เคยได้ทำงานในโรงงานที่มีพนักงาน 6 พันกว่าคนมีห้องน้ำไม่ถึง 1 พันห้องค่ะ
ในความเป็นจริงตรงห้องน้ำ น้ำดื่มและสวัสดิการอาหารราคาถูกสำหรับพนักงาน
เป็นสิ่งที่นายจ้างในจังหวัดที่เป็นเขตการทำอุตสาหกรรมต่างก็จัดให้มีมากขึ้นเนื่องจาก
ต้องการดึงให้คนมาทำงานกับบริษัท ในสมุทรสาคร สมุทรปราการ และเขตชานเมือง
เช่น สำโรง บางนา บริษัทเกือบทั้งหมดจัดให้มีสหกรณ์พนักงาน สวัสดิการเงินกู้
โปรแกรมท่องเที่ยวประจำปี การแข่งขันกีฬาภายใน การส่งเสริมการศึกษากศน.
การจัดกิจกรรมปีใหม่ตลอดจนการส่งพนักงานประกวดตำแหน่งขวัญใจ
เนื่องจากเขตดังกล่าวมีอัตราการจ้างงานสูงมาก คนในพื้นที่มีตัวเลือกมากมาย
การให้เบี้ยขยัน และรางวัลเหมาเป็นสิ่งที่นายจ้างในพื้นที่อื่นๆใช้เพื่อสร้างแรงจูงใจ
ในการดึงคนเข้ามาทำงานกับบริษัทตัวเอง การจ้างงานในอัตราปกติ 300/วัน
เป็นสิ่งที่ปกติในจังหวัดอื่นๆสังเกตุได้จากธุรกิจที่มาจากท้องที่อื่น เช่น เซ็นทรัล
บิ๊กซี โลตัส และแมคโคร ก็จะจ้างในอัตรานี้เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะปฏิบัติ
ตามกฏหมายค่ะ จากประสปการณ์ของเราๆไม่เห็นว่าจะมีนายจ้างที่ไหนจะคำนวน
เวลาอึฉี่ของพนักงานมาเป็นต้นทุนการผลิต การบันทึกเวลามีจริงค่ะโดยมีเวลาให้พนักงาน
คนละ 15 นาทีเืนื่องจากบริษัทมีขนาดใหญ่ พนักงานทำงานเป็นกะเวลาพักเป็นคนละรอบ
เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนห้องน้ำและโรงอาหารไม่ให้พนักงานซ้อนเวลากัน
การที่นายจ้างจะมีแนวคิดด้านเวลาเข้าห้องน้ำอย่างเดียวในความคิดของเราเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
เพราะกิจการมีผลกำไร ถ้าจะคิดผลกำไรคร่าวๆ ธุรกิจค้าปลีกแต่ละชนิดจะมีผลกำไรขั้นต่ำ
20 % ถ้าเป็นลักษณะยี่ปั๊วจะมีกำไรสูงขึ้นอีกประมาณ 40% ไม่นับรวมกับธุรกิจค้าส่งขนาดใหญ่
หรือธุรกิจส่งออก ตัวเลขพวกนี้ทำไมไม่มีใครมาแจงแจงคะ
ทำไมมีแต่ค่าใช้จ่ายที่เกิด
จากการเข้าห้องน้ำของพนักงาน สงสัยจัง อิอิ