
เมื่อไม่นานมานี้หลายๆคนคงจะได้ดูภาพยนตร์โฆษณาตัวหนึ่ง ที่มีหนุ่มน้อยแก้สถานการณ์ในงานแต่งงานด้วยการเล่น “พิณแก้ว” … ทว่าเรื่องจริงผ่านจอที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ Glass Harp หรือ “พิณแก้ว” คือเครื่องดนตรีที่สามารถเพิ่มพลังสมอง สู่ความฉลาดระดับสูงของเจ้าตัวเล็กได้อย่างน่าอัศจรรย์
นอกจากภาพความประทับใจของสองพี่น้องวัยใส “น้องปัญชลิกา” และ “น้องเปมิกา” อาภามงคล สาวน้อยวัย 7 และ 9 ปี สาธิตการเล่น Glass Harp หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “พิณแก้ว” ในเพลง Twinkle little star และเพลงลอยกระทง ยังทำให้ผู้ร่วม งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “มหัศจรรย์พลังสมอง” ที่จัดขึ้นโดย เอนฟาโกร เอพลัส ณ อุทยานการเรียนรู้ ทีเคพาร์ค หลงสเน่ห์เครื่องดนตรีสุดมหัศจรรย์ชิ้นนี้ ก่อนทดลองและเรียนรู้จนสามารถดัดแปลงตัวโน๊ตได้
กว่า 500 ปีมาแล้ว “พิณแก้ว” ได้ถือกำเนิดขึ้น ในฐานะเครื่องดนตรีที่มีเสียงไพเราะงดงาม ซึ่งเกิดจากการสั่นสะเทือนของตัวแก้วขณะที่เราเอานิ้วมือถูวนไปรอบๆ บริเวณของขอบแก้ว โดยเคล็ดลับของการเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้อยู่ที่ต้องใช้แก้วที่มีก้าน เนื่องจากตามปกติก้านของแก้วที่มีขายอยู่ทั่วไปนั้น จะมีรูปทรงหลากหลายแตกต่างกันทั้ง วงกลม วงรี สามเหลี่ยม สูง เตี้ย แต่ที่รูปทรงที่เหมาะสำหรับการเล่นพิณแก้วต้องเป็นทรงกลม มีก้านสั้นจะให้เสียงของโน๊ตที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนลงมือเล่นพิณแก้ว ต้องล้างแก้วและมือให้สะอาด ซึ่งนิ้วมือที่ใช้ถูแก้วต้องเปียกน้ำอยู่เสมอ โดยจะใช้นิ้วใดก็ได้ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล
อาจารย์วีระพงศ์ ทวีศักดิ์ นักดนตรีพิณแก้ว ผู้เป็นที่ 1 ในเอเชีย และ 1 ใน 20 ของโลก อาจารย์สอนพิณแก้วคนเดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า เด็กที่เล่นพิณแก้วจะมีพัฒนาการทางด้านสมาธิความจำ และการคิดวิเคราะห์ ดีกว่าเด็กทั่วไป เนื่องจากต้องมีสมาธิในการจดจ่อกับการวางนิ้วมือให้ถูกต้อง การฟังคีย์เสียง พร้อมแนะนำให้ผู้ที่สนใจเริ่มฝึกเล่นให้เล่นจากแก้วเพียง 5 ใบ ซึ่งจะได้โน๊ต 5 ตัว “ข้อแรกเลยผมคิดว่าเด็กที่เล่นพิณแก้วจะได้ฝึกฝนในเรื่องของสมาธิแน่ๆ เพราะเวลาเด็กๆ เล่นดนตรี ต้องมีสมาธิสูงมา ความน่าสนใจของเครื่องดนตรีจะดึงดูดให้เด็กๆ มีสมาธิอยู่กับดนตรี ซึ่งเมื่อเด็กๆ เรียนหนังสือ ก็เป็นการฝึกสมาธิไปในตัว”อาจารย์วีระพงศ์
นอกจากนี้การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “มหัศจรรย์พลังสมอง” แล้ว ในงานยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กมาร่วมพูดคุยและแบ่งปันเคล็ดลับในการเพิ่มพลังสมอง เพื่อความพร้อมในทุกๆ การเรียนรู้ อาทิ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และดร.พัฒนา ชัชพงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการศึกษาปฐมวัย ม.ศรีนครินทรวิโรฒ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการจัดกิจกรรมเวิร์คชอป ในการส่งเสริมศักยภาพลูกน้อยสู่ความฉลาดระดับสูง โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนแรก - โซน Sound Garden ช่วยฝึกฝนสมาธิกับการฟังเสียงที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหรือเสียงที่มีอยู่รอบตัว เช่น เสียงน้ำไหล เสียงกบ เสียงแมลง เสียงนาฬิกา เสียงกล่อมเด็ก หรือแม้กระทั่งเสียงของแม่ เพราะเด็กจะชอบดนตรี ชอบเคลื่อนไหว จะช่วยจัดข้อมูลในสมอง จากการเชื่อมโยงการใช้ร่างกายกับเสียงที่ได้ยิน ส่วนที่สอง -โซนอุโมงค์เครื่องครัว ในการฝึกความจำที่สัมพันธ์กับการจำแนกเสียง ลักษณะของวัตถุกับของใช้ภายในบ้าน โดยเฉพาะเครื่องครัวที่ทำให้เด็กได้ฝึก ตาดู หูฟัง กายสัมผัส ทำให้เด็กสามารถเห็นความแตกต่างของรูปทรง ระดับเสียง สามารถจดจำความแตกต่าง ส่งผลต่อการจำในระยะสั้นและระยะยาว
และหลังจากเด็กมีสมาธิฝึกความจำ ก็ช่วยให้เป็นเด็กที่สามารถคิดวิเคราะห์เป็น โดย ส่วนที่สาม - จะนำระดับเสียงตัวโน๊ตเข้ามาให้เด็กลองเล่นผ่านขวดแก้ว และเปียโนน้ำ ที่จะช่วยเสริมสร้างระดับการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี ซึ่งความฉลาดระดับสูงในที่นี้ คือความสามารถในการควบคุมความสนใจ โดยการดึงข้อมูลที่บันทึกไว้ ความมีเหตุผล การสลับสับเปลี่ยน รวมไปถึงการวางแผนและตัดสินใจ สามารถประมวลผลข้อมูลเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ซับซ้อน เช่นการเข้าใจด้านภาษา ความมีเหตุผล และการแก้ปัญหา เป็นต้น