เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2025, 01:28:41
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ข้อคิดจาก วินทร์ เลียววาริณ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ข้อคิดจาก วินทร์ เลียววาริณ  (อ่าน 1823 ครั้ง)
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 20:25:28 »

เรื่องขำๆ ที่เล่ากันในแวดวงชาวนิวยอร์กว่า ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินเข้าไปในธนาคารแห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน ขอพบเจ้าหน้าที่สินเชื่อ เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า “ผมต้องเดินทางไปทำธุรกิจที่ตะวันออกกลางสองอาทิตย์ จะขอกู้เงินสองหมื่นเหรียญ”

เจ้าหน้าที่สินเชื่ออธิบายว่า การกู้เงินขนาดนี้ต้องค้ำประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สิน ลูกค้าบอกว่า “ผมต้องเดินทางบ่ายนี้ ไม่สะดวกที่จะค้ำประกันด้วยอสังหาริมทรัพย์ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ใช้รถยนต์ของผมค้ำประกันได้ไหม?” เขาชี้ไปที่รถยนต์คันหนึ่งที่จอดหน้าธนาคาร

มันเป็นเฟอร์รารีคันงามรุ่นใหม่ล่าสุด เจ้าหน้าที่สินเชื่อรู้ว่าราคาของรถรุ่นนี้คือราวสามแสนเหรียญ

หลัง จากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานการเป็นเจ้าของรถคันนั้นว่าเอกสารถูกต้องทุก ประการ จึงตกลงให้ลูกค้ารายใหม่กู้เงิน เจ้าหน้าที่ธนาคารนึกขันในใจที่ลูกค้าใช้รถราคาสามแสนเหรียญค้ำประกันเงิน กู้เพียงสองหมื่นดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเขานำรถเฟอร์รารีของลูกค้าไปจอดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของธนาคาร

ผ่าน ไปสองสัปดาห์ ลูกค้าคนนั้นกลับมาที่ธนาคาร คืนเงินต้นกับจ่ายค่าดอกเบี้ยจำนวน 45 ดอลลาร์ แล้วขอรับรถคืน ก่อนจากไป เจ้าหน้าที่สินเชื่อถามลูกค้าว่า “ท่านครับ ผมอดไม่ได้ที่จะต้องถาม เราตรวจสอบดูแล้วพบว่าท่านเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ทำไมจึงยังต้องมากู้เงินเราแค่สองหมื่นเหรียญด้วยครับ?”

ลูกค้าตอบ ยิ้มๆ ว่า “เพราะไม่มีที่ไหนในแมนฮัตตันที่คุณสามารถจอดรถทิ้งไว้สองอาทิตย์ด้วยเงิน เพียง 45 ดอลลาร์ และสบายใจได้ว่ารถจะไม่หาย!”

แม้จะเป็นเรื่องเล่า ขำๆ แต่เรื่องนี้สะท้อนสันดานมนุษย์ว่าเป็นสัตว์โลกที่สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อ ประโยชน์ของตนเอง คนบางคนมองเห็นช่องทางในการพลิกแพลง เปลี่ยนหน้าที่เดิมของระบบซึ่งออกแบบมาเพื่องานหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่ง ในกรณีนี้ก็คือการเปลี่ยนหน้าที่บริการทางการเงินของธนาคารเป็นอาคารจอดรถ แต่แก่นของมันก็คือการโกงชนิดหนึ่ง

นี่ก็คืออีกเวอร์ชั่นหนึ่งของ ‘ศรีธนญไชย’ เล่นกับช่องโหว่ของระบบซึ่งเป็นภาพปกติของสังคมไทย ด้วย ‘ความชอบธรรม’ ยอดนิยมว่า “ก็มันไม่ผิดกฎหมาย”

โลกไม่เคยขาดแคลน ‘ศรีธนญไชย’ ซึ่งมีสายตาดีมองเห็นช่องโหว่ทางกฎหมายเสมอ ที่น่าตกใจก็คือคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีทัศนคติมองนักเลี่ยงบาลีแบบนี้ว่า “เออ! มันเก่งที่เลี่ยงกฎหมายได้!”

