เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 01 มิถุนายน 2024, 22:39:36
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ⒷⒼ*, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ชาวบ้านผวาคนตาย 5 ศพติดต่อกัน แขวนเสื้อแดงกันผีแม่ม่าย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ชาวบ้านผวาคนตาย 5 ศพติดต่อกัน แขวนเสื้อแดงกันผีแม่ม่าย  (อ่าน 2257 ครั้ง)
yodsakorn
สมาชิกลงทะเบียน
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,439



« เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2015, 21:39:09 »

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(21 เม.ย.) ที่หมู่บ้านสันป่าสัก หมู่.3 ตำบลเม็งราย อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ชายทั้งเด็ก วัยรุ่น จนไปถึงผู้สูงอายุเสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างกัน แต่ติดต่อกันถึง 5 ศพ ซึ่ง 3 ใน 5 ศพพบว่ามีอาการที่เรียกว่า "ไหลตาย" ทำให้ชาวบ้านสันป่าสักกว่า 180 หลังคาเรือน นำเสื้อแดงและแผ่นป้ายเขียนข้อความ "บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย"มาแขวนไว้หน้าบ้านเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผีแม่ม่าย มาเอาชีวิตผู้ชายภายในบ้าน

น.ส.มาลี  อายุ 42 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายพงษ์เดช อายุ 70 ปี ซึ่งเสียชีวิตเป็นรายแรกของหมู่บ้าน ระบุว่าบิดาได้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการเป็นลมซักเกร็งแล้วก็เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2558 ทั้งที่ปกติร่างกายแข็งแรงดีไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด จากนั้นก็มีคนในหมู่บ้านตายในลักษณะคล้ายกันหรือที่ชาวบ้านเรียกว่าโรคไหลตายอีกหลายคน โดยรายล่าสุดคือ ด.ช.อภิสิทธิ์ อายุ 11 ปี ที่เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุ ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเกิดจากอาถรรพ์ "ผีแม่ม่าย" มาเอาชีวิตผู้ชายเหล่านี้ไป

ด้านนายสุริโยธิน ไกลถิ่น ผู้ใหญ่บ้านสันป่าสัก หมู่ 3 ต.เม็งรายกล่าวว่า การเสียชีวิตของคนในหมู่บ้านสันป่าสักนั้นนับตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม 2558 เป็นต้นมาจนถึงศพของน้อง อภิสิทธิ์ ที่มีการฌาปกิจศพไปนั้นถือเป็นศพที่ 5 ตนเองรับทราบเรื่องราวดังกล่าวจากชาวบ้าน ที่มีความเชื่อในเรื่องของวิญญาณร้ายของผีแม่ม่าย แต่ตนเองมองว่าการตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนหนีไม่พ้น แต่เมื่อมีการเสียชีวิตติดต่อกันหลายศพในเวลาแค่ 2 สัปดาห์ ทางหมู่บ้านจะได้ทำบุญหมู่บ้านครั้งใหญ่ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2558 เพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งเลวร้ายและเป็นสิริมงคลแก่ผู้อาศัยในหมู่บ้านของเราเพราะการทำบุญหมู่บ้านสันป่าสักนั้นเว้นการทำบุญมาถึง 5 ปีแล้ว

ทั้งนี้ตามความเชื่อของชาวบ้าน เชื่อว่าผีแม่ม่ายจะออกอาละวาดในยามค่ำคืน เพื่อตระเวนหาชายหนุ่มไปเป็นสามีในเมืองผี โดยจะมาเอาชีวิตชายหนุ่มในเวลากลางคืน หากครอบครัวใดไม่อยากให้ลูกชายตายไปเป็นสามีผีแม่ม่าย ให้สร้างหุ่นผู้ชายไว้หน้าบ้าน หรือนำเสื้อแดงมาเขียนข้อความไว้ว่า "บ้านนี้ไม่มีผู้ชาย" จะทำให้ผีแม่ม่ายที่ออกมาอาละวาดล่าผู้ชายในยามค่ำคืนก็จะคิดว่าหุ่นนั้นเป็นชายหนุ่ม จึงนำกลับไปเป็นสามีหรือเห็นข้อความดังกล่าวก็เข้าใจว่าบ้านหลังนี้ไม่มีผู้ชายนั้นเอง
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่อ  090-0355598 line 0801972766  อ.พาน จ. เชียงราย
WEBMASTER
เจ้าสำนักใหญ่
Administrator
แฟนพันธ์แท้
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,525

