เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 27 กรกฎาคม 2025, 22:28:59
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  รถที่ถูกน้ำท่วมจะซ่อมยังไง???
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน รถที่ถูกน้ำท่วมจะซ่อมยังไง???  (อ่าน 1449 ครั้ง)
sd
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 00:37:17 »

ไม่รู้จะยังซ่อมได้ป่าว 
และค่าซ่อมจะปาไปเท่าไหร่
 ซ่อมมาจะดีเหมือนเดิมมั้ย

และใครจะมาซื้อต่อล่ะ

แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อรถใหม่หรือซ่อมรถล่ะ


น่าเห็นใจมาก
IP : บันทึกการเข้า
sd
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 00:38:37 »

สภาพนี้


* 14.jpg (67.99 KB, 720x480 - ดู 338 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
ΠΩΩM2_2000(รักในหลวง)
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 762


A31 1JZ-GTE


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 05 พฤศจิกายน 2010, 05:31:11 »

มาตอบนะครับอันดับแรกไปร้านล้างอักฉีดก่อนครับบอกเขาว่าล้างทังคันเดียวเขาจะลื้อทุกอย่างเองเช่นพรมภายในทุกอย่างคือเอาออกหมดนะครับเพราะจะมีทรายเข้าไปอยู่ในรถครับให้เขาล้างแล้วตากพรมกับเบาะไว้ถ้าเสร็จให้เข้าไปที่อู่ช่อมรถครับที่แน่ๆๆที่จะเสียคือกล่อง ECUครับเสียแน่นอนครับเพระตอนน้ำท้วมไม่ใด้ถอดขัวแบตออกจะเกิดกระแสไฟช๊อตน้ำก็จะเข้าเครื่องต้องถ่ายน้ำมันเครื่องออกพร้อมทังโอเวอร์ฮออลใหม่ครับสิ่งสำคัญที่สุดคือระบบไฟในรถครับต้องเช็คทุกอย่างที่มีระบบไฟพ้ามาเกียวข้องครับค่าใช่จ่ายคร้าวๆๆก็ประมาณ20000-35000มันแพงที่กล้องECUกับเช็คระบบไฟฟ้า+โอเวอร์ฮออล์เครื่องแต่ถ้าถูกกว่านี้ก็ดีครับ...........อย่าคิดมากครับเดียวก็แก้หายครับไม่ต้องขายหลอกครับขายได้น้อยครับพอค้าจะกดราคาเราครับทำใว้ใช้เองดีกว่าครับน้ำท้วมยังดีกว่าไฟใหม้นะครับเป็นกำลังใจให้นะครับอย่าเพิ่งท้อแท้กับสิ่งที่เกิดนะครับยังต้องมีวันที่ดีกว่านีครับ...................มาตอบเท้าที่รู้นะครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ordinaryboy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 09:22:21 »

น่าเห็นใจนะครับ แต่ในอีกแง่หนึ่งถ้าไปขายทอดตลาด และถ้าทำไม่ดีมาขายหรือที่เรียกว่าย้อมแมว คนถัดไปที่ไปซื้อมาใช้ผมว่าคนนั้นที่คิดหนักเลยนะครับ ช่วง4-5ปีนี้อาจไม่กล้ามอวรถมือสองอีกต่อไปเลย
IP : บันทึกการเข้า

มิตรภาพ-ไม่มีวันตาย
oyoyo *^_^*
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,011



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 09:26:21 »

เรื่องค่าซ่อมคงต้องเสียอีกเยอะน่ะครับ น่าเห็นใจจริง ๆ..
IP : บันทึกการเข้า

"มนุษย์ใช้เหตุผลทางความคิด
ในการตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
ขณะที่ธรรมชาติใช้ความจริงทางจิต
ในการตัดสินว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาป"

วาทะดังตฤณ "ด้วยความเป็นห่วง"
bm farm
หัวหมู่ทะลวงฟัน
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,576


canon eos


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 09:33:32 »

 ยิ้มเท่ห์ ยิ้มกว้างๆ....อู่ซ่อมรถงานเข้ากันถ้วนหน้า....รับทรัพย์ไปตามๆกัน
IP : บันทึกการเข้า

ยิ้มกว้างๆ .....อ่านกฏ,กติกาการใช้งานเวบบอร์ดด้วยครับ.....
▄▀▄ l ท W บุ ต S ▄▀▄
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,239


トヨタ クラウン ロイヤル


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 09:37:41 »