ด้วยทัศนคติแบบนี้ ต่อให้มีกฎหมายนับหมื่นแสนมาตรา ก็ไม่สามารถขวางกั้นคนที่คิดจะโกง เพราะมีคนสามารถมองเห็นช่องโหว่และแทรกซึมเข้าไปได้เสมอ โดยเฉพาะนักธุรกิจการเมืองซึ่งโกงกินโดยหลังพิงกำแพงกฎหมายและประโยคหรู อย่าง ‘เพื่อประชาชน’ จนหลายคนมีทัศนคติว่า “โกงก็ได้ แต่ขอให้มีผลงานบ้าง”

ไม่ นานสังคมก็เต็มไปด้วยคนที่มีความรู้แต่ไร้ธรรม ประเภท ‘ความรู้ท่วมหัว ความโลภท่วมใจ’ นักวิชาการระดับมันสมองรับใช้ผู้ปกครองเผด็จการและนักการเมืองเลว ทนายความไม่น้อยรับใช้คนผิดทั้งที่รู้ ฯลฯ

การโกงเงินชาวบ้านใน พ.ศ. นี้มีลูกเล่นลูกชนมากมาย ตั้งแต่การปลอมบัตรเครดิต การหลอกให้เหยื่อเชื่อว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลสูงซึ่งลงท้ายด้วยการไปถ่ายเท เงินที่ตู้เอทีเอ็ม. เมื่อชาวบ้านเริ่มตามทันกลเม็ด คนโกงก็พัฒนากลยุทธ์ไปอีกขั้น หักมุมหลายตลบหลายชั้น เช่น อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีซึ่งผู้ถูกหลอกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ลงท้ายด้วยการไปถ่ายเทเงินที่ตู้เอทีเอ็ม.เช่นเดิม! นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอาชญากรสวมสูทปั่นหุ้น ฯลฯ เหล่านี้เป็นคนระดับมันสมองดี แต่พวกเขาเลือกที่จะใช้สมองดีในทางร้าย

มันบอกเราว่า การมีความรู้เป็นเรื่องหนึ่ง การใช้ความรู้ในเชิงสร้างสรรค์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สังคมที่คนมีความรู้รับใช้ความชั่วอันตรายยิ่งกว่าสังคมที่เต็มไปด้วยคนไม่รู้เสียอีก มันเป็นปลวกที่จะกัดกินบ้านจนเซลล์สุดท้าย

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่พุทธสอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่าจินตนาการและความรู้ก็คือธรรม

โรคติดต่อใหม่ที่ร้ายแรงที่สุดของสังคมคือโรคหลังคดโกงและโรคกินเท่าไรก็ไม่อิ่ม วัคซีนเดียวที่จะป้องกันสองโรคนี้ก็คือ ธรรม

ธรรม เป็นคำที่หลายคนได้ยินแล้วรู้สึกว่าเป็นของสูงเกินเอื้อม ทว่าความจริงคือการมีธรรมไม่ได้หมายถึงการเข้าวัดฟังพระสวดวันละสองรอบ ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาวกินเจ ไม่ใช่การอ่านคัมภีร์หนาสิบนิ้ว

การมีธรรมก็คือการรักษาความถูกต้อง ความปกติ ความพอดี

กิน ข้าวพออิ่มก็คือความปกติพอดี กินอิฐกินปูนกินเหล็กเส้น - ไม่ใช่, เข้าคิวคือการความปกติพอดี ลัดคิว - ไม่ใช่, ใช้ความฉลาดแก้ปัญหาคือความปกติพอดี ใช้ความฉลาดหลอกลวงคน - ไม่ใช่ ฯลฯ

เหล่านี้เด็กชั้นอนุบาลก็รู้ ไม่ต้องให้ทนายความ-อัยการ-ศาลตีความแต่อย่างไร

ยิ่งมีคนรักษาความถูกต้อง ความปกติ ความพอดีมากขึ้นเท่าไร กฎหมายก็ยิ่งไม่จำเป็นเท่านั้น

โลกน่าอยู่อย่างไรหากชีวิตเดินไปได้เพราะมีกฎหมายบีบคออยู่ทุกย่างก้าว?

ธรรม อันเป็นข้อควรปฏิบัติหรือ ‘จริยธรรม’ เป็นตัวป้องกันไม่ให้ความรู้ถูกดูดเข้าไปในด้านมืด ดังนั้นการแก้ปัญหาคดโกง คอร์รัปชันก็ต้องเริ่มที่จริยธรรม สอนให้เด็กเข้าใจว่า การทำความดีไม่ใช่เพียงแค่ให้ทานคนยาก ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่โกหก ฯลฯ แต่คือการห่มคลุมตัวเองด้วยธรรม

ปราชญ์ขงจื๊อกล่าวว่า “เป็นเพชรที่มีตำหนิดีกว่าก้อนหินสมบูรณ์” เพราะคุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่ความมั่งมี ความสมบูรณ์ภายนอก

หากแต่ละปัจเจกมีปัญญาเห็นว่าเราอยู่ไม่ได้หากส่วนรวมอยู่ไม่ได้ ก็จะเริ่มใช้ความรู้ความสามารถในทางที่สร้างสรรค์

ทำได้อย่างนี้ก็ไม่ต้องยืนตรงเคารพธงชาติวันละสองเวลา เพราะนี่ก็คือการรักชาติที่ถูกทางที่สุด