บุคคลทั่วไป


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2015, 22:51:13 »

ปีก่อนก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่เวียงชัย
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=384992.0

ที่พานก็เคยมี

chiangraiinsidenews.com
IP : บันทึกการเข้า

ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ :  https://www.facebook.com/crfocus
Achilles
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351

Go hard....or....Go home


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 21 เมษายน 2015, 22:53:48 »

อยากรักแม่ม่าย(หม้าย)อยากปลอบใจคนดี
IP : บันทึกการเข้า

ถ้าจะสร้างภาพก็รีบสร้าง!!.....เสร็จแล้วก็เลิกซะที.....
crazy_nexus
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 08:30:44 »

ช่วงนี้อากาศร้อนมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ อาจจะเป็นอาการ Heat Stroke ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้นะครับ
http://med.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/bulletin/bul98/v6n2/Heatstroke
IP : บันทึกการเข้า
ขี้เหล้าอาวุโส
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,061



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 09:52:31 »

 ตกใจ
IP : บันทึกการเข้า

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
MRK000000
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 168


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 11:30:42 »

ก่อนจะมีศาสนามนุษย์เราบูชา พระอาทิตย์ พระจันทร์ ผีสาง ต้นไม้
แต่ในตอนนี้เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่เรียกว่า ศาสนา แล้วนะ แต่คนไทยบางกลุ่มก็ยังงมงายไม่เลิก
งมงายแล้วยังอ้างตัวว่าเป็นชาวพุทธ ทั้งๆสิ่งที่ทำนี่มันขัดกับหลักพุทธศาสนามากๆ

ศาสนาไม่ได้สอนให้คนงมงาย ไปนั่งใหว้ตุ้กแกห้อยหัว กราบเช้ากราบเย็นขอหวยนะ
ศาสนาสอนให้คนทำดี มุ่งสู่นิพพานหนทางดับทุกข์ ปลงสังขารเพราะคนเราเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา


เครดิต...สมาชิกหมายเลข 1362434  pantip
IP : บันทึกการเข้า
Phaksaran
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,554


P H A K S A R A N


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 13:29:12 »

หืมม เพิ่งฟังจากเดอะช็อคมา มันมีอยู่จริงเหรอครับเนี่ย ของแบบนี้ ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่  โกรธ โกรธ


* 55.jpg (76.49 KB, 426x426 - ดู 1269 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
[T][o][d]SaPhon
My name's Todsaphon
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,064

พื้นที่ส่วนบุคคล


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 15:07:08 »

ลองสังเกตุดูดีๆ ส่วนใหญ่เป็นช่วงหน้าร้อน ผมว่าเป็นเกี่ยวกับ ร้อนตายมากกว่า  อู้ง่ายๆก็เป็นปิ๊ต๋าย
IP : บันทึกการเข้า
금정
ถ้าไปตรงๆไม่ได้ ก็จงไป 'ทางอ้อม' และถ้าไปข้างบนไม่ได้ ก็จงไปข้างล่าง อย่ายอมแพ้
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,424



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2015, 15:39:35 »