รถที่จมน้ำอยู่สองสามวัน ยังไม่ต้องห่วงสนิมนะครับ เพราะไม่มีออกซิเจนมาผสม ทำให้สนิมยังไม่เกิด
ดังนั้น พอน้ำลด จะลากรถไปอู่ ค่อยทำให้รถแห้งสักหน่อยก่อน อันนี้ป้องกันไว้ก่อน

แล้วค่อยเอาไปอู่ หรือจะดูรถเองก็แล้วแต่ ทั้งอู่ทั้งช่าง และทั้งคุณ ควรจะทำเป็นลำดับดังนี้ครับ

• ถอดแบตเตอรี่ออก คว่ำเอาน้ำกลั่นออก แล้วส่งไปเติมน้ำกรด อัดไฟฟ้าช้าช้า ไม่เกิน 5 แอมป์ ราวแปดชั่วโมง
• ก่อนถอดแบตเตอรี่ อย่าทดสอบใดใดที่จะทำให้เครื่องยนต์หมุน เพื่อดูว่าติดเครื่องยนต์ได้หรือไม่ โดยเด็ดขาด
• น้ำอาจจะเข้าไปอยู่ในกระบอกสูบ อาจจะเท่านั้นก็พอแล้ว แต่น้ำจะไม่อัดตัวเหมือนอากาศ เวลาถูกบีบก็อาจจะทำให้ก้านสูบคดได้เลย

จากนั้น ก็กลับมาถอดหัวเทียน สำหรับรถยนต์เบนซิน หรือหัวฉีด สำหรับรถยนต์ดีเซล
โดยปกติ เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล หัวฉีดตัวไหนต้องเป็นตัวนั้น อย่าสลับหัวฉีด จึงขอให้ทำ Tag ผูกเอาไว้กับหัวฉีดที่ถอดออก
คือหัวฉีดคอมมอนเรล สมัยหลังหลังนี้ มักจะมีรหัสอยู่ที่หัวฉีด เวลาเปลี่ยนหัวฉีดก็จะต้องแจ้งคอมพิวเตอร์ให้รับทราบ
รับรู้รหัสเสียก่อนจะใช้งานได้ จึงแนะนำเอาไว้เลยว่า อย่าสลับตำแหน่งหัวฉีดเป็นดีที่สุด

แล้วดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดูครับ คราบน้ำมันเครื่องนั้นจะติดอยู่ที่ก้านวัด เอาไปอังกับไฟร้อนร้อน
ถ้ามีน้ำผสมอยู่ก็จะเห็นแตกเป็นลายงาขึ้นมาในน้ำมันเครื่องนั้นเลย แต่อย่างไร เปลี่ยนเสียเลยจะดีกว่า
เช่นเดียวกับน้ำมันเกียร์ ที่แม้จะเป็นระบบปิด แต่น้ำก็ยังซึมเข้าไปได้ทางปากซีลที่เป็นซีลกันน้ำมันออก แต่ไม่ได้กันน้ำมันเข้า

น้ำมันเกียร์สีแดง จะกลายเป็นสีนมสดชมพู น่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ควรรับประทาน

น้ำมันเฟืองท้ายจะเปิดเฟืองออกมาดูก็ได้ ถ้าน้ำมันที่ไหลออกมาไม่มีน้ำผสม ก็ไม่เป็นไร น้ำมันเกียร์ธรรมดาก็เช่นกัน
แต่ถ้าไม่ประมาท ก็เปลี่ยนเสียให้หมดเลยดีกว่าครับ

น้ำระบายความร้อนก็ต้องเปลี่ยน เพราะอาจจะมีน้ำสกปรกเข้าไปผสมแล้ว
-------------------------


 

 
หลอดไฟหน้า ถอดโคมออก เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยน้ำสะอาดก่อน เขย่าให้สิ่งสกปรกออกมาให้มากที่สุดที่จะมากได้
แล้วค่อยลองใช้ไปก่อน อย่าลืมฉีดคอนแท็กคลีนเนอร์ เข้าไปที่หัวขั้นสายไฟ และที่ขั้วหลอดไฟฟ้า

ทีนี้ Contact Cleaner นั้น หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และตามร้านอะไหล่หรือประดับยนต์ ราคากระป๋องละไม่เกินสองร้อยบาท
ใช้กระป๋องเดียวก็พอครับ
ถอดขั้วไฟที่ต่อกันทุกขั้ว ในห้องเครื่องยนต์ และในรถยนต์ที่เห็นออก ในห้องเครื่องถอดทีละขั้ว เอา Contact Cleaner ฉีดเข้าไปทั้งสองด้าน
แล้วใส่กลับเข้าหากันทันที เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และการจำไม่ได้ว่าถอดจากไหน

จนถึงคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะกราวด์ตัวเองเสียก่อน โดยการใช้โลหะรัดข้อมือ ล่ามสายไฟจากโลหะลงดิน สักพักหนึ่ง หรือตลอดเวลาที่แตะต้องคอมพิวเตอร์
เพราะคอมพิเตอร์นั้นรับกระแสไฟฟ้าแค่ 5 ถึง 8 โวลต์เป็นอย่างสูง ในตัวเรามีไฟฟ้าสถิตได้สูงถึง 3,000 โวลต์
จึงควรระวังอย่าแตะต้องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจจะทำให้เกิดลัดวงจรเป็นจุดจุดภายในคอมพิวเตอร์
ที่ไม่เสียหายไปแล้ว แต่จะลดสมรรถนะลงไปทีละน้อย เพราะความเสียหายเล็กเล็กน้อยน้อยอย่างนี้แหละครับ

เอาคอมพิวเตอร์ออกมาหรือแกะสายแพที่เชื่อมคอมพิวเตอร์กับระบบปฏิบัติการของรถ แล้วฉีดขั้วสายด้วย Contact Cleaner ก่อนจะต่อกลับเข้าไปใหม่


 

 
ตรวจเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลิง กรองน้ำมันเชื้อเพลิงถ้าจำเป็น ให้เรียบร้อย ดูสายพานว่าแห้งดี ไม่มีรอยแตกภายใน น้ำมันในหม้อพวงมาลัยพาวเวอร์ก็ควรจะเปลี่ยนเสียด้วยนะครับ

เสร็จแล้วค่อยดูที่สวิทช์กุญแจอีกที ว่ามีโคลนเข้าไปจับไหม ถอดออกมาทำความสะอาดได้

จากนั้น ก็ติดตั้งแบตเตอรี่เข้าไปกับรถยนต์ แล้วหมุนเครื่องเหมือนสตาร์ท แต่เมื่อยังไม่ได้ใส่หัวเทียน หรือหัวฉีด ก็ยังไม่ติด
แต่จะเป็นการไล่น้ำออกจากกระบอกสูบได้อย่างดี อย่าไปยืนอยู่บริเวณที่รูหัวเทียนจะพ่นน้ำออกมานะครับ แรงนะ จะบอกให้

เสร็จพิธีกรรมไล่น้ำแล้ว ก็ใส่หัวเทียน หรือหัวฉีดเข้าที่ แย๊กปั๊มหัวฉีดดีเซลนิดหน่อย สักสิบครั้ง พอให้ตึงมือ กดยากแล้วก็พอ
จากนั้น ก็ลองติดเครื่องดูครับ น้ำมันเครื่องอย่าลืมเติมลงไปก่อนนะ ใช้เบอร์ 30 นั่นแหละ ข้างล่างจะเป็น 5 หรือ 10W ก็ได้ ไม่ผิดอะไรเท่าไร


 

 
ถ้าเครื่องยนต์ติดได้ ก็ปล่อยให้เดินเบาอยู่สักครู่ ระหว่างนั้น ลงมาฟังเสียงเครื่องยนต์ทำงาน
แล้วพอเครื่องร้อน ก็ขึ้นไปลองขยับรถไปมาสักหน่อย ฟังเสียงผ้าเบรก ฟังเสียงเพลา

แล้วค่อยตรวจละเอียดโดยช่างชำนาญงานกันอีกที แต่ตอนนี้ เครื่องยนต์ของคุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ยกเครื่อง หรือโยนเครื่องยนต์ทิ้ง ไม่ว่าใครจะแนะนำอย่างไร
เพียงแต่อย่าเพิ่งขับรถไปไหนไกลไกลนะครับ จนกว่าจะได้เช็กเบรก เช็กคลัทช์ ให้ดีเสียก่อนว่าปลอดสนิม ปลอดน้ำ และผ้าคลัทช์ไม่ล่อนหลุดออกมา

ลองทำดูเองก็ได้ครับ และขอส่งใจมาช่วยช่างยนต์จำเป็นทุกท่าน
ขอให้เพื่อนช่าง ให้ความเป็นธรรม และน้ำใจ กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยนะครับ


 เครดิต...คุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา

IP : บันทึกการเข้า
gigza
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 06 พฤศจิกายน 2010, 09:52:13 »

