สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

TEN TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY

สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

1) เกือบทุกคนที่ 'มุดและหาที่กำบัง' เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ
โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น
กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่อง ว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยัง
เหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้ เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่
ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติด
ป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนีออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและ ขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวง กบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง
คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี 'ช่วงการเคลื่อนตัว' ที่แตกต่างไป
(บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันไดคนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้น
บันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของ อาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมา เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่ เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภาย นอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก


9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถ ของพวกเขา นี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ
และนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ
10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวน
มาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

ไม่รู้ว่าใช้ได้จริงกับประเทศไทยไหม
แต่เอาข้อมูลมาให้ดู ..
เพื่อเตรียมรับกับสถานการณ์ใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ที่สำคัญที่สุด คงเป็น สติ นะค่ะ    เครดิตเวป board.palungjit.com  จ้า 

[*auy*]

  :)Thank you

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

รูปภาพประกอบ จากเวป พันทิปค่ะ
http://pantip.com/cafe/news/topic/NE10378755/NE10378755.html

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

เอาตัวรอดเมื่อเกิดแผ่นดินไหว

http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=376&d=132367

[วันนี้..ต้องดีกว่าเมื่อวาน]

การเตรียมการรับมือ กับภัยพิบัติทางธรรมชาติของคนญี่ปุ่น ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของคนทั่วโลก เพราะจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่เพิ่งผ่านไป ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 140 ปี แม้จะมีการคาดการณ์ยอดผู้เสียชีวิต ว่าอาจมีถึง 1 หมื่นคน แต่ถ้าเปรียบเทียบความสูญเสียกับที่อื่น ผู้เสียชีวิตอาจจะอยู่ในหลักแสนก็ได้

เรื่องนี้ ต้องชื่นชมรัฐบาลญี่ปุ่น ที่เขามีการเฝ้าระวังตลอดเวลา รวมถึงมีมาตรการที่ให้ชาวญี่ปุ่นทุกคน มีความรู้เกี่ยวกับแผ่นดินไหวและการเอาตัวรอดเมื่อเกิดแผ่นดินไหวตั้งแต่เด็กๆเลย

ทั้งนี้ เป็นเพราะประเทศญี่ปุ่น มีภูมิประเทศเป็นเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหมู่เกาะ เป็นภูเขา และบางส่วนเป็นภูเขาไฟ นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นยังตั้งอยู่บนรอยเลื่อนของเปลือกโลก จึงเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก มีทั้งการสั่นสะเทือนแบบเล็กน้อย ไปจนถึงแบบที่รุนแรงมากที่สุด อย่างเหตุการณ์ล่าสุด ที่มีแรงสั่นสะเทือนถึง 8-9 ริกเตอร์เลยทีเดียว

ถือเป็นระดับแรงสั่นสะเทือนสูงสุดเลยก็ว่าไป เพราะเมื่อลองไล่ระดับความรุนแรง ที่เรียกกันเป็นหน่วยริกเตอร์ โดยถ้าเป็น 0 - 1 ริกเตอร์ ก็จะไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน หรือ อาจมีคนในห้องส่วนหนึ่ง ที่พอรู้สึกได้ แต่ถ้าเป็น 2 ริกเตอร์ จะเริ่มรู้สึกได้ อาจจะทำให้คนที่หลับอยู่บางส่วนตื่น และสิ่งที่แขวนอยู่บนเพดาน อย่างโคมไฟ จะสั่นสะเทือนเล็กน้อย

มาถึงระดับ 3 ริกเตอร์ คนที่อยู่ภายในห้องส่วนใหญ่ จะรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ภาชนะที่เก็บไว้ในตู้อาจกระทบกัน จนเกิดเสียงขึ้น และถ้าแรงขึ้นมาอีกเป็น 4 ริกเตอร์ คนที่หลับอยู่ส่วนใหญ่จะตื่น โคมไฟ หรือภาชนะจะกระทบกันเสียงดังอย่างชัดเจน