การตายในบทนี้เป็นการตายที่ไม่เกี่ยวกับบาดแผล แต่เป็นการตายที่เกี่ยวกับนิติเวชศาสตร์  ซึ่งในบทนี้ได้รวบรวมการตายต่างๆไว้
การตายจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงของร่างกาย (Death Due to changes of Temperature)
ปกติร่างกายจะมีอุณหภูมิประมาณ37องศาเซลเซียส การดำรงอุณหภูมิของร่างกายเกิดขึ้นจากการเผาผลาญอาหารที่บริโภคเข้าไปใน ระดับเซลล์ จากการทำงานของ    ร่างกาย   และความร้อนจากสิ่งแวดล้อม    ร่างกายเสียความร้อนจากการพาความร้อนออกไปเช่นการที่มีลมพัดพาเอาความร้อน ออกไป  การแผ่รังสีความร้อนจากร่างกาย       เช่นร่างกายอยู่ในอุณหภูมิรอบข้างที่ต่ำกว่าความร้อนจะค่อยๆลดลงได้   และการระเหยของน้ำจากร่างกายเช่นการที่มีเหงื่อออกตามผิวหนังแล้วเหงื่อ ระเหยกลายเป็นไอรวมทั้งการที่น้ำจากปอด กลายเป็นไอด้วย ทำให้ร่างกายได้ใช้ความร้อนออกไปในการแปรสภาพเหงื่อให้กลายเป็นไอซึ่งจะใช้ ประมาณ 12 - 16 แคลอรี่ต่อชม.
     การเสียความร้อนที่ผิวหนังจะลดลง ถ้ามีไขมันใต้ผิวหนังมากหรือหนา  
     การเสียความร้อนจะเพิ่มขึ้น ถ้าเส้นเลือดที่ผิวหนังขยายตัว
     ถ้าคนนั่งไม่สวมเสื้อผ้าอยู่ในห้อง ความร้อนที่เสียไปจะเป็นโดยการพา 15%  โดยการแผ่รังสี 60% และโดยการระเหยของน้ำในร่างกาย22%
     ถ้าอุณหภูมิรอบข้างสูงกว่าร่างกายแทนที่จะเสียความร้อนร่างกายกลับจะได้รับ ความร้อนเพิ่มขึ้นจากการแผ่รังสี จึงต้องให้มีเหงื่อออกมากขึ้นเพื่อลดความร้อนลง  ความชื้นของอากาศมีส่วนทำให้การระเหยของเหงื่อลดลง
     การสวมเสื้อผ้าทำให้การแผ่รังสีลดลง   ส่วนการพาความร้อนจะลดลงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า เสื้อผ้าฝ้ายสามารถทำให้การระเหยเหงื่อเท่ากับหรือเกือบเท่ากับไม่ได้สวม  แต่ถ้าเป็นเสื้อหนังการระเหยเหงื่อจะลดลงอย่างมาก
 
