลือง ก็ถามเขาไปว่าที่บ้านน้ำตกวังก้านเหลือง มีต้นโพธิ์ใหญ่กี่ต้น ผมตามหาของในอดีต มันอยู่ที่ต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง เขาบอกมีสามต้น เลือกต้นไหน ผมเลือกต้นที่ 2 ตรงกลาง เขาร้องอุทานออกมา ว่าต้นนี้อยู่หน้าบ้านเขา เขาสร้างศาลไว้อยู่ ก็เลยเล่าให้ฟัง คืนที่ออกตามหา เจอกุมาร โหงพราย อยู่ในบ้าน โหงพรายเหนี่ยวรั้งไม่ให้ผมกลับร่าง จึงร้องขอเทพเทวาช่วย ปรากฎเป็นองค์พระใหญ่ ผุดจากดิน เปล่งรัศมี สีขาวนวลออกมา แสงกวาดกุมาร โหงพราย หายไปหมด ผมจึงกลับร่างได้ จึงขอให้คุณฟ้า ช่วยส่งดินใต้ต้นโพธิ์มา 1 กำมือ น้ำ 3 ขวด ใบโพธิ์ 9 ใบ มาที่ภูเก็ต ทำพิธีแยกธาตุ พระศรีถมอรัตน์ไปยังธาตุดิน ผมไปธาตุไฟ ผ่านไปหลายเดือน ได้รับแจ้ง ให้ทำสัตยาอธิษฐาน ส่งเขาไปสู่สี่เสาหลัก นิมิตแจ้ง สัญลักษณ์ ยักษ์เฝ้าวิหาร ก็คือตำแหน่งวัดเขารัง หลวงปู่สุภา กันตสีโร ท่านสร้างไว้รองรับภาระกิจ ให้เดินตามนิมิตก็เจอ โอปปาติกะ พระศรีถมอรัตน์รออยู่ แยกทางกันเดิน ภายภาคหน้าเราจะกลับมาเจอกันอีก
|