รถที่จมน้ำอยู่สองสามวัน ยังไม่ต้องห่วงสนิมนะครับ เพราะไม่มีออกซิเจนมาผสม ทำให้สนิมยังไม่เกิด
ดังนั้น พอน้ำลด จะลากรถไปอู่ ค่อยทำให้รถแห้งสักหน่อยก่อน อันนี้ป้องกันไว้ก่อน

แล้วค่อยเอาไปอู่ หรือจะดูรถเองก็แล้วแต่ ทั้งอู่ทั้งช่าง และทั้งคุณ ควรจะทำเป็นลำดับดังนี้ครับ

• ถอดแบตเตอรี่ออก คว่ำเอาน้ำกลั่นออก แล้วส่งไปเติมน้ำกรด อัดไฟฟ้าช้าช้า ไม่เกิน 5 แอมป์ ราวแปดชั่วโมง
• ก่อนถอดแบตเตอรี่ อย่าทดสอบใดใดที่จะทำให้เครื่องยนต์หมุน เพื่อดูว่าติดเครื่องยนต์ได้หรือไม่ โดยเด็ดขาด
• น้ำอาจจะเข้าไปอยู่ในกระบอกสูบ อาจจะเท่านั้นก็พอแล้ว แต่น้ำจะไม่อัดตัวเหมือนอากาศ เวลาถูกบีบก็อาจจะทำให้ก้านสูบคดได้เลย

จากนั้น ก็กลับมาถอดหัวเทียน สำหรับรถยนต์เบนซิน หรือหัวฉีด สำหรับรถยนต์ดีเซล
โดยปกติ เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล หัวฉีดตัวไหนต้องเป็นตัวนั้น อย่าสลับหัวฉีด จึงขอให้ทำ Tag ผูกเอาไว้กับหัวฉีดที่ถอดออก
คือหัวฉีดคอมมอนเรล สมัยหลังหลังนี้ มักจะมีรหัสอยู่ที่หัวฉีด เวลาเปลี่ยนหัวฉีดก็จะต้องแจ้งคอมพิวเตอร์ให้รับทราบ
รับรู้รหัสเสียก่อนจะใช้งานได้ จึงแนะนำเอาไว้เลยว่า อย่าสลับตำแหน่งหัวฉีดเป็นดีที่สุด

แล้วดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาดูครับ คราบน้ำมันเครื่องนั้นจะติดอยู่ที่ก้านวัด เอาไปอังกับไฟร้อนร้อน
ถ้ามีน้ำผสมอยู่ก็จะเห็นแตกเป็นลายงาขึ้นมาในน้ำมันเครื่องนั้นเลย แต่อย่างไร เปลี่ยนเสียเลยจะดีกว่า
เช่นเดียวกับน้ำมันเกียร์ ที่แม้จะเป็นระบบปิด แต่น้ำก็ยังซึมเข้าไปได้ทางปากซีลที่เป็นซีลกันน้ำมันออก แต่ไม่ได้กันน้ำมันเข้า

น้ำมันเกียร์สีแดง จะกลายเป็นสีนมสดชมพู น่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ควรรับประทาน

น้ำมันเฟืองท้ายจะเปิดเฟืองออกมาดูก็ได้ ถ้าน้ำมันที่ไหลออกมาไม่มีน้ำผสม ก็ไม่เป็นไร น้ำมันเกียร์ธรรมดาก็เช่นกัน
แต่ถ้าไม่ประมาท ก็เปลี่ยนเสียให้หมดเลยดีกว่าครับ

น้ำระบายความร้อนก็ต้องเปลี่ยน เพราะอาจจะมีน้ำสกปรกเข้าไปผสมแล้ว
-------------------------


 

 
หลอดไฟหน้า ถอดโคมออก เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยน้ำสะอาดก่อน เขย่าให้สิ่งสกปรกออกมาให้มากที่สุดที่จะมากได้
แล้วค่อยลองใช้ไปก่อน อย่าลืมฉีดคอนแท็กคลีนเนอร์ เข้าไปที่หัวขั้นสายไฟ และที่ขั้วหลอดไฟฟ้า

ทีนี้ Contact Cleaner นั้น หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และตามร้านอะไหล่หรือประดับยนต์ ราคากระป๋องละไม่เกินสองร้อยบาท
ใช้กระป๋องเดียวก็พอครับ
ถอดขั้วไฟที่ต่อกันทุกขั้ว ในห้องเครื่องยนต์ และในรถยนต์ที่เห็นออก ในห้องเครื่องถอดทีละขั้ว เอา Contact Cleaner ฉีดเข้าไปทั้งสองด้าน
แล้วใส่กลับเข้าหากันทันที เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และการจำไม่ได้ว่าถอดจากไหน

จนถึงคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะกราวด์ตัวเองเสียก่อน โดยการใช้โลหะรัดข้อมือ ล่ามสายไฟจากโลหะลงดิน สักพักหนึ่ง หรือตลอดเวลาที่แตะต้องคอมพิวเตอร์
เพราะคอมพิเตอร์นั้นรับกระแสไฟฟ้าแค่ 5 ถึง 8 โวลต์เป็นอย่างสูง ในตัวเรามีไฟฟ้าสถิตได้สูงถึง 3,000 โวลต์
จึงควรระวังอย่าแตะต้องคอมพิวเตอร์ เพราะอาจจะทำให้เกิดลัดวงจรเป็นจุดจุดภายในคอมพิวเตอร์
ที่ไม่เสียหายไปแล้ว แต่จะลดสมรรถนะลงไปทีละน้อย เพราะความเสียหายเล็กเล็กน้อยน้อยอย่างนี้แหละครับ

เอาคอมพิวเตอร์ออกมาหรือแกะสายแพที่เชื่อมคอมพิวเตอร์กับระบบปฏิบัติการของรถ แล้วฉีดขั้วสายด้วย Contact Cleaner ก่อนจะต่อกลับเข้าไปใหม่


 

 
ตรวจเปลี่ยนน้ำมันเชื้อเพลิง กรองน้ำมันเชื้อเพลิงถ้าจำเป็น ให้เรียบร้อย ดูสายพานว่าแห้งดี ไม่มีรอยแตกภายใน น้ำมันในหม้อพวงมาลัยพาวเวอร์ก็ควรจะเปลี่ยนเสียด้วยนะครับ

เสร็จแล้วค่อยดูที่สวิทช์กุญแจอีกที ว่ามีโคลนเข้าไปจับไหม ถอดออกมาทำความสะอาดได้

จากนั้น ก็ติดตั้งแบตเตอรี่เข้าไปกับรถยนต์ แล้วหมุนเครื่องเหมือนสตาร์ท แต่เมื่อยังไม่ได้ใส่หัวเทียน หรือหัวฉีด ก็ยังไม่ติด
แต่จะเป็นการไล่น้ำออกจากกระบอกสูบได้อย่างดี อย่าไปยืนอยู่บริเวณที่รูหัวเทียนจะพ่นน้ำออกมานะครับ แรงนะ จะบอกให้

เสร็จพิธีกรรมไล่น้ำแล้ว ก็ใส่หัวเทียน หรือหัวฉีดเข้าที่ แย๊กปั๊มหัวฉีดดีเซลนิดหน่อย สักสิบครั้ง พอให้ตึงมือ กดยากแล้วก็พอ
จากนั้น ก็ลองติดเครื่องดูครับ น้ำมันเครื่องอย่าลืมเติมลงไปก่อนนะ ใช้เบอร์ 30 นั่นแหละ ข้างล่างจะเป็น 5 หรือ 10W ก็ได้ ไม่ผิดอะไรเท่าไร


 

 
ถ้าเครื่องยนต์ติดได้ ก็ปล่อยให้เดินเบาอยู่สักครู่ ระหว่างนั้น ลงมาฟังเสียงเครื่องยนต์ทำงาน
แล้วพอเครื่องร้อน ก็ขึ้นไปลองขยับรถไปมาสักหน่อย ฟังเสียงผ้าเบรก ฟังเสียงเพลา

แล้วค่อยตรวจละเอียดโดยช่างชำนาญงานกันอีกที แต่ตอนนี้ เครื่องยนต์ของคุณปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ยกเครื่อง หรือโยนเครื่องยนต์ทิ้ง ไม่ว่าใครจะแนะนำอย่างไร
เพียงแต่อย่าเพิ่งขับรถไปไหนไกลไกลนะครับ จนกว่าจะได้เช็กเบรก เช็กคลัทช์ ให้ดีเสียก่อนว่าปลอดสนิม ปลอดน้ำ และผ้าคลัทช์ไม่ล่อนหลุดออกมา

ลองทำดูเองก็ได้ครับ และขอส่งใจมาช่วยช่างยนต์จำเป็นทุกท่าน
ขอให้เพื่อนช่าง ให้ความเป็นธรรม และน้ำใจ กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยนะครับ


 เครดิต...คุณธเนศร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา



ความรู้ดีมากเลยครับ +1
IP : บันทึกการเข้า
sd
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2010, 23:12:58 »

ขอบคุณทุกข้อมูลครับ


เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบปัญหารถโดนน้ำท่วมครับ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!