การตายจากการได้รับความร้อนมากเกินไป (Heat Stroke)
         เกิดเมื่อร่างกายไม่สามารถกำจัดความร้อนออกไปให้พอดีกับความร้อนที่ได้รับ จะเกิดการสะสมความร้อนในร่างกายจนเกิดอันตราย  เรียกว่า heat stroke
         ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆถึง105-106องศาฟาเร็นไฮท์ ผิวหนังจะร้อน แห้ง ระบบประสาทส่วนกลางเริ่มทำงานผิดปกติ ผู้เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังหรือใช้  ยาจำพวก ยาคลายเดรียดหรือยากดประสาทจะง่ายต่อการได้รับอันตรายเพราะการดำเนินการ ทำลายความร้อนเสียไป
         การจะวินิจฉัยว่าตายจากความร้อนขึ้นสูงนี้ต้องตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายได้ เกินกว่า 105 - 106 องศาฟาเร็นไฮท์  ในบางคนอาจจะเกิดจากการออกกำลังมากเกินไป เช่น ทหารที่ฝึกอย่างหนักกลางแสงแดดที่แผดร้อน และระบายความร้อนไม่ทัน ในผู้สูงอายุอาจจะเกิดอาการจากการมีคลื่นความร้อนเป็นเวลาหลายๆวันเช่น ประมาณ6-7วัน      โดยเฉพาะพวกที่มีโรคทางระบบไหลเวียนโลหิตอยู่ก่อนจะยิ่งมีอาการได้ง่ายหรือ โรคที่มีอยู่กำเริบ
         การตายจากความร้อนอาจพบในเด็กที่ทิ้งไว้ในรถยนต์กลางแดดจัด มีการทดลองโดยวัดอุณหภูมิในรถพบว่าขึ้นถึง60องศาเซลเซียส หรือ136องศาฟาเร็นไฮท์             ในอีกรายงานหนึ่งทดลองในรถขนาดเล็กกับขนาดใหญ่พบว่ารถเล็กร้อนเร็วกว่ารถ ใหญ่คือถึง70องศาเซลเซียส ทั้งที่อุณหภูมิภายนอก(กลางแดด)เพียง44องศาเซลเซียส
        ในอาสาสมัครทำการทดลอง จะพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจขัด รู้สึกร้อน เสียสมาธิ อ่อนเพลีย เหงื่อออกมาก ต่อมาเหงื่อแห้ง และร้อนมากขึ้น หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกเหมือนจะเป็นลม ชาตามมือเท้า หน้าแดงแล้วเปลี่ยนเป็นคล้ำจากการเริ่มมีระบบหัวใจและไหลเวียนโลหิตกำลังจะ ไม่ทำงาน จึงได้หยุดการทดลองก่อน ที่จะหมดสติและตาย
         การผ่าศพที่ตายจากเหตุนี้ไม่พบพยาธิสภาพที่ชัดเจน ลักษณะที่พบคือหัวใจล้มเหลว  ถ้าผู้ป่วยอยู่ได้เกิน24ชม.การตรวจศพอาจจะพบปอดอักเสบ เนื้อไตสลายตัว(tubular necrosis) เลือดออกในต่อมเหนือไต เนื้อตับสลายตัว(necrosis of liver) การให้การวินิฉัยจะเป็นการวัดอุณหภูมิโดยทางทวารหนักและต้องได้อุณหภูมิสูง
         การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในร่างกายอย่างรวดเร็วอาจจะเกิดจากการได้ยาสลบบาง ชนิด ทำให้ร่างกายจะมีอุณหภูมิขึ้น1องศาเซลเซียสทุก5นาที และอาจจะสูงถึง43องศา   มีอาการ หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ อุณหภูมิสูง กล้ามเนื้อแข็ง และอาจจะตามด้วยกล้ามเนื้อถูกทำลาย Kสูง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
การตายจากความเย็น (Hypothermia)
         จะถือว่าร่างกายเริ่มเข้าข่ายการได้รับความเย็นจะนับตั้งแต่อุณหภูมิของ ร่างกายลงมาที่35องศาเซลเซียส จะเกิดเมื่อเสียความร้อนออกไปมากกว่าการสร้างขึ้น คนกินเหล้าหลับในที่หนาวเย็นจะเป็นอันตรายจากอุณหภูมิของร่างกายลดได้ง่าย การติดอยู่ในหิมะ ตกลงไปในน้ำเย็น ซึ่งอุณหภูมิจะลดลงได้เร็วเป็น3เท่าเมื่อเทียบกับอยู่บนบก เพราะน้ำนำความร้อนได้ดีกว่าอากาศ20-25เท่า ในเด็กอุณหภูมิจะลดง่ายกว่า  การตายมักเป็นอุบัติเหตุ
         กลไกของร่างกายในการต่อต้านการเสียความร้อนคือ   เส้นเลือดผิวหนังจะหดตัว    สร้างอุณหภูมิโดยการสั่นของกล้ามเนื้อ(ซึ่งสามารถเพิ่มความร้อนได้5เท่าของ ปกติ)   และการเพิ่มการเผาผลาญอาหารในเซลล์ซึ่งต้องอาศัยไขมัน ในกรณีนี้เด็กที่มีไขมันมากอาจจะเพิ่มอุณหภูมิได้อีกหนึ่งเท่าตัว  ในผู้ใหญ่ที่มีไขมันน้อยอาจเพิ่มได้เพียง          10-15%เท่านั้น
