เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 08 สิงหาคม 2025, 20:25:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  คิดก่อนแต่ง??
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน คิดก่อนแต่ง??  (อ่าน 1170 ครั้ง)
เด็กอินเตอร์
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,302


« เมื่อ: วันที่ 18 มกราคม 2010, 05:22:06 »

คิดก่อนแต่ง??

 

ก่อนที่เราจะตัดสินใจแต่งงาน อย่าลืมพิจารณาหลักง่ายๆ แต่จำเป็นก่อนนะคะ

1.เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ต้องดีกว่าเดิม

2.เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีเท่าเดิม

3.เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่แย่กว่าเดิม

 

เรามาพูดถึงข้อแรกกันก่อนคะ

เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเดิม

ก็คือ ก่อนแต่งงานเรามีความเป็นอยู่อย่างไร ต้องดีกว่านั้น อันนี้ง่ายไปค่ะ

ที่จะบอกก็คือ เรื่องที่ใครอีกหลายคนลืมที่จะคิดถึงมันไป

ภาระค่าใช้จ่ายของแต่ละคนก่อนแต่ง และหลังแต่งค่ะ

ก่อนแต่งงาน เราใช้จ่ายอย่างไร สาวๆ ที่ไม่ต้องช่วยค่าใช้จ่ายพ่อแม่ตัวเอง ทำงานได้เท่าไร จ่ายคนเดียวด้วย

ก็ยิ่งจะเห็นได้ว่า สบาย และไม่ต้องมีค่าบ้าน น้ำไฟ อาหาร ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ได้ให้ช่วยเท่าไร

บางบ้านไม่ต้องช่วยเลย พอแต่งงานไปแล้ว ไม่เหมือนอยู่บ้านค่ะ

ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ไม่เคยต้องจ่าย ต้องจ่ายหมด หารสองกันกับสามี

บางทีอาจะผลัดกันจ่ายคนละอย่าง สามีผ่อนบ้าน ภรรยา เฟอร์นิเจอร์และค่าใช้จ่ายในบ้าน

พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ จิปาถะ ไหนจะต้องตกแต่ง ทุกอย่างจะต้องช่วยกัน

สร้างอนาคตร่วมกัน งานหลักๆ ของภรรยาก็คือ แม่บ้าน แม่ของลูก ทำงานนอกบ้าน

เอาใจสามี รวมทั้งเรื่องบนเตียงหรือที่บางคนกล่าวไว้ว่า โสเภณีผูกขาด

(ในอนาคต จะมีกฎหมายห้ามสามีข่มขืนภรรยาหรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไป)

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าสามียกเงินให้เก็บ ให้เราสบายกว่าก่อนแต่ง

โดยรวมแล้วสบายหมด ก็ถือได้ว่า แต่งแล้วดีกว่าเดิม

 

ก่อนอื่นอยากจะเล่าให้ฟังว่า หญิงขายบริการนั้น อย่างค่าตัวต่ำสุดก็ ครึ่งชั่วโมงละ 150 บาท

ไม่รวมค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าอื่นๆ พึงมี

(ข้อมูลจากหนังสือ สินค้ามีชีวิต ดอกไม้ราตรี หาอ่านกันได้ ถ้าใครสนใจ )

แล้วที่ค่าตัวแพงๆ ละ สะอาดหน่อยสวยหน่อย น่ารักหน่อย เด็กหน่อย ก็เป็น 1,000 ขึ้นไป

และยังมีโอกาสเลือกลูกค้าด้วยในสมัยนี้ ที่จะบอกก็คือ ภรรยามีหน้าที่ต่างๆ มากมาย ค่ะ

สิทธิในการขัดใจสามีมีน้อย ถ้าแต่งงานแล้วลำบากกว่าหญิงบริการก็บอกได้แล้วว่า ควรแต่งหรือไม่

 

เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีเท่าเดิม

ก็คือ แต่งหรือไม่แต่ง ก็มีความเป็นอยู่ ค่าใช้จ่ายเท่าเดิมเลย ต่างคนต่างแยกกระเป๋า