ซึ่งถ้าแผ่นดินไหว ประมาณนี้ ยังไม่ค่อยอันตรายกับผู้คนสักเท่าไร แต่ว่าถ้าขยับมาเป็น 5 ริกเตอร์ เราจะต้องหลบเข้าไปในที่ที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งถ้าเป็นแบบอ่อน ข้าวของที่อยู่ในตู้ จะขยับเขยื้อน แต่ถ้าเป็นแบบแรง เราก็อาจจะวิ่งไปหลบได้ลำบากยิ่งขึ้น และตู้ต่างๆ อาจจะล้มลงมาพังได้

และระดับแผ่นดินไหว ที่ 6 ริกเตอร์ เราจะเดินหรือยืนทรงตัวไม่ได้แล้ว ซึ่งถ้าเป็นระดับ 6 แบบอ่อน พวกเครื่องเรือนใหญ่ ๆ ที่ไม่ได้ยึดติดกับพื้นจะล้มลงมาพัง ส่วนถ้าเป็นแบบแรง กระจก หน้าต่าง อาคารจะตกลงมาแตกเป็นส่วนใหญ่ และข้อสังเกตการณ์เกิดแผ่นดินไหวที่แรงที่สุด คือ ระดับ 7 ริกเตอร์ คือ เราจะไม่สามารถทรงตัวได้อย่างสิ้นเชิง กระจก กระเบื้องต่างๆ จะแตก และพังเป็นจำนวนมาก

คิดดูว่า ญี่ปุ่น เขาเจอ 8 – 9 ริกเตอร์ สภาพความเสียหายจึงหนักมาก ซึ่งคนที่รอดมาได้ ส่วนหนึ่งเป็นเขารู้วิธีในการหลบหลีก อันตรายจากแผ่นดินไหวได้ดี ซึ่งวิธีการเหล่านี้ มาจากการให้ความรู้เรื่องนี้อย่างทั่วถึงนั่นเอง

ขนาดชาวต่างชาติ ที่ไปเรียนหรือไปทำงานที่นั่น ยังต้องเข้าเรียนและฝึกทักษะการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวด้วย เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าเกิดแผ่นดินไหวแบบไม่แรงมาก เขาให้ใช้วิธีนอนหรือนั่งขดตัว อยู่ภายใต้ที่กำบัง ในลักษณะคล้ายทารกขดตัวอยู่ในครรภ์มารดา เพื่อป้องกัน ของตกลงมาทับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหว แบบแรงมาก จนข้าวของหล่นลงมาพังกระจัดกระจาย รวมถึงของใหญ่ๆด้วย ควรออกจากอาคาร มาอยู่ในโล่งให้เร็วที่สุด

และว่ากันว่า ขณะแผ่นดินไหว อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยกว่าอาคารที่สร้างด้วยอิฐ อย่างน้อยก็ในเรื่องของน้ำหนัก แล้วก็เวลาพังลงมาก็ยังมีช่องว่าง ให้ร่างกายของเราได้มากกว่า แต่ถ้าหาก ขณะแผ่นดินไหว คุณกำลังนอนอยู่บนเตียง ก็ให้กลิ้งลงจากเตียง แล้วนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว รวมถึงเวลาอยู่ในรถก็เหมือนกัน ควรออกมาหลบอยู่ข้างรถ จะมีความปลอดภัยสูงกว่า

ที่สำคัญ เวลาแผ่นดินไหว อย่าใช้บันไดเด็ดขาด เพราะบันไดส่วนที่เหลือของตัวอาคาร จะชนกระแทกกันอาจจะโดนตัวเราได้ และถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ เพราะมันอาจจะถล่มลงมา ตอนที่ต้องมารับน้ำหนัก คนที่กำลังหนี อาจทำให้ได้รับอันตรายกันหมด

และถึงแม้ว่าประเทศไทยเรา จะไม่ได้เสี่ยงกับการเกิดแผ่นดินไหว แต่วิธีเหล่านี้ อาจนำมาปรับใช้ เวลาที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่นๆ ก็ได้ เพราะภัยธรรมชาติเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เตรียมตัวไว้ก่อน ก็ไม่เสียหาย