         ถ้าร่างกายมีอุณหภูมิลดลงจนถึง32องศาเซลเซียสแล้ว การลดลงของอุณหภูมิต่อไปจะยิ่งเป็นไปโดยรวดเร็ว และการเผาผลาญอาหารหรือปฏิกิริยาต่างๆ ทางเคมีในร่างกายจะเสียไป
อาการเมื่อมีการเสียความร้อน คือ การหายใจช้าลงและตื้น ชีพจรช้า เริ่มชา สติเลอะเลือน มีภาพหลอน มีปฏิกิริยาช้า การสั่นของกล้ามเนื้อหายไป การควบคุมอุณหภูมิจากก้านสมองเสียไป หมดสติเมื่อถึง 30 องศา และไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง (คือโคม่า)ที่ 27 องศา  ระหว่าง 27 - 25 องศาเริ่มมีหัวใจเต้นริก
         ถึงแม้จะพบการตายจากการเสียความร้อนมักมีแอลกอฮอล์เสมอ แต่การทดลองกลับพบว่า ตัวแอลกอฮอล์เองมีผลในการป้องกันหัวใจเต้นริก โดยการฉีดแอลกอฮอล์ให้มีระดับในเลือดประมาณ400มิลลิกรัม%โดยมีอุณหภูมิ25-26 องศา  อาสาสมัครไม่ปรากฏหัวใจเต้นริก
         การแช่ในน้ำเย็น 4-9 องศาอาจอยู่ได้ 70 นาที - 2ชม.  0 องศาอาจอยู่ได้ 30 นาที   เกินกว่า 20 องศาอยู่ได้ไม่จำกัด ส่วนการตายด้วยความเย็นบนบก ขึ้นอยู่กับเหตุ   อีกหลายอย่างเช่นลม และความชื้น
         การตรวจศพ พบว่าลิวิดิตี้มีสีออกแดงสด เนื่องจากมีอ๊อกซี่ฮีโมโกลบินมาก บางที่ศพจะซีดขาวทั้งตัวและอาจจะมีสีน้ำเงินจางๆที่มือ ศอก เข่า แสดงถึงอาการ "หิมะกัด"(frostbite)ซึ่งการตรวจทางกล้องจุลทรรศน์จะพบลักษณะว่ามีการบวม และมีเลือดคั่งมากที่ผิวหนัง และมีเม็ดเลือดขาวรอบๆเส้นเลือดเล็กน้อย
         ถ้าผู้ป่วยสามารถอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่งเมื่อตายจะพบการเปลี่ยนแปลงเช่น มีตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน มีแผลที่ผนังกระเพาะและลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ปอดอักเสบ เนื้อไตสลายตัว กล้ามเนื้อหัวใจสลายตัว
         ผู้ตายมักถูกพบว่าไม่นุ่งเสื้อผ้า เนื่องจากมีภาพหลอนว่าร้อนจากการที่ศูนย์ควบคุมความร้อนเย็นที่ก้านสมองเสียไป
         ในคนที่เป็นโรคเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบอยู่แล้ว เมื่อกระทบอากาศเย็นจะเกิดอาการ ยิ่งเย็นยิ่งมีโอกาสเกิดมาก โดยการหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไป
การตายทันทีหลังการต่อสู้ขัดขืน (Sudden death during or immediate after violent struggle)
         พบน้อยมาก เกิดขึ้นได้ในผู้ที่ต่อสู้ขัดขืนการจับกุม(โดยเฉพาะพวกที่ใช้ยาเสพติดหรือ กินเหล้า) เมื่อจับกุมเสร็จ เกิดหมดสติทันที และตาย  การตรวจศพ  มักไม่พบเหตุตาย แพทย์จะถูก  กล่าวหาจากญาติหรือผู้เห็นเหตุการณ์ว่าช่วยตำรวจ  เห็นตำรวจทำร้ายคนตายชัดๆหมอยังบอกว่าไม่พบอะไร
         กลไกในการเกิด คือ ระหว่างการต่อสู้ขัดขืน(กอดปล้ำ)ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนจากต่อมเหนือไต caticholamine ซึ่งเมื่อรวมกับแอลกอฮอล์แล้วจะทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะง่าย  และยาจำพวก โคเคน, แอมเฟตตามีน, propylhexadrine, ทินเนอร์ ล้วนแล้วแต่มีผลทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะทั้งสิ้น ปัญหาคือจะระบุว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือ       เป็นฆาตกรรม
         ต้องยอมรับว่าในกรณีนี้เป็นผู้อื่นทำ แต่ไม่ใช่ฆาตกรรม
หัวใจหยุดเต้นระหว่างออกกำลังกาย (Cardiac Arrest during Exercise)