ต่างคนต่างจ่าย ใครทำงานอาชีพอะไรก็ทำไป ค่าใช้จ่ายในบ้านหารหมด

ไม่มีการวางแผนเก็บด้วยกัน และยังต้องทำหน้าที่แม่บ้านทุกอย่างที่กล่าวมา

เหมือนหาเรื่องใส่ตัวอย่างไรพิกล อยู่เฉยๆ สบายๆ ไม่ชอบ ยังไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายลูกเลยนะคะ

ถ้ายังไม่มีลูกก็ยังว่าแย่แล้ว ถ้ามีลูกจะแย่แค่ไหน

 

อันนี้ก็ยังมีข้อพิจารณาเพิ่มเติม เป็นกรณีๆ ไป เช่น เป็นห่วงเป็นใย รักใคร ฝากผีฝากไข้ได้

ก็ยังพอไม่ร้ายเท่าใดนัก

 

เมื่อแต่งงานแล้วชีวิตความเป็นอยู่แย่กว่าเดิม

ก็คือ ก่อนแต่งสบายเราทำ เราใช้ เราจ่ายเอง แต่หลังแต่ง เราทำ เราใช้ สามีก็ช่วยใช้เงินเรา

แต่เขาไม่ช่วย หรือแทบไม่ช่วย ค่าใช้จ่ายส่วนกลางก็เราอีกนั่นแหละ บ้านเรา ลูกเรา

อยากให้ลูกเรียนสูง ก็ต้องดิ้นรนหาเอง และก็ยังต้องทำหน้าที่แม่บ้านอีกด้วย

ส่วนตัวเขา ทำมาหาได้ อย่างไรก็จะใช้อยู่คนเดียว ไม่คิดจะแบ่ง ถือว่าเขาเป็นคนหา

แล้วก็คิดอีกว่า ภรรยาก็ต้องแบ่งเงินให้สามีใช้ด้วย ถ้าเช่นนั้นจะมีเมียไปทำไม

สามีบางท่านก็อาจจะสร้างหนี้แล้วให้เราใช้ หาผู้ช่วยภรรยามาให้เราได้เลี้ยงเป็นน้องสาวด้วยอีกคน

ประมาณว่าเราทำงานได้เงินเท่าไร คุณสามีก็จะแปลงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงมีเขา

ให้เจ้าเอี้ยงเกาะ ที่อาศัยอยู่ตามท้องทุ่งนา มีความสามารถในการไถเงินภรรยาเป็นพิเศษขึ้นมาทันที

ถ้าเจอความคิดประเภทนี้ก็รีบๆ หลีกไปให้ไกลเลยเชียวคะ

หรือถ้าคุณภรรยาคนไหนที่เป็นคนมีใจบุญ ใจกุศล หรือมีเงินถุงเงินถัง

สามารถเลี้ยงสามีได้ทั้งชาติก็ไม่หมด และนิยมสะสมความทุกข์ก็เชิญได้เลยค่ะ

หรือว่า เวลาคุณสามีซ้อมเอาเวลาไม่ไห้เงิน ก็ถือเสียว่า สามีช่วยนวดแก้เมื่อย

ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างหมอนวดแพง เสียเวลาเดินทางอีกด้วย

หรือถ้าจะคิดในด้านบวกสุดๆ ก็ประมาณว่า ถึงยังไง๊ ยังไง ก็ยังดีมีสามีไว้บำบัดความใคร่

ดีกว่าช่วยตัวเองเป็นไหนๆ ถ้าคุณสามีทำหน้าที่บนเตียงได้ไม่บกพร่อง

คุณภรรยาก็คงจะคิด เอาน่า ถือว่าทำงานหาเงิน แล้วได้ความสุขด้านนี้ก็แล้วกัน

ยังคงมีสักหนึ่งความสุข แม้จะทุกข์ในเรื่องอื่นๆ ถ้าชอบด้านนี้แล้ว ก็จงปลงด้านอื่นเสียเถอะโยม สาธุ.........