นี่คือทัศนะที่เชื่อว่าการเป็นคนดีไม่ใช่เพื่อขึ้นสวรรค์หรือมีชาติหน้าที่ดีกว่าชาตินี้ แต่เพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

เพราะ เราไม่มีทางรู้ว่าจะได้ชาติหน้าที่ดีกว่านี้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือ หากเรารักษาคุณภาพสังคมไว้ได้ เราก็ได้อยู่ในชาตินี้ที่ดีที่สุดที่เราสร้างได้
 

ที่มา : วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนเจ้าของ 2 รางวัลซีไรต์


* coffee_with_open.jpg (35.14 KB, 307x230 - ดู 2685 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มกราคม 2011, 20:40:16 โดย เสือไฟ (คิดดี ทำดี เพื่อสังคมที่ดี) » IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 20:33:40 »

ขอบคุณครับ อ่านแล้วนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาเลย
ป.ล. แต่ไม่ใช่คุณ ท. หรอกนะ
IP : บันทึกการเข้า
เสือไฟ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,171


บำบัดทุกข์ บำรุงสุข


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 20:44:14 »

















ที่มา http://www.winbookclub.com/image.php
IP : บันทึกการเข้า
shiff2007
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,150



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 21:03:36 »

ขอบคุณมากมายเลยครับ
สำหรับสิ่งดี ๆ ที่เอามาให้อ่านครับ
IP : บันทึกการเข้า

โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม คนเด่นต้องมีคนด่า
คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี คนทำงานดีจึงมีคนริษยา
konrukmear
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 21:26:15 »

ขอบคุณ ที่นำข้อคิดสิ่งดี ๆ มาให้อ่านนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
doublePP2010
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 682



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 21:57:42 »

ชอบวินทร์ มากเลยค่ะ เป็นแฟนหนังสือเค้าเหมือนกัน

ชอบสำนวนการเขียน อ่านแล้วตอ้งอ่านซ้ำ เหมือนว่า......มีอะไรซ่อนอยู่ให้ขบคิด
ชอบการเล่าเรื่องจากภาพ ที่เค้าถ่ายภาพแล้วใช้คำสั้นๆบรรยาย ทำให้ได้ขบคิด ตีความหมาย เรียกได้ว่า ได้ใช้สมอง มากกว่าแ่ค่อ่านผ่านๆ
IP : บันทึกการเข้า

Me design บริการห้องหอพักใกล้สิงห์ปาร์ค วิทยาลัยเชียงราย เคเทค และหอพัก ราชมงคลเชียงราย
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 23:46:36 »

อ่านแล้วรู้สึก ถึงความเป็นปัจจุบันของสังคมไทยจริง ๆ ถูกใจที่สุดคำนี้ "ความรู้ (อำนาจ) ท่วมหัว ความโลภท่วมใจ" ผมเติมคำว่า "อำนาจ" เพิ่มไปซะหน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มกราคม 2011, 23:52:21 โดย AIT » IP : บันทึกการเข้า
zombie01
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,516


ความสุขเกิดขึ้นได้ เพียงแต่รู้จักใช้ชีวิต


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2011, 23:50:29 »

ขอบคุณกระทู้ดี ๆ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ตะเกียบเดียวเฉี่ยว7ชิ้น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,181



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2011, 01:15:46 »

ชอบวินทร์ มากเลยค่ะ เป็นแฟนหนังสือเค้าเหมือนกัน

ชอบสำนวนการเขียน อ่านแล้วตอ้งอ่านซ้ำ เหมือนว่า......มีอะไรซ่อนอยู่ให้ขบคิด
ชอบการเล่าเรื่องจากภาพ ที่เค้าถ่ายภาพแล้วใช้คำสั้นๆบรรยาย ทำให้ได้ขบคิด ตีความหมาย เรียกได้ว่า ได้ใช้สมอง มากกว่าแ่ค่อ่านผ่านๆ


เช่นกันครับ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
watinta
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2011, 15:01:52 »

ชอบวินทร์ มากเลยค่ะ เป็นแฟนหนังสือเค้าเหมือนกัน

ชอบสำนวนการเขียน อ่านแล้วตอ้งอ่านซ้ำ เหมือนว่า......มีอะไรซ่อนอยู่ให้ขบคิด
ชอบการเล่าเรื่องจากภาพ ที่เค้าถ่ายภาพแล้วใช้คำสั้นๆบรรยาย ทำให้ได้ขบคิด ตีความหมาย เรียกได้ว่า ได้ใช้สมอง มากกว่าแ่ค่อ่านผ่านๆ



เช่นกันครับ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม

+1
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!