         เกิดจากหัวใจขาดเลือด เต้นผิดจังหวะ และตาย  ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ระหว่างการออกกำลังกาย  เนื่องจากขณะออกกำลังกายเมื่อขึ้นถึงจุดความดันขึ้นถึง160-220       หัวใจเต้น180-200ครั้ง norepinephrineขึ้น10เท่า  epinephrineขึ้น 3เท่า  เมื่อหยุดออกกำลังกาย ฮอร์โมนทั้ง2ตัวนี้จะยังเพิ่มสูงขึ้นต่อไป แต่ความดันและการเต้นของหัวใจกำลังลดลงทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติไป  นอกจากนั้นในผู้ที่เครียดมากๆเมื่อออกแรงก็พบว่ามีการตายได้ง่ายด้วย เพราะความเครียดสามารถทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ     อยู่แล้ว
ตายจากการอดอาหาร (Starvation)
         ปกติคนต้องการอาหารประมาณวันละประมาณ 23 แคลอรี่ต่อกิโลกรัมต่อวัน คนน้ำหนัก 70 กิโลกรัมนอนเฉยๆต้องการแคลอรี่ 1650 แคลอรี่ต่อวัน
         การเผาผลาญแคลอรี่ในร่างกายเป็นดังนี้  นอนหลับใช้ 65 แคลอรี่/ชม.  ตื่นอยู่เฉยๆใช้ 77 แคลอรี่/ชม. เดินช้าๆใช้ 200 แคลอรี่/ชม. วิ่งใช้ 560 แคลอรี่/ชม.              เดินขึ้นบันไดใช้ 1,100 แคลอรี่/ชม.  คนทำงานแบกหามอาจจะใช้ถึง 6,000 - 7,000 แคลอรี่ต่อวัน
         อาหารแบ่งออกเป็นคาร์โบไฮเดรด โปรตีน และไขมัน   คาร์โบไฮเดรดเป็นส่วนที่ให้กำลังงานซึ่งจะเก็บไว้ในรูปของไกลโคเจนในตับ ในกล้ามเนื้อ และกลูโคสในเลือด ประมาณ 1,200 แคลอรี่  
         ฉะนั้นถ้าไม่กินอาหารภายใน 24 ชม.คาร์โบไอเดรดที่สะสมอยู่จะหมดและร่างกายเริ่มจะต้องใช้  ไขมันและโปรตีนเป็นแหล่งพลังงาน และเมื่อเริ่มใช้ไขมัน ก็เริ่มมีคีโตน(ketone)ในเลือด ถ้าประมาณว่าไขมันมีอยู่ 20 - 25%ของน้ำหนักตัวในชาย และ25 - 30%ในหญิง  และต้องใช้แคลอรี่ วันละ 2,000  ก็จะสามารถอยู่ได้ถึง 60 - 70 วัน       จากนั้นจะต้องใช้โปรตีน  เมื่อเริ่มเอาโปรตีนไปใช้ในการให้พลังงานแก่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะทรุด  อย่างรวดเร็วและตายเมื่อใช้โปรตีนเพียงไม่ถึง 20%
        อาการของคนอดอาหารคือ  หิว  หิวจนปวดท้องในวันแรก จากนั้นจิตใจและร่างกายเกิดการเหนื่อยล้า เปลี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ จิตใจเริ่มผิดปกติ หมดความสนใจตัวเอง         สิ่งแวดล้อม และหมดสติ
         การตรวจศพพบว่าผิวหนังบาง ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง ผิวหนังแห้ง หรือสีน้ำตาล  กล้ามเนื้อลีบเล็ก อวัยวะภายในทุกส่วนลีบเล็กยกเว้นสมอง ลำไส้เล็กบวมแดงและอาจ     จะมีแผล
         การอดอาหารแต่ไม่อดน้ำ จากรายของคนหนุ่มที่แข็งแรงเป็นการประท้วงทางการเมืองในไอร์แลนด์เหนือ พบว่าสามารถอยู่ได้ 57 - 73 วัน เฉลี่ย 60 วัน
การตายจากภูมิแพ้ (Anaphylactic Death)
         สิ่งที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ คือ แมลงกัดต่อย ยา และอาหาร อาการของภูมิแพ้คือ คัน ผื่น แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด หายใจลำบาก แล้วหมดสติ  มักเกิดอาการใน          15 - 20 นาที
         เกิดโดยมีการบีบรัดของหลอดลม การขยายตัวของเส้นเลือดและการซึมน้ำมากขึ้นของผนังเส้นเลือด เซลล์ในเลือดและเนื้อเยื่อบางชนิด คือ mast cells และ basophils จะให้สารต่างๆที่ทำให้เกิดอาการนี้  การตายเกิดจากหลอดลมบวมและบีบตัวอย่างแรงและเส้นเลือดขยายตัว
         การตายจากแพ้แมลงกัดต่อย อาจจะตรวจได้โดยเจาะเลือดหาภูมิต้านทาน(IgE antibody) ต่อผึ้ง ต่อแตนได้ แต่ 1%  
กรดและด่างเข้าตา((Injury of the Eye due to Acids and Alkalis)
เครติตเวป
http://www.ifm.go.th/ifm-book/ifm-textbook/150-death-due-to-changes-of-temperature.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 22 เมษายน 2015, 15:43:14 โดย Rockie_King » IP : บันทึกการเข้า
jesa
magdafVE
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,152