 

ทำอย่างไรเมื่อคิดที่จะคบใครสักคนจนแต่งงานกัน

ถามเขาสิคะ เรื่องอนาคต ทัศนคติการครองคุ่ และไม่ผิดที่จะถามเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ

หลังแต่งงาน แต่การถามเรื่องพวกนี้ก่อนที่จะเป็นแฟนกันเลย

ก็ฟังดูแย่และงกพอสมควร อันที่จริงแล้วเป็นเรื่องพื้นฐานอย่างมากในการตัดสินใจจะคบกันเป็นแฟน

เนื่องจากเราคบเขาเป็นแฟนนานวันไป รอพร้อม รออะไรหลายๆ อย่าง

บางคู่กว่าจะแต่ง ก็มากกว่า 5ปีขึ้น แก่กันแล้วก็มี พอจะแต่งขึ้นมาจริงๆ คุยรายละเอียดต่างๆ ขึ้นมา

ปรากฏว่า ไม่เป็นอย่างที่คิดที่ฝัน บางคู่แค่การจัดงานแต่งงานก็เป็นเรื่องแล้ว

อยู่กันไปไม่นานก็ต้องเลิก เพราะตอนแรกคบกันด้วยอารมณ์แห่งความพอใจเป็นหลัก

 

ผู้ชายเอง เขาก็ถามเราเหมือนกันนะคะ บางคนไม่รุ้ตัวว่าถูกชายหนุ่มที่มาจีบเรา

แอบถามทัศนคติของเรา ว่าภายหลังการแต่งงานเราจะปฏิบัติตัวอย่างไรกับเขากับลูกเขา

ก็คืออนาคตค่ะ ถ้าสาวๆท่านใดไม่เคยคิดจะถาม ก็ลองเริ่มคิดที่จะถามได้แล้วนะคะ

แต่ให้ถามแบบสบายๆ ไม่เร่งรัด เขาจะตกใจหนีไปเลยค่ะให้ถามในเชิงแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ทัศคติต่อกันและกัน แต่ก็ต้องอย่าเชื่อเสียทีเดียว มันก็เป็นขั้นแรกที่จะทำให้เราตัดสินใจคบเขา

ต้องคอยดูว่าทำจริงอย่างที่พูดไหม ถ้าชายคนไหน เขาเปิดอกพูดกับเราเลย ตรงไปตรงมา

ก็เปิดอกพูดกับเขาได้เลยค่ะ เข้าใจกันง่ายดี และต้องทำให้เราเห็นจริงๆ ด้วย

ไม่ใช่แค่พูด ใครๆ ก็พูดได้ แต่ทำได้หรือเปล่า

 

บางคนกลัวว่า การพาผู้ชายไปพบพ่อแม่ ก่อนที่จะตัดสินใจคบเขาเป็นแฟนแน่นอน

จนอยากจะแต่งงานด้วยนั้น ผิด หรือว่า กลัวคนแถวบ้านจะคิดว่าเรา

มีผู้ชายไปมาหาสู่เยอะเหลือเกิน คนไหนแฟนกันแน่ สำหรับเราแล้ว ไม่คิดเช่นนั้นเลย

บางทีสายตาของเราคนเดียว มันก็อาจจะลวงเราได้ เนื่องจากความพอใจทางตา ทางหู

ยิ่งพวกคำหวานๆ ที่เขาพูดกรอกให้เราได้ยินบ่อยๆ

มันก็ย่อมจะเอนเอียงไปได้ (พ่อแม่ เพื่อน มีไว้ทำไมละค่ะ ) พ่อแม่และเพื่อน

เขาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็น ถึงการกระทำของคนที่มาจีบเรา

ย่อมมองอะไรที่ตรงไป ตรงมาที่เห็นเป็นอันดับแรก

( และหนุ่มที่มาจีบเรา ก็ไม่ได้จีบพ่อแม่เรา หรือเพื่อนเรา ก็แสดงอาการปกติ )

ย่อมจะมองเห็นอะไรได้หลายๆ อย่าง ที่เราไม่ได้มอง และได้ดูปฏิกิริยาที่เขาปฏิบัติต่อคนใกล้ชิดของเรา