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 23 เมษายน 2015, 13:34:43 »

เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เพื่อนผมคนหนึ่งไปเป็นทหารที่ จันทบุรี ไหลตาย คาที่นอน (ไม่ทานเหล้าสุขภาพร่างกายแข็งแรงและเรียนเก่งมาก ประกวดด้นกลอนสดได้รางวัลมากมาย)  แล้วต่อมาญาติเค้า 6 คน(ต่างวัย)  นามสกุลเดียวกัน ตายแบบเดียวกันในเวลาเพียง 2 ปี เกือบหมดตระกูล   ก่อนที่ต่อมากระแสผ้าแดง เล็บแดงและปลักขิกแดงจะระบาดไปทั่วอิสานเกือบทุกจังหวัดในเวลาต่อมา

ตอนนั้นยังไม่มีผล HEAT STROKE มากมายแบบนี้เลยครับ

หมอแทงว่า  หัวใจล้มเหลวท่าเดียว    มันถึงยังเป็นปริศนาต่อเนื่องมาอีกหลายปี

....  แม้ปัจจุบันวิชาการจะบอกสาเหตุต่างๆนาๆ  แต่การที่ชาวบ้านทำง่ายๆ  ไม่เดือดร้อนใคร แล้วทำให้เค้าปลอดภัยมันสร้างสุขภาพจิตที่ดีนะ

   ลองคิดดูถ้าตอนเค้าเริ่มทำแล้วยังตายไปเรื่อยๆ วิธีนี้มันคงไม่ดังยืนยาวมาถึงปัจจุบัน แสดงว่ามันมีผลจริงหรือเปล่า? น่าคิด


* default_DSCN2122.jpg (111.33 KB, 480x360 - ดู 812 ครั้ง.)

* แดง.jpg (17.69 KB, 300x180 - ดู 820 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

teetee2011
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 664


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2015, 18:26:14 »

ครับใช้หลักการและเหตุผลจะดีกว่าใช้วิจารณญาณเรื่องของการตาย ไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อของท่านนะครับ  อย่าสร้างกระแสในทางที่ผิด ๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจงเชื่ออย่างมีปัญญากำกับ  อย่าเชื่ออย่างมีโมหะกำกับ  อย่าเป็นมงคลตื่นข่าว
พระองค์ได้กล่าวถึงสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ 10 ประการโดยตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงฟัง
มา อนุสฺสวเนน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา
มา ปรมฺปราย : อย่าเพิ่งเชื่อโดยถือว่าเป็นของเก่าเล่าสืบๆ กันมา
มา อิติกิราย : อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ
มา ปิฏกสมฺปทาเนน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างคัมภีร์หรือตำรา
มา ตกฺกเหตุ : อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง
มา นยเหตุ : อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา
มา อาการปริวิตกฺเกน : อย่าเพิ่งเชื่อโดยตรึกเอาตามอาการที่ปรากฏ
มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา : อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นของตน
มา ภพฺพรูปตา : อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้
มา สมโณ โน ครูติ : อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดนั้นเป็นครูของเรา
สรุปแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะเหตุ 10 ประการนี้
อย่าพึ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นภาคเหนือเชื่อเรื่องผีแม่หม้าย  ภาคอีสานเชื่อเรื่องพญานาค อย่างนี้เป๋นต้น
IP : บันทึกการเข้า
Achilles
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 351

Go hard....or....Go home


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2015, 21:28:49 »

เคยดูรายการทีวีแต่นานหลายปีมากแล้วนะครั
เนื้อหาในตอนนั้นเป็นความเชื่อเกี่ยวกับผีปอบของหมู่บ้านทางภาค....(คงทราบ)
รายละเอียดที่น่าสนใจคือ ผู้นำหมู่บ้านของ2หมู่บ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน)เชื่อเรื่องปอบเหมือนกัน
**ผู้ใหญ่บ้าน ก.** เชื่อว่ามีปอบเข้าสิงคนในหมู่บ้านวิธีแก้ก็คือไปเรียนเชิญหมอผีจอมขมังเวทย์มาปราบ แต่ก็เกรงว่าจะถูกหลอกหรือเปล่าพิสูจน์โดยการดื่มน้ำอะไรสักอย่างนี่แหละที่ทางหมอ(ปราบ)ผีเตรียมมาแล้วก็บอกว่าหมอที่เชิญมาไม่ใช่แก้งค์ต้มตุ๋นไม่ต้องกลัวว่าจะมาหลอกลูกบ้านเพราะตัวผู้ใหญ่บ้านพิสูจน์แล้วคือดื่มเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร พีธีกรรมล่า&กำจัดผีปอบก็จะมีขึ้นทีนี้ใคร(ถูกกล่าวหา)ว่าเป็นปอบหลังจากปราบแล้วจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้นไม่ได้(แต่กลับมาได้ตามระยะเวลาที่กำหนดแค่ไม่กี่วัน)
**ผู้ใหญ่บ้าน ข.** เชื่อว่าผีปอบมีจริงเช่นกัน คนที่ถูกขับไล่มาจากหมู่บ้านอื่น ทางหมู่บ้านนี้ยินดีให้อาศัยอยู่แต่ต้องดื่มน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์(ที่เชื่อว่ารักษาได้)ตามเวลาที่กำหนด(จำไม่ได้ว่ากี่วัน) แต่ความคิดหรือกระบวนการคิดหลังจากนั้นคือ
ทางหมู่บ้านนี้มีกฏเหล็กห้ามไม่ให้ใครเอ่ยถึงคำว่าปอบหรือผีปอบ ถ้าใครพูดหรือเอ่ยจะมีบทลงโทษ สาเหตุที่มีกฏนี้ขึ้นมาผู้ใหญ่บ้านบอก(เท่าที่จำได้นะครับ)ความเชื่อเรื่องผีปอบกับคนที่นี่ยังอยู่แต่ถ้าไม่มีการพูดถึง อนาคตข้างหน้ารุ่นลูกรุ่นหลานคำว่าผีปอบจะไม่มีรวมทั้งความเชื่อเรื่องผีปอบจะหายไปด้วย
โดยส่วนตัวผมนะครับ ผู้นำ2ท่านเชื่อในเรื่องเดียวกันเพียงแต่"มีกึ๋น"ต่างกัน
ปล.ความเชื่อสำหรับผมไม่มองว่าผิดหรือถูกนะครับ ผมเองก็แขวนพระเพราะกลัวผี ไม่เคยเจอแต่เชื่อว่ามีจริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 เมษายน 2015, 21:36:23 โดย Achilles » IP : บันทึกการเข้า

ถ้าจะสร้างภาพก็รีบสร้าง!!.....เสร็จแล้วก็เลิกซะที.....
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!