ต่อไปถ้าแต่งงานกัน เขาเองก็ต้องเป็นลูกเขย เราก็เลือกพาคนที่จีบเราจริง

แม้จะมีหลายคนไปพบพ่อแม่สิคะ ไม่แปลกเลย เราไม่ได้หลายใจนะ

ก็ยังไม่เป็นแฟนกันนี่นา และเราก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนไหนเป็นแฟน

พอๆ กับที่เขามีสิทธิ์นั่นแหละ ให้เขาได้พบเพื่อนที่เราไว้ใจได้ (ไม่ใช่ให้เพื่อนแย่งแฟนเรา)

ไปดูหน้าดูตา เขาแสดงอาการจีบเพื่อนต่อหน้า และลับหลังหรือเปล่า

ไม่เช่นนั้นจะเหนื่อยใจมาก กับการคอยตามหึงหวง แต่สาวๆ บางคนอาจจะชอบก็ได้นะ

ชายเจ้าชู้ ตื่นเต้นดี ^__^

 

เราต้องไปมาหาสู่บ้านเขาได้ เพื่ออะไร เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเขาโสดจริงถ้าไม่ไปบ้านเขา

และก็เพื่อจะได้ดูว่า เขาอยู่บ้าน เขาทำตัวอย่างไร กับพ่อแม่เขา มีน้ำใจไหม

ช่วยทำงานบ้านไหม อ่อนโยนแค่ไหน ถ้าแค่ไปเจอกันนอกบ้านอย่างเดียว

ดูหนัง ทานข้าวเย็น ไปเดินห้างฯ ไปเที่ยว มันบอกได้น้อยมาก ว่าแต่งงานไปแล้ว

จะเจออะไร การที่อยู่นอกบ้าน หัวโขนมันไม่ได้ถอดออกมา ย่อมเป็นแค่หน้ากากสังคม

เมื่อเราพาเขาเข้าบ้านบ่อยๆ เขาจะได้ถอดหน้ากากมันออก ดูสิว่า เขาช่วยอะไรเราบ้าง

เมื่อเราทำงานบ้าน หาน้ำหาอาหารให้ทาน เวลารับแขก

ถ้ายังคงแสดงตัวเป็นแขกอยู่ตลอดเวลา ที่มาบ้านเรา อนาคตต่อไป

เมื่อแต่งงานกัน ก็คงอยู่บนหิ้งให้เรายกข้าว กับแกล้มไปถวาย เช้าค่ำ

ไม่เคยคิดช่วยอะไร แม้ยามเหนื่อย ยามเจ็บไข้

 

อย่ายอมเป็นผู้ถูกเลือกอย่างง่ายดาย เพียงเพราะว่า คุณไม่ต้องการจะขึ้นคาน เป็นอันขาด

นั่นเท่ากับว่า คุณได้สูญสิ้นอิสรภาพไปแล้วครึ่งหนึ่ง และคุณก็จะสูญเสียโอกาสที่จะเลือก

ซึ่งคุณเองมีสิทธิ์จะเลือกมันไปทันที

โชคดีจงมีแด่ทุกท่าน
IP : บันทึกการเข้า

คำเตือน : ระวังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โปรดตรวจสอบประวัติผู้ขายและสินค้า ก่อนโอนเงิน
Rung
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,475



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 20 มกราคม 2010, 17:45:33 »

555555555555...

 อยู่ก่อนแต่งค่ะ..
IP : บันทึกการเข้า
ordinaryboy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 16:30:07 »

สนับสนุนคหที่หนึ่งครับ
ลองใช้ชีวิตคู่ดูก่อน
มีให้เห็นเยอะแยะทั่วไป
ในสังคมปัจจุบัน
ตั้งแต่เด็กมหาลัย
จนถึงวัยทำงานขอรับ
IP : บันทึกการเข้า

มิตรภาพ-ไม่มีวันตาย
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,468



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 21 มกราคม 2010, 18:21:08 »

โทะ..
IP : บันทึกการเข้า

..............
MetalArt
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,263


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 22 มกราคม 2010, 01:31:48 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
แต่งแล้ว..อยากโสดอีกที..
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!